บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 798: จิตวิญญาณหงส์เพลิง
ตอนที่ 798: จิตวิญญาณหงส์เพลิง
ตอนที่ 798: จิตวิญญาณหงส์เพลิง
นักพรตเต๋าหน้าขาวที่ได้รับผลกระทบแรงที่สุด บัดนี้แทบสติหลุดลอย
มารโลหิตลิดรอนเป็นสมบัติที่จักรพรรดิมารผู้หนึ่งทิ้งไว้ แม้ว่าจะถูกทำลายจิตวิญญาณ จนสมบัติชิ้นนี้เสียหายหนัก ทว่าพลังของมันก็ยังสามารถเป็นภัยถึงตายสำหรับตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณ ณ ขณะนี้ได้
เหมือนเช่นกาลก่อนที่สมบัติชิ้นนี้สกัดขวางหุ่นอาคมระดับจักรพรรดิได้!
ทว่ายามนี้ สมบัติมารนี้กลับถูกหนีบด้วยสองนิ้วของชายหนุ่มผู้หนึ่งในขอบเขตสยายวิญญาณ แล้วจะให้นักพรตเต๋าหน้าขาวทำใจยอมรับได้เช่นไร?
“เปิด!”
เขาคำราม ทั่วร่างเดินพลังเกือบเต็มที่
ฮึ่ม!
มารโลหิตลิดรอนสั่นไหวอย่างรุนแรง ใบมีดยาวเจ็ดชุ่นปรากฏอักขระปีศาจแน่นขนัด แผ่บรรยากาศน่าสยดสยองไร้ขอบเขต
ทว่า ไม่ว่ามันจะดิ้นรนรุนแรงเพียงใด ก็ไม่อาจหลุดจากมือซูอี้ได้อยู่ดี!
ในทางกลับกัน เมื่อนิ้วของซูอี้เกร็งออกแรง มารโลหิตลิดรอนก็ถูกจับแน่นเสียจนไม่อาจขยับได้อีก และทำได้เพียงระเบิดเสียงครวญราวจะร้องไห้
“เงียบ”
ซูอี้บีบฝ่ามือ
ทันใดนั้น มารโลหิตลิดรอนก็ดูราวถูกพันธนาการโดยสมบูรณ์ ไม่อาจเคลื่อนไหวใด ๆ
อั่ก!
นักพรตเต๋าหน้าขาว ณ ไกลออกไปอ้าปากพ่นโลหิตคำโต ร่างของเขาซวนเซร่วงตุ้บลงกับพื้น สีหน้าแข็งค้าง ลมหายใจแผ่วเบา
มารโลหิตลิดรอนถูกจับได้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าส่งผลกระทบถึงตัวเขาอย่างร้ายแรง!
“นี่มัน…”
นักดาบมาร ฮูหยินจินไฉ่และคนอื่น ๆ ต่างตะลึงกลัว
“เจ้าเด็กนี่ต้องมีที่มาเช่นไรกัน ไฉนจึงน่ากลัวได้เพียงนี้?”
ปีศาจเฒ่าพันเนตรอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ
“เราทั้งผองต่างถูกเขาหลอก! เจ้าเด็กนี่แสร้งเป็นหมูเพื่อกินเสือ!”
ปีศาจเฒ่าแขนเดียวกัดฟันด้วยสีหน้าหม่นหมอง
ก่อนหน้านี้ที่ริมธารยมโลกอัคคีหยก ซูอี้ยินยอมส่งปลาหมอเพลิงหยางบริสุทธิ์เก้าตัวให้กับพวกเขา การกระทำที่เกือบเป็นการก้มหัวแสดงจุดอ่อนนี้เคยทำให้เหล่าปีศาจเฒ่าดูหมิ่นดูแคลน
นับแต่นั้นมา เหล่าปีศาจเฒ่าก็ไม่ได้ใส่ใจพวกซูอี้อีกต่อไป
ทว่าไม่มีผู้ใดคิดฝันว่าขณะที่พวกเขากำลังจะสังหารเว่ยอวิ้นนั้นเอง ชายหนุ่มผู้ที่พวกตนดูหมิ่นจะช่วยเว่ยอวิ้นเปลี่ยนกระแสศึก ช่วยเขาจากอันตรายในชั่วอึดใจ!!
สิ่งที่น่าตื่นกลัวที่สุดคือการที่มารโลหิตลิดรอนซึ่งเพียงพอจะหยุดหุ่นอาคมระดับจักรพรรดิไม่อาจคณามือซูอี้ ซึ่งทำให้เหล่าปีศาจเฒ่ารู้สึกทึ่ง
“ขอบคุณที่ช่วยเหลือ!”
เว่ยอวิ้นกล่าวอย่างขอบคุณ
เขาบาดเจ็บสาหัส และทำใจเตรียมตายตกตามกันกับเหล่าปีศาจเฒ่านี้แล้ว
แต่ไม่คิดเลยว่าในยามหน้าสิ่วหน้าขวานที่ตัดสินเป็นตายนี้ ชายหนุ่มในขอบเขตสยายวิญญาณผู้นี้จะเข้ามาช่วยเขาไว้!
มันทำให้เขารู้สึกเหมือนฝัน ดั่งทุกสิ่งไม่ใช่ความจริง
ซูอี้เล่นกับมีดบินยาวเจ็ดชุ่น ขณะกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
เหตุที่เขาช่วยชีวิตเว่ยอวิ้นนั้นง่ายมาก
ในอดีตชาติ เมื่อเขาและเย่น้อยมายังมหาภูผานี้ มีชายชราผู้หนึ่งจากตระกูลเว่ยให้สัตย์สาบานในนามตระกูล จะขอสังหารปีศาจปราบมาร ปกปักษ์มหาภูผาไปตลอดกาล!
กระทั่งการก่อตั้งเมืองปีศาจราตรียังเกี่ยวข้องกับชายชราจากตระกูลเว่ยผู้นั้น
และการกระทำในกาลก่อนของเว่ยอวิ้นก็ไม่ได้ทำให้ซูอี้ผิดหวัง แม้ตนใกล้ตายก็ยังไม่ลืมเตือนพวกเขาซึ่งเป็นคนนอกให้จากไปเสีย
จิตใจเช่นนี้หาได้ยากนัก
“ใต้เท้าเป็นผู้ใด เราไม่มีความแค้นต่อกัน ไฉนจึงก้าวเท้าลงมาพัวพันกับเรื่องนี้ด้วย?”
นักพรตเต๋าหน้าขาวกล่าวเสียงแหบ สีหน้าปรากฏความกลัวอย่างลึกล้ำ
เหล่าปีศาจเฒ่าอื่น ๆ ก็ไม่กล้ากระทำการหุนหันราวเผชิญมหาศัตรู
“แค่คนผ่านทางเท่านั้น”
ซูอี้กล่าว ก่อนจะเก็บมารโลหิตลิดรอนในมือ พลางเหลือบมองและกล่าวกับเหล่าปีศาจเฒ่าว่า “อย่ากลัวไป ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าหรอก”
สีหน้าของเหล่าปีศาจเฒ่าเปลี่ยนแปร
น้ำเสียงของซูอี้ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่น ราวพวกตนไม่ต่างจากปลาบนเขียงในสายตา
เว่ยอวิ้นถามอย่างงุนงง “สหายเต๋า ไอ้แก่พวกนี้เป็นภัยต่อโลกหล้ามาช้านาน จิตใจชั่วช้าสามานย์ ไฉนจึงไม่ฆ่าพวกเขาเล่า?”
ซูอี้ชี้ร่มสีดำบนแท่นเต๋าห่างออกไป และกล่าวว่า “มันหิวอยู่”
สามพยางค์นี้ทำให้เหล่าปีศาจเฒ่าตะลึงไปในทีแรก และจากนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมหันต์เมื่อตระหนักได้ว่าซูอี้กำลังจะทำสิ่งใด
“ลงมือ!”
นักพรตผีมลายสวรรค์ตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ทันทีที่วาจาถูกกล่าว เหล่าปีศาจเฒ่ามากกว่ายี่สิบตนก็ลงมือพร้อมเพรียงกัน ทุกคนต่างใช้สมบัติของตนพุ่งมาทางซูอี้ราวจนตรอก
ตู้ม!
ลำแสงทิพย์พร่างพรรณราย เปลวเพลิงโชติช่วงระริกไหว
เห็นได้ชัดว่าเหล่าปีศาจเฒ่าตั้งใจทุ่มสุดตัวในการโจมตีตอบโต้ ทั้งยังลอบติดต่อกัน เมื่อลงมือก็งัดไม้ตายก้นหีบออกมาอย่างไร้ปิดบัง
พลังเต๋าดุดันร้ายกาจ เคล็ดวิชาอันถูกใช้พร้อมปราณทำลายล้าง พลังต่าง ๆ หลอมรวมเป็นคลื่นอำนาจแข็งแกร่งกรีฑาประสาน ทะยานสู่ซูอี้
นี่คือการโจมตีแบบหวังจบทุกอย่างในศึกเดียว!
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็ส่ายหน้าน้อย ๆ แสนคร้านจะลงมือเอง จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นตบหุ่นอาคมที่ข้างกาย ร่ายเสียงอันลี้ลับฟังไม่ออกจากริมฝีปาก
ตู้ม!
ทันใดนั้น หุ่นอาคมในชุดเกราะสำริดก็ดูจะถูกปลุกวิญญาณและความแข็งแกร่งขึ้นมา ทั่วร่างระเบิดแสงสีทองพร่างพราวเจิดจ้า
แค่การแสดงพลังเช่นนั้น เว่ยอวิ้นก็อดตะลึงอึ้งกับสิ่งที่เกิดไม่ได้แล้ว
ยามก่อนที่เขาควบคุมหุ่นอาคม พลังของมันอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่ายามนี้ก็เป็นได้!
ควับ!
หุ่นอาคมก้าวออกมาชก
สมบัติและเคล็ดวิชาอันทรงพลังซึ่งทะลักไหลดุจกระแสคลื่นถูกหมัดนี้ขยี้เป็นชิ้น ๆ สร้างเป็นพิรุณแสงกระจายพร่างนภา
หุ่นอาคมก้าวออกมาคว้าปีศาจเฒ่าตนหนึ่ง และยกมือขึ้นเหวี่ยง
โครม!
ปีศาจเฒ่าปลิวละลิ่วไร้การควบคุมไปยังแท่นเต๋าสูงเก้าจั้งห่างออกไป และก่อนที่เขาจะทันได้ขัดขืนดิ้นรน แสงสีดำก็ผุดขึ้นดุจรัตติกาล กลืนกินร่างของคนผู้นั้นหายไปเป็นอากาศธาตุ
ที่พื้นผิวร่มสีดำซึ่งวางนิ่งกับที่ปรากฏประกายแสงสีเข้ม
“วอนตาย!”
“ลุย!”
ทั่วบริเวณปั่นป่วนโดยสิ้นเชิง
ปีศาจเฒ่าเหล่านั้นทั้งตกใจกลัว โกรธเคืองและลนลาน เตรียมพุ่งสู่ทางออกอย่างบ้าคลั่ง
ทว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าหุ่นอาคมระดับจักรพรรดิ เหล่าปีศาจเฒ่าซึ่งหลอกหลอนโลกามานานแสนนานกลับไม่อาจต้านทานไหว
ในชั่วไม่กี่อึดใจ เหล่าปีศาจเฒ่าหลายสิบคนก็ถูกหุ่นอาคมจับโยนเข้าไปหาแท่นเต๋าสูงเก้าจั้ง และต่างถูกร่มสีดำกลืนกินทีละคน
เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัว เสียงคำรามอย่างสิ้นหวังไม่อยากตาย… เสียงแล้วเสียงเล่าดังสะท้อนในโลกเร้นลับแห่งนี้
มีบางคนพยายามจัดการกับซูอี้ ทว่าผลก็คือเขาถูกจัดการด้วยการขยับเพียงหนึ่งนิ้วมือ
มีบางคนพยายามใช้ชุยจิ๋งเหยี่ยนและชายชราตาบอดเป็นตัวประกัน ทว่าพวกเขาก็ถูกหุ่นอาคมจับได้ และโยนเข้าไปเป็นอาหารของร่มสีดำที่อยู่บนแท่นเต๋าสูงเก้าจั้งโดยไม่ละเว้น
บางคนร้องขอความเมตตา ทว่าก็ยังไม่อาจหนีเงื้อมมือของหุ่นอาคมพ้น
ภาพการนองเลือดนี้ช่างชวนตระหนกตกใจเสียจนเหล่าปีศาจเฒ่าที่เหลือแทบสิ้นสติ
นี่ไม่ใช่ศึกแม้แต่น้อย แต่เป็นการเข่นฆ่าฝ่ายเดียว!
“พี่ซู ไฉนจึงไม่ฆ่าพวกเขาเสียเล่า?”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนอดถามไม่ได้
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “สิ่งที่ตายแล้วไม่สด ร่มนั่นไม่ชอบหรอก”
ชุยจิ๋งเหยี่ยน “…”
สีหน้าของชายชราตาบอดดูพิกล
ในเวลาเพียงอึดใจ เหล่าปีศาจเฒ่ากว่ายี่สิบคนก็ถูกกวาดล้าง!
โลกเร้นลับอันโกลาหลวุ่นวายค่อย ๆ กลับสู่ความสงบแรกเริ่มของมัน
หุ่นอาคมยืนนิ่งเฉยเมยดุจภูผาอันไม่อาจสั่นคลอน
เว่ยอวิ้นยืนอึ้งกับที่ ไม่อาจคืนสติได้แสนนาน
สำหรับเขา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ดูเกินจริงมากเกินไป
เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าชายหนุ่มผู้หนึ่งในขอบเขตสยายวิญญาณจะมีอำนาจน่าหวั่นเกรงเพียงนี้ได้เช่นไร กระทั่งสามารถปราบสมบัติมารได้โดยง่าย
และการควบคุมหุ่นอาคมของเขายังเกินจินตนาการ พลังที่ปลดปล่อยออกมาแข็งแกร่งกว่ายามที่เขาควบคุมหุ่นอาคมเป็นไหน ๆ!
ในขณะเดียวกัน ชุยจิ๋งเหยี่ยนและชายชราตาบอดดูเยือกเย็นที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากเห็นซูอี้เอาชนะหยวนหลินหนิง พวกเขาจะยังต้องตะลึงกับศึกเช่นนี้อีกหรือ?
ทว่า ยามนี้เอง ในที่สุดชุยจิ๋งเหยี่ยนก็เข้าใจว่าเหตุใดซูอี้จึงไม่สังหารเหล่าปีศาจเฒ่าเสียที่ริมตลิ่งธารยมโลกอัคคีหยก
ที่แท้เขาก็มองเหล่าปีศาจเฒ่าเหล่านี้เป็นเหยื่ออยู่นานแล้ว และต้องการป้อนพวกเขาเป็นอาหารให้ร่มลึกลับสีดำนั่น!
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ ชุยจิ๋งเหยี่ยนก็ยังเข้าใจทันทีด้วยว่าการกระทำในคืนนี้ของซูอี้ เกิดจากเขารู้อยู่แล้วว่ามีร่มสีดำในพื้นที่ต้องห้ามนี้!
‘ผนึกที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน ซูอี้ คนจากมหาทวีปคังชิงจะรู้เรื่องนี้ได้เช่นไร? หรือเขาจะเป็นทายาทของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน?’
เมื่อชุยจิ๋งเหยี่ยนคิดเช่นนี้ นางก็ตระหนักได้ว่าปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินก็แซ่ซู!
‘อีกอย่าง กระทั่งท่านปู่ยังให้ความสำคัญกับคนผู้นี้มากนัก เขาต้องรู้อยู่นานแล้วแน่ว่าอีกฝ่ายเป็นทายาทของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน หาไม่ ตัวตนเช่นท่านปู่จะมาชอบใจคนรุ่นเยาว์เช่นนี้ได้เช่นไร?’
เมื่อคิดเช่นนี้ หญิงสาวก็รู้สึกราวตนได้ค้นพบความลับใหญ่หลวง และดวงตาคู่งามของนางก็แฝงความตื่นเต้น
“เมื่อกลับถึงตระกูล ข้าต้องไปถามท่านบรรพชนให้ชัดเจน!”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนลอบกล่าว
หากซูอี้รู้ว่ายามนี้ ชุยจิ๋งเหยี่ยนถือว่าเขาเป็นทายาทของตนเองในอดีตชาติล่ะก็ คงไม่รู้จะรู้สึกเช่นไรเป็นแน่…
ขณะนี้ ซูอี้เดินไปยังแท่นเต๋าสีดำสูงเก้าจั้งแล้ว
เมื่อเขามาถึงแท่นเต๋า เขาก็หยิบปลาหมอเพลิงหยางบริสุทธิ์อีกสามตัวออกมาโยนออกไป
พรึ่บ!
เพลิงสีโลหิตผุดพราย แปรเปลี่ยนเป็นวิหคสีชาดซึ่งมีรูปลักษณ์เหมือนวิหคแดง
มันกระพือปีกอันเต็มไปด้วยหมอกสีเลือด อ้าปากคว้าปลาหมอเพลิงหยางบริสุทธิ์ตัวหนึ่งขณะใช้คู่กรงเล็บแหลมคมคว้าปลาอีกข้างละตัว จากนั้นก็เริ่มจิกกิน
“นี่…”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนและชายชราตาบอดอ้าปากค้าง และยามนี้เองที่พวกเขาตระหนักว่ามีสัตว์ร้ายเช่นนี้ซุกซ่อนอยู่ในแท่นเต๋าเก้าจั้ง!
“มิน่าเล่า ในอดีต ผู้ใดที่พยายามเข้าใกล้แท่นเต๋านี้จึงถูกโจมตีถึงตาย…”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนพึมพำ
เว่ยอวิ้นร้องเสียงสั่น “ท่านบรรพชนกล่าวได้ถูกต้องจริง ๆ ด้วย!”
“อันใดหรือที่ถูกต้อง?”
ซูอี้ถามโดยไม่หันกลับไปมอง
เว่ยอวิ้นสงบจิตและตอบว่า “บรรพชนตระกูลเว่ยของข้าเคยส่งต่อข้อความลับห้ามประกาศออกมาหนึ่งฉบับ บอกว่าในแท่นเต๋าเก้าจั้ง ณ แดนปิดผนึกมีจิตวิญญาณแท้ของ ‘หงส์เพลิง’ สิงสู่อยู่ และร่มสีดำนี้ก็ถูกทิ้งไว้เพื่อสยบวิญญาณวิหคแดง ทั้งยังเตือนทายาทด้วยว่าหากสักวันมีโอกาสได้ย่างกรายสู่ที่แห่งนี้ ต้องพยายามไม่เข้าใกล้แท่นเต๋านี้ หาไม่ มันจะนำไปสู่ความตาย”
จิตวิญญาณหงส์เพลิง!
ชายชราตาบอดเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ระลึกถึงความลับหนึ่งซึ่งเขาได้ยินจากผู้เป็นอาจารย์เมื่อนานมาแล้ว
“แปลว่า… ข่าวลือจากกาลก่อนเป็นจริงหรือ?”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนดูจะนึกถึงบางอย่างออก และร้องออกมาอย่างประหลาดใจ