บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 815: ยอมรับอย่างเต็มใจ
ตอนที่ 815: ยอมรับอย่างเต็มใจ
ตอนที่ 815: ยอมรับอย่างเต็มใจ
เซวียฮว่าหนิงอดตะลึงมิได้
นางไม่เคยคาดคิดว่าชายหนุ่มผู้ดูเฉยเมยไร้อารมณ์ผู้นี้จะกระทำการอหังการทรงพลังเพียงนี้
ทว่ามันก็ยิ่งทำให้นางชอบนิสัยเขา
ยามนี้ ในหมู่ชนรุ่นเยาว์ในเขตราชาหกวิถี จะมีสักกี่คนที่กล้าพอยืนขึ้นเผชิญหน้ายอดฝีมือจากตระกูลตั้นไถ?
‘ลูกสาวข้ามองคนไม่ผิด’
เซวียฮว่าหนิงลอบคิด นางจำจดหมายที่ชุยจิ๋งเหยี่ยนส่งกลับตระกูลเมื่อไม่นานมานี้ได้ ซึ่งอธิบายเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับซูอี้
ในหมู่พวกมัน สถิติที่ซูอี้สร้างในมหาทวีปคังชิงนั้นกล่าวได้ว่าน่าตกใจ
นี่ทำให้เซวียฮว่าหนิงตระหนักแต่แรกว่าซูอี้อาจไม่ได้มีที่มาชัดเจน ทว่าเขาต้องเป็นตัวตนเหนือธรรมดาอันน่าทึ่งแน่นอน
นับแต่ยามนั้นจวบยามนี้ เมื่อเห็นความหยิ่งผยองในทุกการเคลื่อนไหวของซูอี้ เซวียฮว่าหนิงก็ยิ่งพอใจและยอมรับในตัวเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
แน่นอนว่า เซวียฮว่าหนิงไม่ได้ต้องการทดสอบซูอี้เพียงผู้เดียว
ตั้นไถหลิ่วไม่ใช่ภัยคุกคามใหญ่หลวง เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณขั้นกลาง จึงไม่ได้อยู่ในสายตาของเซวียฮว่าหนิง
ในทางกลับกัน ชายในชุดขนนกข้างกายตั้นไถหลิ่วเป็นจักรพรรดิแห่งตระกูลตั้นไถ มีนามว่าตั้นไถซื่อซึ่งพิสูจน์เต๋าขึ้นเป็นจักรพรรดิเมื่อแปดร้อยปีก่อน และมีชื่อเสียงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
เขาเป็นหนึ่งในคนกลุ่มน้อยซึ่งได้ก้าวสู่ระดับจักรพรรดิของภูมิมืดมิดในช่วงพันปีมานี้
ในสายตาของเซวียฮว่าหนิง การฝึกฝนของตั้นไถซื่อยังไม่เข้าขั้น ทว่าถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิ ซึ่งไม่มีทางที่ตัวตนในวิถีวิญญาณเยี่ยงซูอี้สามารถรับมือได้
ทว่า ในขณะที่เซวียฮว่าหนิงกำลังจะกล่าวขัด ชุยฉางอันก็กล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “ฮูหยิน คอยดูเฉย ๆ เถิด”
เซวียฮว่าหนิงตกใจ
“เจ้าบอกว่า… ให้คุกเข่าลงรับโทษหรือ?”
ตั้นไถซื่อหัวเราะอย่างกรุ่นโกรธ
“ท่านอาโปรดใจเย็นเถอะ ให้ข้ารับมือกับตัวตนเช่นนี้เอง”
ตั้นไถหลิ่วกล่าวอย่างเย็นชา “ผู้อาวุโสชุย ผู้อาวุโสเซวีย อย่าโทษข้าที่ลงมือในถิ่นตระกูลชุยเลย ซูอี้ผู้นี้พูดไม่ยั้งปาก ดูหมิ่นข้าและท่านอา เขาต้องถูกลงโทษ!”
เขากล่าวด้วยแววตาเย็นเฉียบดุจคมดาบ จ้องมองซูอี้และกล่าวว่า “คนแซ่ซู กล้าออกไปสู้กับข้านอกหอหรือไม่?”
วาจาผ่อนคลายสง่างามทำให้เหล่าแขกในหอชื่นชม
นี่แหละคือรูปแบบศิษย์ตระกูลโบราณของพวกเขา!
สีหน้าของตั้นไถซื่อผ่อนคลายลงมาก จากนั้นจึงกล่าวเตือน “แค่สั่งสอนเจ้าคนต่ำต้อยไม่รู้ที่ต่ำที่สูงนั่นก็พอ อย่าหนักมือเกินไป หาไม่ ข้าเกรงว่ามันจะทำให้ผู้อาวุโสเซวียของเจ้าเสียหน้าได้”
“ขอรับ”
ตั้นไถหลิ่วพยักหน้า
เขาพลันหันไปกล่าวกับชุยจิ๋งเหยี่ยนว่า “แม่นางจิ๋งเหยี่ยน ข้าจะทำให้เจ้าเข้าใจเองว่าตัวตลกเช่นนี้ไม่คู่ควรกับเจ้าเลย”
วาจาของเขาแฝงความดูหมิ่นเหยียดหยามต่อซูอี้อย่างรุนแรง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชุยจิ๋งเหยี่ยนเกือบหลุดหัวเราะออกมา ใบหน้างามของนางแข็งค้างเล็กน้อย และดวงตาของนางก็มองตั้นไถหลิ่วอย่างสงสารเวทนา
“มดเช่นนี้ มือเดียวก็บี้ได้ ไฉนต้องออกไปสู้ข้างนอกด้วย?”
ซูอี้ก็แย้มยิ้มเช่นกัน
เขากล่าวพลางขยับฝ่ามือกดลงบนอากาศเบา ๆ
ไม่มีผู้ใดสัมผัสคลื่นพลังกระเพื่อมใด ๆ ได้ ทว่าตั้นไถหลิ่วกลับรู้สึกราวกับมีมหาคีรีกดทับศีรษะ ร่างของเขาในยามนั้นตึงเกร็ง รีดเร้นใช้วิถีเต๋าของเขาเข้าต้านโดยไม่รู้ตัว
ตู้ม!
ตั้นไถหลิ่วตะโกนลั่น สะบัดอาภรณ์ แสงเรืองควบแน่น ปราณสีดำดุจงูพวยพุ่งออกจากกระดูกสันหลังส่วนหางและทะยานสู่เหนือหัว แปรเปลี่ยนเป็นหอกสีดำเล่มหนึ่ง
หอกสังหารเวหา!
เคล็ดวิชาประจำตระกูลตั้นไถ
ในสมัยโบราณ ตระกูลตั้นไถใช้เคล็ดวิชานี้ปราบศัตรูร้ายในกรมเดรัจฉาน
หอกสังหารเวหาทะยานเข้ามา ใกล้ทะลวงพลังจากฝ่ามือของซูอี้
เขามีระดับฝึกฝนอยู่ในขอบเขตวงล้อวิญญาณ กอปรกับความสามารถน่าทึ่งและร่างเต๋าสมบูรณ์แบบ ในเขตราชาหกวิถี เขาจึงเป็นตัวตนชั้นนำในหมู่ชนรุ่นเยาว์
ทว่า เหนือความคาดหมาย
หอกสังหารเวหาเคลื่อนไปได้เพียงครึ่งนิ้ว มันก็ปริแตกออก!
ทันใดนั้น อำนาจไร้สิ้นสุดก็กดลงมาจากเวหา บดขยี้ทุกการป้องกันบนร่างของเขาอย่างไม่อาจต้าน และเขาก็ถูกกดให้คุกเข่าลงดังเปรี้ยง
พื้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทั้งหนังสือและเครื่องใช้ตกแต่งต่างสะเทือนเคลื่อน
ปราบตั้นไถหลิ่วด้วยหนึ่งฝ่ามือ!
“นี่มัน…”
ทุกคนในห้องไม่อาจเก็บความตะลึงไว้ได้ พวกเขาต่างรู้ถึงความแข็งแกร่งของตั้นไถหลิ่ว ด้วยวิถีเต๋าของเขาซึ่งอยู่ครึ่งทางก่อนถึงขั้นสมบูรณ์แบบของขอบเขตวงล้อวิญญาณ แม้จะไม่ได้ไร้คู่เปรียบทั่วโลกา แต่ก็ถือได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในอัจฉริยะไม่กี่คนในหมู่คนรุ่นเยาว์แห่งเขตราชาหกวิถี
ทว่าในขณะนี้ เขากลับไม่อาจรับกระทั่งฝ่ามือนี้ได้!
“อ๊าก—!”
ตั้นไถหลิ่วคำรามลั่น ใบหน้าบิดเบี้ยวแดงก่ำ ไม่อาจรับความจริงนี้ได้
ปราณสีดำเป็นดั่งขนดมังกรแผ่ซ่านพลุ่งพล่านรอบกาย สามารถตัดแบ่งขุนเขาหยุดธารได้อย่างแสนง่าย!
โชคร้ายที่ไม่เพียงเขาไม่อาจสลัดหลุด แต่กลับถูกกดร่างลงอีกครั้ง ร่างของเขานอนแผ่แน่นิ่งกับพื้นราวกับเป็นอักษรต้า*[1] จะกระดิกนิ้วยังทำไม่ได้
ทั่วโถงเงียบงัน ทุกผู้ไร้วาจา
“ปล่อยข้า ไม่เช่นนั้นตระกูลตั้นไถของข้าจะทำลายตระกูลเจ้าซะ!”
ตั้นไถหลิ่วคำรามตาถลน ความอับอายอันไม่อาจกล่าวได้รุนแรงจนเขาเสียสติ
แววตาของซูอี้เย็นชา กดฝ่ามือลงอีกเล็กน้อย
แค่จากเสียงเป๊าะที่ดังขึ้น ตั้นไถหลิ่วก็กรีดร้องลั่น ไม่รู้ว่ามีกระดูกกี่แห่งทั่วกายที่แตกร้าว ผิวของเขาปริแตกทีละน้อย โลหิตไหลโซม
“วอนตาย!”
ชายในชุดขนนกตั้นไถซื่อปรากฏจิตสังหารในดวงตา ฟาดฝ่ามือออกมา
ตู้ม!
ลำแสงเจิดจรัสระเบิดออกมาจากฝ่ามือ เผยจิตสังหารไร้ขอบเขตอันน่าหวาดหวั่น
ทุกคนไม่ทันตั้งตัว
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าบุคคลอันทรงเกียรติเช่นตั้นไถซื่อจะลงมือโจมตีซูอี้อย่างไร้ลังเล!
ในสายตาทุกคู่ ซูอี้คงถูกฝ่ามือนี้ทำลายสิ้นต่อให้ไม่ตายก็ตาม
“แย่ล่ะ!”
เซวียฮว่าหนิงเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน ทว่ายามที่นางกำลังจะยื่นมือช่วยนั้นเอง
นางก็พบว่า…
ซูอี้ไม่หลบเลี่ยง ฝ่ามือประทับไปในอากาศดุจประทับตรา
ตู้ม!!!
เสียงการกระแทกเลือนลั่น ลำแสงทิพย์ระเบิดกวาดไปทั่วทั้งหอ
เหล่าแขกในห้องต่างเดินพลังมหาวิถีของตนเพื่อหลบลูกหลงจากศึกนี้
ทันใดจากนั้น ทั้งโถงก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ทั้งพื้นและผนังเกิดการกระเพื่อมมากมายจากค่ายกลเพื่อหยุดคลื่นพลัง
“เป็นไปได้เช่นไร!?”
เสียงหนึ่งอุทาน
เมื่อฝุ่นควันจางลง ตั้นไถซื่อก็เบิกตากว้าง ใบหน้าซีดขาวไม่อยากเชื่อสายตา
ยามนี้เอง ทุกคนจึงเห็นได้ว่าร่างของซูอี้ยังคงยืนไร้รอยขีดข่วนท่ามกลางการโจมตีหนักหน่วงเช่นนั้น!
“หยุดได้หรือ?”
ชายชราชุดเหลืองจากตระกูลชวีอึ้งจนกรามแทบร่วง
ชายหนุ่มผู้หนึ่งในขอบเขตสยายวิญญาณหยุดการโจมตีของจักรพรรดิได้ เรื่องนี้ไม่น่าเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย
“เด็กนี่… ผิดปกติมาก…”
ชายวัยกลางคนในชุดดำจากตระกูลหงขมวดคิ้ว สีหน้ายากตัดสิน
ยามนี้ เหล่าแขกจากตระกูลโบราณทั้งสามอึ้งตะลึงงัน
เพราะถึงอย่างไร ใครเล่าจะกล้าจินตนาการว่าผู้ฝึกตนในวิถีวิญญาณจะทำเช่นนี้ได้?
“ซูอี้ผู้นี้แข็งแกร่งเพียงนี้เลยหรือ?”
เซวียฮว่าหนิงอดส่ายหน้าอย่างเกือบมึนงงไม่ได้
เมื่อชุยจิ๋งเหยี่ยนส่งจดหมายกลับตระกูลเมื่อกาลก่อน ซูอี้ยังไม่ได้ออกจากโถงหลงลืม และย่อมไม่ได้ระบุถึงการที่ซูอี้ปราบจักรพรรดิโลกันตร์อเวจีหยวนหลินหนิงและจักพรรดิผู้ฝึกฝนกายเนื้อหร่านเทียนเฟิงแห่งสำนักนภายมโลก
หาไม่ เซวียฮว่าหนิงคงไม่ตะลึงเยี่ยงนี้
“ดูเหมือนว่ายายหนูนี่จะรู้ถึงความแข็งแกร่งของซูอี้อยู่แล้ว หาไม่ นางคงไม่ใจเย็นได้เยี่ยงยามนี้”
เซวียฮว่าหนิงสังเกตเห็นว่าบุตรสาวของนาง ชุยจิ๋งเหยี่ยนเยือกเย็นยิ่งนัก ไร้ความประหลาดใจหรือกังวลในแววตาท่าทางของนางเลย
“ทว่า ไฉนสามีข้าจึงสงบเงียบได้เช่นนั้น?”
เซวียฮว่าหนิงสังเกตว่าชุยฉางอันเองก็ไม่ได้ตกใจมากมาย และดูไม่แปลกใจกับผลลัพธ์เยี่ยงนี้เลย
เรื่องนี้ทำให้เซวียฮว่าหนิงงุนงงเล็กน้อย
ก่อนที่นางจะได้เข้าใจ ซูอี้ก็ชี้ออกไปนอกโถงพลางกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “ออกไปข้างนอก ข้าจะให้เจ้าคุกเข่ารับโทษเสีย”
ตั้นไถซื่อผู้เปี่ยมด้วยความเคลือบแคลงและโทสะได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็คล้ำเขียวอย่างโกรธเคือง เสียงของเขาเย็นชา “ไม่จำเป็น!”
ตู้ม!
ร่างของเขาดุจภูเขาไฟปะทุ เส้นผมสะบัดปลิว เห็นได้ชัดว่าเขาจะใช้พลังทั้งหมดสังหารซูอี้ด้วยหนึ่งการโจมตี
ทว่ายามนี้ เสียงอันเย็นชาก็ตวาดดุจสายฟ้า
“ตั้นไถซื่อ ช่างโอหังนัก!”
ร่างของชุยฉางอันปรากฏตรงหน้าซูอี้ รวดเร็วดุจเคลื่อนย้ายพริบตา
ตู้ม!
ร่างผอมสูงของเจ้าตระกูลชุยดุจดั่งหอกศึกที่สามารถทะลวงสวรรค์ ปราณที่แผ่ปกคลุมทั่วกายประหนึ่งคลื่นยักษ์ถล่มพสุธา
เมื่อเขาตั้งหลักยืนได้ ใบหน้าของตั้นไถซื่อก็ซีดขาว ดวงตาเต็มไปด้วยความกลัวอย่างลึกล้ำ
โถงเงียบสงัด ทุกคนนิ่งเกร็งหดหู่
ยามนี้ ชุยฉางอันเป็นประหนึ่งราชาผู้ปกครองหล้า อำนาจน่าหวาดหวั่นของเขาทำให้ชายชราชุดเหลือง ชายวัยกลางคนในชุดดำและคนอื่น ๆ เปลี่ยนสีหน้าด้วยหัวใจสั่นสะท้าน
นี่คือการวางตนของเจ้าตระกูลชุย สงบนิ่งยามไม่โกรธ ทว่ายามระเบิดโทสะก็ทำให้สวรรค์สั่นคลอน!
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอี้ก็ลอบคิดในใจว่าจิ้งจอกเฒ่าชุยหลงเซี่ยงเลี้ยงลูกชายได้ดี
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากชุยฉางอันไม่ลุกขึ้นมา ตระกูลชุยจะเสียหน้า
เพราะถึงอย่างไร จักรพรรดิจากตระกูลตั้นไถก็กล้าลงมือตรงหน้าเจ้าตระกูลชุย มันต่างอันใดกับการตบหน้ากันตรง ๆ?
โชคดีที่ชุยฉางอันไม่ได้ทำให้ซูอี้ผิดหวัง
สิ่งเดียวที่ทำให้เขาเสียดายก็คือ ชุยฉางอันลงมือเร็วเกินไป เขาจึงไม่มีเวลาทำให้ตั้นไถซื่อคุกเข่าลงรับโทษได้ทัน…
“สหายเต๋าชุย ข้าจะโอหังได้เช่นไร? ไม่เห็นหรือว่าเจ้าเด็กแซ่ซูผู้นั้นจะฆ่าหลานของข้าอยู่รอมร่อแล้ว?”
ตั้นไถซื่อสูดหายใจลึก ใบหน้ายากจะมอง “หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ๆ ตระกูลชุยของเจ้าย่อมอาจไม่อาจหนีการกล่าวโทษได้! ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้าเชื่อว่าสหายเต๋าชุยคงไม่ต้องการเห็นมันเช่นกันหรือไม่?”
จริงอยู่ เขาคิดว่าตนเองห่างไกลจะเป็นคู่มือของชุยฉางอัน ทว่าครานี้เขามาในนามตระกูลตั้นไถ ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลว่าชุยฉางอันจะลงมือเช่นไรกับเขา
ทว่าเขากลับพบว่าชุยฉางอันใช้มือไพล่หลัง ดวงตาน่าหวาดหวั่น และกระซิบถ้อยคำ
“คุกเข่าลงขอโทษคุณชายซูและชดใช้ความผิดของเจ้าเสีย! หาไม่ ข้าจะหักขาเจ้าซะที่นี่เลย!”
[1] ตัวอักษรต้า (大) ที่ปลายเส้นสองข้างแบะออกเหมือนกับขาคนที่พับงอ