บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 842: คืนแห่งเทศกาลหมื่นโคมไฟ
ตอนที่ 842: คืนแห่งเทศกาลหมื่นโคมไฟ
ตอนที่ 842: คืนแห่งเทศกาลหมื่นโคมไฟ
ในบรรดาคนเหล่านั้น มีชายวัยกลางคนสวมชุดยาวสีแดงเกล้าขนนก เหยียบเมฆา
มีผู้ชายร่างโตสองแขนมีมังกรไฟขดล้อม ตัวสูงจั้งกว่า ๆ ผิวสีเข้ม
มีผู้เฒ่าเคราขาวไร้ผม มือถือไม้เท้าลำไผ่ งก ๆ เงิ่น ๆ
มีผู้หญิงมวยผมสูงสวมชุดหลากสีสะพายดาบ
ทั้งหมดคือตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิท่าทางขึงขังที่เคยข่มขู่ตระกูลชุย ณ ใต้กำแพงเมือง!
ซูอี้จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าผู้ชายในชุดสีแดงสวมเกล้าขนนกคนนั้นมีนามว่าชวีป๋อโฮ่ว
ส่วนคนอื่น ๆ เขาไม่รู้
และเขาก็คร้านจะรู้ด้วย
จักรพรรดิแล้วอย่างไร?
ผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องในวันนี้ล้วนต้องตายทั้งสิ้น
ทว่า คนที่มาในครั้งนี้ไม่เพียงแค่สี่คนนี้เท่านั้น ยังมีคนอื่นอีกสามคน ซึ่งต่างก็มีอานุภาพในขอบเขตจักรพรรดิด้วยกันทั้งสิ้น!
จักรพรรดิเจ็ดคนมาพร้อมกัน พลังยิ่งใหญ่เช่นนั้นเพียงพอที่จะเดินกร่างทั่วภูมิมืดมิด
แม้กระทั่งในเก้ามหาแดนดินก็ยังเป็นกำลังอันน่ากลัวที่สามารถสร้างความโกลาหลไปทั่วปฐพีได้!
“ชุยฉางอัน เจ้าคิดดีแล้วหรือ?”
ไกลออกไป ชวีป๋อโฮ่วเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่ากลับเสียงดังราวกับฟ้าผ่า ดังกึกก้องไปทั่วผืนแผ่นดินอันมืดครึ้มสงบเงียบราวป่าช้าแห่งนี้
ชุยฉางอันกล่าวเสียงเย็นเยียบ “ข้าบอกไปแล้ว ต่อให้ตระกูลชุยของข้าต้องพินาศ ก็ไม่มีวันจะก้มหัวให้! วันนี้หากว่าพวกเจ้ายังคงมาเพราะเหตุนี้ ข้าว่าพวกเจ้ารีบตัดใจเสียดีกว่า!”
“ชุยฉางอัน ข้ามีบางอย่างจะให้เจ้าดู หลังจากที่เจ้าเห็นแล้ว เชื่อว่าเจ้าคงจะเปลี่ยนใจ”
เฒ่าหัวโล้นเคราขาวถือไม้เท้าไผ่ยิ้มน้อย ๆ พอสะบัดแขนเสื้อ คันฉ่องบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
คันฉ่องสาดส่องสะเก็ดแสงกลายเป็นภาพ ๆ หนึ่งกลางอากาศ
ในภาพ เป็นภาพคุกมืดและคับแคบ มีคนถูกจับอยู่ในคุกนับร้อย มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย เด็กและคนแก่ ร่างกายถูกล่ามด้วยโซ่ขนาดใหญ่ ท่าทางน่าสมเพช
มีเสียงดังขึ้นเป็นพัก ๆ ออกมาจากภาพ
“ตระกูลหงของพวกเจ้าต้องการจะเปิดศึกกับตระกูลชุยของข้าใช่หรือไม่?”
“บัดซบ!! รีบปล่อยพวกเราไป!”
“จบกัน พวกตระกูลหงกล้าทำเช่นนี้ ต้องเป็นเพราะตระกูลชุยของพวกเราเกิดความเปลี่ยนแปลง…”
เสียงโหวกเหวกแฝงไปด้วยความเคียดแค้น หวาดกลัว และตื่นตระหนก
ผู้นำตระกูลชุยหรี่ตาลง สีหน้าคร่ำเคร่งยิ่งกว่าเดิม
เขาเข้าใจอยู่แล้วว่านี่มันเรื่องอันใด
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในขุมกำลังอันยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดของเขตราชาหกวิถี ผู้แข็งแกร่งภายใต้การปกครองของตระกูลชุยล้วนกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุก ๆ แห่งของภูมิมืดมิด
ช่วงก่อนหน้านี้ หลังจากที่รู้สึกได้ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี ชุยฉางอันได้มีคำสั่งให้คนในตระกูลที่อยู่ด้านนอกรีบกลับมา
ทว่าอย่างไรเสียก็ยังเร่งด่วนเกินไป จนถึงตอนนี้ คนในตระกูลบางส่วนก็ยังไม่กลับมา
ทว่าเขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่า ตระกูลหงจะจับตัวคนนับร้อยของตระกูลชุยไว้ก่อนแล้ว!
เฒ่าหัวโล้นเคราขาวเก็บคันฉ่อง หัวเราะพลางกล่าว “จะบอกให้นะสหายเต๋าชุย คนตระกูลชุยที่ถูกคนตระกูลหงของข้าจับได้เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ยังมีคนตระกูลชุยอีกมากที่ถูกกักขังอยู่ในที่อื่น ๆ”
นิ่งเงียบไปชั่วครู่ สีหน้าของเขาดูเมตตาอ่อนโยนขึ้นมาพลางกล่าว “แน่นอน สหายเต๋าซูสามารถวางใจได้ ตอนนี้เพียงแค่กักขังเท่านั้น คนตระกูลชุยของพวกเจ้าปลอดภัยดี ไม่มีอันตราย”
ชุยฉางอันสีหน้าเคร่งเครียด ไม่พูดสักคำ
แต่ใครบ้างที่มองไม่ออกว่าผู้กุมอำนาจสูงสุดของตระกูลชุยคนนี้ถูกยั่วยุจนโมโหเสียแล้ว!
“สหายเต๋าชุย ตอนนี้เจ้าคิดว่า เงื่อนไขที่พวกเราเสนอก่อนหน้านี้ สามารถพูดคุยกันดี ๆ ได้หรือยัง?”
ชวีป๋อโฮ่วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ผู้เป็นจักรพรรดิคนอื่น ๆ ต่างก็มองไปที่ผู้นำตระกูลชุยด้วยสายตาเย็นเยียบประดุจแสดงไฟ
ทว่าในเวลานี้เอง กลับมีเสียงราบเรียบเสียงหนึ่งดังขึ้น
“หากว่าคนในเผ่าตระกูลชุยเหล่านั้นตาย คนในวงศ์ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังของพวกเจ้าแต่ละคนจะต้องตายตามไปด้วย”
คำพูดเรียบง่ายประโยคเดียว ทำให้ผู้เป็นจักรพรรดิเหล่านั้นพากันขมวดคิ้ว ก่อนจะเคลื่อนสายตามองไปที่คนหนุ่มชุดสีเขียวที่ยืนอยู่ข้างกายชุยฉางอัน
“ชุยฉางอัน ผู้ด้อยอาวุโสของตระกูลเจ้าจะบังอาจเกินไปแล้วกระมัง? ไม่มีความเคารพผู้ใหญ่ ไม่รู้จักความตายเสียแล้ว!”
บุรุษร่างใหญ่คนนั้นสบถเสียงดังฮึ และพูดด้วยอันดังราวกับเสียงฟ้าผ่า
ผู้เป็นจักรพรรดิคนอื่น ๆ ต่างก็มีสีหน้าเย็นชา
ทว่าเกินความคาดหมายของพวกเขา ประกายแห่งความเคียดแค้นเจ็บใจผุดขึ้นมาบนใบหน้าของชุยฉางอัน พลันกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน “ตั้นไถเยว่ เพราะคำพูดประโยคนี้ ข้าจะต้องฆ่าเจ้า!”
แต่ละคำหนักแน่น สะท้านใจคน
ผู้เป็นจักรพรรดิเหล่านั้นล้วนพากันตะลึงไม่อยากจะเชื่อ
ผู้ชายร่างใหญ่ที่ถูกเรียกชื่อว่าตั้นไถเยว่อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “ตระกูลชุยทั้งตระกูลกำลังจะสูญสิ้นไปในคืนนี้แล้ว แต่เจ้าชุยฉางอันกลับยังกล้าข่มขู่ข้าอยู่ตรงนี้ ช่างน่าขันเสียเหลือเกิน!”
เสียงดังกึกก้องไปทั่ว แฝงไว้ซึ่งความเย้ยหยันและดูแคลนอย่างเต็มที่
ชุยฉางอันกำลังจะพูดอีก
จากนั้นก็เห็นซูอี้พลิกมือหยิบโคมไฟดอกบัวอาญาสวรรค์ออกมา และจุดไฟขึ้น
พรึ่บ!
ท่ามกลางประกายแสงของโคมไฟดอกบัว มีร่างของผู้หญิงนางหนึ่งปรากฏขึ้น
ผิวพรรณของสตรีนางนั้นขาวเนียน ผมดำขลับงามสลวยราวกับน้ำตก ดูท่าทางแล้วคล้ายกับสาวน้อยอายุประมาณสิบห้าสิบหก คิ้วโก่งตากลม หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู
ถึงแม้ชุดสีม่วงที่สวมใส่จะเก่าและมีรอยปะ แต่ก็ยังไม่อาจลบเลือนความงดงามของนางลงได้
นางคือจักรพรรดิปีศาจเทียนจี ตัวตนน่ากลัวที่ถูกกักขังอยู่ใต้ ‘ภูเขาเตาสวรรค์’ ของกองตัดสินนานเกือบหกหมื่นปี
เมื่อนางปรากฏตัวขึ้น พวกของชวีป๋อโฮ่วที่อยู่ห่างออกไปถึงกับสะดุ้ง ขณะที่สายตาจับจ้องอย่างใคร่รู้ว่าผู้หญิงที่มีพลังปีศาจชั่วร้ายน่ากลัวเช่นนี้คือใครกัน?
ตระกูลชุยมีตัวตนน่ากลัวเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
“ใต้เท้ามีสิ่งใดให้ข้ารับใช้?”
จักรพรรดิปีศาจเทียนจีผงกศีรษะแสดงความคารวะต่อซูอี้
ผู้เป็นจักรพรรดิทั้งเจ็ดที่อยู่นอกเมืองเห็นเช่นนี้แล้วถึงกับเข้าใจว่าตัวเองฟังผิดไป
เหตุใดตัวตนผู้มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวกลับก้มหน้าให้คนหนุ่มเช่นนี้?
ไม่รอให้พวกเขาเข้าใจ ก็เห็นซูอี้ถือโคมดอกบัวอาญาสวรรค์กล่าวว่า “เจ้าจงฆ่าผู้ชายร่างใหญ่คนนั้น ข้าอนุญาตให้เจ้ากลืนจิตวิญญาณของเขา และซึมซับเลือดลมปราณของเขาได้”
ดวงตางดงามของจักรพรรดิปีศาจเทียนจีลุกวาว ดวงตาลึก ๆ ส่อประกายกระหายเลือดอย่างระงับไม่อยู่ ตื่นเต้นจนเสียงสั่นระริก “น้อมรับคำสั่งของใต้เท้า!”
สีหน้าของเหล่าบรรดาจักรพรรดิเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ชวีป๋อโฮ่วแผดเสียง “ชุยฉางอัน ต้องการจะแตกหักจริง ๆ หรือ? เจ้าควรจะรู้ดีกว่าหากต่อสู้กันในเวลานี้ ทุกอย่างไม่อาจย้อนกลับมาได้อีก และตระกูลชุยของพวกเจ้า…”
เสียงหยุดชะงัก
เพราะว่าประกายแสงปีศาจปรากฏขึ้นในช่วงระยะที่อยู่ห่างจากพวกเขาไม่มาก และหลังจากนั้นก็กลายร่างเป็นจักรพรรดิปีศาจเทียนจี
“จักรพรรดิทั้งเจ็ด กลับไม่มีใครที่สามารถบรรลุขอบเขตรู้แจ้งล้ำลึก ช่างน่าผิดหวังเหลือเกิน”
จักรพรรดิปีศาจเทียนจีถอนใจเบา ๆ
นางมีคิ้วโก่งงอนงาม ผิวพรรณขาวกว่าหิมะ น่ารักน่าเอ็นดู เวลาที่ก้าวเดิน ดอกไม้สีดำรูปร่างประหลาดจะปรากฏขึ้นมาเป็นดอก ๆ และที่กลางกลีบดอกจะมีแสงปีศาจสีดำอันเข้มข้นปะปนมาด้วย
ทุกแห่งที่นางย่างผ่านจะเกิดเสียงดังซู่ ๆ ราวกับถูกกัดเซาะจนกลายเป็นรูพรุน
ราวกับมีหมอกสีดำกลิ่นอายปีศาจอบอวลไปทั่วผืนปฐพี
ภาพแต่ละภาพน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
“ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ!?”
“แสงปีศาจทำลายล้างน่ากลัวยิ่งนัก นาง… นางเป็นใครมาจากไหนกันแน่?”
“รีบหนี!”
พวกของชวีป๋อโฮ่วสีหน้าเปลี่ยน จากนั้นรีบเคลื่อนย้ายมิติเพื่อหลบหนี
พวกเขารับคำสั่งมาเพื่อเจรจาเงื่อนไข ไม่ได้มาเพื่อเอาชีวิตเข้าแลก
ครืน!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน
เมื่อจักรพรรดิปีศาจเทียนจีย่างเท้าลง ร่างอรชรก็หายวับไป
ครู่ถัดมาก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังผู้ชายร่างโตที่ชื่อว่าตั้นไถเยว่คนนั้นราวกับผี นางยื่นมือขวาเรียวงามขาวเนียนประดุจหยกออกมา
นิ้วทั้งห้าแหลมคมประดุจมีดล้อมรอบด้วยประกายแสงสีดำอันประหลาด จากนั้นแทงออกไปอย่างแรง
ตั้นไถเยว่ราวกับรู้สึกได้ถึงอันตราย ร่างสูงจั้งกว่า ๆ ระเบิดแสงสีทองบาดตาในฉับพลัน กลายเป็นเกราะป้องกันที่สกัดจากกฎวิถีลึกล้ำหลายเส้น
และในเวลาเดียวกันนี้เอง แขนขวาของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้น พร้อมกับมีประกายแสงสีทองบาดตา กำลังจะหมุนตัวซัดหมัดออกไป
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงระเบิดดังติดต่อกัน ข้างหน้านิ้วมือทั้งห้าอันขาวเนียนของนาง เกราะป้องกันสีทองแน่นหนานั้นก็ระเบิดราวกับกระดาษ
นิ้วทั้งห้าคมกริบประดุจดาบ ชำแหละหลังของตั้นไถเยว่ เสียบเข้าไปในอวัยวะภายใน
ร่างของตั้นไถเยว่แข็งทื่อ จากนั้นแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา หมัดที่กำลังจะปล่อยออกไปพลันสลายหายไป
เอื๊อก!
เลือดสาดกระเซ็น
หัวใจที่มีเลือดย้อยถูกควักออกมาอยู่ในมือขาวเนียนประดุจหิมะของจักรพรรดิปีศาจเทียนจี หัวใจที่สั่งสมพลังลมปราณอันเร่าร้อนดวงนี้ก็แบนราบและกลายเป็นผงธุลีไปในทันใดตามการเคลื่อนไหวของแสงสีดำบนฝ่ามือ
“เจ้า… เจ้าคือ…”
ในที่สุดตั้นไถเยว่ก็รู้ฐานะของนาง เขาเบิกตาโพลง
ทว่ายังพูดไม่ทันจบ ดอกไม้สีดำกลายเป็นเพลิงไฟลูกใหญ่เผาผลาญร่างของชายร่างใหญ่จนมลายหายไปพร้อมกับรอยยิ้มของจักรพรรดิปีศาจเทียนจี
หลังจากที่ฆ่าผู้เป็นจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลางไปแล้ว เทียนจีก็กวาดมองดูตัวตนระดับจักรพรรดิคนอื่น ๆ ที่หนีกันอุตลุตจนแทบไม่เห็นหัว จากนั้นจึงหันไปถามซูอี้ที่อยู่บนกำแพงเมืองด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“ใต้เท้า ต้องฆ่าคนอื่น ๆ ด้วยหรือไม่?”
ถึงแม้นางจะก้มหน้า ทว่าชุยฉางอันสามารถรู้สึกได้ว่าผู้หญิงที่ถูกกักขังมานานถึงหกหมื่นปีคนนี้ต้องการจะฆ่าศัตรูเป็นอย่างมาก!
ซูอี้ชายตามองดูจักรพรรดิปีศาจเทียนจี ก่อนจะกล่าวขึ้น “ด้วยระดับวิถีของเจ้าในตอนนี้ ต่อสู้กับตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นต้นมากสุดเพียงแค่เสมอ หากว่าไล่ตามไปจริง ๆ หากเจอกับตัวตนประเภทนี้ เชื่อหรือไม่ว่าคนที่ตายจะเป็นเจ้า?”
ร่างของจักรพรรดิปีศาจเทียนจีแข็งทื่อ นิ่งเงียบไปในทันใด
หลังจากถูกกักขังอยู่ใต้ภูเขาเตาสวรรค์ของกองตัดสินมานานหกหมื่นปี ระดับวิถีในตัวนางก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง จึงมิอาจเทียบกับตอนที่แข็งแกร่งที่สุดได้
“กลับมาเถอะ คืนนี้ยังมีการต่อสู้รอเจ้าอยู่”
ซูอี้เอ่ยพูด
“รับทราบ!”
จักรพรรดิปีศาจเทียนจีรับคำสั่ง กลายร่างเป็นแสงสีเลือดกลับเข้าไปในโคมดอกบัวอาญาสวรรค์
ผู้นำตระกูลชุยเห็นภาพนี้แล้วตกใจมาก ๆ “ท่านลุงซู สมบัติชิ้นนี้ร้ายกาจจริง ๆ”
ซูอี้ไม่ได้อธิบาย
ถึงแม้โคมดอกบัวอาญาสวรรค์จะมีความร้ายกาจ แต่หากไม่ได้คนช่วย ก็อย่าหวังเลยว่าปีศาจร้ายพวกนั้นจะยอมก้มหัวให้
ซูอี้หยิบเก้าอี้หวายออกมา เอนกายนอนลงบนนั้น ทอดสายตามองดูท้องฟ้ามืดครึ้มสีเทาพลางส่งเสียงพูดเบา ๆ
“ผ่านพ้นเรื่องนี้ไป ก็เท่ากับแตกหักกับขุมกำลังฝ่ายศัตรูเหล่านั้น คนตระกูลชุยของพวกเจ้าที่ถูกจับตัวไป อาจจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต”
นิ่งเงียบไปสักครู่ เขาก็กล่าวต่อ “แต่ เจ้าไม่ต้องกังวลไป ขอเพียงพวกเราเอาชนะการต่อสู้ในวันนี้ไปได้ สมาชิกตระกูลชุยที่ถูกจับตัวไปก็จะปลอดภัย”
ชุยฉางอันพยักหน้า เขาเข้าใจเหตุผลในข้อนี้เป็นอย่างดี
ลำดับถัดมา ซูอี้ปิดตางีบบนเก้าอี้หวายด้วยท่าทางสบายอารมณ์
แม้ว่าชุยฉางอันจะกังวลใจมาก แต่เขาก็ทำได้แต่ยืนนิ่ง ๆ
แหงนหน้ามองดูท้องฟ้าบ้างเป็นบางครั้ง
เวลาผ่านไปทีละนิด ท้องฟ้ามืดครึ้มยิ่งกว่าเดิม เมฆสีดำหนาบดบังทั่วท้องฟ้า ให้ความรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
ทันใด…
ท้องฟ้าก็ตกอยู่ในความมืดมิด ลำธารภูเขาสรรพสิ่งราวกับถูกความมืดมิดบดบัง ทั่วทั้งโลกราวกับอยู่ในความมืดตลอดกาลนาน
มองไม่เห็นแสงสว่างใด ๆ อีก
ชั่วขณะนั้น ทุกคนบนผืนปฐพีภูมิมืดมิดต่างก็รู้สึกราวกับตัวเองตาบอด ประหนึ่งว่าหล่นเข้าไปในความมืดมิดไร้ขอบเขต มองไม่เห็นภาพใด ๆ อีก
ในที่สุดคืนแห่งเทศกาลหมื่นโคมไฟก็มาถึง!