บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 847: ตำนานในอดีตปรากฏขึ้นที่นี่อีกครั้ง
ตอนที่ 847: ตำนานในอดีตปรากฏขึ้นที่นี่อีกครั้ง
ตอนที่ 847: ตำนานในอดีตปรากฏขึ้นที่นี่อีกครั้ง
หน้าซากโบราณกองตัดสิน
ทูตรับใช้กาฬราตรีชุดดำพลันหันมองไปทางตระกูลชุย ดวงตาสีน้ำตาลเทาของเขาฉายประกายวาวโรจน์
“เหตุใดคืนนี้จึงมีตัวตนขอบเขตจักรพรรดิโผล่มามากมายเพียงนี้?”
ทูตรับใช้กาฬราตรีถาม
อีกาเก้ามืดมิดซึ่งยืนอยู่บนบ่าเขาส่งเสียงหัวเราะแปลก ๆ และกล่าวว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าทำข้อตกลงกับขุมกำลังเหล่านั้น”
“ข้อตกลงนั้นง่ายมาก คือเราจะควบคุมวิญญาณร้ายมาตีเมืองตาข่ายม่วงให้แตกในคืนนี้”
“ส่วนขุมกำลังใหญ่เหล่านั้นจะจัดการกับตระกูลชุย ด้วยกำลังของพวกเขารั้งตระกูลชุยไว้ ก็ซื้อเวลาให้เรารื้อสมบัติในซากโบราณกองตัดสินได้มากขึ้น!”
เสียงของมันแฝงความพออกพอใจ
“ขุมกำลังเหล่านี้ซึ่งเดิมเคยดูแลกรมนรกภูมิ กรมสัมภเวสีและกรมเดียรัจฉานควรจะรับใช้กองตัดสิน ทว่าพวกเขาไม่เคยคิดทำเช่นนั้น และยินดีจะแลกเปลี่ยนกับเจ้าเพื่อจัดการกับตระกูลชุยผู้เคยดูแลกองตัดสิน… ว่าแล้วเชียวว่าโลกนี้ต่างจากกาลก่อน”
เสียงต่ำของทูตรับใช้กาฬราตรีประชดประชันลึกล้ำ
อีกาเก้ามืดมิดกล่าวอย่างสบาย ๆ “ดินแดนปรภพถูกทำลายไปนับแต่โบราณกาล และเมื่อเรารับสมบัติชิ้นนั้นมา ก็ไม่ต้องซุกซ่อนในเมืองมรณะอีกต่อไป!”
ตู้ม!
ไกลออกไปยังที่ตั้งตระกูลชุย เกิดการกระเพื่อมสะเทือนโลกาขึ้น แสงศักดิ์สิทธิ์ทะยานสู่เวหา และแรงกระเพื่อมนั้นก็ส่งคลื่นพลังรุนแรงออกไป
ทั้งทูตรับใช้กาฬราตรีและอีกาเก้ามืดมิดตระหนักว่าพวกจักรพรรดิเริ่มโจมตีตระกูลชุยแล้ว!
“ถึงเวลาที่เราต้องเร่งมือเสียที”
อีกาเก้ามืดมิดกล่าว
ทูตรับใช้กาฬราตรีพลิกฝ่ามือ ปรากฏตราประทับวิถีสีเลือดขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมองประตูที่ปิดอยู่ของกองตัดสิน และกล่าวว่า “อย่างมากก็ครึ่งชั่วยาม เราจะทำลายค่ายกลที่นี่ได้แน่นอน!”
ครืน!
พิรุณแสงสีเลือดทะลักไหลจากตราประทับวิถีสีเลือดทะยานสู่ฟากฟ้า
ในขณะที่ทูตรับใช้กาฬราตรีกำลังจะลงมือนั้นเอง เสียงดาบครวญประหลาดพลันดังขึ้นในเมืองตาข่ายม่วง
ร่างของทูตรับใช้กาฬราตรีชะงัก
อีกาเก้ามืดมิดเงยหน้าขึ้นทันที
ทั้งนักพรตมารชั่วร้ายและบุตรมารวิบากกรรมเบื้องหลังพวกเขาต่างร่างสั่นเทา
ยามนี้ พวกเขาทั้งหมดต่างรู้สึกใจเต้นกระตุกอย่างไม่อาจอธิบาย
…
“ที่แท้ก็เป็นพวกเหยียนจือนี่เอง”
เฟ่ยคงถงมองปราดเดียวก็จำจักรพรรดิมารซึ่งยืนอยู่ไกล ๆ ได้ทันที
โดยเฉพาะเฟ่ยเหยียนจือในขั้นต้นขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำซึ่งเป็นผู้นำ นางเป็นหลานสาวของเขาเอง!
“พวกเขายังไม่ลืมข้า ยังคิดช่วยข้าออกจากเรือนจำกองตัดสิน…”
เฟ่ยคงถงหัวใจว้าวุ่น
และถอนใจให้ตนเองทันที
เขารู้ดีว่าใครว่าต่อให้เฟ่ยเหยียนจือยกขบวนจักรพรรดิมามากกว่านี้ คืนนี้พวกนางก็ยังไร้โอกาสชนะ!
เพราะว่า… คนผู้นั้นอยู่ที่นี่!
“สัตว์ประหลาดเฒ่าซูตั้งใจจะจับเต่าในไหแท้ ๆ หากข้ากล้าเตือนพวกเจ้า เกรงว่ามันจะกระทบไปยังจักรพรรดิของขุมกำลังอื่นด้วย และหากข้าตีหญ้าให้งูตื่น เกรงว่าคงยั่วโทสะสัตว์ประหลาดเฒ่าซูเปล่า ๆ”
เฟ่ยคงถงลอบกล่าว “ข้าต้องหาวิถีบอกเหยียนจือให้พาทุกคนอพยพจากเมืองตาข่ายม่วงโดยเร็วที่สุด หาไม่…”
เขาเพิ่งคิดถึงตรงนี้
ตู้ม!
ไกลออกไป เหล่าจักรพรรดิจากขุมกำลังใหญ่ต่างเริ่มลงมือ แต่ละคนใช้สมบัติ ออกเคล็ดวิชาโจมตีเข้าใส่ค่ายกลอารักษ์ตระกูลชุย
“ไม่ดีแล้ว!”
เฟ่ยคงถงพลันเปลี่ยนสีหน้า
จากนั้น เสียงครวญดาบประหลาดก็ดังขึ้น
…
“พวกเจ้าไปคุ้มกันประตูทิศตะวันออก ต่อจากนี้หากมีผู้ใดหนีจากประตูตะวันออกได้ ข้าจะถือเป็นความผิดพวกเจ้า”
บนหอแห่งหนึ่ง ซูอี้กล่าวอย่างสุขุม
“ขอรับ/เจ้าค่ะ!”
จ้าวมังกรนทีปรภพ จักรพรรดิปีศาจเทียนจี และชายในชุดจีนต่างออกเดินทาง
“ท่านลุงซู แล้วข้าล่ะขอรับ?”
ชุยฉางอันอดถามไม่ได้
“เมื่อศัตรูถูกกำราบ เจ้าจะควบคุมค่ายกลปักษาทองปราบเภทภัย และใช้พลังของสองรูปสลักหินเซี่ยจื้อกับปี้อั้นที่อยู่นอกเมือง”
ซูอี้กล่าวพลางส่งกระดานหมากค่ายกลอี้ให้ชุยฉางอัน
จากนั้น ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมองเหล่าจักรพรรดิที่กำลังโจมตีใส่ตระกูลชุยจากไกล ๆ และดวงตาลึกล้ำของเขาก็ฉายประกายเย็นเยียบ
โคมไฟดอกบัวอาณาปรากฏขึ้นบนฝ่ามือเขา
จากนั้นซูอี้ก็ใช้มือแตะไส้โคม
วูบ!
ดาบวิถีเล่มหนึ่งปรากฏในมือเขา
“ดาบเงากระจ่าง!!” ชุยฉางอันอดมีท่าทีประหลาดใจไม่ได้
ดาบในมือซูอี้กระจ่างใสดุจเทวาสรรค์สร้าง เลือนรางดุจแสงเงา และสว่างไสวจรัสแสงดุจบุหลันเรืองนภา
นี่คือดาบเงากระจ่างซึ่งเคยต่อสู้เคียงกายชายหนุ่มในภูมิมืดมิด บั่นหัวฆ่าฟันศัตรูมามากมาย!
“สหายเก่าเอ๋ย การเข่นฆ่าศัตรูในคืนนี้ขึ้นกับเจ้าแล้ว”
ซูอี้พลิกดาบในมือของเขาพลางกล่าวอย่างสบายอารมณ์
เคร้ง!
เสียงครวญดาบกังวานเนิ่นนานดุจรำพันชั่วกาลระเบิดออกในเมืองตาข่ายม่วงภายใต้นภาอันมืดมิด
เสียงครวญนี้ฟังดูปีติ ตื่นเต้นและลิงโลด ชั่วขณะแรกมันเบาจนไม่ได้ยิน ทว่าในกาลต่อมา มันก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ
ท้ายที่สุด เสียงครวญดาบนี้ก็สะท้อนสั่นไปทั่วทศทิศเก้าชั้นฟ้า!
ทั่วเมืองตาข่ายม่วงดูสว่างไสวขึ้นทันตา และแสงอันเจิดจ้าดุจแสงจันทร์จากสวรรค์ชั้นเก้าก็ไล่ความมืดออกไป
ใกล้ซากโบราณกองตัดสิน ตัวตนร้ายกาจมากมายเช่นทูตรับใช้กาฬราตรีและอีกาเก้ามืดมิดต่างใจสั่น
ผู้ใดกันที่มีดาบเช่นนี้ในมือ?
“ดาบเงากระจ่าง!!”
“ในที่สุดสัตว์ประหลาดเฒ่าซูก็จะเริ่มลงมือแล้ว…”
ชายชราร่างผอม จักรพรรดิปีศาจเทียนจี และชายในชุดจีนซึ่งกำลังทะยานสู่ประตูตะวันออกต่างชะงักเท้าหันกลับไปมองด้วยคิ้วขมวดโดยพร้อมเพรียง ในแววตาของทั้งสามแฝงความสยดสยอง
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเองก็เคยสงสัยว่าขณะนี้ ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินจะยังเป็นตัวตนไร้เทียมทานซึ่งใช้หนึ่งดาบสยบสวรรค์ปกครองแดนดินอยู่หรือไม่
ทั้งยังสงสัยว่าเหตุใดปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน ณ ยามนี้จึงมีระดับฝึกฝนเพียงแค่ขอบเขตวงล้อวิญญาณ
กระทั่งก่อนหน้านี้ เมื่อเผชิญทูตรับใช้กาฬราตรี ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินก็ยังถอยกลับโดยไม่ต่อสู้
ยามนี้ คำถามเหล่านี้ก็ควรได้คำตอบแล้ว!
ในคฤหาสน์ตระกูลชุย
ภายใต้การล้อมโจมตีจากกลุ่มจักรพรรดิ เหล่าบุคคลระดับสูงในตระกูลชุยล้วนแต่กระวนกระวาย
กระทั่งเซวียฮว่าหนิงยังอดกระสับกระส่ายไม่ได้
ทว่าเมื่อเสียงครวญดาบประหลาดดังขึ้น แสงดาบก็พลันปรากฏออกมาปกคลุมเหนือเมืองตาข่ายม่วงดุจแสงจันทร์จำแลง
คนทุกผู้ล้วนตกตะลึง และรู้สึกใจสั่นระรัวอย่างไม่อาจอธิบาย
ขณะที่ภายนอกคฤหาสน์ตระกูลชุย
เมื่อเสียงครวญดาบประหลาดดังขึ้น ร่างของเหล่าจักรพรรดิที่กำลังใช้สมบัติออกเคล็ดวิชาโจมตีต่างชะงักนิ่ง หลังเย็นวูบวาบ
“นี่คือ?”
“ดูนั่น!”
“ช่างเป็นแสงดาบอันน่าอัศจรรย์นัก…”
จักรพรรดิเหล่านี้ล้วนหันไปมองแสงดาบอันสว่างไสวปกคลุมนภาพิภพทั่วเมืองตาข่ายม่วงดุจแสงจันทร์เรืองสีเงินโดยพร้อมเพรียง
ที่ใดก็ตามที่แสงดาบนี้ฉายถึง ความมืดย่อมไม่อาจซุกซ่อนสิ่งใด
สารพัดวิญญาณร้ายอันกระจายอยู่ทั่วทุกมุมเมืองดั่งคลื่นสมุทรต่างล้มหายสลายจากเป็นควันสีดำกันโดยถ้วนทั่ว
ดุจดังหิมะละลายเมื่อตะวันฉายแสง
และนี่ยังเป็นเพียงอำนาจจากลำแสงดาบอันสะท้อนจากดาบวิถีเล่มเดียวเท่านั้น!
โดยไม่รู้ตัว เหล่าจักรพรรดิต่างมองไปยังจุดที่แสงดาบแผ่ออกมา และเห็นร่างสูงของใครบางคนในชุดสีเขียวอย่างเลือนราง
เขาดูจะเป็นชายหนุ่มผู้ถือดาบวิถีในมือ ร่างของเขาอาบแสงพร่างพรรณรายดุจเทพเซียน
“นี่…”
“นั่นเป็นตัวประหลาดอันใด?”
“ระวังด้วย! คนผู้นั้นประหลาดนัก!”
กลุ่มจักรพรรดิอันนำโดยชวีจ่างเฮิ่น หงจือเหวิน ตั้นไถเยี่ยและเฟ่ยเหยียนจือจากสี่ขุมกำลังใหญ่ต่างผงะและรับรู้ว่าบางสิ่งไม่ชอบมาพากล
จากนั้น พวกเขาก็เห็นว่าบรรยากาศรอบกายของชายหนุ่มพลันแปรเปลี่ยน จู่ ๆ มันก็พลุ่งพล่านแข็งแกร่งเกินเทียบ
ตู้ม!
ทั่วหล้าฟ้าดินสะเทือนไหว และอารามมากมายในเมืองตาข่ายม่วงโยกคลอน
สุญญะรอบร่างแข็งแกร่งนั้นพลันพังทลายราวกับถูกกดดันอย่างแรง คลื่นกระแทกกระเพื่อมรุนแรงออกไปราวทะเลคลั่งทั่วทุกทิศทาง
“ว่าแล้วเชียว นั่นสัตว์ประหลาดเฒ่าซู!!”
สีหน้าของชายชราร่างผอมแห้งตะลึง แฝงด้วยความตื่นเต้นจาง ๆ
หลังจากผ่านไปแสนนาน ผู้ฝึกดาบในตำนานซึ่งเป็นที่หนึ่งในโลกหล้าได้กลับมาในค่ำคืนเทศกาลหมื่นโคม!
จักรพรรดิปีศาจเทียนจีและชายในชุดจีนเปลี่ยนสีหน้า ตั้งแต่ความเกรงขาม ตื่นตะลึง ไปจนถึงตกใจ…
มีเพียงมารเฒ่าเหล่านี้ที่รู้ดี ว่าปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินเดิมนั้นร้ายกาจอหังการเพียงไร
“บ้าเอ๊ย เจ้านั่นคือผู้ใด?”
ใกล้ซากโบราณกองตัดสิน อีกาเก้ามืดมิดแผดเสียงอย่างตกใจ
“แข็งแกร่งมากจนไม่อาจทำความเข้าใจได้!”
ทูตรับใช้กาฬราตรีพึมพำ นัยน์ตาไร้อารมณ์สีน้ำตาลเทาวูบไหวอย่างไม่บ่อยนัก
และยามนี้ ทั้งพวกเซวียฮว่าหนิงและเหล่าจักรพรรดิจากขุมกำลังใหญ่นอกตระกูลชุยต่างหวาดกลัวและตกใจ
ปราณจากวิชาดาบนั้นสามารถฉีกหล้าสยบแดน! เหนือนภาไม่ว่าจะมองในอดีตหรือยามนี้!
“ท่านลุงซู…”
ชุยฉางอันซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดตื่นเต้นเสียจนตาแดงเล็กน้อย
เจ้าตระกูลชุยไม่อาจบรรยายอารมณ์ของเขา ณ ยามนี้ได้ มันดูราวกับเขาได้กลับสู่วัยหนุ่มและได้พบตำนานที่ตนชื่นชมใฝ่ฝัน
ยามนี้ ดวงตาลึกล้ำของซูอี้เหม่อลอยอย่างอดไม่ได้
ด้วยการใช้พลังของ ‘ศิลาธำรงวิถี’ ที่ฝังอยู่ ณ ด้ามดาบเงากระจ่าง อำนาจ ‘ผลเต๋า’ อันถูกผนึกในนั้นนับแต่อดีตชาติก็ทะลักไหลเข้าสู่ร่าง
นั่นคือพลังที่เขาคุ้นเคยด้วยที่สุด และคือส่วนหนึ่งของเขาในอดีตชาติ!
แม้ว่าพลังมหาวิถีซึ่งถูกผนึกใน ‘ศิลาธำรงวิถี’ จะต่ำเตี้ยกว่าพลังหนึ่งส่วนของวิถีเต๋าสมบูรณ์พร้อมในอดีตชาติของเขาก็ตาม แต่ก็ต้องทราบว่ายามเมื่อเขามีพลังพร้อมสมบูรณ์ในอดีตชาติ เขาก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในเก้ามหาแดนดิน ก้าวสู่จุดจบบนวิถีแห่งจักรพรรดิแล้ว!
การใช้พลังน้อยกว่าหนึ่งส่วนนั้นเพียงพอจะปราบเหล่าจักรพรรดิได้!
แม้ว่าศิลาธำรงวิถีนี้จะใช้งานได้อย่างมากก็ในชั่วสิบดีดนิ้วก่อนจะสลายหายไปอย่างสมบูรณ์ก็ตามที
สิบดีดนิ้วช่างแสนสั้น
ทว่าสำหรับซูอี้ สิบดีดนิ้วนั้นนับว่าเยอะแล้ว
เพราะบางครั้ง เพียงหนึ่งดีดนิ้วก็ตัดสินผลสงครามได้!
ชิ้ง!
ดาบเงากระจ่างสะเทือนสั่นรุนแรง ดูจะสัมผัสกับพลังมหาวิถีในร่างซูอี้ได้
ลำแสงดาบนั้นแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่าเก่า ดูราวแสงเจิดจ้าที่มิอาจหยั่งวัด ความมืดมิดทั่วหล้านับจากเมืองตาข่ายม่วงสลายหายเยี่ยงยามกลางวัน!
เหล่าวิญญาณร้ายอันกระจัดกระจายทั่วทุกหลืบมุมเมืองตาข่ายม่วงต่างกรีดร้องแหลมก่อนจะสลายเป็นเถ้า
ทัพวิญญาณร้ายซึ่งพรั่งพรูเข้ามาจากนอกเมืองเป็นดุจม่านหมอกที่ถูกแสงส่องไล่ จากนั้นมันก็ระเหยหายไปในพริบตา
กระทั่งแสงจากโคมมหาวิถีอันลอยเด่นกลางนภายังริบหรี่ลงราวหิ่งห้อยเมื่อต้องประชันกับแสงดาบนี้!
ซูอี้ดื่มสุราจากไห ก่อนจะก้มลงกล่าวกับดาบเงากระจ่างเบา ๆ
“คืนนี้ เจ้าจงฆ่าให้สนุกเถอะ!”