บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 794: ต่างคนต่างวางแผนชั่ว
ตอนที่ 794: ต่างคนต่างวางแผนชั่ว
ตอนที่ 794: ต่างคนต่างวางแผนชั่ว
พวกเขาเองก็เตรียมการมาจับปลาหมอเพลิงหยางบริสุทธิ์เช่นกัน
ทว่าฝ่ายหนึ่งกลับเก็บเกี่ยวครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่อีกฝ่ายกลับนิ่งงันตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ใดเล่าจะสงบใจได้?
“ท่านเจ้าเมือง เราต้องรอนานเพียงไร?”
เจ้านทีปี้เซียวอดถามขึ้นมาไม่ได้
เว่ยอวิ้นดูหม่นหมองไม่แน่ใจ กล่าวว่า “ให้กล่าวคงยาก”
ทุกคน “…”
หากคืนนี้จับปลาหมอเพลิงหยางบริสุทธิ์ไม่ได้ จะมีโอกาสอันใด?
“ทุกท่านโปรดอย่าแตกตื่น หากจับมัจฉาวิญญาณนี้ไม่ได้ ก็แค่ไปขอมันจากเด็กนั่นก็พอ”
นักพรตเต๋าหน้าขาวกล่าวเสียงแหบ
ได้ยินเช่นนั้น ในใจของปีศาจเฒ่าทุกตนต่างเต็มไปด้วยแผนชั่ว
พวกเขาขึ้นชื่อด้านความชั่วร้าย เป็นปีศาจเฒ่าในวิถีมาร และยังเคยสังหารสิ่งต่าง ๆ นับไม่ถ้วนตลอดกาลนานมา สำหรับพวกเขา เรื่องเช่นการปล้นสมบัตินั้นเรียบง่ายดุจกินดื่ม
ทว่าเมื่อเวลาต่อมา หลังซูอี้เรียกปลาหมอเพลิงหยางบริสุทธิ์ได้ตัวแล้วตัวเล่า เว่ยอวิ้นก็ยังคงเงียบ ซึ่งทำให้เหล่าปีศาจเฒ่าไม่สบายใจยิ่งนัก
“ยายเฒ่าผู้นี้มองว่าไร้เหตุผลนัก ไม่ใช่ว่าเด็กนั่นนำปลาหมอเพลิงหยางบริสุทธิ์ซึ่งควรจะเป็นของเราไปก่อนหรือ?”
คนบางผู้กล่าวอย่างสิ้นหวัง
“ท่านเจ้าเมือง เรารอเฉยอีกไม่ได้แล้ว เหลือเวลาอีกไม่ถึงสามชั่วยามก็จะถึงรุ่งสาง เมื่อดวงจันทร์สีเลือดหายไป มหาภูผาจะกลับมาอันตรายอีกครั้ง!”
บางคนขมวดคิ้วเร่งอย่างร้อนใจ
“นี่…”
สีหน้าของเว่ยอวิ้นดูไม่แน่ใจ
“ไปกัน ไปหาเจ้าเด็กนั่น หากเขากล้าไม่ส่งปลาหมอเพลิงหยางบริสุทธิ์มาก็ฆ่าเสีย!”
ปีศาจเฒ่าแขนเดียวรอต่อไม่ไหวอีกต่อไป เขาหันหลังจากไป
เมื่อปีศาจเฒ่าตนอื่นเห็นเช่นนี้ พวกเขาก็ตามไป
เว่ยอวิ้นอดถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้ เขาเก็บแหสีขาวหิมะไปและรำพึง “คืนนี้ ปลาหมอเพลิงหยางบริสุทธิ์เหล่านี้ระวังตัวจริง ๆ”
ทว่าเมื่อเห็นปีศาจเฒ่าเหล่านั้นพุ่งไปหาพวกซูอี้ เว่ยอวิ้นก็ขมวดคิ้วแล้วไล่หลังไปทันที
“พี่ซู ปีศาจเฒ่าเหล่านั้นอดรนทนไม่ได้แล้ว ดูเหมือนพวกเขาจะวางแผนแย่งมันนะ”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนที่ข้างลำธารไกลออกไปกล่าวเตือน
“งั้นพวกเขาก็รอตายอนาถได้เลย”
ชายชราตาบอดยิ้มเยาะ
ทว่าซูอี้พลันกล่าวขึ้นว่า “พวกเขาไปทำอันใดให้ต้องฆ่า? แค่พาพวกเขาไปหาโอกาสก็พอ”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนและชายชราตาบอดตะลึงอึ้งแทบไม่เชื่อหู ยามใดกันที่ชายหนุ่มเมตตาใครได้เพียงนี้?
ณ ขณะนี้ กลุ่มปีศาจเฒ่าก็กรูกันเข้ามาแล้ว
ทุกคนต่างเปี่ยมจิตสังหาร กดดันน่าสยดสยอง
กระทั่งฮูหยินจินไฉ่และพวกนักดาบมารยังดูไม่สู้ดี
นี่คือพลังแห่งการอยู่เป็นกลุ่ม ทำให้พวกเขาคิดว่าสามารถร่วมมือกันจัดการกับพวกซูอี้ได้
ทว่าพวกเขากลับแปลกใจที่ก่อนทันได้อ้าปาก ซูอี้ก็กล่าวขึ้นว่า “ที่ทุกคนมาที่นี่ เพราะอยากได้ปลาหมอเพลิงหยางบริสุทธิ์ใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง”
ปีศาจเฒ่าแขนเดียวกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หากไม่ส่งมาก็…”
ก่อนคำขู่จะทันได้กล่าวจบ ซูอี้ก็กล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ข้าไม่ได้ต้องการปลาหมอเพลิงหยางบริสุทธิ์มากมายเพียงนี้ แบ่งให้พวกเจ้าบ้างย่อมไม่เป็นไร”
เหล่าปีศาจเฒ่าต่างตะลึงงัน ไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มชุดเขียวผู้บังอาจทำทีอหังการในจวนเจ้าเมืองเมื่อกาลก่อนจะยอมตอบตกลงก่อนแต่คราแรก!
เมื่อเว่ยอวิ้นเห็นเช่นนี้ เขาก็อดลอบพยักหน้าไม่ได้ ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด เขามีความยืดหยุ่นและมีทัศนคติดี
เขาเห็นตั้งแต่ที่จวนเจ้าเมืองแล้วว่าพวกซูอี้ไม่ใช่ปีศาจชั่วมารเลว และย่อมไม่อยากให้พวกเขาตายด้วยมือปีศาจเฒ่าเหล่านั้น
ในเมื่อไม่ลงมือก็ย่อมดีกว่า
“เลือกได้ฉลาด”
นักพรตผีมลายสวรรค์ยิ้มน้อย ๆ ด้วยน้ำเสียงชื่นชม
“ฉลาด? เหอะ ๆ ข้าว่าเขาแค่ก้มหัวให้เราเองยามตระหนักว่าภัยใกล้ถึงตัวมากกว่า ทว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็น่าสนใจทีเดียว”
ปีศาจเฒ่าแขนเดียวยิ้มเยาะ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฮูหยินจินไฉ่ นักดาบมารและคนอื่น ๆ ต่างก็มีสีหน้าอ่อนลง ขณะเดียวกันก็อดรู้สึกเหยียดหยามในใจไม่ได้
ชายชราตาบอดและชุยจิ๋งเหยี่ยนมองเห็นสีหน้าท่าทางของเหล่าปีศาจเฒ่าอย่างชัดเจน และอดรู้สึกพิกลในใจไม่ได้ ไอ้แก่พวกนี้คิดจริง ๆ หรือว่าซูอี้กลัวพวกเขาแล้วจริง ๆ?
“ขอบคุณในความเสียสละ”
เว่ยอวิ้นก้าวออกมากุมกำปั้นขอบคุณ
เจ้าเมืองปีศาจราตรีจากตระกูลเว่ยเผ่ามารผู้นี้อ่อนน้อมถ่อมตนและสุขุมหนักแน่นอยู่เสมอ
ซูอี้โยนปลาหมอเพลิงหยางบริสุทธิ์เก้าตัวไปให้เว่ยอวิ้น “ข้าจับได้ทั้งหมด สิบสองตัว แบ่งให้พวกเจ้าเก้าตัวนะ”
เห็นเช่นนี้ ไม่เพียงเว่ยอวิ้นที่พอใจมาก แต่ปีศาจเฒ่าคนอื่น ๆ ก็พอใจเช่นกัน พวกเขารู้สึกว่าชายหนุ่มชุดเขียวผู้นี้ช่างน่าคบ และรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีจริง ๆ
“ขอบคุณสหายเต๋า!”
เว่ยอวิ้นเก็บปลาหมอเพลิงหยางบริสุทธิ์และขอบคุณเขาอย่างจริงจัง
“พ่อหนุ่ม ไฉนจึงไม่ร่วมมือกับเราเสียเล่า หากโอกาสมาเยือน พวกเจ้าก็จะได้ส่วนแบ่งด้วยนะ”
นักพรตเต๋าหน้าขาวพลันเอ่ยชวน
บางคนขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าปฏิเสธ
ขณะที่ดวงตาของบางคนวูบไหว ทว่าก็ยังอยู่นิ่งเงียบ
“ข้าต้องการแบบนั้นเช่นกัน”
ซูอี้พยักหน้า
“ท่านคิดเช่นไร ท่านเจ้าเมือง?”
นักพรตเต๋าหน้าขาวหันมองเว่ยอวิ้น
เว่ยอวิ้นกล่าวอย่างยินดี “ได้สิ”
พวกเขาไม่รีรออีกต่อไป และจากธารยมโลกอัคคีหยกเดินถลำเข้าไปลึกในมหาภูผาภายใต้การนำของเว่ยอวิ้น
“เฒ่าหน้าขาว เจ้าคิดอันใดอยู่กันแน่? ไม่รู้หรือว่าทั้งสามมีที่มาประหลาด และคงมีปัญหาเป็นแน่?”
ระหว่างทาง เจ้านทีปี้เซียวส่งกระแสเสียงถาม
“มีปัญหาเรื่องที่มาของพวกเขาจริงแท้ แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น ยิ่งพิสูจน์ได้ว่าพวกเขามีสมบัติดี โดยเฉพาะแม่หนูผู้นั้น แม้นางจะปกปิดสมบัติไว้อย่างแนบเนียน ทว่าจากสังหรณ์ของข้า แม่หนูผู้นั้นต้องมีของมีค่าหายากมากมายอยู่กับตัวเป็นแน่!”
นักพรตเต๋าหน้าขาวกล่าว “ข้าลอบปรึกษาเรื่องนี้กับปีศาจเฒ่าพันเนตร ปีศาจเฒ่าแขนเดียวและคนอื่น ๆ แล้ว ข้าจะหาโอกาสจัดการกับพวกเขา แล้วเราก็มาแบ่งสมบัติกัน”
เจ้านทีปี้เซียวพลันถึงบางอ้อ “เรื่องส่วนแบ่งของข้า ข้าไม่ต้องการสมบัติ ให้แม่หนูนั่นแก่ข้าก็พอ”
ท้ายที่สุด เขาก็อดเลียริมฝีปากตนไม่ได้
นับแต่ยามที่เขาอยู่ในจวนเจ้าเมือง เขาก็ปรารถนาอยากจะครอบครองชุยจิ๋งเหยี่ยนนับแต่เห็นรูปลักษณ์ดุจนางสวรรค์ของนางแล้ว
นักพรตเต๋าหน้าขาวแย้มยิ้มพลางส่ายหน้า “ฮี่ ๆ เจ้ากล่าวสายไปแล้ว เจ้าเฒ่านักพรตผีมลายสวรรค์ถือแม่หนูนางนั้นเป็นสมบัติส่วนตนไปนานแล้ว”
เปลือกตาของเจ้านทีปี้เซียวกระตุก อดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างผิดหวัง “เช่นนั้นก็ช่างเถิด”
“ยามนี้ก็ระวังเว่ยอวิ้นไว้ ถึงเขาจะกล่าวอย่างดีเลิศ แต่นี่เป็นเรื่องการต่อสู้แย่งชิงสมบัติ เกรงว่าตระกูลเว่ยของเขาคงไม่มีทางปล่อยโอกาสไปง่าย ๆ”
นักพรตเต๋าหน้าขาวรีบกล่าว “ข้าลอบติดต่อกับคนอื่น ๆ อยู่ หากเว่ยอวิ้นกระทำการผิดปกติยามไขว่คว้าโอกาส เราจะจัดการกับเขาทันที!”
ดวงตาของเจ้านทีปี้เซียววูบไหว ก่อนกล่าวว่า “ที่แท้พวกเจ้าก็ลอบร่วมมือกันอยู่นานแล้ว…”
นักพรตเต๋าหน้าขาวกล่าว “พี่ชายร่วมวิถีอย่าแปลกใจไป ไม่ใช่ว่าข้าจงใจปิดบังจากเจ้านะ แต่ข้าเกรงว่าเราบางคนอาจลอบร่วมมือกับเว่ยอวิ้นอยู่ และเราก็ต้องป้องกันมันไม่ให้เกิด”
สีหน้าของเจ้านทีปี้เซียวแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เอ่ยถามว่า “ผู้ใด?”
นักพรตเต๋าหน้าขาวกล่าวยิ้ม ๆ “ยังพูดได้ยาก กล่าวสั้น ๆ ก็คือหากเกิดความเปลี่ยนแปลงใด คงดีที่สุดหากทุกคนร่วมมือเป็นหนึ่ง และกระทำการโดยระมัดระวังที่สุด”
เจ้านทีปี้เซียวพยักหน้ากล่าว “ย่อมเป็นเช่นนั้น”
…
“พี่ซู ไฉนข้าจึงรู้สึกราวกับเจ้าวางแผนชั่วไว้เต็มอก หมายมาดทำร้ายผู้อื่นชอบกล?”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนเองก็กำลังคุยกับซูอี้ผ่านการส่งกระแสเสียงปราณ
หญิงสาวสังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว
“วางแผนชั่วไว้เต็มอกอันใดกัน?”
ซูอี้หัวเราะ “ข้าเพียงมอบโอกาสให้พวกเขาเข้าสู่พื้นที่ต้องห้ามเท่านั้น ส่วนการที่พวกเขาจะสามารถรอดชีวิตออกไปได้หรือไม่นั้นขึ้นกับฝีไม้ลายมือแต่ละคนเอง”
“ว่าแล้วเชียวว่าต้องมีปัญหา!”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนหรี่ตาลง ริมฝีปากสีกุหลาบยกยิ้มเจ้าเล่ห์ดุจจิ้งจอกน้อย “เจ้านี่นะ ข้าเกรงว่าเจ้าคงเห็นจุดจบของพวกเขาชัดเจนแล้ว”
ซูอี้ยิ้ม “มันขึ้นกับว่าพวกเขาจะฆ่าตัวตายหรือไม่”
“แต่ในความคิดข้า ไอ้แก่พวกนี้ชอบตลบตะแลงและชั่วร้ายนัก จิตใจชั่วช้าร้ายกาจ หากต้องการวางแผนฆ่าพวกเขา เกรงว่าคงทำได้ยาก”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนครุ่นคิด
“วางแผนฆ่า?”
ซูอี้เหลือบมองเว่ยอวิ้นซึ่งกำลังนำทางอยู่ตรงหน้าและกล่าวลอย ๆ “ทุกแผนการและลูกไม้ไม่อาจหยุดยั้งอำนาจอันแน่นอนได้ หากต้องการฆ่าพวกเขา เราไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักหรอก แค่ลงมือทำก็พอ”
หลังจากชะงักไป เขาก็กล่าวต่อว่า “เหตุที่พวกเขาไว้ชีวิตเรานั้นก็เพื่อจุดประสงค์อื่น”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนกล่าวอย่างตกใจ “จุดประสงค์ใด?”
ทันทีที่กล่าวออกไป หญิงสาวก็ตระหนักว่าคงไม่อาจได้คำตอบ จึงกล่าวว่า “ลืมไปเถอะ ข้าจะแค่รอดูเรื่องสนุกแล้วกัน”
ซูอี้หัวเราะ
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ไกลออกไปในโลกหล้า หมอกหนาสีเลือดพลันปรากฏขึ้น
เมื่อมองใกล้ ๆ จะพบว่ามีหุบเหวอยู่ในภูเขา และท้องนภาเหนือหุบเหวก็เต็มไปด้วยหมอกสีเลือด
ในหุบเหวมีแท่นปทุมสำริดขนาดยักษ์อยู่สามสิบหกแท่น
แท่นปทุมแต่ละแห่งมีขนาดสิบจั้ง แบ่งเป็นเก้ากลีบ แต่ละกลีบเต็มไปด้วยลวดลายเต๋าบิดเบี้ยวแน่นขนัด
และที่ใจกลางแท่นปทุมแต่ละแท่นมีรูขนาดประมาณหนึ่งจั้ง หมอกสีเลือดหนาเข้มลอยวน ดูลึกลับยิ่งท่ามกลางราตรี
ขณะเดียวกัน เว่ยอวิ้นซึ่งนำทางอยู่ก็ชะงักและกล่าวอย่างจริงจัง “ทุกท่าน เรามาถึงพื้นที่ต้องห้ามแล้ว!”
เหล่าปีศาจเฒ่าต่างมองมาหุบเหวเบื้องหน้าอย่างกระตือรือร้น
“มองปราดแรก ที่แห่งนี้ดูเหมือนจะถูกทิ้งมาแสนนาน มีบรรยากาศลึกลับเต็มไปหมด”
ใครบางคนกระซิบ
“นี่น่าจะเป็นค่ายกลผนึกโบราณ ดูเหมือนว่านิมิตเหนือธรรมดาที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนจะมาจากที่นี่”
บางคนพึมพำ
เมื่อไม่กี่วันก่อน ลำแสงเซียนเก้าสีแหวกสู่นภา สร้างสรรค์เปลี่ยนแปรเป็นแสงสว่างพร่างพราว และเสียงระฆังลึกลับก็ก้องกังวานทั่วฟ้าดินสามวันสามคืนติดต่อกัน
ทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวเนื่องกับแท่นปทุมสำริดปริศนาทั้งสามสิบหกในหุบเหวตรงหน้า!
ชุยจิ๋งเหยี่ยนและชายชราตาบอดก็มองมันอยู่ ทว่าพวกเขากลับไม่อาจเห็นปริศนามากมายนัก
ทว่าเมื่อเห็นภาพนี้จากไกล ๆ ซูอี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้ายากแท้หยั่งคาด
จริงดังที่คาด ผนึกนี้ถูกผู้อื่นแตะต้องแล้ว!
สิ่งนี้ทำให้ซูอี้สังหรณ์ร้ายในใจ หากมีผู้ใดบุกเข้าไปในแดนปิดผนึกนี้ สมบัติที่เขาทิ้งไว้จะยังอยู่ที่เดิมหรือไม่?