บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 791: เยือนจวนเจ้าเมืองยามวิกาล
ตอนที่ 791: เยือนจวนเจ้าเมืองยามวิกาล
ตอนที่ 791: เยือนจวนเจ้าเมืองยามวิกาล
ตลาดมืดของเมืองปีศาจราตรีเป็นสถานที่อันวุ่นวาย
เมื่อพ่อบ้านจวนเจ้าเมือง ผู่เจิงปรากฏกายขึ้นพร้อมกลุ่มยอดฝีมือมาล้อมพวกซูอี้ บรรยากาศในบริเวณพลันชะงักงัน
ผู้ชมหลายคนลำพองใจกับความทุกข์ของผู้อื่น และมองพวกซูอี้ด้วยแววตาสงสาร
มองปราดแรกก็เห็นแล้วว่าสามคนนี้เป็นไก่อ่อนเพิ่งมาใหม่!
ทว่าเมื่อสังเกตเห็นชุยจิ๋งเหยี่ยน ผู้คนก็ยังคงทึ่งในใจ
รูปลักษณ์ของหญิงสาวโดดเด่นอย่างยิ่ง เพียงยืนเฉย ๆ ให้แสงจากบริเวณใกล้เคียงส่องลงมายังใบหน้าเลอโฉม นางก็ดูราวนางสวรรค์จุติหล้า
นี่ยังดึงดูดสายตามุ่งร้ายมากมาย
ในแดนเถื่อนเยี่ยงเมืองปีศาจราตรีนี้ เรื่องชั่วช้าหน้าไม่อายไม่เคยขาดตอน
ซูอี้เมินเรื่องเหล่านี้และหันไปกล่าวอย่างครุ่นคิดกับผู่เจิง “เช่นนั้นการที่เจ้ามาหาหนอนคล้อยดารานี่ก็เป็นคำสั่งเจ้าเมืองหรือ?”
ผู่เจิงพยักหน้า “หากสหายเต๋ายอมส่งหนอนคล้อยดารามาให้เรา จวนเจ้าเมืองของเราก็จะมีสัมพันธ์อันดีต่อเจ้า จากนี้ไป ภายใต้การคุ้มครองจากจวนเจ้าเมืองเรา ผู้น้อยในเมืองนี้ก็ไม่น่ากล้าหาเรื่องเจ้าแล้ว”
เขากล่าวพลางเหลือบมองผู้คนรอบ ๆ
ไม่รู้ว่ามีมารร้ายแฝงตัวอยู่ที่นี่มากมายเพียงไร!
และมองปราดแรก ผู่เจิงก็เห็นได้ว่าพวกซูอี้เป็นคนหน้าใหม่ ซึ่งมักจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายที่สุดในเมืองปีศาจราตรี
ซูอี้ครุ่นคิดสักพัก และกล่าวว่า “ช่างเถิด เจ้านำทางเราไปสิ ข้าจะไปเยือนจวนเจ้าเมืองสักหน่อย”
ผู่เจิงขมวดคิ้วถาม “สหายเต๋าหมายความเช่นไร?”
ซูอี้กล่าวลอย ๆ “หากต้องการหนอนคล้อยดาราก็ทำตามที่ข้าว่าเถอะ อีกอย่าง ข้าไม่ชอบพูดเพ้อเจ้อและมีความอดทนไม่มากนัก หากให้ข้าพูดซ้ำ ก็รังแต่จะหาที่ตาย”
วาจานั้นไม่เข้าหู ทว่าความหมายของมันกลับทำให้ผู้คนรอยข้างประหลาดใจ
เจ้าหน้าใหม่ผู้นี้มาจากหนใด ไฉนจึงกล้าข่มขู่คนของจวนเจ้าเมืองเยี่ยงนี้!?
ควรค่าจดจำว่าเมืองปีศาจราตรีรวบรวมมารร้ายไว้จากทั่วมุมโลก ทว่าไม่ว่ามารร้ายเหล่านั้นจะชั่วช้าร้ายกาจเพียงไร พวกเขาก็ไม่กล้าล่วงเกินจวนเจ้าเมืองโดยง่าย!
ผู่เจิงขมวดคิ้ว และอดมองซูอี้อีกครั้งไม่ได้
ขณะนี้ ในฝูงชนรอบละแวก ชายชุดสีเงินผู้ถือพัดขนนกหัวเราะกล่าวขึ้น
“เจ้าหนุ่ม การล่วงเกินจวนเจ้าเมืองหมายถึงล่วงเกินคนทุกผู้ในเมือง หากเจ้าตายก็ไม่เป็นไร ทว่าคนงามข้างกายเจ้า… ฮี่ ๆๆ”
พูดไม่จบประโยค ทว่าเสียงหัวเราะชั่วร้ายก็เผยความนัยออกมาแล้ว
รอบข้างระเบิดเสียงหัวเราะ
ใบหน้างามของชุยจิ๋งเหยี่ยนพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา
ทว่าก่อนที่นางจะทันได้ขยับร่าง ซูอี้ก็ดีดนิ้ว
ปุ้ง!
ชายชุดสีเงินผู้ถือพัดขนนกมีรูโหว่เลือดอาบปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้ว ดวงตาเบิกกว้างขณะร่วงลงจากบนอากาศ
ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นหมาป่าสีขาวขนาดสิบจั้ง ร่วงลงตายจมกองเลือดที่พื้น
สีหน้าของคนทุกผู้แปรเปลี่ยนกะทันหัน เสียงอุทานดังขึ้นทุกแห่งหน และสายตาที่มองมายังซูอี้ก็แปรเปลี่ยน
ทว่ามันไม่ใช่ความเกรงขาม แต่เป็นความโหดเหี้ยมกระหายเลือด
การสังหารคนบนถนนในเมืองปีศาจราตรีเป็นไปได้สูงว่าจะถูกมองเป็นศัตรูและถูกสังคมกีดกัน!
“ไอ้หนู เบื่อชีวิตนักหรือไร! เมืองปีศาจราตรีแห่งนี้คือที่ที่เจ้าจะทำตามใจได้หรือ?”
ชายชราผู้หนึ่งในอาภรณ์สีเหลืองก่นด่า
เมื่อเสียงของเขาดังขึ้น ผู้คนก็ฮือฮาเซ็งแซ่อีกครั้ง
ปีศาจเฒ่าเคราเหลือง!
ปีศาจร้ายในขั้นปลายของขอบเขตวงล้อวิญญาณ และในเมืองปีศาจราตรีนี้ เขาก็เป็นหนึ่งในปีศาจเฒ่าผู้ลือนามยิ่งและมีวิถีเต๋าลึกล้ำ ทักษะเหี้ยมโหด
กล่าวกันว่าเหตุผลที่ปีศาจเฒ่าเคราเหลืองมายังเมืองปีศาจราตรีนั้นก็เพื่อหลบหายนะ เมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาได้ใช้ยาพิษสังหารขุมอำนาจหลักบางแห่ง และถูกขุมอำนาจนั้นไล่ล่าเต็มกำลัง
ทว่าสุดท้าย เขาก็หนีมายังเมืองปีศาจราตรี ทำให้ขุมอำนาจนั้นสิ้นหนทาง
และในยามที่ผู้คนคิดว่าปีศาจเฒ่าเคราเหลืองจะออกมาทำให้พวกซูอี้กลัวได้นั้นเอง…
ซูอี้ก็ยื่นมือออกไป และกำเข้าหากัน
ปีศาจเฒ่าเคราเหลืองซึ่งอยู่ห่างออกไปมากกว่าสิบจั้งถูกคว้าคอกลางอากาศดุจไก่
กร๊อบ!
เมื่อข้อมือของซูอี้ออกแรง คอของปีศาจเฒ่าเคราเหลืองก็ถูกขยี้คามือ ร่างของเขากระตุกเกร็ง เปลี่ยนแปรเป็นตัวเพียงพอนสีเหลืองสว่าง
จากนั้นเขาก็ยกมือโยนมันไปหาชายชราตาบอด และสั่งอย่างเฉยเมยว่า “ถลกหนังมัน ข้าต้องการเพียงขนอ่อนที่รอบคอซึ่งน่าจะใช้เช็ดเก้าอี้หวายข้าได้ ที่เหลือเจ้าจัดการ”
ชายชราตาบอดพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว
ตัวเพียงพอนสีเหลืองหาได้ยากมาก และปีศาจเพียงพอนในขอบเขตวงล้อวิญญาณก็ยิ่งหายากกว่า สัตว์ปีศาจตนนี้เป็นสมบัติทั่วทั้งกาย โดยเฉพาะส่วนขนซึ่งทนน้ำทนไฟ กันลมกันฝุ่นได้
รอบข้างเงียบลงสงัด
ทุกสายตาเบิกกว้าง เหงื่อกาฬผุดไหลอาบแผ่นหลัง
ในพริบตา ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่อย่างปีศาจเฒ่าเคราเหลืองก็ถูกบี้ตายเยี่ยงมด!!
เหล่าตัวตนอันดุร้ายเหี้ยมโหดรอบข้างต่างตะลึงงัน เส้นขนบนผิวหนังลุกซู่
ชายหนุ่มผู้นี้ดูสง่างาม ทว่าใครเล่าจะคิดว่าเขาจะสังหารฆาตกรร้ายกาจโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา!
เปลือกตาของพ่อบ้านจวนเจ้าเมือง ผู่เจิงเองก็กระตุกอย่างแรง
ไม่ใช่เพราะเขาหวาดกลัวในอำนาจ ทว่าคนทั้งสามตรงหน้าไม่ไว้หน้ากันเลย!
สีหน้าของเหล่ายอดฝีมือคนอื่น ๆ จากจวนเจ้าเมืองข้างกายเขาต่างก็เคร่งขรึมขึ้น
“พ่อบ้านผู่ พาพวกเขามาที่นี่สิ”
ยามนี้เอง เสียงอันนุ่มนวลเสียงหนึ่งก็ดังมาจากชายคาศาลาที่อยู่ไกลออกไป
เมื่อมองไปก็พบสตรีในชุดขาวผู้หนึ่งยืนอยู่ ร่างอรชรอ้อนแอ้น เส้นผมสีน้ำเงินดุจไหมเรียงสยายราวน้ำตก ใบหน้ามีหน้ากากสีเงินปกปิด เผยเพียงดวงตาลึกล้ำสว่างไสว
เสียงของนางยังไม่ทันสิ้น สตรีในชุดขาวก็เปลี่ยนเป็นเส้นแสงหายสู่อากาศธาตุแล้ว
ผู่เจิงสูดหายใจลึก ๆ และประคองกำปั้นให้ซูอี้ “ทุกท่าน เชิญ!”
…
จวนเจ้าเมือง
ในโถงแห่งหนึ่ง
แสงไฟยังคงสว่างมีชีวิตชีวา
เจ้าเมืองเว่ยอวิ้นนั่งร่ำสุราบนเก้าอี้ประธานตัวสูง
ร่างของเขาซ่อนอยู่ในอาภรณ์ศึก เส้นผมและหนวดเคราดุจง้าว ใบหน้าหยาบกร้านเด็ดเดี่ยว ยามเมื่อนั่งเฉย ๆ ก็ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งดุดันดุจมังกรพยัคฆ์
เว่ยอวิ้นผู้มาจากตระกูลเว่ยเผ่ามารได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองปกครองเมืองปีศาจราตรีตั้งแต่เมื่อสามร้อยปีก่อน
ภายใต้คำสั่งของเขา สามร้อยปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นปีศาจ มารน้อยใหญ่ใด ๆ ผู้มายังเมืองนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าก่อเรื่อง!
ทว่าตัวเว่ยอวิ้นรู้ดีว่าปีศาจและมารทั้งหลายในเมืองต่างไม่ได้กลัวความแข็งแกร่งในขอบเขตวงล้อวิญญาณขั้นปลายของเขา แต่เป็นตระกูลซึ่งอยู่เบื้องหลังเขา!
“ขอบังอาจถามท่านเจ้าเมือง ว่าจะไปรวบรวมหนอนคล้อยดาราเพื่ออันใด?”
ชายชราในชุดจีนยาวผู้หนึ่งซึ่งดูเมตตาถามจากที่นั่งข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้ม
เว่ยอวิ้นกล่าวพร้อมกับยิ้ม “ขออภัยที่เว่ยผู้นี้หมกเม็ด สหายเต๋าจะรู้เองยามลงมือคืนนี้”
ชายชราในชุดจีนยาวแค่นเสียงหึ และพูดทั้งรอยยิ้ม “เห็นได้ชัดว่าเจ้าเมืองเตรียมการเพื่อลงมือในวันนี้อย่างครบถ้วน”
แขกเหรื่อมากมายในละแวกใกล้เคียงหัวเราะเห็นด้วย
เว่ยอวิ้นไม่กล่าวอะไรมาก จากนั้นเขาก็หยิบจอกสุราขึ้นดื่ม
ชายชราในชุดจีนยาวมีนามว่าอูทง และมีชื่อเล่นอันโด่งดังกว่าคือ ‘เจ้านทีปี้เซียว’!
เขาดูอ่อนโยนมีเมตตา ทว่าทุกคนในเมืองปีศาจราตรีล้วนทราบดีว่าเจ้านทีปี้เซียวเป็นปีศาจร้ายเช่นไร
อันที่จริง แทบไม่มีแขกคนใดที่รวมตัวกันในโถง ณ คืนนี้ที่ไม่ใช่วีรชนในวิถีมารเลย
แค่เลือกสุ่มมาสักคนก็สามารถทำให้ผู้ฝึกตนทั่วโลกหล้าตกใจกลัวได้แล้ว!
เหมือนเช่นนักพรตผีมลายสวรรค์ ปีศาจเฒ่าแขนเดียว ปีศาจเฒ่าพันเนตร นักพรตเต๋าหน้าขาวและคนอื่น ๆ พวกเขาล้วนแต่เป็นทรราชแห่งวิถีมารผู้สร้างเหตุสะเทือนขวัญทั่วโลกหล้า และพวกเขาแต่ละคนล้วนแปดเปื้อนเปี่ยมบาป!
เจ้านทีปี้เซียวในชุดจีนยาวผู้มีสายตาอ่อนโยนกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ท่านเจ้าเมือง ในเมื่อสุดท้ายก็ลงมืออยู่ดี บอกแผนการลงมือให้ข้าฟังยามนี้ได้หรือไม่?”
ทุกคนต่างหันมองเว่ยอวิ้นทันที
สองสามวันก่อน ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในส่วนลึกของมหาภูผา นั่นก็คือนิมิตพร่างพรายไร้เทียบ ซึ่งลือกันว่ามีลำแสงเซียนเก้าสีทะยานสู่นภา และเสียงระฆังลึกลับก็กังวานก้องอยู่สามวันสามคืน
ทั่วขอบฟ้าเห็นว่าเป็นนิมิตหมายใหญ่โต
หลังจากนั้น เจ้าเมืองเว่ยอวิ้นก็ส่งเทียบเชิญให้คนเหล่านี้มาร่วมงานเลี้ยงและหารือการแสวงโชคนี้ด้วยกัน
ทว่า ตราบยามนี้ เว่ยอวิ้นก็ยังไม่ได้พูดเลยว่าวาสนาที่ว่าคือสิ่งใด และยังไม่พูดถึงเรื่องใด ๆ เกี่ยวกับการกระทำในคืนนี้ด้วย กล่าวได้ว่าเขาปากหนักมาก
เว่ยอวิ้นยิ้มน้อย ๆ และกล่าวว่า “อย่าห่วงเลยทุกท่าน ข้าจะช่วยแถลงให้ทุกท่านยามเมื่อ ‘ผู่เจิง’ กลับมา”
“หรือท่านเจ้าเมืองจะให้ผู่เจิงไปรวบรวมหนอนคล้อยดารา มันมีประโยชน์หรือ?”
เจ้านทีปี้เซียวถาม
ผู่เจิงคือพ่อบ้านประจำจวนเจ้าเมือง และก่อนหน้านี้เคยได้รับคำสั่งจากเว่ยอวิ้นให้ไปรวบรวมสิ่งของวิญญาณเช่นหนอนคล้อยดารา
นี่ทำให้ทุกคนในงานเลี้ยงตระหนักว่าหนอนคล้อยดาราเหล่านี้คงจะเป็นกุญแจ
“ถูกต้อง”
เว่ยอวิ้นพยักหน้า “หนอนเหล่านั้นไม่ได้มีราคามาก ทว่าพวกมันค่อนข้างหายาก ช่วงนี้เว่ยผู้นี้ได้รวบรวมหนอนคล้อยดารามาแล้วจำนวนหนึ่ง แต่จำนวนของมันไม่เพียงพอ”
นักพรตชุดดำผู้มีท่าทีเคร่งขรึมกล่าวถาม “ขอบังอาจถามท่านเจ้าเมือง หนอนนี้มีประโยชน์อันใดหรือ?”
นักพรตผู้นี้มีผิวพรรณผ่องใส ใบหน้าขาวดุจหยก แสงธรรมพร่างพรายเจิดจ้า ดูมีบุญญาธิการสูงส่ง
ทว่ายามเมื่อเขาอ้าปาก เหล่าปีศาจเฒ่ารายล้อมก็แสดงความกลัวออกมาไม่มากก็น้อย
เพราะนักพรตผู้นี้คือนักพรตผีมลายสวรรค์!
นักพรตผีผู้เต็มไปด้วยความชั่วร้ายทั่วโลกา!
จากเรื่องเล่าขาน ช่วงร้อยปีที่ผ่านมานี้ ลำพังจำนวนผู้ฝึกตนที่ถูกนักพรตผีมลายสวรรค์สังหารอย่างเลือดเย็นก็มากมายนับแสน!
บางคนถูกเขาหล่อหลอมเป็น ‘ทหารปีศาจหยิน’ บ้างก็ถูกเขากลืนกินทั้งร่างและวิญญาณ และบ้างก็ถูกเขาใช้เคล็ดวิชาชั่วร้ายหล่อหลอมเป็นทหารเต๋าตัวตายตัวแทน
กล่าวสั้น ๆ ก็คือ แม้ว่าผู้ฝึกตนผู้นี้จะดูสง่างามมีเกียรติ ทว่าแท้จริงกลับเป็นมารเฒ่าผู้กระทั่งทรราชมารด้วยกันยังกลัว!
เว่ยอวิ้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “หนอนคล้อยดาราไม่มีราคามากนัก แต่มันสามารถเป็นเหยื่อตกมัจฉาวิญญาณชนิดหนึ่งชื่อว่า ‘ปลาหมอเพลิงหยางบริสุทธิ์’ ได้ และปลานี้จะมีบทบาทสำคัญสำหรับคืนนี้”
หลังชะงักไปครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวต่อว่า “หรือก็คือ หากไร้ปลาหมอเพลิงหยางบริสุทธิ์ การกระทำของเราในคืนนี้ก็เกรงว่าจะแสนยาก”
ทุกคนแปลกใจเมื่อได้ยิน และดวงตาก็วูบไหว
ยามนี้เอง เงาร่างหนึ่งก็รีบร้อนเดินเข้ามาในโถง และเขาก็คือผู่เจิง พ่อบ้านแห่งจวนเจ้าเมือง
เขามากระซิบบางอย่างให้เว่ยอวิ้นฟังด้วยเสียงแผ่วเบา
เว่ยอวิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดสักพัก และพยักหน้า
ผู่เจิงหันกลับ พูดออกไปนอกโถง “เชิญสหายเต๋าทั้งสามเข้ามา!”
ทันใดนั้น ทุกคนในโถงก็หยุดการเคลื่อนไหวและมองออกไปนอกโถง
ไม่นานนัก หนึ่งชายหนึ่งหญิงและหนึ่งชายชราก็เดินมาจากไกล ๆ