บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 820: มีแขกมาร้าน
ตอนที่ 820: มีแขกมาร้าน
ตอนที่ 820: มีแขกมาร้าน
ผู้นั้นคือตาเฒ่าร่างเตี้ย แต่งกายเป็นพ่อค้าวาณิช ไว้หนวดทรงหนวดปลาดุก สองมือซุกในแขนเสื้อ
ราวกับว่าเขาเพิ่งกินอิ่มสบายท้องที่หอเมฆาหอม หน้าตาอิ่มเอม ทั้งยังมีอาการมึนเมาน้อย ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า
แต่ทว่า ขณะที่เขากำลังจะยกขาออกไป ตัวก็สั่นขึ้นมาราวกับมองเห็นอะไรบางอย่างแล้วตกใจอย่างแรง
อย่างรวดเร็ว สายตาของเขาก็มองไปที่เกี้ยวหรูหราคันหนึ่ง
เมื่อมองเห็นคนหนุ่มชุดเขียวเดินลงมาจากเกี้ยวหรูหราคันนั้นแล้ว ผู้เฒ่าร่างเตี้ยเบิกตากว้าง สีหน้ากระอักกระอ่วนราวกับเห็นผี
“นึกไม่ถึงเลยว่า เถ้าแก่เฒ่าจอมเจ้าเล่ห์อย่างเจ้าก็ชอบดื่มเช่นนี้”
ซูอี้ยิ้มพลางเดินมาหา
ข้างหลังของเขา ชุยจิ๋งเหยี่ยนก้าวเดินตามช้า ๆ เพียงแต่ว่าบนใบหน้างดงามของหญิงสาวคนนั้นกลับเต็มไปด้วยความสงสัย
ตาเฒ่าร่างเตี้ยคนนั้นตัวสั่นสะท้านขึ้นมา จากนั้นรีบเดินเข้ามาหาพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แสดงความคารวะด้วยความนอบน้อม
“เป็นเกียรติของเฒ่าเหอจริง ๆ ที่ได้พบกับท่านเซียนใต้เท้าซูที่นี่!”
คำพูดคำจาเต็มไปด้วยคำประจบประแจงอย่างไม่มีการซ่อนเร้น
“น้อย ๆ หน่อย”
ซูอี้ยิ้มพลางด่า ก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าถามเจ้า เหตุใดจึงปรากฏตัวที่นี่ได้?”
ตาเฒ่าร่างเตี้ยตรงหน้าก็คือผู้ดูแล ‘ร้านจำนำ’
ทำให้ซูอี้นึกถึงศิษย์อาจารย์คู่หนึ่งซึ่งเคยเดินทางจากมหาทวีปคังชิงกลับสู่ภูมิมืดมิดพร้อมกับตัวเองขึ้นมา
ศิษย์อาจารย์คู่นี้ตามหาเบาะแสของร้านจำนำมาโดยตลอด
และวันนี้ตอนที่ซูอี้เพิ่งมาถึงเมืองตาข่ายม่วง ก็แลเห็นร่างของศิษย์อาจารย์คู่นี้เข้าโดยบังเอิญ
เป็นความบังเอิญเช่นนั้นหรือ?
ไม่ใช่!
เห็นได้ชัดว่าศิษย์อาจารย์คู่นั้นรู้สึกได้ว่าร้านจำนำจะปรากฏตัวในแถบเมืองตาข่ายม่วง ด้วยเหตุนี้จึงได้ข้ามน้ำข้ามภูเขามาหาถึงที่นี่
และในเวลานี้ การปรากฏตัวของผู้ดูแลร้านเป็นเครื่องแสดงว่าการตัดสินของศิษย์อาจารย์คู่นั้นไม่ผิด
ผู้ดูแลร้านตอบด้วยความเคารพนบนอบ “เรียนใต้เท้าซู ร้านค้าที่ผู้น้อยคอยดูแลต้องเปิดต้อนรับแขกในคืนนี้ เพื่อทำการค้ากับแขกกลุ่มหนึ่งในเขตราชาหกวิถีแห่งนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาต้อนรับแขก ผู้น้อยจึงมานั่งดื่มที่หอเมฆาหอมแห่งนี้ก่อน”
ซูอี้เลิกคิ้วกล่าว “คืนนี้?”
ผู้ดูแลร้านพยักหน้าพลางกล่าว “พูดกันอย่างเคร่งครัด อีกครึ่งชั่วยามร้านก็จะเปิดทำการ”
“มีใครเป็นแขกบ้าง?”
ซูอี้ถาม
“เรื่องนี้…”
กฎเหล็กข้อที่หนึ่งของผู้ดูแลร้านก็คือจะเปิดเผยฐานะของแขกไม่ได้!
“ช่างเถิด ข้าจะไม่บังคับเจ้า”
ซูอี้โบกมือ ยิ้มพลางกล่าว “แต่ว่า พูดขึ้นมาก็บังเอิญเสียจริง ข้าก็ต้องการจะทำการค้ากับร้านของพวกเจ้าเช่นกัน หรืออาจกล่าวได้ว่าการปรากฏตัวของร้านเจ้า สามารถช่วยข้าแก้ไขปัญหาด่วนปัญหาหนึ่งได้”
ผู้ดูแลร้านตะลึง ทันใดยิ้มพลางกล่าว “ใต้เท้าซูสามารถมาแวะที่ร้านได้ ถือเป็นเกียรติของผู้น้อยยิ่งนัก!”
“ไปกัน เจ้านำทาง”
ซูอี้กล่าวกำชับ
ผู้ดูแลร้านรีบรับคำ
ชุยจิ๋งเหยี่ยนนิ่งเงียบตลอดทาง ทว่าเวลานี้ทนไม่ไหวแล้ว ส่งกระแสเสียงมา “พี่ซู ไหนบอกว่าจะไปหอเมฆาหอมด้วยกันไม่ใช่หรือ เหตุใดจู่ ๆ จึงเปลี่ยนใจเสียเล่า? ยังมีอีก ร้านนั้นขายอะไรเช่นนั้นหรือ ฟังดูแล้วประหลาดจัง”
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวมีแต่ความสงสัย
“ร้านนั้นไม่ธรรมดา รอให้ไปถึงที่นั่นแล้วเจ้าก็จะเข้าใจเอง” ซูอี้ตอบ
“เช่นนั้นหรือ…”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนขมวดคิ้วดกงาม
เมืองตาข่ายม่วงเป็นถิ่นของตระกูลชุย ทว่าชุยจิ๋งเหยี่ยนกลับไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีร้านประหลาดเช่นนี้เปิดในเมืองแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อไร
อีกทั้งเจ้าของร้านยังรู้จักกับซูอี้ด้วย!
ประหลาดเกินไปแล้ว
แต่ ก็เป็นเพราะเหตุนี้ กลับเป็นการดึงดูดความอยากรู้ของหญิงสาวอย่างแรง
จนกระทั่งเมื่อใกล้จะเดินออกจากประตูเมืองอันยิ่งใหญ่ของเมืองตาข่ายม่วง ชุยจิ๋งเหยี่ยนจึงรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า “หรือว่าร้านแห่งนั้นตั้งอยู่นอกเมือง?”
“ถูกต้อง”
ผู้ดูแลร้านยิ้มเมตตาพลางตอบ “เมืองตาข่ายม่วงเป็นถิ่นของตระกูลชุย หากว่าร้านปรากฏขึ้นในเมือง จะเป็นการละเมิดได้”
จนกระทั่งเดินออกนอกประตูเมืองแล้ว ผู้ดูแลร้านจึงชี้ไปยังที่ไกล ๆ “ใต้เท้าซู ห่างจากตรงนี้ไปร้อยลี้จะมีพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง ร้านตั้งอยู่ตรงนั้นขอรับ”
พูดจบ ผู้ดูแลร้านล้วงกระดานวงล้อทองเหลืองออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นชี้ลงบนนั้น
วิ้ว!
กระดานวงล้อทองเหลืองหมุนติ้ว คลื่นมิติประหลาดล่องลอยออกไป
“พี่ซู เขากำลังทำอะไรอยู่หรือ?”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนถามด้วยความสงสัย ในสายตาของหญิงสาว ตาเฒ่าร่างเตี้ยคนนี้ช่างลึกลับเสียเหลือเกิน ท่าทางประหลาดไปเสียหมด
ไม่รอให้ซูอี้ตอบ ผู้ดูแลร้านก็ยิ้มพลางกล่าวอธิบาย “ผู้น้อยกำลังใช้ประโยชน์จากพลังของร้านมารับพวกเราไปที่นั่น ด้วยเหตุนี้ จึงไม่จำเป็นต้องเสียงแรงเดินทางอีก”
เพิ่งพูดจบ ขณะที่กระดานวงล้อทองเหลืองแผ่นนั้นหมุน ประตูเลือนรางบานหนึ่งก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
“ใต้เท้าซู แม่นาง เชิญ” ผู้ดูแลร้านผายมือทำท่าเชื้อเชิญ
ซูอี้ไหนเลยจะเกรงใจ และก้าวเท้าเดินไปแล้ว
สวบ!
ร่างของเขาหายวับไป
ชุยจิ๋งเหยี่ยนเห็นเช่นนี้แล้วกะพริบตาปริบ ๆ และเดินตามไป ร่างอรชรของนางพลันหายวับไปเช่นกัน
ผู้ดูแลร้านตามพวกเขาไปติด ๆ
——
เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น
เมื่อชุยจิ๋งเหยี่ยนรู้สึกตาลาย ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่รกร้างแห่งหนึ่งแล้ว
ท้องฟ้ามืดครึ้ม ราตรีกาลมาถึงอย่างเงียบ ๆ พระจันทร์เสี้ยวสีเงินประดุจน้ำแข็งหนาวลอยเด่นอยู่บนท้องนภา
และในความมืดมิดที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก มีตึกไม้ไผ่สองชั้นตั้งเด่นเพียงลำพัง ใต้หลังคาประตู มีโคมไฟดวงหนึ่งแขวนอยู่ ดวงไฟสลัว ๆ สาดส่องแสงอบอุ่นออกมา
ปฐพีมืดมิด ดวงไฟส่องสว่าง
ดวงแสงนั้นปล่อยกลิ่นอายพลังที่บอกไม่ถูกออกมาในความมืด ราวกับสามารถส่องหนทางที่มืดมิดให้สว่างเพื่อชี้นำทางได้
บนประตูใหญ่ของหอไม้ไผ่มีแผ่นป้ายแผ่นหนึ่งแขวนอยู่ เขียนคำว่า ‘ร้านรับจำนำ’
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ชุยจิ๋งเหยี่ยนก็ยิ่งรู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้น
นี่เป็นร้านค้าเช่นใดกันแน่?
ผู้ดูแลร้านเดินนำทางเข้าไปก่อน
เมื่อผลักประตูเข้าไป ชุยจิ๋งเหยี่ยนจึงพบว่า ภายในร้านค้าแห่งนี้กว้างขวางมาก แท่นชำระเงินตั้งอยู่กลางห้อง ลูกคิด โคมไฟ กับตาชั่งตั้งอยู่บนนั้น
แสงของโคมไฟทองเหลืองเล็กประดุจเม็ดถั่ว ส่งแสงสลัวริบหรี่ ทำให้ส่วนอื่น ๆ ของห้องนี้แลดูมืดมิดราวกับอยู่ท่ามกลางม่านหมอก มองอะไรไม่ชัดเจน
ด้านหลังของแท่นชำระเงินเป็นชั้นวางสินค้าที่เต็มไปด้วยสินค้ามากมาย
เดินมาถึงตรงนี้ ชุยจิ๋งเหยี่ยนกฆ็รู้สึกราวกับเข้ามาในโลกลึกลับแห่งหนึ่ง ราวกับว่าที่นี่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะมองดูสินค้าที่จัดวางบนชั้น ฉับพลันก็มีเสียงประหลาดดังขึ้นมา
ลูกคิดบนแท่นชำระเงินส่งเสียงดัง ลูกตุ้มที่ห้อยอยู่อีกด้านของตาชั่งเคลื่อนไหวอย่างแรง ระฆังขนาดใหญ่เท่ากับฝ่ามือวิ่งออกมาจากมุมผนังที่มืดมิด
เวลานี้ของทั้งสามสิ่งราวกับมีชีวิต กล่าวต่อซูอี้อย่างพร้อมเพรียงกัน “คารวะใต้เท้าซู!”
เสียงแฝงด้วยความนอบน้อม แลดูเชื่อฟังยิ่งนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งระฆังลูกนั้น เป็นเสียงหญิงสาวอ่อนหวานออเซาะเสนาะหู
ชุยจิ๋งเหยี่ยนตะลึง ริมฝีปากแดงอิ่มเอิบกลมโตเป็นรูป “O” หน้าตาตื่นตระหนก สมบัติสามชิ้นนี้มีชีวิต!
อีกทั้งยังนอบน้อมต่อซูอี้มากด้วย!
“เอาล่ะ ข้าไม่ชอบมากพิธี”
ซูอี้โบกมือ
มาร้านจำนำอีกครั้ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่ให้ความรู้สึกสงบใจเป็นอย่างมาก
“ใต้เท้าซู เชิญนั่ง”
ลูกตุ้มขยับตัว เก้าอี้ตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าแท่นชำระเงิน
“โง่ ยังมีหญิงสาวผู้รู้ใจของใต้เท้าซูอีกคน”
ลูกคิดสีดำบนกระดานลูกคิดส่งเสียงดุ
“อ้าว ข้าเสียมารยาทเข้าแล้ว”
ลูกตุ้มขยับตัวอีกครั้ง เก้าอี้อีกตัวหนึ่งปรากฏขึ้น
ชุยจิ๋งเหยี่ยนหน้าแดงระเรื่อ ส่ายหน้าพลางกล่าว “ข้าไม่ใช่หญิงสาวผู้รู้ใจของเขาสักหน่อย”
“พวกเราเข้าใจ”
ลูกคิด ลูกตุ้ม กับระฆังส่งเสียงพร้อมกัน ทำท่าเหมือนกับว่าพวกมันเข้าใจดี
จากนั้น บนแท่นชำระเงินก็มีขนมว่างและชาวิญญาณร้อน ๆ ปรากฏขึ้นตามการเคลื่อนไหวของประกายแสงวิญญาณบนลูกตุ้ม
ซูอี้นั่งลงอย่างเป็นกันเอง หยิบชาวิญญาณขึ้นมาจิบ
ชุยจิ๋งเหยี่ยนกลับรู้สึกงงงัน สถานที่แห่งนี้… แปลกประหลาดเหลือเกิน!
“แม่นาง เชิญนั่ง”
ผู้ดูแลร้านเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ชุยจิ๋งเหยี่ยนจึงก้าวเดินมานั่งราวกับเพิ่งได้สติกลับมา
เพียงแต่ว่า เมื่อเห็นสินค้ามากมายที่ตั้งวางบนชั้นแล้ว หญิงสาวถึงกับสูดปาก บนใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
นางใช้ชีวิตอยู่ในจวนตระกูลชุยมาตั้งแต่เล็ก พบเห็นสมบัติล้ำค่าประหลาด ๆ มามากต่อมาก ไหนเลยจะมองไม่ออกว่าของที่วางอยู่บนชั้นมีชิ้นไหนบ้างที่ไม่ใช่สมบัติล้ำค่าตะลึงโลก?
กลิ่นอายที่แผ่กระจายออกมาจากสมบัติล้ำค่าบางชิ้นยังแสดงถึงจังหวะวิถีในระดับจักรพรรดิด้วยซ้ำไป!
สมบัติล้ำค่าบางชิ้น แม้กระทั่งนางก็ยังยากนักจะมองออกถึงประวัติที่มา แต่ที่มาของสมบัติแต่ละชิ้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
“นี่… นี่คือร้านค้าอะไรกันแน่? ไม่น่าเชื่อเลย…”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนรู้สึกลายตาไปหมด
ซูอี้ไม่ใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้ เขาใช้นิ้วเคาะแท่นชำระเงินพลางกล่าว “โคมไฟดอกบัวอาญาสวรรค์ที่ ‘หลวงจีนซ่อนใบ’ แห่งแดนบูรพาน้อยนำมาจำนำยังอยู่หรือไม่?”
ผู้ดูแลร้านรีบพยักหน้า “อยู่ขอรับ อีกทั้ง สมบัติชิ้นนี้เลยกำหนดไถ่คืนแล้ว ตอนนี้เป็นสมบัติของร้านพวกเราแล้วขอรับ”
ซูอี้ถามอีก “แล้ว ‘เจดีย์ดับเคราะห์’ ที่เฒ่าซางอิ๋นแห่งแดนลี้ลับขั้นเก้านำมาจำนำยังอยู่หรือไม่?”
ผู้ดูแลร้านส่ายหน้าพลางกล่าว “เมื่อประมาณสามพันปีก่อน เฒ่าซางอิ๋นมาไถ่สมบัติชิ้นนี้คืนไปแล้วขอรับ”
หลวงจีนซ่อนใบ!
เฒ่าซางอิ๋น!
ได้ยินสองชื่อนี้แล้ว ชุยจิ๋งเหยี่ยนก็ตกใจจนแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
แม้ว่าจะเติบโตมาในภูมิมืดมิด แต่หญิงสาวก็เคยได้ยินผู้อาวุโสในตระกูลเล่าเรื่องราวในเก้ามหาแดนดินให้ฟังอยู่บ้าง
และจากที่เคยได้ฟังมา หลวงจีนซ่อนใบก็คือหนึ่งในผู้มีความสามารถแห่งขอบเขตจักรพรรดิอันลือชื่อที่สุดของแดนบูรพาน้อย ระดับวิถีในตัวสั่นสะท้านทั่วภูมิภพ
ส่วนเฒ่าซางอิ๋นยิ่งร้ายกาจ เขาเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่แห่งแดนลี้ลับขั้นเก้า!
“หลวงจีนซ่อนใบ เฒ่าซางอิ๋นเคยมาจำนำสมบัติล้ำค่าที่ร้านค้าแห่งนี้หรือ?”
“สวรรค์! ร้านนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันจึงสามารถทำการค้ากับผู้สามารถอันดับหนึ่งทั่วทั้งเก้ามหาแดนดินเหล่านั้นได้?”
ชุยจิ๋งเหยี่ยนตะลึง ในใจมีแต่ความตื่นตระหนก
และร้านค้าลึกลับไม่อาจคาดเดาเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลร้าน หรือสมบัติล้ำค่าเหล่านั้น เมื่อพบกับซูอี้แล้วล้วนแสดงความยำเกรงด้วยกันทั้งสิ้น!
เช่นนี้ทำให้ชุยจิ๋งเหยี่ยนถึงกับสงสัยว่าการเป็นคนรุ่นหลังของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินมีหน้ามีตามากถึงเพียงนี้จริง ๆ น่ะหรือ?
เวลานี้ ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเข้ม “ถ้าเช่นนั้นในร้านตอนนี้มีสมบัติล้ำค่าที่สามารถสยบสิ่งชั่วร้าย กำจัดเคราะห์ภัยหรือไม่?”
ผู้ดูแลร้านกล่าวด้วยความลังเล “เรียนถามใต้เท้าซู สมบัติล้ำค่าที่ท่านเอ่ยถึงต้องมีอานุภาพขั้นใดขอรับ?”
ซูอี้โพล่งออกมา “ดีที่สุดต้องไม่ด้อยไปกว่าสมบัติลับในขั้นขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ”
ผู้ดูแลร้านครุ่นคิดสักครู่ พลันแสดงสีหน้าประหลาดขึ้นมาราวกับนึกอะไรขึ้นได้ จากนั้นกล่าวเบา ๆ “ใต้เท้าซู ผู้น้อยคิดว่า มีสมบัติอสูรชิ้นหนึ่งที่สอดคล้องกับความต้องการของท่าน อีกทั้งท่านคงจะเคยได้ยินชื่อของสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้มาแล้ว”
“เช่นนั้นหรือ? ลองว่ามา”
“เตาโลหิตโตวเทียน!”