บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 782: ความสง่างามในการต่อสู้
ตอนที่ 782: ความสง่างามในการต่อสู้
สวบ!
พลังดาบสีทองบาดตาไม่มีใครเทียมพุ่งเข้ามาหา
ดุดันราวกับสายฟ้าฟาด แรงประหารน่าพรั่นพรึง
ซูอี้หรี่ตาลงเล็กน้อย
ดาบเล่มนี้ ถึงแม้จะสร้างแรงกดดันให้เขาค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่อันตรายถึงชีวิต
ชายหนุ่มไม่หลบ ฝ่ามือประดุจดาบ ฟันออกไป
ปัง!!!
พลังดาบสองเล่มปะทะกันกลางอากาศ แตกระเบิดในเวลาเดียวกัน
ทว่าร่างของซูอี้ไหวเอนเล็กน้อยตามแรงสั่นสะเทือน เลือดลมในตัวเดือดพล่าน
“ดี!”
ซูอี้ส่งเสียงร้องออกมา นัยน์ตาดำขลับส่องสว่าง จิตต่อสู้ภายในใจถูกจุดสว่างขึ้น พลังวิถีอันยิ่งใหญ่ภายในตัวถูกขับเคลื่อนไปจนถึงจุดสูงสุด
นับตั้งแต่ย่างก้าวสู่ขอบเขตสยายวิญญาณจนถึงตอนนี้ นานมากแล้วที่เขาไม่เคยสัมผัสรสชาติการต่อสู้แบบที่เจอกับคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมกันเช่นนี้
จิตต่อสู้ที่รอมานานมากเปรียบได้กับสุราอันร้อนแรงที่บ่มเพาะมานาน จุดประกายการต่อสู้ของซูอี้ขึ้น!
สวบ!
เขาพุ่งออกไปก่อน ร่างสูงโปร่งถูกล้อมด้วยแสงวิถีระยิบระยับบาดตา ปลดปล่อยพลังในตัว แสดงให้เห็นถึงความงดงามและยิ่งใหญ่
พรึ่บ!
แขนเสื้อกว้างของซูอี้โบกสะบัด ภาวะดาบเต็มฟ้าร่วงหล่นลงมา สว่างเจิดจ้าผ่องอำพัน ดุดันราวกับสายฟ้าฟาด เต็มไปด้วยจังหวะมหาวิถีอันลึกลับเกินจะคาดเดา
ถึงแม้จะต่อสู้ด้วยมือเปล่า ทว่าอานุภาพของวิถีดาบที่แสดงออกมานั้นยังคงแข็งแกร่งจนถึงขั้นสะท้านปฐพี
เพราะว่าซูอี้ในเวลานี้ปล่อยพื้นฐานและระดับวิถีทั้งหมดในตัวออกมาอย่างเต็มที่แล้วจริง ๆ
แม้กระทั่งเยี่ยเซียวผู้ไร้ศัตรูทัดเทียมในขั้นวิถีวิญญาณแห่งภูมิคังเสวียนก็ยังไม่อาจต้านทานการจู่โจมเช่นนี้ได้!
ทว่า คู่ต่อสู้ในครั้งนี้ของซูอี้คือวิญญาณรบแข็งกล้าของผู้เป็นจักรพรรดิ ซึ่งผู้แข็งแกร่งขอบเขตวงล้อวิญญาณไม่อาจเทียบเทียมได้เป็นธรรมดา
ผู้เฒ่าคนนั้นไม่หลบ กลับพุ่งตรงมาข้างหน้า รอบตัวของเขามีแสงวิถีที่กลายเป็นรุ้งดาบสีทองห้อมล้อม ถาโถมซัดกระหน่ำเข้ามาอย่างแรง
ครืน!
ศึกครั้งใหญ่ระเบิดขึ้น แผ่นดินบริเวณนี้สั่นสะเทือน
พลังดาบอันเฉิดฉายเจิดจ้าส่องสว่างไปทั่ว ภาพเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นภาพแล้วภาพเล่า
ระหว่างการต่อสู้ ผมยาวของซูอี้สยายออก เมื่อมองออกไป ฝีมือของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้เฒ่าตัวผอมคนนั้นเลย ต่างก็โดดเด่นทัดเทียมกัน!
ไม่น่าเชื่อเลยสักนิด หากว่าคนอื่นมาเห็นเข้าคงจะตื่นตะลึงจนคางหลุดแล้ว
เพราะอย่างไรเสียก็ดี ซูอี้มีระดับการฝึกตนเพียงแค่ขอบเขตสยายวิญญาณขั้นกลางเท่านั้น!
เทียบกับจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นล้ำลึกระยะต้นแล้ว นับว่าทั้งสองต่างกันราวฟ้ากับดิน!
ถึงแม้คู่ต่อสู้ของเขาในเวลานี้จะเป็นเพียงแค่วิญญาณรบแข็งกล้าตนหนึ่งเท่านั้น ทว่าขอบเขตที่แตกต่างกันยังคงแบ่งแยกได้อย่างชัดเจน
ทว่าเขากลับไม่เคยตกเป็นรอง!
ครืน! ครืน!
พลังดาบปะทะกัน รุนแรงประดุจลมพายุ สถานการณ์การต่อสู้ดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ
“สะใจ! เช่นนี้สิจึงเรียกว่าต่อสู้อย่างแท้จริง เป็นการต่อสู้ที่ข้าคาดหวังไว้!”
ทั้งแววตาและสีหน้าของซูอี้ล้วนเต็มไปด้วยความยินดี ทั้งจิตใจและร่างกายมีความปีติเป็นยิ่งนัก
เขาไม่ได้เจอคู่ต่อสู้แบบนี้มานานมากแล้ว
การยินดีที่เห็นในสิ่งที่ชอบก็คงจะเป็นเช่นนี้
ไม่เช่นนั้น ไร้ศัตรูทัดเทียม สุดท้ายก็มีแต่ความเงียบเหงาว้าเหว่ น่าเบื่อยิ่งนัก
ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ!
ในการต่อสู้ ซูอี้ร่ายรำวิชาที่ร่ำเรียนมาจนหมดสิ้น ภาวะดาบมหาวิถีตะลึงโลกทั้งหลายล้วนถูกแสดงออกมา
มองดูไกล ๆ ราวกับเทพเซียนกำลังร่ายรำเพลงดาบในโลกมนุษย์
รวดเร็วฉับไว คมกริบและเป็นหนึ่ง!
โดยไม่รู้สึกตัว สภาวะจิตของซูอี้ดื่มด่ำไปกับการต่อสู้ พลังลมปราณกับแก่นแท้ในตัวผสมผสานเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้พลังวิถีดาบที่เขาแสดงออกมามีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ดุดันมากยิ่งขึ้น…
เพียงแค่ครึ่งเค่อเท่านั้น
เมื่อพลังดาบในมือของซูอี้ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ปัง!
ห่างออกไปหลายสิบจั้ง ร่างของผู้เฒ่าไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป จึงเกิดรอยร้าวดั่งใยแมงมุม
หลังจากที่วิญญาณรบแข็งกล้าตนนี้แตกสลายไปแล้ว ก็กลายเป็นสะเก็ดแสงมหาวิถีกระจายเต็มท้องฟ้า ส่องสว่างแผ่นดินอันมืดมิดแห่งนี้จนเจิดจ้า
ซูอี้ยืนตระหง่านอยู่ไกล ๆ ตื่นขึ้นมาด้วยจิตรบที่เดือดพล่าน รู้สึกยังไม่สาแก่ใจ
ถึงแม้คู่ต่อสู้จะแกร่ง ทว่าสุดท้ายก็เป็นเพียงแค่วิญญาณรบแข็งกล้าเท่านั้น พอเวลานานเข้าก็ต้านทานแรงประหัตประหารของพลังดาบครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้
ยังดีที่สถานที่ทดสอบชั้นสี่นี้ยังมีวิญญาณรบแข็งกล้า
ซูอี้เอื้อมมือออกไปคว้าสะเก็ดแสงมหาวิถีที่ล่องลอยเต็มฟ้าดูดเข้าสู่ร่าง มหาลึกล้ำกับนิมิตเลือนรางในกายของเขาก็พลอยก้าวหน้าขึ้นมาก!
เริ่มมีวี่แววจะถึงขั้นสำเร็จแล้ว!
ซูอี้รู้สึกตื่นเต้น
พลังแหล่งกำเนิดแม่น้ำลืมเลือนที่สั่งสมในตัววิญญาณรบแข็งกล้าขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นต้นมีมากกว่าวิญญาณรบแข็งกล้าขอบเขตวงล้อวิญญาณในชั้นที่สามมาก
และยิ่งกว่านั้น พลังมหาวิถีนี้มีความบริสุทธิ์สูงจึงไม่จำเป็นต้องหล่อหลอมและกระจ่างแจ้งก็สามารถหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของพลังในตัวได้!
ฟึ่บ!
ขอบฟ้าไกล ๆ เกิดแสงสว่างเจิดจ้า วิญญาณรบแข็งกล้าอีกตนหนึ่งปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้อยู่ในร่างผู้ชายในชุดสีเทา ถือง้าวรบในมือ ท่าทางงามสง่าราวกับภูเขาอันยิ่งใหญ่ทรงพลัง
ลำพังเพียงแค่พลัง คู่ต่อสู้ตนนี้แกร่งกว่าตนแรกอย่างไม่ต้องสงสัย
ซูอี้รู้สึกพึงพอใจมาก
คืนนี้ ไม่เสียแรงที่มาที่นี่เลย ต้องสู้อย่างเต็มที่!
ครืน!
ผู้ชายชุดสีเทาตวัดง้าวรบ ฟันลงมา
ชั่วขณะนั้น ฟ้าดินในแถบนี้ก็ถูกแยก พลังแห่งมหาวิถีที่มีความรุนแรงเหลือคณาก็ร่วงหล่นลงมาระหว่างการจู่โจมในครั้งนี้
ซูอี้ยังคงไม่หลบหนีไปไหน และเลือกที่จะรับมือซึ่ง ๆ หน้า
ศึกใหญ่จึงระเบิดขึ้น!
การต่อสู้ครั้งนี้ดุเดือดและรุนแรงยิ่งกว่าการต่อสู้เมื่อสักครู่
ตอนแรก ซูอี้ตกอยู่ในสภาพเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อการต่อสู้ดำเนินไปเรื่อย ๆ เขาก็เริ่มพลิกสถานการณ์กลับมาได้ทีละน้อย
…อีกทั้ง เมื่อการต่อสู้ดำเนินไป ระดับวิถีกับพลังลมปราณในตัวซูอี้ก็ได้รับการฝีกฝนขัดเกลาประดุจดาบคู่ใจที่อยู่ในเตาหลอม
เขาเริ่มช่ำชองและใช้งานมหาล้ำลึกกับนิมิตเลือนรางได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว
ผลที่ได้จากการชะล้างและเปลี่ยนแปลงที่ได้รับระหว่างการต่อสู้เช่นนี้ดีกว่าผลที่ได้เพราะการปิดตัวฝึกฝน
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา
ซูอี้ก็ฟันเข้าใส่ผู้ชายในชุดสีเทา!
ร่างของเขาปรากฏรอยบาดแผล ทว่าไม่ถึงกับร้ายแรงมากนัก ไม่มีผลกระทบอันใดต่อการต่อสู้
หลังจากผ่านการต่อสู้ในครั้งนี้ กลับเป็นซูอี้เสียอีกที่เกิดความเปลี่ยนแปลง ยิ่งแข็งแกร่งและดุดันขึ้นมายิ่งกว่าเดิม
พรึ่บ!
พลังแหล่งกำเนิดแม่น้ำลืมเลือนอันเดือดพล่านถาโถมเข้าสู่ร่างของซูอี้ราวกับคลื่นโหมกระหน่ำ จากนั้น มหาล้ำลึกกับนิมิตเลือนรางที่เขามีอยู่ก็บรรลุถึงขั้นสมบูรณ์โดยพร้อมกัน!
ผลที่ได้เช่นนี้ทำให้ซูอี้พึงพอใจเป็นอย่างมาก
เหตุใดผู้ฝึกตนในโลกหล้าต้องการจะเข้าสู่ขุมกำลังชั้นนำ?
สาเหตุก็เพราะ เมื่ออยู่ในขุมกำลังเหล่านี้แล้วเท่านั้นจึงจะมีทรัพยากรที่เพียงพอกับระดับการฝึก!
วัตถุวิญญาณ โอสถ เคล็ดวิชา… แม้กระทั่งสถานที่ทดสอบเก้าชั้นของถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือนแห่งนี้ล้วนกล่าวได้ว่าเป็นพื้นฐานของขุมกำลังชั้นนำ
นอกจากนี้ คำชี้แนะของผู้อาวุโสในสำนักและการแข่งขันประลองกำลังของศิษย์ในสำนักล้วนสามารถทำให้ผู้ฝึกตนหลบเลี่ยงการเดินทางอ้อมและเดินทางผิดเวลาที่แสวงหนทางวิถี
ในช่วงเวลาต่อมา ซูอี้ยังคงต่อสู้ต่อไป
หลังจากผ่านไปสองเค่อ
เขาก็เอาชนะวิญญาณรบแข็งกล้าตัวที่สาม
เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด บาดแผลเต็มตัว
ทว่าล้วนเป็นบาดแผลที่เขาสามารถทนรับได้
เมื่อเทียบกันแล้ว ผ่านการฝึกฝนต่อสู้มาสามครั้ง ทำให้ระดับวิถีและพลังลมปราณในตัวเขาได้รับการฝึกฝนซึ่งหาไม่ได้ง่าย ๆ อีกครั้ง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม
ซูอี้ชักดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ออกมา ฟันคู่ต่อสู้ตนที่สี่ตาย
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
ฟันคู่ต่อสู้ตนที่ห้าตาย
——
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ซูอี้แทบไม่หยุดพัก ยังคงต่อสู้ไปตลอด
หลังจากที่การต่อสู้ในแต่ละครั้งสิ้นสุดลง จนถึงการต่อสู้ในครั้งต่อไปเริ่มต้นขึ้น เป็นช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ เท่านั้น ไม่มีเวลาให้ได้พักผ่อนแม้แต่น้อย
และในการต่อสู้แต่ละครั้ง บาดแผลบนตัวซูอี้ก็เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ…
แต่เขากลับมีทีท่าราวกับไม่รู้สึกตัว สายตามุ่งมั่นราวกับดาบ ร่างยืดตรงราวกับดาบ แสดงความตั้งใจอันมุ่งมั่นและแน่วแน่อย่างที่สุดออกมา
หนทางแห่งวิถีดาบหนีการต่อสู้ไม่พ้น
ยิ่งเป็นนักดาบที่แข็งแกร่ง กำลังการต่อสู้ก็ยิ่งน่ากลัว เวลาที่สู้รบกันมีความน่ากลัวเกินจะคาดเดา ไม่คำนึงถึงความเป็นความตาย มุ่งมั่นประดุจหินภูผา ไม่มีความสั่นคลอน
เมื่อชาติก่อน เพราะซูอี้ผ่านการต่อสู้ฆ่าฟันมาหนึ่งหมื่นแปดพันปี จึงก้าวสู่ความเป็นใหญ่ของเก้ามหาแดนดิน! …เหตุที่เป็นใหญ่ในใต้หล้าได้ไม่ใช่เพราะมีพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ หรือมีปัญญาเหนือกว่าใคร
แต่เป็นเพราะมีจิตดาบที่แน่วแน่ประดุจเหล็ก ไม่ย่อไม่ท้อ!
เฉกเช่นการต่อสู้ในตอนนี้ ขอเพียงไม่มีอันตรายถึงชีวิต ต่อให้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงยิ่งกว่านี้ แต่สำหรับซูอี้แล้วไม่ต่างไปจากการดื่มน้ำหรือกินข้าวเลย
“ฆ่า!” “ฆ่า!” “ฆ่า!”
ซูอี้ที่อยู่ในการต่อสู้ฆ่าฟัน เลือดอาบเต็มตัว ทว่าจิตใจของเขากลับดื่มด่ำไปกับภาวะการต่อสู้ที่คล้ายกับการรู้แจ้งวิถี
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ทว่าพลังลมปราณในตัวกลับเดือดพล่านราวกับลาวา กำลังทั่วร่างราวกับดวงตะวันที่ร้อนแรง ยิ่งทวีความน่ากลัวและรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
หากผู้เป็นจักรพรรดิมาเห็นภาพเหตุการณ์เหล่านี้เข้า คงจะตื่นตระหนกจนใจสั่นแล้ว
เพราะอย่างไรเสียก็ดี สถานที่ทดสอบชั้นที่สี่นี้มีไว้สำหรับผู้เป็นจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นต้น!
วิญญาณรบแข็งกล้าที่ปรากฏขึ้นตนแล้วตนเล่าเหล่านั้นต่างก็เป็นจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นต้นที่ถูกเก็บรักษาไว้เป็นเวลานานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณเลย ต่อให้เป็นผู้ที่เพิ่งก้าวสู่จักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นต้นก็ยังยากจะรับมือจนถึงตอนนี้ได้
ทว่าจนถึงตอนนี้ ซูอี้ฆ่าคู่ต่อสู้ไปแล้วแปดราย และกำลังไล่บี้คู่ต่อสู้ตนที่เก้าอย่างดุเดือด!
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด หากไม่ได้มาเห็นกับตา คงจะไม่มีใครเชื่อว่าคนหนุ่มขอบเขตสยายวิญญาณคนนี้จะสามารถทำได้
“ตาย!”
ฉับพลัน ซูอี้ส่งเสียงแผดร้องยาว ๆ ตวัดดาบฟันคู่ต่อสู้ขาดเป็นสองท่อน
ครืน!
วิญญาณรบแข็งกล้าตนที่เก้าแตกสลายในบัดดล กลายเป็นสะเก็ดแสงลอยล่องไปในอากาศ
ส่วนร่างของซูอี้เซถอยออกไปจนเกือบจะลงไปกองกับพื้น
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป ผิวแตกเป็นรอย ร่างกายเสื่อมทรุด เลือดบนตัวไหลย้อย เห็นแล้วรู้สึกสลดใจ น่าเวทนายิ่งนัก
ทว่าเขายังคงยืดตัวตรง ราวกับว่าต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายก็ไม่มีทางจะก้มหัวให้ ดวงตาของเขายังคงมีความแน่วแน่ ราวกับว่าต่อให้เดือนตะวันลาลับก็ไม่มีทางจะสั่นคลอน
นี่จึงจะเป็นความสง่าอย่างแท้จริงเวลาที่เขาซูเสวียนจวินทำการต่อสู้!
เพียงแต่ว่า ตั้งแต่กลับชาติมาฝึกตนอีกครั้งจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยมีใครบีบให้เขาอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้
“น่าเสียดาย สภาพร่างกายและปราณเกือบแห้งขอดแล้ว ไม่เช่นนั้น อยากจะสู้ต่อไป…”
ซูอี้ถอนใจเบา ๆ เสียงแหบแห้งแฝงไว้ซึ่งความเสียดาย
ในการฝึกตน เขาอยู่ในวินัยไม่ย่นย่อ ในชีวิตประจำวัน เขาเกียจคร้านเสียมาก ในการต่อสู้ เขากลับบ้าระห่ำ!
แน่นอน หากไม่บีบจนหมดหนทาง น้อยมากที่จะมีศัตรูมาเห็นเขาอยู่ในสภาพบ้าระห่ำอย่างแท้จริง
เมื่อดูดซับพลังมหาวิถีที่คู่ต่อสู้ตนที่เก้าทิ้งไว้ให้จนเรียบร้อยแล้ว ซูอี้ขยับส่งยันต์ข้อความโดยไม่อาลัยอาวรณ์อีก
สวบ!
เพียงแค่ชั่วครู่เดียวร่างของเขาก็หายไปจากสถานที่ทดสอบชั้นที่สี่