บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 848: เข่นฆ่าจักรพรรดิดุจเทพดาบจุติหล้า
ตอนที่ 848: เข่นฆ่าจักรพรรดิดุจเทพดาบจุติหล้า
ตอนที่ 848: เข่นฆ่าจักรพรรดิดุจเทพดาบจุติหล้า
เสียงเฉยเมยของซูอี้ยังไม่ลับไป ร่างของเขาก็หายวับสู่อากาศธาตุ
เมื่อเห็นเช่นนี้
เปลือกตาของชวีจ่างเฮิ่นผู้มีเคราขาวในชุดสีม่วงกระตุก เขาตะโกนลั่น “ระวังตัว!”
เขาโบกชายแขนเสื้อ และน้ำเต้าทองขนาดยักษ์ที่เขายืนเหยียบอยู่ก็สั่นสะท้านรุนแรง
“เฮอะ!”
ตัวตนบรรพกาลหงจือเหวินผู้ถือพัดใบจากในมือคำรามลั่น ภาพหลอนวิญญาณร้ายแห่งนรกภูมิทั้งสามสิบหกพลันปรากฏทั่วร่าง คุ้มกันเขาอย่างแน่นหนา
“จงตื่น!”
หนวดกิ่งหลิวของตั้นไถเยี่ยพลิ้วไสว กล่องดาบเบื้องหลังเขาพลันปะทุเปิด ดาบวิถีลายต้นสนทะยานออกมาแปรเปลี่ยนเป็นม่านดาบกลมเจิดจ้าพิทักษ์กายดุจโลกเร้นลับทับซ้อน
“เอาไป!”
เฟ่ยเหยียนจือโยนตะกร้าบุปผาในมือ ดอกลำโพงยักษ์สีดำเบ่งบานกลางอากาศ กลีบแต่ละกลีบใหญ่ราวขุนเขา ฉาบเต็มไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์
แทบจะในขณะเดียวกัน
เหล่าจักรพรรดิที่เหลือต่างไม่ลังเลงัดไม้ตายของตนออกมา
บางผู้ใช้ยันต์ลับ บ้างก็ใช้สมบัติลับ เคล็ดวิชาต่าง ๆ
สารพัดยุทธวิธี สำแดงอำนาจอันแข็งแกร่งที่สุดของจักรพรรดิเหล่านี้!
ไม่มีผู้ใดกล้ายั้งมือ
เสียงครวญดาบเสียดนภา ลำแสงดาบไร้เทียมทานและปราณดาบอันร้ายกาจเกินจินตนาการที่ชายหนุ่มชุดเขียวแสดงทำให้พวกเขา เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าผู้ผ่านร้อนหนาวแสนนานตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามร้ายแรงของการโจมตีนี้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ใครเล่าจะกล้าเมินเฉย?
ลำแสงดาบสายหนึ่งพลันปรากฏจากไกล ๆ
มันเรียบง่ายและหมดจด สว่างไสวดุจแสงจันทร์เบาบาง
ยามมันปรากฏขึ้น ลำแสงดาบก็ฟาดฟันเปลี่ยนเป็นสายปราณดาบ กวาดผ่านดุจม่านหมอกโชย
ตามติดมากับมันคืออำนาจดาบสูงส่ง น่ากลัวเสียจนชวนให้จิตรวนเร กดดันนภาหล้า สุญญะทลายลง
ตู้ม!
ชวีป๋อโฮ่วเรียกใช้คันฉ่องสำริด รวบรวมกฎเต๋าลึกล้ำอันมหาศาลดุจจักรวาลมาปกป้องร่างตน
ทว่าเมื่อปราณดาบกวาดผ่าน ทั้งกฎเต๋าลึกล้ำดุจจักรวาล คันฉ่องสำริด และตัวชายชุดแดงสวมมงกุฎขนนกต่างก็สลายเป็นชิ้น ๆ
โลหิตพรั่งพรูดุจน้ำตก เศษซากโปรยปรายเยี่ยงสายฝน
พริบตานั้น จักรพรรดิ ณ ขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลางจากตระกูลชวีโบราณก็ถูกปราณดาบบดขยี้สลายวิญญาณไปพร้อมสมบัติของเขา
“อ๊ากกก!”
เสียงกรีดร้องลั่นดังสะท้าน และชายชราหัวล้านผู้ถือท่อนไม้ไผ่ในมือซึ่งกำลังจะหนีไปได้ก็ถูกปราณดาบฟันใส่คอ แขน อกและขาของเขา
จากนั้น ร่างทั้งร่างก็เหมือนถูกชำแหละสับเละเป็นเลือดเนื้อนับชิ้นไม่ถ้วน
เคร้ง!!
ระฆังโบราณทองแดงสีดำซึ่งมีพลังอยู่ในขอบเขตลึกล้ำดูจะถูกการโจมตีที่มิอาจต้านรับจนแตกเป็นเสี่ยงในพริบตา
ชายร่างสูงซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มกันของระฆังโบราณพลันเบิกตากว้าง แล้วร่างของเขาก็ดูราวมอดไหม้กลายเป็นกลุ่มเถ้าถ่าน
มีปราณดาบจาง ๆ เลือนหายไปในจุดที่เขาเคยยืน
“ไม่นะ!”
เสียงกรีดร้องหนึ่งดังขึ้นอย่างหวาดกลัว และศีรษะของหญิงงามผู้หนึ่งก็พลันกระดอนสู่เวหา ทันทีที่จิตวิญญาณของนางหลบหนี นางก็ถูกกลุ่มปราณดาบประดังใส่จนดับสูญในพริบตา
ตู้ม!
ในอาณาบริเวณสับสนอลหม่าน ภาวะดาบโบยบินแผดเผา สารพัดสมบัติอันกล่าวได้ว่าเป็นไม้ตายก้นหีบหากมิถูกทำลายก็ถูกซัดกระเด็นไป
แม้ว่าจักรพรรดิบางคนจะหยุดภาวะดาบนี้ไว้ได้ แต่พวกเขาก็ยังซวนเซถอยหลัง กระอักเลือด และบ้างก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวด
…กระบวนการนองเลือดนี้เกิดขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน
เจ็ดจักรพรรดิจากขุมกำลังใหญ่ต่าง ๆ ล้วนถูกสังหารลงในพริบตา!
ตัวตนร้ายกาจเช่นชวีจ่างเฮิ่นและหงจือเหวินเองที่อยู่ในสถานการณ์มาคุ จึงทำได้เพียงหลบการโจมตี
และนี่เป็นเพียงพลังจากดาบเดียวของซูอี้เท่านั้น!
หนึ่งดาบเข่นฆ่าเจ็ดจักรพรรดิ สยบศัตรู!
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ จวบยามนี้ จิตสัมผัสของเหล่าจักรพรรดิยังไม่อาจจับร่องรอยของซูอี้พบ!
ภาพอันนองเลือดอหังการนี้ทำให้ทุกผู้ตะลึงงันทันที
“สุดยอด!!”
ชุยฉางอันเปี่ยมปรีดา หัวใจตื่นเต้นพลุ่งพล่าน
“นี่…”
ณ ตระกูลชุย เซวียฮว่าหนิงและเหล่าสมาชิกระดับสูงในตระกูลต่างอึ้งตะลึง หัวใจเต็มไปด้วยคลื่นกระเพื่อมรุนแรง
มังกรเฒ่า จักรพรรดิปีศาจเทียนจี และชายในชุดจีนต่างอ้าปากค้าง
ความน่าสะพรึงกลัวของสัตว์ประหลาดเฒ่าซูสะท้อนชัดเจนอยู่ในดาบนี้
แล้วพวกจักรพรรดิเล่า?
ต่างอันใดกับเชือดไก่?
“คนผู้นั้นเป็นใครกัน!?”
ดวงเนตรสีเลือดของอีกาเก้ามืดมิดเบิกกว้าง สั่นเทิ้มทั้งกายใจ
ทูตรับใช้กาฬราตรีไม่เอ่ยวาจา เรียกใช้ตราประทับวิถีสีเลือดในมือกระแทกเข้าใส่ค่ายกลปกคลุมกองตัดสินอย่างสุดแรง
นักพรตมารชั่วร้ายและบุตรมารวิบากกรรมตามยืนนิ่งกับที่
เข่นฆ่าจักรพรรดิดุจเทพดาบจุติหล้า!
ไม่มีผู้ใดจินตนาการออกว่าต้องมีอำนาจร้ายกาจเพียงใดจึงจะสามารถสำแดงดาบอันรุนแรงไร้ขอบเขตเช่นนี้ได้!
ทันใดนั้น ร่างสูงของซูอี้ก็ปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุบนอากาศไม่ไกลจากคฤหาสน์ตระกูลชุยนัก
อาภรณ์เขียวของเขาโบกสะบัด เปี่ยมเสน่ห์ขลังเกินคน
ดาบเงากระจ่างในมือของเขาส่งเสียงเคร้งดังลั่น ปลดปล่อยแสงสะท้อนเจิดจ้าดุจแสงตะวันแผดเผา ไล้ร่างของเขาเยี่ยงเทพ!
มันเจิดจ้าเสียจนกระทั่งร่างของเขายังพร่ามัว ยากจะมองเห็นได้
ทว่าปราณจากวิชาดาบอันพลุ่งพล่านจากกายทำให้เหล่าจักรพรรดิหวาดกลัว
“อย่าต่อกรตัวต่อตัว ลงมือด้วยกันเถอะ!!”
ชวีจ่างเฮิ่นตะโกนลั่น
ไม่จำเป็นให้เขาต้องกล่าวเตือนเลย คนอื่นจะไม่กระจ่างแก่ใจได้เช่นไร ว่าหากพวกเขาลงมือเพียงลำพัง อีกฝ่ายก็จะเอาชนะพวกเขาทีละคนจนราบคาบ?
“ฆ่า!”
จักรพรรดิเหล่านี้ต่างลงมือด้วยกัน
ตู้ม!
โลกาพลิกกลับสลับด้าน เวหาปั่นสุญญะป่วน
อารามต่าง ๆ ใกล้เคียงเว้นแต่คฤหาสน์ตระกูลชุยราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว และไม่อาจทราบได้ว่าถนนหนทางมากมายเพียงไรที่เสียหายยับเยิน
เมื่อเหล่าจักรพรรดิออกมาลงมือ สารพัดสมบัติสะท้านโลกาต่างทะยานสู่ท้องนภา ก่อให้เกิดคลื่นอำนาจถล่มฟ้าทลายแดนดินสาดเข้าใส่ซูอี้
ซูอี้ส่ายหน้าเล็กน้อยด้วยแววตาไร้อารมณ์
ดาบเงากระจ่างกวาดผ่านเวหา ออกกระบวนท่า ‘ดึงดารา’ แห่งเพลงดาบสุดปรีดี
และพบว่า…
ตู้ม!!!
ฟากฟ้าดูราวถูกผ่าแยก มหาจักรวาลดูราวเคลื่อนลงทลายตรวนชำระล้างโลกหล้า
มันถูกสร้างขึ้นโดยการรวมสารพัดปราณดาบสีขาวพิสุทธิ์
มันเต็มไปด้วยส่วนอำนาจมหาวิถี ณ จุดสูงสุดของชายหนุ่มในอดีตชาติ และจะเทียบส่วนอำนาจนี้กับพลังของเขาในอดีตได้เช่นไร
กล่าวให้กระชับก็คือ ดาบนี้เองที่แปลหลักของ ‘ดึงดารา’ ออกมาอย่างแท้จริง
ดังคำกล่าว “ข้าใช้หนึ่งดาบดึงดารา โลกหล้าจะสั่นสะเทือน”
ซึ่งจริงดังว่า!
ยามนี้ ดวงตาทุกคู่ต่างเหม่อลอย
แม้จะแข็งแกร่งเยี่ยงจักรพรรดิ แต่วิญญาณและจิตใจของพวกเขาต่างถูกภาวะดาบไร้ขอบเขตจากดาบนี้ทำให้ผงะงัน
กระทั่งชุยฉางอัน ชายชราร่างผอม จักรพรรดิปีศาจเทียนจี และคนอื่น ๆ ที่กำลังมองอยู่จากไกล ๆ ยังอดหัวใจสั่นขวัญแขวนไม่ได้
และภายใต้ดาบนี้…
ตู้ม!
การโจมตีของเหล่าจักรพรรดิกระจุยแหลกดุจเป็นแผ่นกระดาษ
ภาวะดาบอันทรงพลังดุจหมู่ดาวเก้าชั้นฟ้าหมุนกวาดแผ่กำจาย เกิดภาพทำลายล้างดุจวันสิ้นโลกขึ้นทันที
ทั้งเสียงกรีดร้องลั่นแหลมอย่างกลัวตาย หวาดกลัวและสิ้นหวังต่างดังระงมท่ามกลางการทำลายล้างนี้
เมื่อหมอกควันจางลง
จักรพรรดิซึ่งเดิมมีมากกว่าสิบ เหลือเพียงสี่ตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเท่านั้น
ส่วนผู้อื่นนั้น แม้ศพก็ยังไม่เหลือ หายไปจากโลกหล้าโดยสมบูรณ์
และทั้งสี่ที่ยังเหลือนั้นต่างก็สะบักสะบอมทุลักทุเล
ครึ่งร่างของชวีจ่างเฮิ่นระเบิดหาย
หงจือเหวินกระอักเลือดครั้งแล้วครั้งเล่า มีแผลดาบบาดลึกถึงกระดูกทั่วกาย
ตั้นไถเยี่ยย่ำแย่ที่สุด ร่างวิถีของเขาถูกทำลาย เหลือเพียงจิตวิญญาณรุ่งริ่ง
ในทางกลับกัน บาดแผลของเฟ่ยเหยียนจือนับว่าเบากว่าใคร ทว่าใบหน้าของนางซีดขาวราวกระดาษ และร่างของนางก็ซวนเซใกล้พังทลาย
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกเซวียฮว่าหนิงในตระกูลชุย ชุยฉางอัน มังกรเฒ่า จักรพรรดิปีศาจเทียนจี และคนอื่น ๆ ที่อยู่ห่างออกไปต่างก็ตะลึงอึ้งสติหลุดลอย
ดาบแรกสังหารเจ็ดจักรพรรดิ สลายกลุ่มศัตรู!
และด้วยดาบที่สอง เขาก็ทำให้สี่จักรพรรดิในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำซึ่งหลงเหลืออยู่บาดเจ็บสาหัสปางตาย!!
การจะแสดงวิชาดาบเช่นนี้ได้ ต้องมีอำนาจค้ำฟ้ามากมายเพียงไร?
พวกชวีจ่างเฮิ่นต่างตื่นกลัวสิ้นหวัง
ค่ำคืนนี้ แต่เดิมพวกเขากระเหี้ยนกระหือรือจะฉวยโอกาสปล้นบ้านยามไฟไหม้ คิดว่าจบคืนนี้ ตระกูลชุยจะถูกลบหายจากโลกหล้า
ใครเล่าจะคิดว่าก่อนที่พวกเขาจะทันได้ทำลายค่ายกลอารักษ์ตระกูลชุย ดันไปเรียกหายนะล้างพิภพแบบนี้มาด้วย!
คนผู้นั้นเป็นใครกัน?
ไฉนเลยจึงมีอำนาจต่อสู้ร้ายกาจเพียงนี้?
เหตุไฉนข้าจึงไม่เคยได้ยินถึงตัวตนอันแข็งแกร่งไร้เทียมทานเช่นนี้ในภูมิมืดมิดมาก่อน?
สารพัดความคิดประดังเข้าในใจของพวกชวีจ่างเฮิ่น
เคร้ง!
ก่อนที่จะมีผู้ใดสร่างสติจากความตะลึง เสียงครวญดาบประหลาดก็ดังขึ้นอีก
ตามมาด้วยปราณดาบอันเจิดจ้า
ชวีจ่างเฮิ่น หงจือเหวิน และตั้นไถเยี่ย สามตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำถูกสังหารดุจเป็นลูกแกะไร้ทางสู้
เหลือเพียงเฟ่ยเหยียนจือยืนนิ่งตะลึงดุจรูปปั้นดินเผา ดูตื่นตกใจสุดขีดเพียงผู้เดียว
นับแต่ต้นจนจบ ซูอี้ออกดาบเพียงสามหน
ใช้ไปเพียงสามชั่วดีดนิ้ว!
จักรพรรดิสิบสี่คนอันมาจากสี่ขุมกำลังโบราณเหลือเพียงหนึ่ง!
ภาพเหล่านี้ช่างดุร้ายอหังการ ดุจเทพดาบจุติหล้า เข่นฆ่าจักรพรรดิ!!
ชุยฉางอัน เซวียฮว่าหนิงและตัวตนระดับสูงในตระกูลชุยไม่อาจคืนสติได้แสนนาน
ไกลออกไปจากนั้น ชายชราร่างผอม จักรพรรดิปีศาจเทียนจีและคนอื่น ๆ ต่างสั่นเทิ้มทั้งกายใจ ดวงตาของพวกเขาไม่อาจซ่อนความตะลึงและหวาดเกรงไว้ได้
เฟ่ยคงถงจนปัญญามึนงง ไม่รู้จะรู้สึกขอบคุณหรือเคืองแค้นดี
ในศึกนี้ ซูอี้ไว้ชีวิตเฟ่ยเหยียนจือ ทว่าจักรพรรดิมารอีกสองคนที่มากับเฟ่ยเหยียนจือต่างถูกสังหารทันที!
สิ่งนี้ทำให้เฟ่ยคงถงแสนอาวรณ์
เสียใจที่ไม่อาจเตือนพวกเฟ่ยเหยียนจือให้อพยพหนีไปให้เร็วที่สุดก่อนหน้านี้ได้ทัน
ร่างของชายหนุ่มหายไปอีกครั้งตั้งแต่บั่นหัวพวกชวีจ่างเฮิ่น
ณ ซากโบราณกองตัดสิน
ตู้ม!
อาภรณ์สีดำของทูตรับใช้กาฬราตรีโบกไสวพลางใช้ตราประทับสีเลือดกระหน่ำโจมตีใส่ค่ายกลกองตัดสิน
“เฒ่ามู่ สถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว เราต้องถอย!”
เสียงของอีกาเก้ามืดมิดจริงจังอย่างไม่เคยปรากฏ
แม้ว่าศึกก่อนหน้านี้ ณ หน้าคฤหาสน์ตระกูลชุยจะอยู่แสนไกล แต่อีกาเก้ามืดมิดผู้จับเหตุการณ์ด้วยสายตาเฉียบคมได้นั้นกล่าวได้ว่าเป็นภาพน่าตกตะลึง
สิ่งนี้ทำให้วิหคอัปมงคลผู้ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนทั่วโลกาหวาดกลัวจะพูดถึงรู้สึกกลัวและกังวลอย่างไม่อาจบรรยาย
“ข้ารอมาแสนนานแล้ว ครานี้ข้าจะไม่ยอมรามืออีก”
เสียงของทูตรับใช้กาฬราตรีแหบและไร้อารมณ์ เขาไม่กระทั่งจะสนใจความเป็นความตาย
อีกาเก้ามืดมิดร้อนรนเสียจนกำลังจะกล่าวบางอย่าง
ทว่าในความมืดห่างออกไป ร่างแข็งแกร่งร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุราวเคลื่อนย้ายพริบตา!