บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 817: ท้องนภาจะไม่ถล่ม
ตอนที่ 817: ท้องนภาจะไม่ถล่ม
ตอนที่ 817: ท้องนภาจะไม่ถล่ม
เมื่อเผชิญสายตาของบุตรีและภรรยา ชุยฉางอันพลันชะงักงัน
นี่… จะอธิบายได้เช่นไร?
หลังจากคิดสักพัก ชุยฉางอันก็กล่าวว่า “จิ๋งเหยี่ยน เจ้าน่าจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุดนะ”
“เอ่อ… เอ๋??”
หญิงสาวชะงัก ใบหน้างามของนางเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง “ข้ารู้อันใดหรือ?”
ชุยฉางอันถาม “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าปู่เจ้าเป็นคนให้เจ้าไปมหาทวีปคังชิง และเขาก็ให้จี้หยกกับเจ้าไว้?”
ชุยจิ๋วเหยี่ยนสะดุ้ง และกล่าวว่า “ใช่ จนกระทั่งข้าไปอยู่ในมหาทวีปคังชิงนั่นอย่างไรเจ้าคะ ข้าจึงรู้ว่าเหตุใดท่านปู่ถึงให้จี้หยกนั่นกับข้า ที่แท้ก็เพื่อตามหาซูอี้นี่เอง”
เซวียฮว่าหนิงที่ด้านข้างถามอย่างงุนงง “พวกเจ้าพ่อลูกคุยอันใดกัน?”
นางไม่ได้รับรู้เรื่องนี้ด้วยแต่ต้นจนจบ และในจดหมายที่ชุยจิ๋งเหยี่ยนส่งกลับมาเมื่อไม่นานมานี้ ก็ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้เลย
ชุยฉางอันกล่าวยิ้ม ๆ “จิ๋งเหยี่ยน เจ้าบอกแม่เจ้าสิ”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนอธิบายเรื่องทั้งหมดทันที
หลังจากฟังจบ ใบหน้างามของเซวียฮว่าหนิงก็กลายเป็นไม่อาจคาดเดาอยู่ชั่วขณะ และกล่าวว่า “หรือก็คือ ก่อนที่ปู่เจ้าจะเข้าไปในทะเลทุกข์ เขาก็กะไว้แล้วว่าจะมีคนเช่นซูอี้ในมหาทวีปคังชิงหรือ?”
“น่าจะเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนพยักหน้าอย่างจริงจัง
เซวียฮว่าหนิงถูหว่างคิ้วของนางและกล่าวว่า “เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกหรือ? ไฉนปู่เจ้าจึงให้ความสนใจพ่อหนุ่มผู้ไม่เป็นที่รู้จักเช่นนี้ด้วย?”
“ตอบท่านแม่ตามตรง ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน”
คิ้วงามสีเข้มของชุยจิ๋วเหยี่ยนขมวด คู่เนตรพร่างดาวกระจ่างใสแสดงความงุนงง “ท่านแม่ไม่รู้หรอก ซูอี้ผู้นี้มีความลับมากมาย บางอย่างข้าก็ไม่อาจเชื่อได้ ไฉนจึงมีสิ่งไม่น่าเชื่อเพียงนี้ในโลกด้วย? ไม่ต่างกับเทพเซียนในตำนานจุติโลกาจริง ๆ…”
วาจาเหล่านี้ทำให้เซวียฮว่าหนิงอดแปลกใจไม่ได้ “ไหนว่ามาซิ”
เห็นเช่นนี้ ชุยฉางอันก็เตรียมย่องหนี
ไม่ว่าจะมีเรื่องเหลือเชื่อใด ๆ เกิดขึ้น ขอเพียงมันเกิดกับ ‘คุณชายซู’ ผู้นั้น ก็ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด!
“หยุดนะ!”
เซวียฮว่าหนิงกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไกลจนกว่าจะอธิบายว่าเมื่อครู่เกิดอันใดขึ้น”
ชุยฉางอันร่างแข็งทื่อ เขาพลันยิ้มแหย ๆ และอธิบายอย่างรู้สึกผิด “ข้าแค่อยากปลอบขวัญตระกูล เรื่องราวกาลก่อนในโถงมันดุดันเกินไป ตอนนี้พวกเขามารวมตัวกันหน้าหอแล้ว…”
เซวียฮว่าหนิงแค่นเสียงอย่างเย็นชา จากนั้นก็เดินอาด ๆ ไปนอกโถง และกล่าวอย่างเย็นชา “ที่นี่ไม่มีอันใดแล้ว โปรดกลับไปก่อน ข้าและเจ้าตระกูลมีเรื่องสำคัญต้องปรึกษา!”
เสียงของนางก้องกังวานไปไกล
คนตระกูลชุยที่ได้ยินเช่นนี้ก็รีบเผ่นหนีทันที
เห็นภาพตรงหน้า มุมปากของชุยฉางอันก็กระตุกอย่างแรง พลันตระหนักว่าคงไม่อาจซ่อนจากลูกเมียได้วันนี้…
“จิ๋งเหยี่ยน เล่ามาสิว่ารู้เห็นอันใดบ้าง”
เซวียฮว่าหนิงหันกลับมาสั่ง
ชุยจิ๋งเหยี่ยนหยุดซุกซ่อนทุกสิ่งทันที นางเล่าเรื่องราวระหว่างเดินทางกับซูอี้ในอดีต รวมไปถึงความเคลือบแคลงในใจนาง
เช่นการที่เขาอยู่ในขอบเขตสยายวิญญาณขั้นกลาง แต่กลับใช้หนึ่งดาบสยบหยวนหลินหนิง นักบวชลำดับสามแห่งโถงหลงลืมได้
เหมือนเช่นในมหาภูผา ซูอี้รู้หนทางการเปิดผนึกพื้นที่ต้องห้าม และล่าสังหารเหล่าปีศาจร้าย
และกระทั่งวิญญาณหงส์เพลิงผู้ดุร้ายซึ่งถูกผนึกในแท่นเต๋าเก้าจั้งยังลอบพูดคุยบางอย่างกับเขา
ในตระกูลเว่ยเผ่ามาร ซูอี้ก็รู้ถึงตัวตนของปีศาจลิงพันหน้าซึ่งแกล้งสวมบทบาทเป็น ‘เว่ยเต้าเยวี่ยน’ บรรพชนตระกูลเว่ยได้ในพริบตา…
และไม่นานมานี้ ในระหว่างที่สำนักนภายมโลกไล่ล่าชายชราตาบอด เชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพ พวกเขาก็ถูกซูอี้ตีแตกด้วยตัวคนเดียว และหร่านเทียนเฟิง ผู้ฝึกกายเนื้ออันแข็งแกร่งก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของซูอี้เลย
เมื่อได้ยินวีรกรรมน่าเหลือเชื่อเหล่านี้ เซวียฮว่าหนิงผู้ชาชินกับการเปลี่ยนผันในโลกหล้าและเห็นชีวิตคนมานับไม่ถ้วนก็อดตัวสั่นเหม่อลอยไม่ได้
สีหน้าของชุยฉางอันละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น
เขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างเว่ยเต้าเยวี่ยนและ ‘คุณชายซู’ ผู้นั้น
และยังเคยได้ยินด้วยว่าวิญญาณของหงส์เพลิงจากซากดินแดนปรภพถูกผนึกไว้แต่แรกได้เช่นไร
กระทั่งเคยได้ยินถึงความเกี่ยวพันระหว่างผู้ก่อตั้งเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพและ ‘คุณชายซู’
สิ่งเดียวที่ชุยฉางอันไม่คาดถึงก็คือการที่ ‘คุณชายซู’ ซึ่งอยู่ในระดับการฝึกฝนเพียงแค่ขอบเขตสยายวิญญาณจะสามารถใช้หนึ่งดาบสยบจักรพรรดิในขั้นต้นของขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำได้!
นี่คือการเอาชนะอันไม่เคยเกิดมาก่อน และมีเพียงหนึ่งเดียวในโลกหล้า!
‘สมกับเป็นท่านลุงซูผู้เคยปราบทั่วหล้านภาสวรรค์ด้วยหนึ่งดาบ…’
ชุยฉางอันทอดถอนใจกับตนเอง
ทว่าทันใดนั้น เปลือกตาของชุยฉางอันก็กระตุกแรง และสังเกตเห็นว่าเซวียฮว่าหนิงกำลังจ้องมาทางเขาด้วยแววตาคมกริบดุจมีดดาบ
“สามีข้า ยามนี้เจ้ายังไม่คิดอธิบายให้กระจ่างอีกหรือ?”
เซวียฮว่าหนิงกระซิบเบา ๆ ด้วยเสียงนุ่มนวล
ชุยจิ๋งเหยี่ยนเองก็กล่าวอย่างขุ่นเคือง “ท่านพ่อ ยังมีสิ่งใดให้ซุกซ่อนอีกหรือ?”
ชุยฉางอันหัวบวม คิดไม่ตกว่าต้องทำเช่นไร
ครู่ต่อมา เขาก็ตัดสินใจกล่าวว่า “คงดีกว่าหากจะรอให้พ่อข้ากลับมาก่อนจะคุยเรื่องนี้กัน หากไร้คำอนุญาตของท่านพ่อ ข้าไม่กล้าตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตนเอง”
กล่าวจบ เขาก็เดินหายลับไปในพริบตา
นี่ทำให้เซวียฮว่าหนิงไม่อาจหยุดเขาได้ทัน
ชุยจิ๋งเหยี่ยนโกรธเสียจนฟันลั่นกรอด และพึมพำออกมา “พ่อคิดว่าข้าคิดไม่ออกหรือไร เจ้าหมอนั่นต้องเป็นทายาทปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินแน่ ๆ!”
เซวียฮว่าหนิงเงียบไป
นางพอคาดเดาคำตอบอื่นได้แล้ว และยังพอเข้าใจแล้วด้วยว่าเหตุใดสามีนางซึ่งเป็นเจ้าตระกูลชุยต้องเก็บงำ
อันที่จริง ยามที่นางเดาคำตอบได้ เซวียฮว่าหนิงก็ตะลึงเสียจนเชื่อไม่ลงไปครู่หนึ่ง
“ท่านแม่ ท่านคิดเช่นไร?”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนถาม
เซวียฮว่าหนิงไม่ได้ตอบ
นางสูดหายใจลึกและกล่าวด้วยแววตาซับซ้อน “ลูกแม่ ข้าคิดว่าเจ้าและซู… คุณชายซูตกหลุมรักกันและจะแต่งงานกัน ทว่ายามนี้ดูเหมือนว่าเจ้าทั้งสอง… จะไม่ได้ถูกลิขิตมาให้อยู่ด้วยกันเสียแล้ว”
ชุยจิ๋งเหยี่ยน “???”
เมื่อเห็นสภาพงุนงงของบุตรสาว เซวียฮว่าหนิงก็คิดว่าบุตรสาวนางคงรับเรื่องนี้ไม่ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะปลอบนางอย่างอ่อนโยน “ไม่ใช่เพราะข้าไม่ชอบใจคุณชายซูหรอกนะ แต่… ตัวตนของเขาพิเศษเกินไป เหตุผลนั้นเจ้าจะได้รู้ในภายหลังแน่นอน แต่ตอนนี้ เจ้าจะถลำลึกไปกว่านี้ไม่ได้นะ…”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนอดกล่าวขัดไม่ได้ “ท่านแม่ ข้าและเขาไม่มีสิ่งใดต่อกันเลยสักนิด! ท่านคิดเองเออเองแต่ต้นจนจบ!”
หญิงสาวขุ่นเคืองเล็กน้อย นางทั้งฉุนทั้งขันในยามเดียวกัน
เซวียฮว่าหนิงจ้องชุยจิ๋งเหยี่ยนอย่างจริงจังไปชั่วขณะ และกล่าวถาม “จริงหรือ?”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจมาก “จริงสิ!”
ทันทีที่วาจานี้ถูกกล่าว ก็เกิดความรู้สึกผิดหวังในใจของหญิงสาวอย่างไม่อาจอธิบาย
ทว่าก่อนที่นางจะทันได้พินิจมันดี ๆ เซวียฮว่าหนิงก็กล่าวด้วยรอยยิ้มโล่งใจ “งั้นดีแล้ว ภายหลังข้าจะช่วยเจ้าหาจนกว่าจะเจอคนที่พอใจแล้วกัน”
ริมฝีปากสีกุหลาบของชุยจิ๋งเหยี่ยนยกขึ้นเล็กน้อย และกล่าวอย่างภาคภูมิว่า “ท่านแม่ ข้าไขว่คว้าเต๋าอย่างสุดหัวใจ ไม่ใส่ใจเรื่องนั้นเลย”
ทว่าในใจของหญิงสาว กลับปรากฏร่างอันไม่แยแสของซูอี้ขึ้นโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
นี่ทำให้นางส่ายหน้าไล่ความคิดอย่างขุ่นเคืองใจโดยไม่รู้ตัว
นี่ข้าเป็นอะไรไป?
ทันใดนั้น ชุยจิ๋งเหยี่ยนก็พลันจำบางเรื่องได้ และกล่าวว่า “จะว่าไป เมื่อตอนที่ท่านปู่ไปทะเลทุกข์ คนเหล่านั้นเพิ่งบอกว่าท่านปู่… จะกลับมาไม่ได้หรือเจ้าคะ?”
“มันก็แค่ข่าวลือ ไม่ใช่เรื่องจริงหรอก”
แม้เซวียฮว่าหนิงจะกล่าวเช่นนั้น หัวใจของนางก็ยังหนักอึ้งเล็กน้อย
“งั้น… เรื่องวันนี้ จะเป็นการล่วงเกินตระกูลโบราณทั้งสามโดยสมบูรณ์หรือไม่เจ้าคะ?”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนลังเล ไม่ว่าหญิงสาวจะมีประสบการณ์น้อยเพียงไร นางก็รู้อยู่ดีว่าเหตุการณ์วันนี้ร้ายแรงมาก!
เซวียฮว่าหนิงไม่รู้คิดเช่นไรอยู่ หัวใจอันหนักอึ้งของนางผ่อนคลายลง ใบหน้าสว่างไสวอย่างแปลกประหลาด และกล่าวว่า “อย่าห่วงเลย ท้องนภา… จะไม่ถล่มลงมาหรอก!”
ในขณะเดียวกัน นางก็ลอบคิดว่า ‘ใช่ ขอแค่มีคุณชายซูอยู่ ต่อให้นภาถล่มลงมา ตระกูลชุยของเราก็จะไม่ถูกกดทับ!’
…
ศาลาต้นสนลมโชย
“คุณชายซู เมื่ออาจารย์ข้าส่งข้าออกจากภูมิมืดมิด มันกะทันหันเกินไปและข้าไม่ได้เตรียมตัวเลย ยามนี้ข้าจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแดนบรรพชนของสายเลือดโคมผีเก็บโลงศพของข้า ข้าเลยคิดว่าจะหาเวลากลับไปยังแดนบรรพชนสักหน่อยขอรับ”
ชายชราตาบอดกล่าว ยามนี้มีเพียงเขาและซูอี้อยู่ในศาลา
ซูอี้พยักหน้ากล่าว “รอจบเทศกาลหมื่นโคมก่อนเถิด”
แดนบรรพชนของเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพตั้งอยู่ในถ้ำลึกลับอันแทบไม่เป็นที่รู้จัก นามว่า ‘พนาน้อยเร้นสุขาวดี’
ที่แห่งนี้ อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนทั่วไปเลย กระทั่งจักรพรรดิยังยากหาที่แห่งนี้เจอ
ซูอี้กล่าวพลางมองชายชราตาบอด “แม้ว่าวิญญาณและร่างกายของเจ้าจะฟื้นตัวเต็มที่แล้ว แต่รากฐานมหาวิถีก็ยังเสียหายอยู่ ครานี้ในตระกูลชุย เจ้าก็สามารถยืมพลังจากพฤกษาหมื่นวิถีเพื่อฟื้นรากฐานมหาวิถีของเจ้าที่เสียหายให้เต็มที่ก่อนได้”
ชายชราตาบอดทั้งตื่นเต้นและประหม่า ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “คุณชายซู พฤกษาหมื่นวิถีคือสมบัติประจำตระกูลชุย หนึ่งในสมบัติวิญญาณต้นกำเนิดอันเลื่องชื่อแห่งภูมิมืดมิด ตระกูลชุยจะให้ข้ายืมจริง ๆ หรือ?”
ซูอี้กล่าวอย่างลอยชาย “ใช่”
ชายชราตาบอดสูดหายใจลึก ๆ และพึมพำ “หากเป็นเช่นนั้นได้คงดี ในที่สุดข้าก็จะมีโอกาสได้ลองก้าวสู่วิถีลึกล้ำ…”
ก่อนที่เขาจะหนีไปยังมหาทวีปคังชิง ชายชราตาบอดฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบของขอบเขตวงล้อวิญญาณแล้ว
ทว่าขณะเดินทางสู่มหาทวีปคังชิง เขาเผชิญกับพายุมิติ ไม่เพียงวิถีเต๋าของเขาเสียหายหนัก กระทั่งวิญญาณของเขายังแทบแหลกสลาย
กระทั่งในกาลก่อน ชายชราตาบอดจะได้รับความช่วยเหลือจากซูอี้มากมาย แต่เขาก็ซ่อมแซมได้เพียงร่างกายและวิญญาณเท่านั้น หาใช่วิถีเต๋าของเขาไม่
ทว่ายามนี้ ซูอี้ได้มอบความหวังให้เขา!
ชายชราตาบอดจะไม่ตื่นเต้นได้เช่นไร?
ซูอี้ไม่กล่าวอันใดอีก
เมื่อร้อยกว่าปีก่อน ผีหมัวสังหารนายแห่งโลงศพโลหิตอู่จั้ง เหตุการณ์นี้แยกจากเขาซูเสวียนจวินไม่ได้ ทำให้เขารู้สึกผิดยามรักษาชายชราตาบอด
หากมีโอกาส เขาจะหาทางช่วยชายชราตาบอดสู่วิถี!
และยามนี้ เสียงหัวเราะร่าก็ดังขึ้นกะทันหัน
“อย่าว่าแต่ยืมพฤกษาหมื่นวิถีเลย กระทั่งถ้าท่านต้องการให้ตระกูลชุยบุกน้ำลุยไฟ ข้ายังไม่ขมวดคิ้วเลยขอรับ”
เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมร่างผอมสูงร่างหนึ่งก้าวฉับ ๆ เข้ามา เขาสวมมงกุฎสูงและอาภรณ์โบราณ หนวดต้นหลิวโบกไสว
เขาคือชุยฉางอัน เจ้าตระกูลชุย!!