บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 839: วางแผนแยบยล คิดการณ์ไกลหลายพันลี้
ตอนที่ 839: วางแผนแยบยล คิดการณ์ไกลหลายพันลี้
ตอนที่ 839: วางแผนแยบยล คิดการณ์ไกลหลายพันลี้
ท้องนภาสว่างไสวไร้เมฆ
ใต้ท้องนภารอบร่างสูงของซูอี้มีพิรุณแสงโปรยปรายเข้าหาอย่างต่อเนื่องจากทั่วสารทิศ ทำให้เขาดูเจิดจรัสราวภาพลวง
ปราณของเขาทะลวงผ่านเส้นแบ่งขอบเขตสยายวิญญาณสู่ขอบเขตวงล้อวิญญาณแล้ว ทั้งนอกและในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงมหันต์สะท้านแดน
เมื่อเข้าสู่ขอบเขตวงล้อวิญญาณ ก็เทียบได้กับการก้าวสู่จุดสิ้นสุดแห่งวิถีวิญญาณ
ณ ขอบเขตนี้ อารามวิญญาณมหาวิถีจะพัฒนากลายเป็นวงล้อ อวตารจากมหาวิถีสยายวิญญาณลอยขึ้นลงอยู่ในนั้น และนี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่า ‘วงล้อวิญญาณมหาวิถี’!
วูบ! วูบ!
ทัณฑ์อสนิบาตและพิรุณแสงถ่ายเทสู่ร่างของซูอี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ทำให้วิถีเต๋าของเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นทุกขณะ
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ซูอี้รู้สึกพอใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ครั้งนี้ เขายังคงใช้ปราณจากดาบเก้าคุมขังเพื่อทำลายหายนะถึงตายในทันทีเหมือนเช่นในการผ่านหายนะครั้งก่อน ๆ
มันไม่ได้เรียบง่ายเหมือนเช่นการยืมพลังจากภายนอกเข้ามาสยบหายนะ
เพราะว่ามหาหายนะยิ่งใหญ่เพียงนี้ แม้จะเปลี่ยนให้จักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำมารับมือแทนก็ยังต้องจบอย่างแสนน่าเศร้าเป็นแน่
ด้วยเหตุดังกล่าว การใช้พลังของดาบเก้าคุมขังมาปัดเป่าหายนะจึงกลายเป็นเพียงทางรอดเดียว!
โชคและเคราะห์นั้นพึ่งพากันและกัน เมื่อผ่านเคราะห์ร้ายไปได้ ซูอี้ก็สัมผัสได้ถึงผลประโยชน์เกินจินตนาการที่ได้รับจากการก้าวสู่ขอบเขตวงล้อวิญญาณ
ร่างกาย วิญญาณ พื้นฐานการฝึกฝน และรากฐานวิถีเต๋าของเขาล้วนแต่ได้รับการเปลี่ยนแปลง กลั่นบริสุทธิ์อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
“หนึ่งดาบ… ทลายหายนะ?!”
เนตรสีเลือดของอีกาเก้ามืดมิดเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ไม่เพียงซูอี้จะไม่ตาย แต่เขายังฝ่ามหาหายนะด้วยหนึ่งดาบและเลื่อนระดับขอบเขตอีกต่างหาก
“เจ้ากาน้อย ในที่สุดก็เผยร่องรอยออกมาจนได้”
ซูอี้ที่อยู่บนฟ้าก้มลงมองอีกาเก้ามืดมิดด้วยสีหน้าขี้เล่น
อีกาเก้ามืดมิดเงียบไปครู่หนึ่ง และรำพึงเบา ๆ “ข้าไม่คิดเลยว่าอำนาจของมนตร์สลายจิตจะไม่อาจรุกล้ำจิตผู้ต่ำต้อยเช่นเจ้าได้ แม้กระทั่งมหาภัยพิบัติอันดูไร้ทางรอดนี้จะไม่อาจฆ่าเจ้า…”
ปีกของมันทอประกายเย็นเยียบมืดหม่น ลี้ลับน่าสะพรึง
ขณะที่มันกำลังพูด อีกาเก้ามืดมิดก็เหลือบมองผอซัวซึ่งอยู่ไกล ๆ และกล่าวเสียงเย็นชา “หากข้าเดาถูก ตระกูลชุยเป็นผู้ให้เจ้ามาที่นี่ใช่หรือไม่?”
ซูอี้ส่ายหน้าตอบ “ผิดแล้ว ข้าต่างหากที่อยากเจอเจ้า”
อีกาเก้ามืดมิดถามอย่างเคลือบแคลง “เหตุใดเจ้าจึงอยากพบข้า?”
เขารู้สึกว่าชายหนุ่มชุดเขียวผู้นี้ช่างประหลาดเหลือเกิน
“โลกหล้าเรียกขานเจ้าเป็นวิหคอัปมงคล ซึ่งเป็นตัวแทนหายนะโกลาหล ข้าจึงอยากประจักษ์กับตา”
ซูอี้กล่าวขณะลอยตัวอยู่เหนือหุบผา “เจ้าต้องการพูดคุยสักหน่อยหรือไม่?”
เขาไพล่มือไว้เบื้องหลัง กิริยาสงบเยือกเย็น และความเยือกเย็นนั้นก็ยิ่งทำให้อีกาเก้ามืดมิดรู้สึกผิดแปลกพิกล
อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนในวิถีวิญญาณในโลกนี้เลย แม้จะเปลี่ยนเป็นพวกจักรพรรดิแห่งวิถีลึกล้ำ ใครเล่าจะไม่กลัวยามพบมัน?
แต่ชายหนุ่มผู้นี้กลับแตกต่างออกไป
เพราะเขาเยือกเย็นเกินไป
นอกจากนั้น ยังมีจิตวิญญาณอันเกิดจากพฤกษาหมื่นวิถีอย่างผอซัวประจำอยู่ในระยะไกล ดังนั้นตัวตนอันร้ายกาจเช่นอีกาเก้ามืดมิดก็ยังต้องเก็บความทะนงไปบ้าง
“เจ้าจะคุยเรื่องอันใด?”
อีกาเก้ามืดมิดถาม
“เรื่องที่มา และจุดประสงค์ในการโผล่มาที่นี่ ณ ยามนี้ของเจ้า”
ซูอี้หยิบไหสุราออกมาจิบ
“ที่แท้ เจ้าก็อยากถามเกี่ยวกับที่มาของข้า”
อีกาเก้ามืดมิดพลันหัวเราะ เสียงของมันแหบแห้งด้วยความดูแคลน “ไอ้หนู เจ้าคิดว่าข้าผู้นี้จะบอกเจ้าหรือ?”
ชายหนุ่มกล่าว “เมืองมรณะมีพื้นที่ต้องห้ามมากกว่าร้อยที่ และในหมู่พวกมัน มีเพียงเก้าแห่งที่อันตรายที่สุด รวมถึง ‘เทือกเขาสวรรค์พิบัติร้าย’ และ ‘นภาโกลาหล’ หากข้าเดาถูก กาน้อยอย่างเจ้าคงจะมาจากหนึ่งสองดินแดนต้องห้ามนี้แหละ”
ดวงตาสีเลือดของอีกาเก้ามืดมิดวูบไหว “ข้าไม่คาดว่าเจ้าคนต่ำต้อยเยี่ยงเจ้าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเมืองมรณะด้วย แต่น่าเสียดายนะที่เจ้าก็ยังคงเดาผิดต่อไป”
ซูอี้แค่นเสียงหึ “งั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่า ‘ท่านเทพจันทราโลหิต’ ตายในเมืองมรณะเพราะเหตุใด? ผู้ใดกันที่กักขัง ‘จักรพรรดิกระดูกขาว’ จนตกสู่ความมืดมิด? เหตุใด ‘เมืองเสี่ยวหมิง’ จึงมีเถาวัลย์ปีศาจประสานฟ้า?”
อีกาเก้ามืดมิดผงะไปอย่างเห็นได้ชัด “เจ้า… รู้ความลับเหล่านี้หรือ?”
เห็นเช่นนี้ ผอซัวก็อดถอนใจไม่ได้ นางจะไม่รู้ได้เช่นไรว่ายามปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินท่องภูมิมืดมิด เขาและดาบของเขาก็เคยเข้าไปในเมืองมรณะ?
ส่วนความเข้าใจเกี่ยวกับเมืองมรณะ โลกนี้คงมีคนเพียงหยิบมือที่สามารถเทียบปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินได้!
นอกจากนั้น ผอซัวยังสงสัยด้วยว่าความลับที่ซูอี้กล่าวออกมาเหล่านี้ เป็นไปได้สูงสุดว่าเป็นฝีมือเขาเอง!
“อยากรู้คำตอบหรือไม่? แลกกับการบอกที่มาของเจ้ามาสิ”
ซูอี้กล่าว
อีกาเก้ามืดมิดเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแค่นเสียงอย่างเย็นชา “เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้หรอก”
ซูอี้ยิ้มและกล่าวอย่างมีนัยยะ “ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าไม่อยากพูด ข้าก็จะไม่เซ้าซี้ แค่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะมาหาข้าเองในภายหน้าเป็นแน่”
จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับผอซัว “ไปกันเถิด”
เสียงยังไม่ทันจางหาย เขาก็เดินลับไปทางเมืองตาข่ายม่วงแล้ว
ช่างมั่นใจและเรียบง่าย
ผอซัวติดตามเขา เส้นผมขาวสยายพลิ้วไสวดุจน้ำตก สง่างดงาม
สองร่างเคลื่อนจาก
อีกาเก้ามืดมิดตะลึงไปเล็กน้อย มันไม่คาดว่าพวกซูอี้จะจากไป
“ช่างเย่อหยิ่งนัก ไม่เห็นข้าในสายตาจริง ๆ…”
คู่เนตรสีเลือดของอีกาเก้ามืดมิดวูบไหว ความคิดสังหารคนปรากฏอยู่หลายครั้ง
ทว่าสุดท้ายมันก็ยั้งมือ
“กลับไปบอกตระกูลชุยด้วยว่า เมืองตาข่ายม่วงกับตระกูลชุยของพวกมันจะถูกทำลายระหว่างเทศกาลหมื่นโคมหนนี้แน่นอน!”
เสียงเย็นชาของอีกาเก้ามืดมิดแผ่ออกไปไกล
ไม่นานนัก เสียงหัวเราะของซูอี้ก็แว่วตอบกลับมา
“เจ้ากาน้อย หากเจ้ายังกล้าโผล่มาอีกยามนั้น ข้ารับประกันเลยว่าข้าจะไม่ให้เจ้าหลุดมือ ตัดสินใจเอาเองแล้วกัน”
อีกาเก้ามืดมิดอดยิ้มเยาะไม่ได้ เป็นแค่ผู้ฝึกตนในวิถีวิญญาณ ยังกล้าพูดเช่นนี้อีกหรือ? สามหาวนัก!
ทว่าไม่นาน มันก็เงียบไป
แม้ว่ามันจะไม่รู้ที่มาของซูอี้ แต่มันก็เห็นได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ร้ายกาจนัก ไม่เพียงฝืนกฎสวรรค์ แต่ยังดูจะรู้ความลับมากมายเกี่ยวกับเมืองมรณะด้วย
กระทั่งร่างจิตวิญญาณจากพฤกษาหมื่นวิถีของตระกูลชุยยังติดตามเขาอย่างเต็มใจ!
เรื่องนี้ช่างเหลือเชื่อ
“คนผู้นี้… คือผู้ใดกัน? ตระกูลชุยมีคนแบบนี้อยู่ตั้งแต่ยามใด?”
ดวงตาของอีกาเก้ามืดมิดวาวโรจน์
ท้ายที่สุด คู่เนตรสีเลือดของมันก็ฉายจิตสังหาร “ไม่ว่ามันจะเป็นใคร แต่ครานี้ ย่อมไม่มีผู้ใดหยุดการพังทลายของเมืองตาข่ายม่วงและตระกูลชุยได้ทั้งนั้น!”
แล้วร่างของอีกาเก้ามืดมิดก็หายไปอย่างเงียบงัน
…
ระหว่างทางกลับสู่เมืองตาข่ายม่วง
“ก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าเจ้าจะชวนข้ามาร่วมกันลงมือจับอีกาเก้ามืดมิดเสียอีก ทว่าเหตุใดจึงทิ้งกลางคันเสียเล่า?”
ผอซัวงุนงงเล็กน้อย
“จับมันไปก็ไร้ประโยชน์ ก่อนหน้านี้ข้าพินิจแล้ว นั่นไม่ใช่ร่างจริงของมัน”
ซูอี้กล่าว
หญิงสาวกล่าวอย่างแปลกใจ “จริงหรือ?”
เมื่อครู่ กระทั่งนางก็ไม่อาจสังเกตเห็น!
“แน่นอนสิ”
ซูอี้กล่าวและพลันแย้มยิ้ม “ทว่า มันจะมาหาข้าอีกครั้งแน่”
“เจ้าเห็นเช่นนั้นได้เช่นไร?”
ผอซัวถาม
“ในพื้นที่ต้องห้ามต่าง ๆ ของเมืองมรณะมีสิ่งน่าหวาดหวั่นมากมาย ในหมู่ความลับที่ข้ากล่าวถึงก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น ‘ท่านเทพจันทราโลหิต’ ผู้ถูกฆ่า ‘จักรพรรดิกระดูกขาว’ ผู้ตกสู่ความมืดมิด หรือเถาวัลย์ปีศาจประสานฟ้าที่ปกคลุมเมืองเสี่ยวหมิงก็ล้วนแต่เป็นตัวตนอันดุร้ายที่สุดในเมืองมรณะทั้งสิ้น”
ซูอี้กล่าว “ในหมู่พวกเขา ท่านเทพจันทราโลหิตนั้นมาจาก ‘เทือกเขาสวรรค์พิบัติร้าย’ ซึ่งเป็นหนึ่งในเก้าพื้นที่ต้องห้ามร้ายแรงที่สุดในเมืองมรณะ ส่วนจักรพรรดิกระดูกขาวกับเถาวัลย์ปีศาจประสานฟ้ามาจาก ‘นภาโกลาหล’”
“สมัยก่อนยามข้าออกเดินทางในเมืองมรณะ ข้าก็เคยพบกับตัวตนร้ายกาจเหล่านี้ ในหมู่พวกเขา ท่านเทพจันทราโลหิตถูกข้าฆ่า และจักรพรรดิกระดูกขาวก็ถูกข้าขังไว้ในความมืดมิด”
“ส่วนเถาวัลย์ปีศาจประสานฟ้า มันถือได้ว่าน่าสนใจ ในคราแรก มันช่วยเหลือข้าไว้มากมาย และเพื่อเป็นการตอบแทน ยามข้าจากจร ข้าจึงช่วยมันให้ปกครอง ‘เมืองเสี่ยวหมิง’นั่น”
“สิ่งเหล่านี้เมื่อกาลก่อน แทบไม่มีผู้ใดในภูมิมืดมิดรู้จักมันเลย ทว่าในเมืองมรณะ พวกมันสร้างเรื่องฮือฮามาไม่น้อย ทว่าไร้ผู้ใดรู้ตัวผู้กระทำ”
“กล่าวอีกนัยก็คือ สิ่งเหล่านี้เป็นความลับในเมืองมรณะเสมอมา”
“หากอีกาเก้ามืดมิดเคยได้ยินเรื่องเหล่านี้มาก่อน มันจะต้องอยากรู้เป็นแน่ว่าผู้ใดกันเป็นตัวการสำหรับเรื่องทั้งหมดนี้”
“แน่นอน แค่เรื่องพวกนี้ไม่อาจทำให้อีกาเก้ามืดมิดมาหาข้าเองโดยว่าง่ายหรอก”
ซูอี้กล่าวมาถึงจุดนี้ ก็เผยคำตอบที่แท้จริงออกมา “ทว่า ขอเพียงมันมีเจตนาช่วยเหลือจักรพรรดิกระดูกขาว มันจะมาหาข้าแน่”
ผอซัวถูกกระตุ้นด้วยความอยากรู้โดยสมบูรณ์ “เพราะเหตุใดหรือ?”
ซูอี้ตอบ “บรรยากาศหายนะพิลึกบนร่างของอีกาเก้ามืดมิดมีที่มาเดียวกับปราณของจักรพรรดิกระดูกขาว เพราะเหตุนี้ ข้าจึงกล่าวถึงจักรพรรดิกระดูกขาวผู้ถูกผนึกและนภาโกลาหล”
ยามนี้เอง ในที่สุดหญิงสาวก็เข้าใจและกล่าวขึ้นด้วยแววตาแปลก ๆ “ยามนี้ข้าเริ่มกังวลหนึ่งสิ่งแล้ว”
ซูอี้ตกใจ “เกิดอันใดขึ้นหรือ?”
ผอซัวถอนใจเงียบ ๆ “ข้าเกรงว่าเจ้าอาจได้ลักพาตัวข้าก่อนข้าจะทันรู้ตัวอีกน่ะสิ”
ซูอี้แตะจมูกตนยิ้มอย่างขมขื่น “นี่ชมหรือประชดล่ะ?”
ผอซัวกะพริบตา ก่อนจะกล่าวยิ้ม ๆ “ทั้งคู่”
คิดดูแล้ว แผนของซูอี้ก็แยบยลเกินไปจริง ๆ มันไม่เผยร่องรอยแม้แต่น้อย แต่กลับคิดการณ์ไกลหลายพันลี้
ไม่นานมานี้ ขณะที่เขาจับกุมเหล่ามารเฒ่าด้วยโคมไฟดอกบัวอาญา เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคิดขอความช่วยเหลือจากนางในการบังคับใช้เหล่ามารเฒ่านี้แล้ว
ทว่าวันนี้ เขาเชิญนางมาที่นี่โดยอ้างว่าให้มาอารักขาวิถียามก้าวข้ามหายนะเลื่อนขอบเขต ทว่าที่จริงแล้วเขาต้องการใช้นางเพื่อลวงอีกาเก้ามืดมิดจากที่ซ่อน โปรยเหยื่อและรอให้มันมาหาเขาเองอย่างว่าง่าย
นี่ยังไม่พอ แม้ว่าในภายหน้าอีกาเก้ามืดมิดจะไม่ยอมมาหา เขาก็มีมาตรการเตรียมไว้แล้ว!
สิ่งนี้ทำให้ผอซัวสงสัย ว่าหากซูอี้ตั้งใจลักพาตัวนาง นางคงไม่แม้กระทั่งจะรู้ตัวด้วยซ้ำ…
ซูอี้เองก็กล่าวยิ้ม ๆ ว่า “เจ้าวางใจได้ กับเจ้า ข้าไม่คิดใช้ลูกไม้มารยาเหล่านี้หรอก”
ขณะกำลังพูดคุย ทั้งสองก็เริ่มได้เห็นเค้าเมืองโบราณขนาดมหึมาของเมืองตาข่ายม่วงจากไกล ๆ แล้ว
“เจ้าจะไปดื่มที่หอเมฆาหอมสักหน่อยหรือไม่?”
ซูอี้ออกปากชวน
เขาเพิ่งเลื่อนขอบเขต กำลังอารมณ์ดี และว่างอย่างหาได้ยาก ดังนั้นเขาย่อมอยากผ่อนคลาย
ผอซัวกัดริมฝีปากสีชมพูของนางเบา ๆ และกล่าวว่า “ข้าปฏิเสธได้หรือไม่?”
“แน่นอน… ว่าไม่”