บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 787: โกหกไม่เนียน
ตอนที่ 787: โกหกไม่เนียน
ตอนที่ 787: โกหกไม่เนียน
หมอกเมฆพร่ามัว โลกากลับสู่ความเงียบ
ต่างออกไปเพียงว่าโลกหล้าบริเวณนั้นพังทลายเหี่ยวเฉา
หยวนหลินหนิงจดจำภาพเมื่อวันวานยามที่นางทำตนอหังการ พยายามบังคับซูอี้ให้ส่งเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงให้นางได้ดี
จากนั้นก็นึกถึงวาจายั่วยุของซูอี้ที่ว่า… ‘ข้าจะสั่งสอนเจ้า’
นางจำได้ว่าคืนก่อนนางโกรธแค้นเพียงไรเนื่องจากการยั่วยุของเจ้าหนุ่มละอ่อนผู้นี้
ยามนี้เอง นางจึงตระหนักว่าบุคคลผู้ไร้ตาและเย่อหยิ่ง ที่แท้คือตัวนางเอง…
ความรู้สึกไม่สบายใจเอ่อล้นหัวใจของหยวนหลินหนิงดุจคลื่น ทำให้นางดูหดหู่จนปัญญา
นางจะไม่กระจ่างแก่ใจได้เช่นไร ว่าแม้จะต่อสู้ต่อ นางก็จะเป็นผู้พ่ายแพ้?
“จากนี้ไป ข้าคงเรียกได้ว่าเป็นจักรพรรดิคนแรกที่ถูกผู้ฝึกตนในวิถีวิญญาณเอาชนะได้…”
หยวนหลินหนิงรู้สึกขมขื่นยิ่งนัก
“ชนะ… แล้วหรือ…”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนพึมพำ สติที่เคยมึนตึงกลับมาทีละน้อย ทว่าลึก ๆ ในใจของนางยังคงเต็มไปด้วยคลื่นคลั่ง
นับแต่วันวานจวบจนยามนี้ หญิงสาวคิดเสมอว่าตนจะหาวิธีขัดขวางเพื่อซูอี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงถูกหยวนหลินหนิงฆ่ากันพอดี
จนท้ายที่สุด นางก็เตรียมวิธีการต่าง ๆ ไว้มากมาย
ทว่ายามนี้เอง หญิงสาวจึงพลันตระหนักว่าตนคิดมากไปเองแท้ ๆ ซูอี้ผู้นี้… นางไม่จำเป็นต้องห่วงเขาเลย!
โดยเฉพาะเมื่อยามที่สงครามนี้มาถึงจุดจบ ซูอี้ปราบหยวนหลินหนิงได้โดยลำพัง แม้แต่หยวนหลินหนิงยังรู้สึกตะลึงในใจโดยไม่อาจอธิบาย
“ปาฏิหาริย์ นี่ต้องเป็นปาฏิหาริย์อันไม่เคยเกิดขึ้นแน่!”
ชายชราตาบอดกู่ร้องในใจ
ในอดีต ยามเมื่อซูอี้อยู่ในมหาทวีปคังชิง เขาไร้เทียมทานในโลกหล้าเมื่ออยู่ในขอบเขตสยายวิญญาณ
และวันนี้ เขาซึ่งยังอยู่ในขอบเขตสยายวิญญาณก็ใช้หนึ่งดาบเอาชนะจักรพรรดิในภูมิมืดมิด!
จักรพรรดิโลกันตร์อเวจีหยวนหลินหนิงกลายเป็นจุดกำเนิดแห่งปาฏิหาริย์!
หลี่ฉางชิงทั้งตกใจกลัวและจนปัญญา เขารู้สึกราวฝันเฟื่อง ไม่อาจเชื่อจุดจบเช่นนี้ได้
ทันใดนั้น เสียงอันอับอายก็ดังสะท้อนทั่วฟ้าดิน…
“ขอบคุณสหายเต๋าซูที่เมตตา!”
เสียงยังไม่ทันจาง ร่างของผู้อาวุโสสูงสุดที่สามแห่งโถงหลงลืม หลูฉางหมิงก็ปรากฏจากอากาศธาตุและทักทายซูอี้
สีหน้าของเขาซับซ้อนยิ่งนัก ทั้งตกใจ ประหลาดใจและอับอาย
และอื่น ๆ
“ไม่ใช่ว่านี่คือสิ่งที่เจ้าอยากเห็นหรือ? ควรขอบคุณข้านะ”
ซูอี้เหลือบมองหลูฉางหมิงเล็กน้อย
เมื่อวันวาน เขาเห็นเจตนาของหลูฉางหมิงและรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการยืมมือเขาจัดการกับนักบวชลำดับสามและนักบวชสูงสุด
ในกรณีนี้ แม้ซูอี้จะไม่โกรธ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
หลูฉางหมิงอดหัวเราะอย่างขมขื่นไม่ได้ “ยามนี้ข้าเพิ่งทราบว่าเทพเซียนจุติมายืนตรงหน้า ทว่าข้ากลับไม่รู้จักมอง หากก่อนหน้านี้ข้าล่วงเกินไป หวังว่าสหายเต๋าจะไม่ถือโทษ”
กล่าวจบ เขาก็คำนับซูอี้อีกครั้ง
จักรพรรดิในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ ไม่ว่าในโลกใด ๆ เขาก็กล่าวได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่ในโลกผู้ฝึกตน
ทว่ายามนี้ หลูฉางหมิงก้มหัวลงขอโทษซูอี้!
เหตุผลนั้นแสนง่าย
เมื่อวานนี้ วาจาของชายชราในชุดนักพรตเต๋าทำให้หลูฉางหมิงตระหนักได้ว่าซูอี้ไม่ธรรมดา ทว่าเขาคิดเพียงว่าซูอี้มีผู้หนุนหลังแข็งแกร่ง และมีไพ่ตายที่สามารถเป็นภัยต่อจักรพรรดิได้
เพราะเหตุนี้ เขาจึงรีบร้อนไปหา ด้วยเป็นห่วงว่าศิษย์เขาหลี่ฉางชิงจะรับเคราะห์
ทว่าจนถึงยามที่เขาไปถึง หลูฉางหมิงจึงตระหนักว่าตนเข้าใจผิด ไม่มีความจำเป็นต้องยืมอำนาจภายนอกใด ๆ เลย แค่ความแข็งแกร่งของตัวซูอี้เองก็เพียงพอจะปราบหยวนหลินหนิงลงได้แล้ว!
นี่ทำให้เมื่อหลูฉางหมิงเผชิญหน้าซูอี้อีกครั้ง เขาจะยังกล้าปฏิบัติต่ออีกฝ่ายเช่นคนรุ่นเยาว์ไม่ควรค่าพูดถึงได้เช่นไร?
ซูอี้เมินหลูฉางหมิงไปกล่าวกับหยวนหลินหนิงว่า “หากเจ้าไม่เห็นด้วยกับข้า ข้าจะมอบโอกาสให้เจ้าสักหน่อยก็ได้ เมื่อเจ้าควบรวมกฎเกณฑ์ในวิถีลึกล้ำสมบูรณ์แล้ว จะมาประลองกับข้าอีกคราก็ย่อมได้”
หลังกล่าวจบ เขาก็หันไปกล่าวกับชุยจิ๋งเหยี่ยนและชายชราตาบอดว่า “ไปกันเถิด”
เขาใช้มือไพล่หลังและเดินจากไปไกล
นับแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้หันมองพวกหลูฉางหมิงอีกเลย
ใบหน้างามของหยวนหลินหนิงซีดขาวและเงียบงัน
หลูฉางหมิงดูมืดหมองไม่แน่ใจ การวางตนของซูอี้ทำให้เขาตระหนักว่าสิ่งที่เขาทำเมื่อวานนี้ทำให้อีกฝ่ายรังเกียจ!
“ท่านอาจารย์ ไฉนท่านจึงมาอยู่ที่นี่หรือขอรับ?”
หลี่ฉางชิงก้าวออกมาถามอย่างระมัดระวัง
“ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องรู้!”
หลูฉางหมิงแค่นเสียงอย่างเย็นชาและเดินจากไป
เมื่อถูกว่ากล่าว หัวใจและท้องน้อยของหลี่ฉางชิงก็บิดมวน และรีบตามเขากลับไปทันที
“บางทีข้าคงต้องพินิจสำนึกเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียแล้ว”
เนิ่นนานจากนั้น หยวนหลินหนิงก็ถอนหายใจและหันจากไป
…
หุบเขาศักดิ์สิทธิ์ไน่เหอ
แดนบรรพชนใต้ชั้นเก้าแห่งถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือน
ม่ออู๋เหินผู้เก็บตัวฝึกฝนมาหลายร้อยปีลืมตาขึ้นจากการทำสมาธิ แสงสีทองดุจนิมิตปรากฏขึ้นในห้วงลึกแห่งดวงตา
ร่างของเขาผอมบาง สวมชุดสีเทา เส้นผมยาวชี้ฟูดุจกอหญ้าของเขาเป็นสีเทาขาว อำนาจร้ายกาจซึ่งไม่อาจมองเห็นพลุ่งพล่านทั่วกาย
“ยังแย่ลงนิดหน่อย ดูเหมือนการเลื่อนขอบเขตจากแค่การเก็บตัวคงเป็นไปไม่ได้”
ม่ออู๋เหินรำพัน
เขาพิสูจน์เต๋าสู่วิถีลึกล้ำมานานแล้ว ทว่าจนปัจจุบัน การฝึกฝนของเขายังคงติดอยู่ครึ่งทางก่อนขั้นสมบูรณ์แบบ และไม่อาจทะลวงคอขวดได้เสียที
หลายร้อยปีมานี้ เขาหวังจะใช้พลังจากถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือนมาช่วยเลื่อนขอบเขต ทว่าท้ายที่สุด… ก็ยังล้มเหลว
“ท่านเจ้าโถง ในที่สุดก็ตื่นแล้ว”
วิหคสีเลือดตัวหนึ่งบินโฉบลงมา เก็บคู่ปีกและคำนับม่ออู๋เหินอย่างนอบน้อม
นกกระจอกเร้นโลหิต!
สัตว์อัปมงคลอันหายาก
“ไปกันเถิด ได้เวลาที่เราจะไปจากที่นี่กันแล้ว”
ม่ออู๋เหินลุกขึ้นและกำลังจะจากไป ทว่านกกระจอกเร้นโลหิตพลันกล่าวขึ้นว่า “ท่านบรรพชน เมื่อคืนก่อน ชายหนุ่มผู้มีที่มาประหลาดผู้หนึ่งบุกเข้ามาในถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือน ทำลายสถิติที่ท่านบรรพชน ‘เจี่ยนหลิงเจิน’ ทำไว้ในชั้นทดสอบที่สาม แล้วก็…”
ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ ม่ออู๋เหินก็แสดงสีหน้าสนใจ และกล่าวว่า “เช่นนั้นเราไปที่ชั้นสามกันก่อนเถอะ”
กล่าวจบ เขาก็หายวับสู่อากาศธาตุไปด้วยก้าวเดียว
นกกระจอกเร้นโลหิตรีบร้อนตามไป
ชั้นทดสอบที่สาม
ม่ออู๋เหินไพล่มือไว้เบื้องหลัง มองนามที่อยู่เหนือสุดบนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถี และอดตะลึงไม่ได้
แค่คนผ่านมา?
ทายาทใดในสำนักทิ้งข้อความนี้ไว้?
นกกระจอกเร้นโลหิตข้างกายเขารีบกล่าวว่า “เจ้าโถง ชายหนุ่มผู้นั้นไม่น่าใช่ศิษย์โถงหลงลืมเรานะขอรับ”
ม่ออู๋เหินกล่าวอย่างแปลกใจ “จริงหรือ?”
ครู่ต่อมา เขาก็อดกล่าวอย่างแปลกใจไม่ได้ “การฝึกฝนอยู่ในขอบเขตสยายวิญญาณ? ภูมิหลังและความสามารถของคนผู้นี้ท้าทายสวรรค์เพียงนี้เลยหรือ?”
ในขณะนั้น เขายังคงตะลึงกับการค้นพบตรงหน้า
ควรค่ากล่าวถึงว่าเจี่ยนหลิงเจินผู้ครองอันดับหนึ่งในแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถีมาสามหมื่นปีก็เคยสร้างสถิติเจิดจรัสขณะที่เขาอยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบของขอบเขตวงล้อวิญญาณ!
ขณะนั้น เจี่ยนหลิงเจินยังเป็นที่รู้จักในนามอัจฉริยะไร้ใดเทียบในขอบเขตวงล้อวิญญาณแห่งภูมิมืดมิด!
ทว่าสถิติที่ไม่มีผู้ใดสามารถก้าวข้ามมาสามหมื่นปีนี้กลับถูกทำลายโดยชายหนุ่มผู้หนึ่งในขอบเขตสยายวิญญาณ จะไม่ให้ม่ออู๋เหินไม่แปลกใจได้เช่นไร?
“เซวี่ยเอ๋อร์ เจ้ารู้จักตัวตนของคนผู้นี้หรือไม่?”
ม่ออู๋เหินถาม
นกกระจอกเร้นโลหิตส่ายหน้าและกล่าวเสียงต่ำ “ท่านบรรพชน มีเรื่องแปลกกว่านี้อยู่อีกขอรับ ชายหนุ่มผู้นั้นก็เข้าสู่ชั้นทดสอบที่สี่เมื่อคืนวานด้วย”
ม่านตาของม่ออู๋เหินหดตัวเฉียบพลัน เขากล่าวอย่างแปลกใจ “เขา… กำลังจะผ่านด่านหรือ?”
นกกระจอกเร้นโลหิตตอบ “ใช่”
วูบ!
ร่างของม่ออู๋เหินวูบไหวกลางอากาศ มายังชั้นทดสอบที่สี่
เมื่อเห็นว่าไม่มีข้อความ ‘แค่คนผ่านมา’ สลักบนแท่นหินทำเนียบศึกมหาวิถี ม่ออู๋เหินก็อดถอนหายใจโล่งอกและหัวเราะให้ตนเองไม่ได้ “ที่แท้ก็แค่การตกใจไปเอง นั่นสินะ ตัวตนในขอบเขตสยายวิญญาณแล้วไง? จะผ่านบททดสอบที่กระทั่งจักรพรรดิยังไม่อาจข้ามได้เช่นไร?”
ในยามที่เขากล่าวเช่นนี้ เขาพลันเห็นนกกระจอกเร้นโลหิตข้างกายเขาดูลังเล
“เซวี่ยเอ๋อร์ เจ้ามีสิ่งใดจะพูดหรือ?”
ม่ออู๋เหินถาม
นกกระจอกเร้นโลหิตตอบเสียงแผ่ว “ท่านบรรพชน แม้ว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะไม่ผ่านบททดสอบชั้นสี่ แต่เขา… เขาฆ่าวิญญาณรบเก้าตนในอึดใจเดียว…”
ดวงตาของม่ออู๋เหินพลันเบิกกว้างชะงักค้าง
การที่ชายหนุ่มผู้หนึ่งสามารถทลายสถิติของเจี่ยนหลิงเจินได้อาจน่าตกใจ แต่ยังเข้าใจได้
ทว่าเมื่อชายหนุ่มผู้นี้สามารถสังหารวิญญาณรบระดับจักรพรรดิในขั้นต้นขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำเก้าตนได้ในอึดใจ สิ่งนี้ทำให้ความรู้ความเข้าใจนับหมื่น ๆ ปีของม่ออู๋เหินถูกกระทบ ไม่อาจเชื่อได้ว่าเป็นจริง!
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ร่างของม่ออู๋เหินและนกกระจอกเร้นโลหิตก็ปรากฏนอกถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือน
“พี่ชายร่วมวิถี โปรดออกมาเถิด”
ม่ออู๋เหินก้มหัวทักทายเล็กน้อย
วูบ!
ม่านหมอกม้วนตัว เผยศีรษะใหญ่เท่าขุนเขาและดวงตาสีทองดุจทะเลสาบ
นกกระจอกเร้นโลหิตตัวสั่นขวัญแขวน หดตัวลีบที่ด้านข้าง ไม่กล้ามองสัตว์เหวลึกตรง ๆ
“เจ้าหนูเฒ่าออกมาจากประตูแล้วหรือ? ดูไม่เหมือนการฝึกฝนของเจ้าจะเลื่อนขอบเขตนี่ ไม่ใช่ว่าหลายร้อยปีนี้เสียเปล่าหรือ?”
สัตว์เหวลึกแดกดันม่ออู๋เหินอย่างไม่มีพิธีรีตอง
เขาไม่ใส่ใจเลยสักนิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นเจ้าโถงที่เก้าแห่งโถงหลงลืม และยามนี้ก็เป็นทูตข้ามนทีแล้ว
ม่ออู๋เหินดูอับอายเล็กน้อย และกล่าวว่า “ช่างน่าอายนัก ทำพี่ชายร่วมวิถีหัวเราะเยาะเสียแล้ว”
สัตว์เหวลึกถูกนำกลับมายังโถงหลงลืมโดยศิษย์พี่ของเขาอวิ๋นจื่ออิง ลำดับอาวุโสของพวกเขาก็ใกล้เคียงกัน นอกจากนั้น สัตว์เหวลึกยังเคยช่วยชีวิตอวิ๋นจื่ออิง ม่ออู๋เหินจึงให้เกียรติเขาอยู่สามส่วน
“บอกมาสิว่ามีเรื่องอันใด?”
สัตว์เหวลึกถาม
ม่ออู๋เหินสูดหายใจลึก ๆ และถามอย่างจริงจัง “ขอบังอาจถามพี่ชายร่วมวิถี ชายหนุ่มผู้เข้าไปในถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือนเมื่อคืนวานมีชื่อและพื้นเพใดหรือ?”
“นาย… เอ่อ นามของเขาคือซูอี้ มาจากมหาทวีปคังชิง ส่วนเรื่องอื่น ๆ เจ้าไปถามคนจากโถงหลงลืมเอาแล้วกัน”
หลังกล่าวจบ สัตว์เหวลึกก็รู้สึกว่าอันตรายแล้ว เขาเกือบหลุดปากเรียก ‘นายท่าน’ ออกไปแล้วสิ
“ซูอี้?”
ม่ออู๋เหินขมวดคิ้วและถามอีกครั้ง “เช่นนั้นขอบังอาจถามพี่ชายร่วมวิถี ผู้ใดส่งเขาเข้าไปในถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือนหรือ?”
“นี่…”
สัตว์เหวลึกจนวาจา
ครู่ต่อมา มันก็ถาม “คำถามนี้สำคัญมากหรือไม่?”
สีหน้าของม่ออู๋เหินจริงจังมากขึ้น กล่าวว่า “ข้าต้องรู้ว่าคนผู้นี้มีที่มาอย่างไร และผู้ที่ส่งเขาเข้าไปที่นี่ต้องรู้จักเขาดีเป็นแน่”
สัตว์เหวลึกเงียบไปครู่หนึ่ง และทันใดนั้นก็มีสีหน้าอับอาย รำพึงว่า “เอ่อ ให้ตอบตามตรง เมื่อคืนนี้ข้าปล่อยปละละเลยไปหน่อย ซูอี้เลยย่องเข้าถ้ำศักดิ์สิทธิ์แม่น้ำลืมเลือนใต้จมูกข้าได้น่ะ”
ม่ออู๋เหิน “…”
นกกระจอกเร้นโลหิต “…”
คำโกหกที่สุดไม่เนียน เต็มไปด้วยช่องโหว่แบบนี้ช่างดูถูกปัญญามนุษย์ยิ่งนัก!