บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 831: ศิโรราบ
ตอนที่ 831: ศิโรราบ
ตอนที่ 831: ศิโรราบ
ได้ยินเสียงนี้ ซูอี้ก็แย้มยิ้ม
ซูอี้จำตัวตนของอีกฝ่ายได้ตั้งแต่ยามที่เห็นเจตจำนงของ ‘บรรพชน’ เผ่ามารโห่วผู้นั้นก่อตัวแล้ว
มารเฒ่าผู้นี้มีนามว่า ‘เฟ่ยคงถง’ เจ้าของสมญา ‘องค์วิญญาณชลปรภพ’ และมีระดับฝึกฝนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นกลาง
อันที่จริงแล้ว ในหมู่มารเฒ่าเพียงหยิบมือซึ่งถูกผนึกไว้ใต้ภูเขาเตาสวรรค์ ผู้ที่อาวุโสที่สุดถูกจองจำมาเกือบเก้าหมื่นปีแล้ว
ผู้ที่ถูกกักขังท้ายที่สุดเพิ่งจะผ่านไปสี่หมื่นปี
ส่วนตัวตนอันเก่าแก่โบราณกว่าซึ่งถูกจองจำที่นี่นับแต่โบราณกาลได้หายไปตามธารแห่งเวลาเนิ่นนานแล้ว
เพราะถึงอย่างไร ภายใต้การจองจำ การฝึกฝนถูกผนึกและถูกสะกดด้วยพลังแห่งค่ายกลตลอดวันคืน เมื่อกาลผันผ่านย่อมต้องดับดิ้นไปทีละน้อย
กระทั่งตัวตนระดับสุดยอดในขอบเขตจักรพรรดิยังไม่อาจทานทนการทรมานเยี่ยงนี้ได้
กล่าวสั้น ๆ ก็คือ จักรพรรดิไม่ได้เป็นอมตะ!
“ไยเล่าจึงไม่พูด หรือ… เกิดความเปลี่ยนแปลงใดขึ้น?”
จากห้วงลึกในหลุม เสียงแหบพร่าของเฟ่ยคงถงดังขึ้นอีกครั้ง และตามด้วยเสียงหัวเราะกังวานดุจระฆัง
“สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตคือการตกลงสู่ขุมนรกแห่งความสิ้นหวังหลังได้เห็นความหวัง พี่เฟ่ยคิดเช่นไร?”
เสียงที่เจือด้วยความล้อเลียนก้องไปบนอากาศ
จากนั้น เสียงสตรีผู้หนึ่งก็ดังขึ้น “แม่งเอ๊ย รำคาญแท้ ทุกครั้งที่ข้าได้ยิน ‘ไอ้แก่’ เยี่ยงพวกเจ้าพูดจา ข้าล่ะเบื่อยิ่งนัก!!”
เสียงนี้หวานใส ทว่ากลับให้ความรู้สึกบ้าคลั่งรำคาญใจ
“เช้าสดับวิถี เย็นตายตาหลับ ทว่าช่างน่าเสียดายที่ข้าแสวงหาวิถีมาแปดหมื่นปี แต่กลับไม่อาจได้รับวิถีที่ใฝ่หา จะตายยังตายไม่ได้ ช่างน่าเศร้าเสียนี่กระไร?”
เสียงกังวานนั้นรำพึง
“ข้าล่ะหวังนักว่าจะได้กินเจ้าทั้งเป็น!”
เสียงหวานเต็มไปด้วยจิตอาฆาต
เสียงกังวานนั้นไม่ได้รำคาญใจเลย เขายิ้มและกล่าวว่า “อืม น้องเทียนจีแม้จะโกรธก็ยังสวย”
ภายในหลุมอันไร้ก้นบึ้งนี้ดูหนวกหูเอาการ
ซูอี้ร่ำสุราพลางฟังเสียงเหล่านี้พูดคุยกัน ดูอดทนมาก
“หุบปาก!”
เสียงแหบพร่าหนึ่งพลันดังขึ้น
ทันใดนั้น ณ ก้นบึ้งแห่งหลุมก็เงียบกริบ ทั้งเสียงกังวานและเสียงใสก็หายไป
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของซูอี้ก็วูบไหว เจ้าแก่นี่ยังอยู่อีก
“ขอบังอาจถามคนด้านนอก คือผู้ใดจากตระกูลชุยหรือ?”
เสียงแหบแห้งดังออกมาจากก้นหลุม
ก้นหลุมนี้ลึกลงไปถึงใต้ภูเขาเตาสวรรค์ซึ่งลึกหลายพันจั้ง เต็มไปด้วยอำนาจจองจำ
ทว่าเมื่อเสียงแหบแห้งนี้ดังขึ้น มันกลับดังสนั่นดุจอสนีบาต ก้องหล้าสะท้านเวหา ปั่นเมฆาป่วนวายุรอบทิศทาง
ชุยฉางอันซึ่งอยู่ไม่ไกลจากภูเขาเตาสวรรค์อดเงยหน้ามองด้วยสีหน้าจริงจังมิได้ “เก้าหมื่นปีผันผ่าน แต่ไอ้แก่นี่กลับยังอยู่…”
เฟ่ยฉางถิงตกใจจากเสียงนี้
แม้จะเป็นเพียงเสียง แต่พลังที่บรรจุในนั้นน่าตกใจสะท้านพิภพ!
ซูอี้ไพล่มือไว้เบื้องหลัง ยืนที่ข้างปากหลุม มองลงไปด้วยแววตาลึกล้ำ และกล่าวว่า “สัตว์เลื้อยคลานเฒ่า ไม่พบกันเสียนาน”
เป็นประโยคลอย ๆ ที่แฝงความหมายน่าตกใจ
เสียงแหบแห้งพลันตะโกนตอบ “เจ้า… เจ้าคือ… สัตว์ประหลาดเฒ่าซูเรอะ!?”
สัตว์ประหลาดเฒ่าซู!
จากก้นหลุมมีเสียงอุทานดังลั่น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีมารเฒ่าคนอื่น ๆ มากมายที่ตกใจกับคำเรียกนี้
สัตว์ประหลาดเฒ่าซู?
เฟ่ยฉางถิงตะลึงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นแค่ชายหนุ่มผู้หนึ่งในวิถีวิญญาณ เขาจะเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าไปได้เช่นไร?
ซูอี้กล่าวขึ้นว่า “ข้ามาที่นี่คราวนี้ ก็เพื่อขอให้พวกเจ้าทำสิ่งหนึ่งให้ข้า”
“ใต้เท้าไม่กระทั่งจะเผยตัวตน แต่กลับขอให้ข้าช่วยเหลือ ไม่เกินไปหน่อยหรือ?”
เสียงแหบแห้งตอบ
“นั่นสิ เจ้าเป็นใคร?”
เสียงหวานใสถาม
“ข้าแค่หวังว่า… คงไม่ใช่สัตว์ประหลาดเฒ่าซูหรอกมั้ง…”
เสียงกังวานดังต่ำ ๆ อย่างไม่แน่ใจ
เฟ่ยคงถงกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่มีทางเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าซูไปได้ ข้าเคยเห็นเจ้านี่มาก่อน เขาเป็นเพียงชายหนุ่มในวิถีวิญญาณที่ยืมพลังค่ายกลพิภพผนึกมารที่นี่ได้เท่านั้น ทุกคนโปรดอย่าโดนหลอก!”
ยามนี้ กระทั่งเฟ่ยฉางถิงยังได้ยินว่าเหล่ามารเฒ่าที่ถูกกักขัง ณ ก้นบึ้งแห่งภูเขาเตาสวรรค์เต็มไปด้วยความกลัว ‘สัตว์ประหลาดเฒ่าซู’ ที่ว่านี้อย่างลึกล้ำ”
“สัตว์ประหลาดเฒ่าซู… ซู… เดี๋ยวนะ! หรือพวกท่านบรรพชนจะสงสัยว่าซูอี้คือ… ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน!?”
เฟ่ยฉางถิงคิดถึงจุดนี้และอดตะลึงค้างไปมิได้
เป็นไปได้หรือไม่?
ซูอี้ทำหูทวนลม กล่าวลอย ๆ ว่า “เรื่องในวันนี้ไม่มีการต่อรอง ไม่ว่าจะชอบใจหรือไม่ พวกเจ้าก็ต้องช่วยข้าอยู่ดี”
วาจาเนือย ๆ นั้นให้ความรู้สึกไม่อาจขัดได้
นี่ทำให้เหล่ามารเฒ่า ณ ก้นหลุมเงียบไปครู่หนึ่ง
ทันใดนั้น เสียงเย้าเยาะของเฟ่ยคงถงก็ดังขึ้น “ต่อให้ชุยหลงเซี่ยงอยู่ที่นี่ เขายังไม่กล้าเอ่ยวาจาสามหาวเพียงนี้เลย! เจ้าก็แค่ตัวตนในขอบเขตสยายวิญญาณ ยังกล้า…”
ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ ซูอี้ก็เอื้อมมือออกสู่ก้นหลุมและคว้ากำบางสิ่ง
ตู้ม!
ทั่วภูเขาเตาสวรรค์สั่นไหวอย่างรุนแรง อำนาจพันธนาการมหาศาลพลุ่งพล่านร้ายกาจ
“บ้าเอ๊ย!”
เฟ่ยคงถงตะโกนอย่างตกใจ
จากนั้น ร่างหนึ่งที่ถูกมัดด้วยตรวนทิพย์สีเลือดราวบ๊ะจ่างก็ร่วงลงตรงหน้าซูอี้ดังตุ้บ
ร่างนั้นผอมแห้ง อยู่ในอาภรณ์สีดำ ผมยาวกระจัดกระจาย ใบหน้าขาวซีด ดวงตาลึกโหลเหมือนดั่งศพแห้ง
“ท่านบรรพชน!”
เฟ่ยฉางถิงตะโกนเสียงสั่น
ร่างในอาภรณ์สีดำซึ่งถูกมัดด้วยตรวนทิพย์สีเลือดนั้นก็คือร่างของเฟ่ยคงถง ‘องค์วิญญาณชลปรภพ’ แห่งเผ่ามารโห่ว!
ทว่า ณ ยามนี้ ดูเหมือนเขาจะอยู่ในสภาพดูไม่ได้เอาเสียเลย
“สุนัขดำเฒ่า ไฉนยังชอบเห่าหอนไร้กาลเทศะเยี่ยงกาลก่อนอีก เจ้านี่ไม่พัฒนาเอาเสียเลย”
ซูอี้กล่าวลอยชาย
เฟ่ยคงถงพลันเงยหน้าขึ้นกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าเป็นใคร?”
ซูอี้เมินเขา และหยิบเอาโคมบงกชสำริดขนาดเท่าฝ่ามือออกมาหนึ่งดวง พื้นผิวโคมบงกชนี้ถูกสลักด้วยอักขระสันสกฤตโบราณหนาแน่น ไส้โคมมีภาพพระพุทธองค์ไร้หน้านั่งประทับ
โคมไฟดอกบัวอาญา!
‘หลวงจีนซ่อนใบ’ แห่งบูรพาน้อยสร้างสมบัติพุทธะชิ้นนี้ขึ้นมาด้วยตนเอง กล่าวกันว่าหลวงจีนซ่อนใบใช้โลหิตขั้วหัวใจของตนเป็นหมึกสลักอักขระสันสกฤตทั้งสามพันตัวลงในสมบัตินี้ เติมเต็มมันด้วยอำนาจเหลือประมาณ กำจัดปีศาจปราบมาร ชำระบาปมลายเภทภัยได้อย่างวิเศษเกินหยั่งคาด
“หากเจ้าสัญญาจะช่วย เจ้าจะเข้าไปในโคมไฟดอกบัวอาญา และข้าจะปล่อยเจ้าออกมาหลังจบเรื่อง”
ซูอี้มองเฟ่ยคงถงและชี้ไปยังโคมไฟดอกบัวอาญาในมือ
“แล้วหากข้าไม่ตกลงเล่า?”
เฟ่ยคงถงหน้าซีด จิตสังหารร้ายกาจพลุ่งพล่านในใจ
ในฐานะจักรพรรดิแห่งขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นกลาง แม้จะถูกผนึกอยู่หลายหมื่นปี ทว่าอำนาจกลับไร้สัญญาณอ่อนแรง
บรรยากาศกดดันร้ายแรง
ไกลออกไป ชุยฉางอัน เฟ่ยฉางถิงและเหล่ามารเฒ่าในหลุมต่างกลั้นหายใจฟังอย่างใกล้ชิด
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าหวังว่าเจ้าจะตกลง”
ทันทีที่วาจาดังขึ้น เขาก็ใช้พลังของค่ายกลพิภพผนึกมารเพื่อสั่งใช้งานโคมไฟดอกบัวอาญา
วูบ!
กลีบบงกชสำริดหนึ่งแย้มบาน แสงแห่งพุทธะทอประกายแรงกล้า อักษรสันสกฤตนับไม่ถ้วนเจิดจรัสท่ามกลางแสงแห่งพุทธะดุจมวลดารา และเสียงสวดก็กระหึ่มดังทั่วนภาพิภพ
ตู้ม!
เฟ่ยคงถงผู้ถูกจองจำโดยอำนาจแห่งค่ายกลไร้โอกาสหลบเลี่ยง ร่างของเขาถูกดึงเข้าไปในโคมหายวับไปในพริบตา
เฟ่ยฉางถิงตาถลน ตะโกนลั่น “ท่านบรรพชน—!”
ทว่าเขาไม่อาจเข้าไปช่วยเหลือได้ จึงทำได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างแสนโศกแทบสิ้นสติ
กระทั่งชุยฉางอันยังอดรำพึงกับตนเองไม่ได้ ว่าท่านลุงซูยังคงกระทำการเฉียบขาดเยี่ยงกาลก่อน!
ลึกเข้าไปในหลุมเงียบกริบดุจป่าช้า ไร้ผู้ใดส่งเสียง
เห็นได้ชัดว่าเหล่ามารเฒ่าตระหนักรู้แล้วว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
“เจ้าเฒ่าอวดฉลาด ออกมานี่ซะดี ๆ”
ซูอี้กล่าวอย่างเยือกเย็น
ลึกเข้าไปในปากหลุม เสียงกังวานนั้นอุทานออกมา “ใต้เท้าต้องการทำอันใดกันแน่?”
ซูอี้ไม่คิดพูดพร่ำ ดังนั้นจึงใช้วิธีเดิม
ครานี้เป็นชายในชุดจีนซอมซ่อผู้หนึ่งซึ่งมีเส้นผมและหนวดเครารุงรัง ทว่าดวงตายังเต็มไปด้วยความผันผวน
เหมือนเช่นเฟ่ยคงถง คนผู้นี้ก็ถูกพันธนาการโดยตรวนทิพย์สีเลือด ไม่อาจขยับตัวได้
หลังถูกจับได้ เขาก็จ้องมองซูอี้ราวพยายามตรวจหาบางสิ่ง
“ก็ยังสันดานเดิม”
ซูอี้เองก็มองชายชุดจีนพลางส่ายหน้า
“เจ้า… เจ้า…”
ชายในชุดจีนดูจะตระหนักถึงบางสิ่ง อ้าปากกล่าวเสียงสั่น ทว่าก่อนที่จะทันพูดจบ ร่างของเขาก็ถูกแสงแห่งพุทธะอันทรงพลังกวาดเข้าไปขังในโคมไฟดอกบัวอาญาในพริบตาเสียแล้ว
ซูอี้กล่าวอีกครั้ง “แม่มดเฒ่าเทียนจี ตาเจ้าแล้ว”
“เจ้าค่ะ!”
ครานี้ เจ้าของเสียงหวานใสตอบตกลงทันที ดูศิโรราบยิ่ง
ตู้ม!
ภูเขาเตาสวรรค์สั่นสะเทือน อำนาจจองจำคุกรุ่นดุจเดือดพล่าน
และลึกเข้าไปในหลุม แสงสีม่วงอันสว่างไสวและน่าหวาดหวั่นก็พุ่งทะยานทลายชั้นจองจำต่าง ๆ มาตลอดทาง
เป๊าะ!!
ตรวนทิพย์สีเลือดหนาหนักเส้นหนึ่งฟาดเข้าใส่แสงสีม่วง ทลายมันในพริบตา ตามด้วยเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
หลังแสงสีม่วงสลายไป ร่างอรชรร่างหนึ่งก็ร่วงลงกับพื้น ผิวของนางงามยิ่งกว่าหิมะ เส้นผมดุจม่านน้ำตก กระทั่งอาภรณ์ขนนกสีม่วงเก่า ๆ ขาด ๆ ที่นางสวมใส่ยังยากจะซ่อนความงามของนาง
นางดูราวหญิงสาววัยสิบห้าสิบหก คิ้วโก่งตาคม รูปลักษณ์งดงามมีเสน่ห์ดึงดูด และยามนี้ที่นางถูกเฆี่ยน คิ้วของนางเลิกขึ้น ริมฝีปากถูกกัดช้ำ ดูเจ็บปวดทรมาน ให้ความรู้สึกมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
ทว่า ซูอี้ไม่ได้รู้สึกหลงเสน่ห์สงสารสาวงามแม้แต่น้อย
แม่มดเฒ่าผู้ฝึกฝนมากว่าหกหมื่นปีผู้นี้ แต่เดิมเป็นตัวตนในวิถีมารผู้ใช้ความงามล่มเมืองก่อกลียุคให้โลกา
ชีวิตที่ปลิดปลิวด้วยมือนางไม่อาจนับได้
“เจ้ายังอยากหนีเมื่ออยู่ต่อหน้าข้าอีกหรือ? วอนให้ลงมือดีแท้”
วาจาของซูอี้เต็มไปด้วยคำเย้ยหยัน
ยามนี้ สตรีในชุดกระโปรงสีม่วงถูกจองจำด้วยตรวนทิพย์สีเลือด ร่างของนางขดกลม ใบหน้าซีดขาว เนตรงามรื้นน้ำ อ้อนวอนด้วยเสียงสั่น “ขอสหายเต๋าเมตตาด้วย และทาสผู้นี้จะไม่กล้าก่อเรื่องอีกแล้วเจ้าค่ะ”
นางดูอ่อนแอไร้ทางสู้
ซูอี้ยกมือขึ้นเล็กน้อย
เป๊าะ!!
ตรวนทิพย์สีเลือดอีกเส้นฟาดเข้าใส่สตรีในชุดกระโปรงสีม่วงอย่างแรง