บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 828: จักรพรรดิเป็นดั่งมด
ตอนที่ 828: จักรพรรดิเป็นดั่งมด
ตอนที่ 828: จักรพรรดิเป็นดั่งมด
เมื่อตระหนักได้ว่าผู้หัวเราะคือซูอี้ เฟ่ยฉางถิง ชวีหมิงเวยและชุยเว่ยจงต่างมีสีหน้าย่ำแย่
“ไอ้หนู เจ้าหมายความเช่นไร…?”
เฟ่ยฉางถิงกล่าวอย่างไร้อารมณ์
แค่ปลาซิวปลาสร้อยในขอบเขตสยายวิญญาณ แต่กลับกล้ายิ้มเยาะ ณ ยามนี้ ช่างบังอาจเสียนี่กระไร?
หากไม่ใช่เพราะการกระทำในคืนนี้ เขาคงไม่แม้แต่จะถาม แต่บี้เจ้าสิ่งเหมือนมดนี่ให้ตายไปแล้ว
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “ขออภัย ข้าแค่คิดว่ามันช่างน่าขัน จึงอดหัวเราะไม่ได้”
กล่าวราวเป็นเรื่องแน่นอน
ทุกคน “…”
ดวงตาของเฟ่ยฉางถิงฉายประกายจิตสังหาร
ชุยเว่ยจงรีบกล่าว “สหายเต๋า สงบจิตก่อน ให้ข้าสั่งสอนคนผู้นี้เอง”
เขาเกรงว่าเฟ่ยฉางถิงจะระเบิดโทสะสังหารซูอี้ หากเป็นเช่นนี้ การกระทำของเขาจะถูกเปิดโปงในคืนนี้แน่
ชุยเว่ยจงกล่าวพลางหันจ้องซูอี้ ปราณพลุ่งพล่านดุจคลื่นถาโถมกดดัน
“คุกเข่า!”
วาจาดุจดั่งอสนีบาต
แรงกดดันมหาศาลอันเป็นของจักรพรรดิ ณ ขั้นกลางในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำเพียงพอแล้วที่จะทำให้ตัวตนใด ๆ ในวิถีวิญญาณทรุดลงไปคุกเข่า
ทว่า…
ซูอี้กลับยืนนิ่งด้วยสีหน้าสงบเงียบ แรงกดดันร้ายแรงดูราวกับสายลมโชยปะทะใบหน้า และสลายไปเงียบ ๆ
“นี่…”
ชุยเว่ยจงอึ้งตะลึง แทบไม่อยากเชื่อสายตา
พวกเฟ่ยฉางถิงเองก็ปรากฏความประหลาดใจ
ไฉนเลยผู้ฝึกตนในวิถีวิญญาณจึงต้านแรงกดดันของจักรพรรดิได้?
“ไอ้หนูนี่แปลกนัก วันนี้เขาก็รับฝ่ามือของตั้นไถซื่อได้โดยไม่บาดเจ็บ ใช้เพียงแรงกดดันปราบเขาไม่ได้หรอก”
ชวีหมิงเวยพลันกล่าว
ทันทีที่วาจานี้ถูกกล่าว ทุกผู้ก็มีปฏิกิริยา
ตัวตนในวิถีวิญญาณซึ่งสามารถรับการโจมตีของจักรพรรดิได้นั้นนับว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อแล้ว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นบนโลกที่ทำได้!
“บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ เซวียฮว่าหนิงและชุยฉางอันจึงชอบเจ้าเด็กนี่”
ชวีหมิงเวยกล่าวด้วยตาวาวโรจน์ “ทว่าไม่ว่าจะมีพื้นหลังและความสามารถเจิดจรัสเช่นไร ก็ไร้สิทธิ์ทำตัวไร้ระเบียบต่อหน้าข้า!”
เขากล่าวพลางยกมือขึ้นฟาดลงยังหัวของซูอี้บนอากาศ “คุกเข่าลงดี ๆ ซะ!”
ตู้ม!
อากาศสะเทือนไหว
แสงเจิดจ้าสีเงินปรากฏขึ้นกะทันหัน เต็มไปด้วยคลื่นกระเพื่อมของจักรพรรดิในขั้นต้นขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำซึ่งบดขยี้รอบทิศได้อย่างแสนง่าย
ซูอี้ยกมือขึ้นเล็กน้อย
วูบ!
บังเกิดพลังลี้ลับอันน่าหวาดหวั่น บดทำลายพลังฝ่ามือของชวีหมิงเวยดุจหักไม้ไผ่
และแรงกดดันที่เหลือก็กระแทกเข้าใส่ชวีหมิงเวยโดยไร้ใดต้าน
ตู้ม!!
ชวีหมิงเวยถูกโจมตีไม่ทันตั้งตัว ร่างของเขาทะยานปลิวไปตก ณ หลายจั้งเบื้องหลัง แขนขาหักเป๊าะหล่นหน้ากระแทกพื้น น่าขายหน้าเป็นที่ยิ่ง
เหล่าผู้ชมต่างตะลึงหน้าเปลี่ยนสี
ตัวตนจักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นต้นปลิวสู่อากาศ!?
“รนหาที่เองแท้ ๆ”
ซูอี้ส่ายหน้าน้อย ๆ
“เจ้าเด็กนี่ใช้อำนาจปกคลุมภูเขาเตาสวรรค์ได้ ต้องเป็นทายาทสายตรงตระกูลชุยแน่!”
บนฟ้าเหนือภูเขาเตาสวรรค์ ณ ไกลออกไป ร่างกำยำอันสร้างจากมายาพร่ามัวพลันตะโกนลั่น เสียงเต็มไปด้วยโทสะเกลียดชัง
“อย่างนี้นี่เอง”
ทุกคนต่างเข้าใจ สีหน้ายากจะอ่าน และตระหนักว่าพวกตนดูถูกชายหนุ่มผู้ดูเหมือนมดตรงหน้าเขาผู้นี้เกินไป
ทว่า ซูอี้กลับถลึงตามองร่างกำยำซึ่งอยู่ห่างออกไป กล่าวอย่างไร้อารมณ์ว่า “เจ้าสัตว์ร้าย มีตาไร้แววจริงแท้ ข้าจะมาจากตระกูลชุยได้เช่นไร? กลับไป!”
สายโซ่ทิพย์สีเลือดนับร้อยยกขึ้นฟาด รุนแรงดุจแส้มลายโลกาจากมือเทพเจ้า
ตู้ม!!
ร่างกำยำจากเจตจำนงถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ สลายหายไปทันที
ภาพนี้ทำให้หัวใจคนทุกผู้ตกตะลึง เปลี่ยนสีหน้าไปอีกครั้ง
“วอนตาย!”
เฟ่ยฉางถิงตะโกนลั่น โบกมือไปทางซูอี้ แสงสีดำก่อตัวขึ้นระหว่างฝ่ามือและนิ้ว เต็มเปี่ยมเจิดจ้าด้วยพลังแห่งกฎเกณฑ์ในวิถีลึกล้ำ
เห็นได้ชัดว่าคนจากเผ่ามารโห่วผู้นี้อยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบของขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ ซึ่งควบรวมกฎเกณฑ์แห่งวิถีลึกล้ำได้แล้ว น่าตื่นกลัวยิ่ง
ดูเหมือนว่าด้วยฝ่ามือเช่นนี้ ต่อให้เป็นตัวตนเช่นชวีหมิงเวยก็ไม่อาจหยุดมันได้เลย!
ซูอี้แย้มยิ้ม สะบัดแขนเสื้อ
ตู้ม!
อำนาจแห่งค่ายกลสีเทาสั่นกระเพื่อมผ่านเวหาดุจดาบคมกริบ ทำลายการโจมตีนี้ลงอย่างแสนง่าย
เฟ่ยฉางถิงเซไปเบื้องหลังอย่างตกใจยิ่งกว่า โลหิตพลุ่งพล่านทั่วร่างของเขา ใบหน้าซีดขาว ทั้งตกใจและกรุ่นโกรธ
ผู้คนตกตะลึงไปอีกครั้ง
ยามนี้เองจึงมีผู้สังเกตว่าใต้พื้นจุดที่ซูอี้ยืนมีค่ายกลอันมองไม่เห็นกระเพื่อมอยู่บนอากาศ ดูร้ายกาจลึกลับ และสอดคล้องโดยสมบูรณ์แบบกับอำนาจซึ่งโอบล้อมภูเขาเตาสวรรค์อยู่ไกล ๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นมันมาก่อน ว่าซูอี้ ชายหนุ่มในวิถีวิญญาณจะใช้เคล็ดวิชาลอบควบคุมค่ายกลปกคลุมภูเขาเตาสวรรค์!
และสิ่งที่เกิดขึ้นกับชวีหมิงเวยและเฟ่ยฉางถิงก็ทำให้ทุกผู้ตระหนักถึงสถานการณ์ท่าไม่ดี สีหน้าของพวกเขาจึงพลอยมืดหมองลงทีละน้อย
“ยามเมื่อพวกเจ้ามาถึงที่นี่ พวกเจ้าก็ไม่ต่างอันใดกับมดในสายตาข้า”
ซูอี้เหลือบมองเหล่าผู้คนและกล่าวยิ้ม ๆ “อีกอย่าง ข้ารับประกันว่าพวกเจ้าจะไม่มีผู้ใดหนีไปได้ในวันนี้”
เสียงของเขายังกังวาน ขณะที่ร่างของเขาทะยานสู่เวหาและเคลื่อนไหวลงมือ
ตู้ม!
ตรวนสีเลือดหลายพันเส้นบนภูเขาเตาสวรรค์สั่นไหว ทะยานออกมาพร้อมคลื่นพลังน่าหวาดหวั่น และแปรเปลี่ยนเป็นดาบสีเลือดบนอากาศ ร่วงลงสู่ฝ่ามือซูอี้ในทันที
ดาบนี้ยาวสามจั้ง ควบแน่นขึ้นจากพลังลี้ลับอันยากคาดเดาโดยสมบูรณ์
และมันยังปกคลุมร่างแข็งแกร่งของซูอี้ด้วยปราณอันน่าสะพรึงกลัว
ค่ายกลนี้มีนามว่า ‘พิภพผนึกมาร’ ซึ่งถูกตั้งขึ้นโดยกลุ่มยอดฝีมือแห่งภูมิมืดมิดเมื่อสมัยโบราณ
จวบจนยามนี้ อำนาจของค่ายกลแห่งนี้ยังคงแข็งแกร่งจนเกินจินตนาการ!
เมื่อสามหมื่นปีก่อน ซูอี้และชุยหลงเซี่ยงได้ร่วมมือกันสร้างค่ายกลปิดล้อมภูเขาเตาสวรรค์ขึ้นมาใหม่ เขาจะไม่รู้วิธีใช้ค่ายกลนี้ได้เช่นไร?
“เราร่วมมือกันทำลายการเชื่อมต่อระหว่างเขากับค่ายกล ณ ภูเขาเตาสวรรค์กันเถิด!”
เฟ่ยฉางถิงกล่าวอย่างเย็นชา
“ตกลง!”
คนอื่น ๆ พยักหน้า
“จงตื่น!”
ร่างของชายชุดเทาพลันวูบไหว เพลิงมารทะยานนภา แปรเปลี่ยนเป็นสามหัวหกแขน ในมือแต่ละข้างต่างถือมีดกระดูกมารฟาดฟันลงมายังซูอี้
สามหัวหกแขน!
มีดกระดูกมาร!
ทันทีที่จักรพรรดิมารในขั้นสมบูรณ์แบบของขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำลงมือ เขาก็ใช้ความสามารถที่แท้จริงออกมาอย่างดุดันสนั่นโลกา
ตู้ม!
ขณะที่ร่างของเขากวาดผ่านอากาศ หกมีดกระดูกมารพลิ้วไหว ลำแสงมีดหนาแน่นฉายออกดุจพลังทะลักไหล ฉีกกระชากสุญญะจนเกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วน
ในขณะเดียวกัน ผู้อื่นก็เริ่มลงมือแล้ว
แขนเสื้อชวีหมิงเวยสะบัด ปรากฏชามสีเลือดขึ้น เมื่อมันลอยอยู่บนอากาศก็อุบัติโครงกระดูกขาวโพลนนับพัน ๆ ตน แยกเขี้ยวกรีดเล็บคำรามสู่ฟ้า ดูราวฝูงผีร้ายในนรก
ชามหมื่นสัมภเวสี!
ชุยเว่ยจงคำรามลั่น บังคับมีดสั้นซึ่งดูคล้ายดาบปลายมนสีขาวดุจหิมะในมือ ก้าวสู่อากาศพลางเปล่งแสงจากกายทะลักไหลส่องหล้า
มีดแยกวิญญาณ!
ชายร่างสูงในชุดหนังสัตว์ดึงหอกศึกยาวสองจั้งออกจากหลัง เสียงฝีเท้าของเขาดุจดั่งเสียงระเบิดเลือนลั่น
หอกศึกยาวสองจั้งเล่มนั้นระเบิดแสงสว่างสีเขียวเรืองจากพื้นผิว ดูราวแผดเผาท้องนภาได้
หอกอัคคีหยก!
และสตรีในชุดสีดำผู้คลุมหน้าด้วยผ้าดำก็ถือแส้สีฟ้าครามในมือ ด้วยหนึ่งหวดแส้สร้างเป็นอสนีบาตสีครามฉีกกระชากเข้าใส่ค่ายกล
แส้อสนีครามขยี้วิญญา!
ควรค่ากล่าวถึงว่าเมื่อชายในชุดหนังสัตว์และสตรีชุดดำโจมตี ทั้งสองต่างแสดงพลังมหาวิถีแข็งแกร่งในขั้นปลายของขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ ห่างไกลเกินกว่าจะเทียบกับชวีหมิงเวยและชุยเว่ยจงได้
จักรพรรดิห้าคนโจมตีประสาน จะแข็งแกร่งน่าหวั่นเกรงสักเพียงไร?
ทันใดนั้น…
ท้องนภาสะท้านสะเทือน แสงศักดิ์สิทธิ์สว่างไสวพร่างพราย ประกายแสงจากสมบัติแผดจ้า แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นทำลายล้างพุ่งทะลักประสานเข้าหาซูอี้
เหล่าจักรพรรดิต่างเดือดดาล ถล่มนภาทลายปฐพี ทะยานพุ่งหมายเอาชีวิต
นับแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบัน ทุกการต่อสู้ในขอบเขตจักรพรรดิจะเปลี่ยนโลกาให้ระอุไหม้ หากมีตัวตนในขอบเขตต่ำกว่าจักรพรรดิพัวพันอยู่ โอกาสรอดจะมิเหลือแม้เพียงเสี้ยว!
เนื่องจากปราณประเภทนี้สามารถเปลี่ยนตัวตนผู้อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิมลายสูญในพริบตา!
เมื่อเผชิญการโจมตีนี้ ซูอี้ก็ส่ายหน้า
จริงอยู่ที่วิถีเต๋าที่เขามีต่ำเตี้ยนักเมื่อเผชิญการโจมตีเช่นนี้ ทว่าต้องไม่ลืมว่าเขามีพลังของ ‘ค่ายกลพิภพผนึกมาร’ อยู่ด้วย!
ค่ายกลโบราณนี้กักขังปราบปรามตัวตนชั่วช้าร้ายกาจมานานแสนนาน และจนบัดนี้ก็ยังไร้ผู้ใดหนีพ้น
จินตนาการได้เลยว่าค่ายกลนี้มีอำนาจน่ากลัวเพียงไร
ไม่ใช่การพูดเกินไปหากจะกล่าวว่าแม้แต่จักรพรรดิในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำมา ก็ยังจะต้องถูกจองจำอย่างไม่อาจหลีกหนี!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไฉนซูอี้ต้องกลัวการโจมตีประสานของจักรพรรดิทั้งห้าเยี่ยงนี้ด้วย?
“ทลาย!”
อาภรณ์ของซูอี้โบกไสว ไม่หลบหลีกหนีเลี่ยง เขาทะยานมาเบื้องหน้า ดาบสีเลือดจากค่ายกลพลันเงื้อสูง ฟาดฟันลงมาด้วยโทสะ
อำนาจแห่งค่ายกลแปรเปลี่ยนเป็นปราณดาบไร้เทียบ ดุจดังธารดาราแห่งสวรรค์ชั้นเก้าระเบิดแสงสีทะลักลงสู่หล้า
ตู้ม!
ฟ้าดินสะเทือนไหว สุญญะทลายล่ม
ปราณดาบสายนี้ดูราวฟาดฟันลงใส่ภูเขาไฟ ระเบิดแสงวิถีเจิดจ้าลายตา คลื่นอำนาจทำลายล้างทะลักพลิ้ว ก่อนจะระเบิดเปรี้ยงพังทลาย
ทั้งหกมีดกระดูกมาร ชามหมื่นสัมภเวสี มีดแยกวิญญาณ หอกอัคคีหยกและแส้อสนีครามขยี้วิญญาณต่างสั่นไหว จากนั้นจึงเกิดเป็นเสียงครวญเสียดแก้วหู
ร่างของจักรพรรดิทั้งห้าถูกผลักจนเซถอยหลัง การโจมตีประสานถูกตีแตก!
ด้วยหนึ่งดาบ เขาหยุดการโจมตีประสานของห้าจักรพรรดิ!
ภาพอันอหังการนี้ยังทำให้สีหน้าของจักรพรรดิทั้งห้าเปลี่ยนในพลัน พลังจากค่ายกลของภูเขาเตาสวรรค์เหนือความคาดหมายของพวกเขาไปไกล ช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก
“ข้าไม่เชื่อหรอก ตัวตนในขอบเขตสยายวิญญาณจะทนใช้อำนาจในขอบเขตจักรพรรดิของค่ายกลนี้ได้นานสักเพียงไรเชียว!”
วาจาของเฟ่ยฉางถิงแข็งกร้าว
เขากล่าวพลางโจมตีอีกครั้ง หกมีดกระดูกมารฟาดฟัน สำแดงเพลงมีดพิเศษเฉพาะแห่งวิถีมีด
จักรพรรดิผู้อื่นก็ไม่ได้นิ่งเฉย พวกเขาแต่ละคนต่างแผ่จิตสังหารพลุ่งพล่าน อำนาจน่าหวาดหวั่นและรุมล้อมเข้ามาอีกครั้ง
ทุกคนต่างใช้มรดกอันแข็งแกร่งที่สุดโดยไม่ปิดบังฝีมือแม้เพียงน้อย
“มีคนมากแล้วกระไร? เป็นจักรพรรดิแล้วกระไร? ถึงอย่างไรก็เหมือนขว้างไข่ใส่หิน”
ซูอี้หัวเราะพลางถือดาบก้าวออกมา
ดุจเทพเซียนท่ามกลางธุลี เดินทางปราบมาร!