บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 796: แตกคอ
ตอนที่ 796: แตกคอ
ตอนที่ 796: แตกคอ
แท่นเต๋าสูงเก้าจั้งเต็มไปด้วยบรรยากาศเก่าแก่แห่งกาลเวลา
ร่มสีดำวางเดียวดาย ทุกสิ่งดูจืดชืดนัก
ทว่าเมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ สีหน้าของปีศาจเฒ่าแขนเดียวก็ดูจริงจังขึ้นมา
เขาไม่กล้าใช้จิตสัมผัสตรวจตรา ไม่กล้ากระทั่งใช้ร่างเนื้อสัมผัส ราวกับกลัวว่าหากแท่นเต๋าเก้าจั้งนี้สัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของเขา ตัวเขาจะถูกลบตัวตนทิ้งในพริบตา
ผีเฒ่าหกหยินซึ่งตายอนาถไปเมื่อครู่คือตัวอย่างอันชัดเจน
“จงตื่น!”
เมื่อเขามาถึงแท่นเต๋า ปีศาจเฒ่าแขนเดียวก็ชะงัก และเปล่งเสียงอันยากจะฟังออกจากปาก
วูบ!
ชามสีเลือดใบหนึ่งลอยขึ้นสู่อากาศ และเมื่อมันหมุนคว้าง แสงสีดำก็ปรากฏบนชามดุจวังวน เกิดเป็นคลื่นสูบอันน่าตื่นตกใจ
ชามดูดโลหิต
หนึ่งในสมบัติก้นหีบของปีศาจเฒ่าแขนเดียว หากเรียกใช้ มันสามารถดูดซับพลังชีวิตและโลหิตของสรรพชีวิตทั่วระยะหลายพันจั้งในโลกหล้าได้
ตู้ม!!!
ทันใดนั้น เสียงระเบิดก็ดังกึกก้อง
ชามดูดโลหิตถูกลำแสงสีเลือดสายหนึ่งทะลวงจนระเบิดกลายเป็นเศษซากในพริบตา และก่อนที่มันจะทันร่วงถึงพื้น มันก็ถูกแผดเผาเป็นธุลีโดยหมอกสีเลือด
ขณะเดียวกัน ปีศาจเฒ่าแขนเดียวก็ส่งเสียงครวญในลำคอพลางถอยร่างอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาตั้งหลักได้ อาภรณ์ของเขาก็เปียกชุ่มด้วยเหงื่อกาฬ ใบหน้าซีดเซียวแสดงสีหน้าตกใจกลัวอันบิดเบี้ยวจนเกินธรรมดาออกมา
เมื่อครู่นี้ หากไม่ตัดพลังที่ใช้ควบคุมชามดูดโลหิตโดยไม่ลังเลล่ะก็ เขาก็จะถูกโจมตีตอบโต้จนตายแน่แท้!!
ฝูงชนฮือฮา ทุกคนต่างหน้าซีด
ยามนี้ คนทุกผู้ต่างเห็นชัดแล้วว่าแสงสีเลือดซึ่งทำลายชามดูดโลหิตมาจากแท่นเต๋าสูงเก้าจั้งนี้!
พลังระดับนั้นเผยอำนาจทำลายล้างไร้เทียมทานน่าหวาดหวั่น ซึ่งดูไม่อาจต้านทานหรือทำลายได้เลย
และขอเพียงถูกมันเข้า ไม่ว่าจะเป็นสมบัติหรือตัวผู้ฝึกตนเองก็จะถูกแผดเผาเป็นจุณในพริบตา!
น่าหวาดกลัวโดยไม่อาจปฏิเสธ
“พลังระดับนี้ เกรงว่าต่อให้เป็นตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิมาเองก็คงไม่อาจหยุดยั้งมันได้เลย…”
สีหน้าของเจ้านทีปี้เซียวมืดหมอง
ทุกคนต่างรู้สึกร้อนรนใจยิ่งนัก
พวกเขาต่างแน่ใจว่าร่มสีดำบนแท่นเต๋าคงไม่พ้นสมบัติที่ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินทิ้งไว้ที่นี่
สิ่งนี้เพียงอย่างเดียวก็สามารถทำให้ตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิคลั่งด้วยความโลภได้
ทว่าผู้คนในที่นี้ไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่าม
อำนาจของแท่นเต๋าน่าหวาดกลัวยิ่ง ทั้งยังเต็มไปด้วยอันตรายถึงตาย ใครเล่าจะกล้ากระทำการสุ่มสี่สุ่มห้า?
“โอกาสอยู่ตรงหน้า ทว่าไม่อาจเอื้อมมือคว้า นี่มันทรมานกันชัด ๆ!”
บางคนสบถเสียงต่ำ
เหล่าปีศาจเฒ่าอื่น ๆ ก็รู้สึกหดหู่ใจนัก
“บางทีโชคเช่นนี้อาจจะท้าทายอำนาจสวรรค์มากเกินไป และไม่ใช่สิ่งที่ข้าควรนึกครอบครอง”
นักดาบมารถอนหายใจ
ทันใดนั้น เว่ยอวิ้นก็โพล่งถาม “หาก… เราขึ้นไปบนแท่นเต๋าโดยไม่ได้ใช้พลังจากการฝึกฝนใด ๆ จะสำเร็จหรือไม่หนอ?”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกกล่าว เหล่าปีศาจเฒ่าก็อดคิดตามไม่ได้
จริงดังว่า แท่นเต๋าพิลึกนี้จะโจมตียามสัมผัสคลื่นพลังแห่งมหาวิถีได้
หากไม่ใช้พลังจากการฝึกฝน ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ถูกแท่นเต๋านั่นโจมตีหรือ?
“ข้าจะลองให้”
ปีศาจเฒ่าพันเนตรผุดลุกขึ้นและหยิบหม้อดินเหนียวสีเทาออกมาจากหว่างคิ้ว
ฮึ่ม!
หม้อดินเหนียวเปล่งแสง และทันใดนั้นร่างที่ดูเหมือนเด็กผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้น ใบหน้าน้อยไร้เดียงสาซีดขาว ดวงตาลึกโหล ริมฝีปากแดงสดดุจโลหิต
ทันทีที่มันปรากฏ บรรยากาศชั่วร้ายกระหายเลือดก็แผ่ออกมาจากเด็กคนนั้น
โอรสผีนทีสีเลือด!
เหล่าปีศาจเฒ่าทั้งมวลที่มองอยู่ต่างหรี่ตา พวกเขารู้ที่มาของผีตนนี้ มันเป็นวัตถุอันชั่วร้ายยิ่งนัก การจะหล่อหลอมมันต้องใช้เคล็ดวิชาเหี้ยมโหดกระหายเลือดต่าง ๆ นานา
ชายชราตาบอดและชุยจิ๋งเหยี่ยนล้วนแต่มีสีหน้าถมึงทึง การหล่อหลอมโอรสผีนทีสีเลือดให้ได้สักตนต้องรวมรวมและสังหารเด็กนับไม่ถ้วนเพื่อสั่งสมพลังโลหิต โหดร้ายไร้มนุษยธรรมเป็นที่สุด
ไม่ใช่การกล่าวเกินจริง หากจะบอกว่าเมื่อขุมกำลังใหญ่ทั่วภูมิมืดมิดรู้ว่ามีโอรสผีนทีสีเลือดในมือปีศาจเฒ่าพันเนตร พวกเขาคงทุ่มสุดตัวฆ่าอีกฝ่ายลงให้ได้!
“ไป!”
ปีศาจเฒ่าพันเนตรกระซิบสั่ง
โอรสผีนทีสีเลือดก้าวตรงไปยังแท่นเต๋าสูงเก้าจั้ง ในขณะที่มันกำลังก้าวขึ้นไปบนแท่น เหล่าปีศาจเฒ่าทั้งมวลก็อดกลั้นหายใจไม่ได้
ช่างน่าประหลาดใจที่ไร้อุบัติเหตุ!
โอรสผีนทีสีเลือดไม่ได้ใช้พลังอันใด มันเดินตรงไปยังแท่นเต๋า!
“ว่าแล้วเชียว ขอเพียงไม่ใช้พลังจากการฝึกฝน แท่นเต๋านั่นก็จะไม่โจมตี!”
ปีศาจเฒ่าพันเนตรหัวเราะร่า
เหล่าปีศาจเฒ่าทั้งมวลก็โล่งใจ
“พี่ซู ร่มสีดำนั่นจะถูกแย่งไปแล้วนะ เราจะยืนมองเฉย ๆ หรือ?”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนส่งกระแสเสียงถาม
“พวกเขาเอามันไปไม่ได้หรอก”
เมื่อซูอี้กล่าวจบ เสียงกรีดร้องลั่นก็ดังขึ้นกะทันหัน
ขณะที่มือของโอรสผีนทีสีเลือดเพิ่งสัมผัสถูกด้ามร่มสีดำนั้นเอง แสงสีดำที่มืดมิดดุจราตรีนิรันดร์ก็ผุดขึ้นจากร่มสีดำ โอบล้อมร่างของโอรสผีนทีสีเลือดไว้
ภายใต้สายตาสยดสยองของฝูงชน ตัวตนอันชั่วร้ายของโอรสผีนทีสีเลือดดิ้นรน ก่อนมันจะถูกร่มสีดำปราบลงและหายไป
บนพื้นผิวสีดำของร่มปรากฏแสงสีดำเรืองกระเพื่อมดุจดั่งหายใจ ก่อนจะหายเงียบกลับไปดุจเดิม
“บัดซบ! ข้าเสียเวลาหลายพันปี ทุ่มเทกายใจกว่าจะหล่อหลอมโอรสผีนทีสีเลือดได้สักตน แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว!!”
ปีศาจเฒ่าพันเนตรเดือดดาลขุ่นเคือง
เหล่าปีศาจเฒ่าตนอื่น ๆ ก็ตะลึงกับภาพตรงหน้า สีหน้ามืดหมอง
“พี่ซู เจ้ารู้อยู่แล้วหรือว่าร่มสีดำนั่นแปลก?”
ดวงตาของชุยจิ๋งเหยี่ยนวูบไหว ขณะส่งกระแสเสียงถาม
ซูอี้พยักหน้าน้อย ๆ และไม่ได้กล่าวอันใด
ทันใดนั้น นักพรตเต๋าหน้าขาวก็กล่าวขึ้น “ยามนี้เราก็แน่ใจได้แล้วว่าขอเพียงไม่ใช้พลังจากการฝึกฝน แท่นเต๋าก็จะไม่โจมตี หรือก็คือ หากเราคิดหาวิธีเก็บร่มสีดำคันนั้นมาได้ สมบัติหายากชิ้นนี้ก็จะตกสู่มือเรา”
“สหายเต๋าคิดเห็นเช่นไร?”
เจ้านทีปี้เซียวถาม
นักพรตเต๋าหน้าขาวส่ายหน้ากล่าว “ข้าไม่อาจกล่าวได้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ เพราะถึงอย่างไร ร่มสีดำนั่นก็แสนประหลาด หากไม่ระวังก็จะถูกสังหาร ความคิดของข้าคือหาคนกลางสักคนไปลองหยิบสมบัติ คิดว่าทำได้หรือไม่?”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ถูกกล่าว สายตาของเหล่าปีศาจเฒ่าต่างหันมองพวกซูอี้โดยพร้อมเพรียง
หากต้องการหาคนกลาง ก็มีอยู่สามคนตรงนี้!
ทั้งชายชราตาบอดและชุยจิ๋งเหยี่ยนขมวดคิ้ว
ซูอี้เยือกเย็นเช่นกาลก่อน
ทว่าเว่ยอวิ้นส่ายหน้า และกล่าวขึ้นว่า “ไม่ดี ครานี้การที่เราสามารถเข้ามายังที่นี่ได้ก็ต้องขอบคุณสหายทั้งสามนี้ เราจะให้พวกเขารับความเสี่ยงเยี่ยงนี้ได้เช่นไร?”
นักพรตเต๋าหน้าขาวเหยียดยิ้ม สีหน้ามืดหม่นเย็นชา “ถ้าเช่นนั้น… ท่านเจ้าเมืองก็ลองเองเลยดีหรือไม่?”
เว่ยอวิ้นเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
ปีศาจเฒ่าพันเนตรอดรนทนไม่ได้อีก ดวงตากวาดมอง และชี้ชายชราตาบอดทันที “เจ้าเฒ่าตาบอดนั่น เจ้าไปก่อนเลย! หาไม่ ข้าจะฆ่าเจ้าทันที!”
เขาเพิ่งเสียโอรสผีนทีสีเลือดไปหนึ่งตน จึงอารมณ์เสียสุดขีด และไม่คิดซุกซ่อนจิตสังหารในวาจา
สีหน้าของชายชราตาบอดมืดดำลงทันที
ทว่า ก่อนที่เขาจะทันได้ขยับ ก็พบว่าเว่ยอวิ้นระเบิดหัวเราะออกมา พลางกล่าวว่า “ช่างเถิด ข้าเลิกเล่นแล้ว มันสายไปแล้ว ได้เวลาจบเสียที”
เจ้าเมืองปีศาจราตรีดูราวเปลี่ยนไปเป็นคนละคน สีหน้าแววตาของเขาดูเปี่ยมด้วยรอยยิ้มเจ้าแผนการ
การกระทำผิดปกตินี้ทำให้สีหน้าของเหล่าปีศาจเฒ่าแปรผัน
กระทั่งชายชราตาบอดและชุยจิ๋งเหยี่ยนยังอึ้งไปครู่หนึ่ง นี่มันเรื่องอันใด?
ซูอี้หยิบไหสุราออกมาจิบ สีหน้าเมินเฉยดั่งทุกที
“ท่านเจ้าเมือง เจ้า… หมายความเช่นไร?”
เจ้านทีปี้เซียวถามอย่างแปลกใจ
“เจ้ายังไม่เห็นอีกหรือ เราตกสู่กับดักของเว่ยอวิ้นอย่างไรเล่า!”
ปีศาจเฒ่าแขนเดียวกล่าวอย่างเย็นชา
เว่ยอวิ้นกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “เรียกว่ากับดักไม่ได้หรอก นี่เป็นสถานที่แห่งโอกาสจริงแท้ และร่มสีดำนั้นก็เป็นสมบัติของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินซึ่งทิ้งไว้ที่นี่จริง ๆ หากมีปัญญา พวกเจ้าก็ไปหยิบมันมาได้ เว่ยผู้นี้รับปากว่าจะไม่หยุดใครทั้งสิ้น”
“เว่ยอวิ้น เจ้าจะทำอันใด?”
นักพรตเต๋าหน้าขาวถามเสียงแหบ
เว่ยอวิ้นถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวว่า “เจ้าอาจไม่เชื่อหากข้าบอกไป แต่ในเมื่อเจ้าถาม ข้าก็จะไม่ซ่อนมันอีก”
กล่าวจบ เขาก็เหลือบมองเหล่าปีศาจเฒ่า กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าก็แค่คิดว่า เชิญพวกท่านมาตายได้แล้ว!”
ตาย?
เหล่าปีศาจเฒ่าต่างขมวดคิ้ว ทว่าไร้ผู้ใดลนลาน
โดยเฉพาะนักพรตเต๋าหน้าขาวซึ่งอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ข้าก็ว่าแล้วว่าคืนนี้ต้องมีเรื่องแปลก เพราะถึงอย่างไร โชคลาภเช่นนี้ ตระกูลเว่ยของเจ้าจะใจดีพอแบ่งกับเราได้เช่นไร? ในที่สุดเจ้าก็เผยหางจิ้งจอกออกมาแล้ว!”
เหล่าปีศาจเฒ่าอื่น ๆ ที่ข้างกายเขายิ้มเยาะ
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ทั้งชายชราตาบอดและชุยจิ๋งเหยี่ยนตระหนักได้ว่าเหล่าปีศาจเฒ่าลอบร่วมมือกันอย่างลับ ๆ!
ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังรู้ว่าปฏิบัติการครั้งนี้มีปัญหา แต่ก็ยังกล้ามากับเว่ยอวิ้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเตรียมตัวมาดี
มีเพียงซูอี้ซึ่งร่ำสุราไม่สนใจผู้ใด และดูไม่ยี่หระต่อสิ่งใดทั้งสิ้น
ปีศาจเฒ่าแขนเดียวกล่าวอย่างจริงจัง “ท่านเจ้าเมือง แม้ว่าจะอยากจัดการกับข้า แต่ก็ต้องมีเหตุผลกระมัง?”
เว่ยอวิ้นกล่าวอย่างเฉยชา “การฆ่าเจ้านับได้ว่าลดความชั่วร้ายให้โลกหล้า ไฉนยังต้องการเหตุผลอื่น?”
หนึ่งประโยคถูกกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับเป็นสัจธรรมแห่งหล้า
นี่ทำให้เหล่าปีศาจเฒ่าเปี่ยมจิตสังหาร พร้อมขยับทุกเมื่อ
“มีแค่เจ้า ไม่ใช่คู่มือข้าแม้แต่น้อย”
นักพรตเต๋าหน้าขาวกล่าวเสียงแหบ “หรือเจ้าจะยืมพลังจากแท่นเต๋านั่นได้? หรือเจ้าใช้ร่มสีดำนั่นได้กันล่ะ?”
เว่ยอวิ้นส่ายหน้ากล่าว “ข้าจะใช้พลังที่แต่เดิมเป็นของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินด้วยระดับฝึกฝนของข้ายามนี้ได้เช่นไร แต่การฆ่าพวกเจ้าไม่ได้ยากหรอก”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ เขาก็พูดต่อด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ขอใต้เท้าโปรดสังหารปีศาจขจัดมารเหล่านี้เสีย!”
เสียงยังคงไม่ทันจางหาย ปิ่นสำริดซึ่งปักมวยผมของเว่ยอวิ้นอยู่พลันเปล่งแสง พิรุณแสงโปรยปรายพร่างพราว ค่อย ๆ สร้างเป็นร่างสูงใหญ่กำยำร่างหนึ่ง
ร่างนี้สวมชุดเกราะสำริดโบราณ ดวงตาแข็งกร้าวกดดันเยี่ยงดวงตะวันแผดเผา ร่างเต็มไปด้วยคลื่นพลังแห่งจักรพรรดิ
ทันทีที่ปรากฏกาย อำนาจน่าหวาดหวั่นก็ปกคลุมไปทั่วโลกเร้นลับ
จักรพรรดิ!!
ทั้งชุยจิ๋งเหยี่ยนและชายชราตาบอดต่างตื่นตะลึง ไม่คาดเลยว่าไพ่ตายในคืนนี้สำหรับเว่ยอวิ้นจะเป็นตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิผู้หนึ่ง!
เหล่าปีศาจเฒ่าหน้าเปลี่ยนสี ร่างแข็งทื่ออย่างช่วยไม่ได้
ซูอี้ซึ่งมองสถานการณ์อย่างเย็นชาราวคนนอกมาตลอดอดมีสีหน้าซับซ้อนยามมองจักรพรรดิในชุดเกราะสำริดไม่ได้