บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 838: ลอบโจมตี
ตอนที่ 838: ลอบโจมตี
ตอนที่ 838: ลอบโจมตี
บนหน้าผาแห่งหนึ่ง
ซูอี้ไพล่มือไว้เบื้องหลังพลางแหงนมองฟ้า สายลมแห่งขุนเขาพัดพาอาภรณ์เขียวกระพือลิ่ว
“สหายเต๋า เจ้า… เมื่อครู่เจ้าทำอันใดหรือ?”
ผอซัวอดถามไม่ได้
นางไม่อาจมองการกระทำครั้งก่อนของซูอี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่งจริง ๆ
ซูอี้หัวเราะกล่าว “กระทั่งเจ้ายังไม่เข้าใจ แล้วเจ้าคิดว่าสมองน้อย ๆ ของอีกาเก้ามืดมิดจะเข้าใจมันหรือ?”
หญิงสาวตะลึงไปครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ดูเหมือนจะเข้าใจแล้ว จึงกล่าวว่า “งั้นเจ้าก็แค่ตั้งกลหลอกล่องูออกจากรูหรือ?”
ซูอี้กล่าว “มันเป็นลูกไม้ชั้นต่ำมาก แต่มักจะได้ผลที่สุดเสมอ เพราะถึงอย่างไร จากที่เจ้าว่ามา อีกาเก้ามืดมิดนั้นมีลูกไม้แพรวพราวและระวังตนนัก ขอเพียงมันสัมผัสได้ถึงอันตรายก็จะเผ่นหนีไปทันที หากจะบีบให้มันเผยร่องรอย ข้าก็ย่อมไม่อาจทำให้มันตกใจได้”
หลังชะงักไป เขาก็กล่าวต่อ “แน่นอนว่าหากเป็นเพียงกับดักโง่ ๆ อีกาเก้ามืดมิดจะดูแคลนมันเป็นแน่ ดังนั้นข้าจึงใช้ซากกวางเป็นการแนะนำตัวและยั่วยุอย่างจงใจ”
“โลกนี้หวาดกลัวมัน ทว่าข้าทำตรงกันข้าม เจ้าคิดว่ามันจะคิดเช่นไร?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผอซัวก็ตอบอย่างไม่รู้ตัวว่า “มันจะเกิดความเคลือบแคลงอย่างไม่อาจเลี่ยง ทว่าคงไม่อาจหยั่งว่าสหายเต๋ามีจุดประสงค์ใด”
ซูอี้พยักหน้ากล่าว “ยิ่งใช้ชีวิตยาวนานก็ยิ่งคิดหนัก เมื่อสุดท้ายมันยังหาคำตอบไม่ได้ มันก็จะพาตัวเองมาหาเอง”
ผอซัวทัดเส้นผมสีขาวราวหิมะของนางไว้ข้างหู และกล่าวว่า “แต่หากมันไม่ยอมมาเล่า?”
ซูอี้ถามย้อน “หากเจ้าเป็นผู้ฝึกตนอย่างมันซึ่งไม่อาจเข้าใจได้ว่าไฉนข้าจึงยั่วยุมันด้วยกับดักสั่ว ๆ เจ้าจะทำเช่นไร?”
“ข้าย่อมงงแน่แท้”
สาวงามตอบ
ซูอี้พยักหน้าตอบ “ในสายตาอีกาเก้ามืดมิด ขอบเขตสยายวิญญาณไม่ต่างอันใดกับมด หลังจากพบเรื่องเช่นนี้เข้า คงแปลกหากมันทำเหมือนไร้สิ่งใดเกิดขึ้น”
หลังชะงักไป เขาก็มองไปที่หญิงสาว “ยิ่งกว่านั้น เจ้ายังอยู่ที่นี่ด้วย เท่าที่ข้ารู้ เจ้าสัตว์ขนเรียบนี่โดยธรรมชาติแล้วชอบกินร่างจิตวิญญาณอย่างเจ้านี่แหละ”
ผอซัว “…”
คิ้วงามของนางขมวดเล็กน้อย และกล่าวอย่างจนใจว่า “เอาล่ะ ข้าเพิ่งตระหนักว่าการที่สหายเต๋าพาข้ามายามนี้ ไม่ใช่เพียงให้ข้าช่วยเจ้าอารักขาวิถี แต่ยังใช้ข้าเป็นเหยื่อล่ออีกาเก้ามืดมิดด้วย”
ซูอี้กล่าวพร้อมกับยิ้ม “ผิดแล้ว ข้าไม่คาดว่าอีกาเก้ามืดมิดจะมาปรากฏในเทือกเขาเมฆาชาดนี้ ยิ่งกว่านั้น เจ้าคิดว่ามีข้าอยู่ เจ้าจะยังอยู่ในอันตรายอีกหรือ?”
ผอซัวส่ายหน้ากล่าว “ไม่เป็นเช่นนั้นหรอก”
นางเข้าใจนิสัยใจคอของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินและย่อมรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่โกหกนาง
ในขณะที่กำลังพูดคุย เมฆาทัณฑ์สีดำดุจหมึกพลันปรากฏขึ้นไกล ๆ ที่ขอบฟ้า และในพริบตาก็ปกคลุมไปทั่วนภา
บรรยากาศมืดหม่นแห่งหายนะแผ่กระจายปกคลุม
“สหายเต๋า หากครานี้ปรากฏอีกาเก้ามืดมิดขึ้น มันจะส่งผลเสียต่อการข้ามวิกฤตของเจ้ามากนะ”
ผอซัวขมวดคิ้วกล่าว
ซูอี้ตอบอย่างไม่ยี่หระ “เจ้าไม่เข้าใจหรอก หายนะที่ข้าเผชิญแตกต่างจากคนอื่นทั่วโลกา เจ้ามองจากข้าง ๆ ก็พอ”
ผอซัวไม่ได้พูดอันใด จากนั้นนางก็ถอยไปห่าง ๆ
มันเป็นเพียงหายนะสู่ขอบเขตวงล้อวิญญาณ ยากจะทำอันตรายใดต่อร่างกลับชาติของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินได้
ทว่าหญิงสาวไม่ได้คาดไว้เลย
เมื่อกาลเวลาเคลื่อนผ่าน ท้องนภาเปี่ยมเมฆาหนาแน่นขึ้นทุกที ทั่วหล้ารอบกายดูจะตกสู่ความมืดมิดแห่งรัตติกาลนิรันดร์ และบรรยากาศหายนะอันน่าหวาดหวั่นก็ทำให้คนทุกผู้ประหลาดใจ
“นี่เป็นบรรยากาศของหายนะในขอบเขตวงล้อวิญญาณจริง ๆ หรือ? ไม่ว่าจะมองอย่างไร มันก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่า ‘มหาหายนะหยั่งเห็นลึกล้ำ’ ที่เกิดขึ้นยามพิสูจน์เต๋าเป็นจักรพรรดิเลยสักนิด…”
ดวงเนตรพร่างดาวของผอซัวตะลึงค้าง และปรากฏคลื่นกระเพื่อมในใจ
นางมีตัวตนอยู่นับแต่บรรพกาล และหลังจากเผชิญความผันผวนเนิ่นนาน นางก็ได้เห็นหายนะมาทั้งน้อยใหญ่
ทว่านี่คือครั้งแรกที่นางได้เห็นหายนะในขอบเขตวงล้อวิญญาณที่อันตรายแปลกประหลาดเพียงนี้
หายนะนี้ยังไม่ทันมาถึง แต่บรรยากาศของมันกลับน่ากลัวจนไม่น่าเชื่อ!
นับว่าไม่ได้ด้อยไปกว่า ‘มหาหายนะหยั่งเห็นลึกล้ำ’ มากนัก!
“ขัดต่อกฎสวรรค์จริงแท้…”
ท่ามกลางความมืดที่อยู่ไกลออกไป แววตาพิกลปรากฏขึ้นในคู่เนตรสีเลือดของอีกาเก้ามืดมิด
แต่เดิมมันวางแผนจะลงมือทำลายจิตใจของซูอี้เสีย เขาจะได้ถูกหายนะรุมกระหน่ำตาย
ทว่ายามนี้ มันเปลี่ยนใจแล้ว
นี่คือครั้งแรกที่มันได้เห็นหายนะของขอบเขตวงล้อวิญญาณอันร้ายกาจเพียงนี้ และอยากเห็นว่าซูอี้จะต่อกรมันเช่นไร
หากซูอี้มีหวังจะผ่านหายนะนี้ได้ มันก็จะเข้าแทรกแซงและทำลายความหวังของเขาโดยสมบูรณ์
หากซูอี้ล้มเหลว จนไม่อาจข้ามผ่านหายนะ งั้นก็ไม่มีความจำเป็นให้มันต้องลงมือเลย เพราะเขาจะตายอยู่ดี
ตู้ม–!!
ไม่นานนัก เมฆาทัณฑ์หนาแน่นบนท้องนภาก็กู่คำราม อสนีบาตสายหนาเคลื่อนผ่านแดนสรวงสู่ปฐพี สะเทือนโลกหล้าสั่นไหวโคลงเคลง
ทัณฑ์สายฟ้าสว่างไสวสายแล้วสายเล่าแล่นแปลบปลาบท่ามกลางเมฆาทัณฑ์ดุจมกรอสรพิษ ทำให้ผู้คนที่มองจากไกล ๆ ยังอกสั่นขวัญแขวน
มหาหายนะในขอบเขตวงล้อวิญญาณแบ่งออกเป็นสามชั้น
แต่ละชั้นทดสอบร่างกาย วิญญาณ และจิตใจของผู้ฝึกตนตามลำดับ
แต่ละชั้นต่างอันตรายขึ้นตามลำดับ
นับแต่บรรพกาล ในหมู่ผู้ฝึกตนในขอบเขตสยายวิญญาณขั้นสมบูรณ์แบบร้อยคน อย่างมากสุดก็มีเพียงสองสามคนที่ผ่านหายนะนี้ได้สำเร็จ
คนอื่น ๆ นั้นหากไม่บาดเจ็บสาหัสก็พ่ายหายนะ หรือถูกกระหน่ำโจมตีจนตายวิญญาณสลายคาที่
ส่วนหายนะวงล้อวิญญาณของซูอี้นั้นห่างไกลเกินกว่าจะเทียบกับคนอื่น ๆ ในขอบเขตเดียวกัน จนไม่อาจใช้กระทั่งคำว่าน่าสยดสยองมาบรรยาย
มันเป็นหายนะอันแปลกประหลาดและผิดปกติอย่างยิ่ง ดูเหมือนมันจะไร้เจตนามอบโอกาสให้ซูอี้ข้ามผ่านหายนะนี้ไปได้เลย!
กล่าวสั้น ๆ ก็คือ จุดประสงค์ของหายนะนี้คือทำลายเขา!
ทว่าซูอี้นั้นก็แปลกใจอยู่นานแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาเผชิญหายนะพิสดารมามากมาย ทว่าไม่มีหนใดเทียบกับมหาหายนะยามเลื่อนสู่ขอบเขตวงล้อวิญญาณนี้ได้เลย
“เจ้าเด็กนั่นตายแน่!”
อีกาเก้ามืดมิดหวาดกลัวเมื่อเห็นเช่นนี้ มันสัมผัสบรรยากาศประหลาดอันลอยละล่องนี้ได้ และสั่นเทิ้มทั้งกายใจ
ตู้ม!!
ในที่สุดหายนะที่รอคอยมาแสนนานก็มาถึง เมฆาทัณฑ์เดือดพล่าน ทัณฑ์อสนีบาตเส้นหนาใหญ่ฉีกกระชากอากาศอันมืดมิดทะยานลงมา
แสงของมันส่องสว่างสู่จักรวาล
ยามนี้ ผอซัวอดลอบกำมือของนางไม่ได้ ดวงตาพร่างดาวของนางตึงเครียด หายนะนี้… น่ากลัวเกินไป!
ซูอี้สะบัดแขนเสื้อด้วยรอยยิ้ม
พั่บ!
ภาวะดาบลี้ลับพันจั้งทะยานกวาดสู่นภา
ทัณฑ์อสนีบาตเจิดจ้าละลิ่วโรย ยิ่งใหญ่ตระการน่าหวาดหวั่นพอจะทำให้จักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำตัวสั่น
ทว่า ภายใต้ดาบนี้ มันกลับระเบิดดุจสร้างจากกระดาษ แปรเปลี่ยนเป็นพิรุณแสงโปรยปรายจากฟ้า!
“นี่มัน…”
ดวงตาสีเลือดของอีกาเก้ามืดมิดเบิกกว้าง นี่มันอันใด!?
หญิงสาวอดตะลึงจังงังไม่ได้
ภาวะดาบแข็งแกร่งได้เพียงนี้เลยหรือ?
และจากนั้น ภาพอันไม่คาดฝันยิ่งกว่าก็ปรากฏ…
ร่างสูงของซูอี้ทะยานขึ้นสู่ฟ้า และกระโจนเข้าไปในส่วนลึกของท้องนภา!
ร่างของเขาปกคลุมด้วยแสงวิถีลี้ลับสีเข้ม ดูราวเทพเซียนผู้เย็นชา ด้วยหนึ่งโบกแขนเสื้อ เขาก็ส่งภาวะดาบร้ายกาจเกินเทียบพุ่งออกไปฟาดฟันทัณฑ์อสนีบาตแตกเป็นเสี่ยง
ทัณฑ์อสนีบาตกู่คำรามเลือนลั่นราวกับถูกยั่วยุสำเร็จ จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นมหาอสนีบาตถล่มโถมใส่ร่างของชายหนุ่ม
ทว่าแทนที่จะถอย ซูอี้กลับพุ่งไปเบื้องหน้าพร้อมส่งภาวะดาบอันไม่อาจหยุดยั้งกวาดออกไปฉีกกระชากทัณฑ์อสนิบาต
หากมองจากระยะไกล มันจะดูราวกับเทพเซียนกำลังเผชิญศึกท่ามกลางทัณฑ์อสนีบาต ทรงพลังเสียจนผู้คนไม่อาจจินตนาการถึง!
“สหายเต๋าซูเขา…”
ผอซัวตะลึง หัวใจสะท้านและไม่อาจสงบลงได้โดยง่าย
ด้วยความอันตรายของหายนะประหลาดนี้ หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกตนใด ๆ ในวิถีวิญญาณทั่วโลกหล้า เกรงว่าวิญญาณคงได้สลายไปนานแล้ว
กระทั่งจักรพรรดิยังอาจไม่กล้าต่อกรหายนะเช่นนี้!
ทว่าซูอี้กลับทำได้ดีกว่านั้น เขาใช้หนึ่งการโจมตีสลายทัณฑ์อสนีบาต ดาบของเขาทะลวงเมฆทัณฑ์ แข็งแกร่งทรงพลังเยี่ยงเทพเซียน!
“สัตว์ประหลาดน้อยเยี่ยงนี้ปรากฏในภูมิมืดมิดแต่ยามใด?”
อีกาเก้ามืดมิดเองก็ตะลึง ดวงตาสีเลือดปรากฏความตกใจแจ่มชัด
หายนะนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นมาก่อน
ใครเล่าจะกล้าจินตนาการว่าต่อหน้าหายนะที่ดูเหมือนทัณฑ์สวรรค์ปลิดชีพนี้ จะมีชายหนุ่มผู้หนึ่งในขอบเขตสยายวิญญาณหาญกล้าเผชิญหน้าเมฆาทัณฑ์เก้าสวรรค์ตรง ๆ?
แต่เดิม อีกาเก้ามืดมิดตั้งใจจะรอดูว่าหายนะนี้จะสังหารซูอี้ได้หรือไม่
ทว่ายามนี้ มันจะไม่รอต่อไป
“โอ้!”
เสียงคำรามดุจภูตพรายดังออกจากปากอีกาเก้ามืดมิด
มนตร์สลายจิต!
มนตราต้องห้ามประหลาดซึ่งสามารถสลายจิตใจของผู้ฝึกตนใด ๆ ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตจักรพรรดิ เป็นตัวแทนหายนะและความโกลาหล
“อีกาเก้ามืดมิดปรากฏแล้ว!”
ดวงตาคู่สวยขององค์วิญญาณพฤกษาหมื่นวิถีหรี่ลงเล็กน้อย
ยามนี้จิตใจของนางถูกกระทบ ปราณหายนะที่ดูราวกับเทพร่ายมารรำ พยายามทำลายจิตใจของนาง
ทว่าเมื่อนางใช้ฐานการฝึกฝนของตน หายนะเหล่านี้ก็ถูกทำให้สลายไป
ฟิ้ว!
แทบจะในยามเดียวกัน พิรุณแสงสีดำสนิทดุจราตรีนิรันดร์ก็โปรยปรายลงใส่หญิงสาว
พิรุณแสงนี้เป็นดั่งม่านปกคลุมนภาตะวัน ดุจรัตติกาลโรยตัว ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าไร้ทางหนีทีเลี่ยง
ริมฝีปากของผอซัวยกยิ้มหนาวเยือกเล็กน้อย และจีบนิ้วงอฝ่ามือ
ตู้ม!
ตราประทับศักดิ์สิทธิ์ใหญ่โตดุจขุนเขาปรากฏขึ้นบนฟากฟ้า ก่อนที่ระเบิดแสงไร้ขอบเขตจะส่องสว่างท่ามกลางรัตติกาลนี้
ท่ามกลางพิรุณแสง ร่างของอีกาเก้ามืดมิดปรากฏขึ้นบนอากาศไกลออกไป
“ที่แท้ก็เป็นเจ้า! จิตวิญญาณอันเกิดจากพฤกษาหมื่นวิถีแห่งตระกูลชุย!”
อีกาเก้ามืดมิดส่งเสียงเย็นชาราวประหลาดใจขณะบินมาหา
ทันใดนั้น มันก็แค่นเสียงเยาะ “น่าเสียดาย แม้เจ้าจะมาเพื่อปกป้องวิถีให้เจ้าเด็กนั่น แต่เจ้านั่นก็จะตายเพราะ ‘มนตร์สลายจิต’ ของข้าผู้นี้อยู่ดี…”
เสียงของอีกาเก้ามืดมิดชะงักไปทันทีที่พูดจบ จากนั้นมันก็เงยหน้าขึ้นมองไปบนฟ้า
ยามนั้นเอง…
ลึกขึ้นไปในท้องนภา ปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าพร่างพราย ส่องสว่างทั่วเก้าชั้นฟ้าทศทิศในฉับพลัน
มันคือปราณดาบอันเจิดจ้าเยี่ยงดวงตะวัน สว่างไสวบนฟากฟ้าราวมาจากมือเทพเซียนสรรค์สร้าง ไร้วจีใดอาจบรรยายอำนาจน่าหวั่นเกรงของปราณดาบนี้ได้!
และด้วยปราณดาบบนนภานี้เอง
ตู้ม!
เมฆทัณฑ์นับพันหมื่นทั่วท้องนภาสลายเป็นชิ้น ๆ พิรุณแสงพร่างพรายโปรยลงดุจน้ำตก
หนึ่งดาบนั้นดูราวไร้เทียมทาน ปราบมหาหายนะอันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้ในพริบตา!
ทั่วสารทิศซึ่งแต่เดิมตกสู่ความมืดราวรัตติกาลได้กลับมาสะท้อนใต้แสงทิวาโรจน์อีกครั้ง
ท่ามกลางพิรุณแสงนี้ ร่างสูงของซูอี้ยืนตระหง่านกลางหาว ดูภาคภูมิตระหง่านค้ำโลกา
ดุจเทพเซียน!