บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 849: กวาดล้างทุกศัตรู
ตอนที่ 849: กวาดล้างทุกศัตรู
“ไฉนจึงเป็นเจ้า!?”
ทันใดนั้น คู่เนตรสีเลือดของอีกาเก้ามืดมิดเบิกกว้างขึ้น มันจำได้ว่าร่างสูงที่ปรากฏขึ้นเป็นของชายหนุ่มซึ่งปรากฏตัวในเทือกเขาเมฆาชาดเมื่อไม่กี่วันก่อน
ณ ขณะนั้น มันเคย ‘ลอบโจมตี’ อีกฝ่ายระหว่างข้ามผ่านหายนะวงล้อวิญญาณอันดูราวสวรรค์สั่งตาย
ทว่า อีกาเก้ามืดมิดไม่แม้แต่จะคิดต่อให้หัวระเบิดก็ตาม ว่ายามเมื่อมันปรากฏตัวในเมืองตาข่ายม่วงดุจภูตพราย จะพบว่าชายหนุ่มผู้นี้ใช้ดาบเดียวสังหารเหล่าจักรพรรดิ!
“เจ้ากาน้อย ไว้เราคุยกันดี ๆ ทีหลังนะ”
ซูอี้ก้าวเข้ามาใกล้ ดาบเงากระจ่างในมือดูราวจันทราเยือกแข็งอันเจิดจรัสใต้ฟ้ารัตติกาล สาดรัศมีแสงดุจดั่งธารน้ำตก
“รีบหยุดเขาเร็วเข้า!”
อีกาเก้ามืดมิดแผดเสียง
ตู้ม!
นักพรตมารชั่วร้ายและบุตรมารวิบากกรรมลงมือโจมตีพร้อมกัน
ฝ่ายแรกใช้ประคำกะโหลก แท่นปทุมแห่งบาปใต้เท้าของเขาพ่นเส้นหนวดสีชาดนับพันเข้ามาพัวพันซูอี้
บุตรมารวิบากกรรมใช้กระสวยบินสำริดพุ่งทะยานออกไป
วิญญาณร้ายทั้งสองต่างชั่วร้ายสุดขีด มากพอจะเป็นภัยต่อจักรพรรดิในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้
ทว่าซูอี้กลับเหวี่ยงดาบของเขาโดยไม่แม้แต่จะหันมอง
ตู้ม!
เมื่อปราณดาบแหวกผ่าน เส้นหนวดสีชาดนับพันก็ระเบิดแหลก ประคำกะโหลกแตกออกทีละชิ้น และกระสวยบินสำริดอันแบกรับพลังแห่งกรรมมหาศาลก็ถูกฉีกออกดุจกระดาษ
ถูกขยี้ย่อยยับ!
ร่างของนักพรตมารชั่วร้ายและบุตรมารวิบากกรรมต่างถูกปราณดาบหวดเข้าใส่โดยไร้ต่อต้าน สลายกลายเป็นธุลี
วิญญาณร้ายเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยขุมกำลังอันชั่วช้าร้ายกาจที่สุดในภูมิมืดมิด จักรพรรดิทั่วไปไม่อาจฆ่าพวกมันลงได้เลย
ทว่าด้วยหนึ่งดาบ ซูอี้ก็กวาดล้างพวกมันทิ้งจากโลกหล้า!
ปราณดาบอันร้ายกาจนี้ทำให้อีกาเก้ามืดมิดผงะ
ทูตรับใช้กาฬราตรีผู้กำลังทุ่มสุดตัวโจมตีกองตัดสินก็ดูจะตระหนักแล้วว่าปัญหานี้หนักหนา
เขาพลันหันกลับมากล่าวอย่างไร้อารมณ์ “กาดำ เจ้าไปโจมตีค่ายกลกองตัดสิน!”
กล่าวถึงจุดนี้ เขาก็ใช้ตราประทับวิถีสีเลือดโจมตีเข้าใส่ซูอี้
ตู้ม!
ตราประทับวิถีสีเลือดพลันแปรเปลี่ยนเป็นคีรีสีเลือด และอักขระพิลึกก็เรืองขึ้นบนพื้นผิว เผยความดุร้ายเกินจินตนาการ
ก่อนหน้านี้ ณ นอกประตูทิศตะวันออก ยามเมื่อทูตรับใช้กาฬราตรีเหยียบอยู่บนคีรีสีเลือด ชายชราร่างผอมแห้งซึ่งเคยเป็นจ้าวมังกรนทีปรภพรู้สึกหวาดกลัวจับใจ
จินตนาการได้เลยว่าทูตรับใช้กาฬราตรีผู้นี้ร้ายกาจเพียงไร
ซูอี้เองก็รู้กระจ่างว่านี่คือวิญญาณร้ายเหนือธรรมดา ทูตรับใช้กาฬราตรีผู้มาจาก ‘เทือกเขาสวรรค์พิบัติร้าย’ ในเมืองมรณะ
อีกฝ่ายแปรร่างมาจากศพของจักรพรรดิผู้มีอำนาจเหลือเชื่อดั่งหายนะโกลาหล เมื่อครั้งบรรพกาล เขาถูกเรียกเป็นข้ารับใช้ของ ‘ยมบาล’!
คนผู้นี้สามารถสังหารชวีจ่างเฮิ่น หงจือเหวินและตัวตนอื่น ๆ ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้อย่างง่ายดายไร้เทียมทาน
หรือ ต่อให้ใช้กำลังของจักรพรรดิทั้งหมดในตระกูลชุย ก็ไม่มีวันหยุดหนึ่งการโจมตีจากทูตรับใช้กาฬราตรีได้!
โชคร้ายที่คืนนี้อีกฝ่ายดันมาเจอเขา
เคร้ง!
ในระหว่างครุ่นคิด ซูอี้ก็ก้าวไปเบื้องหน้าพร้อมออกดาบในมือ
เพลงดาบสุดปรีดี คว้าสุริยันกุมจันทรา
หนึ่งดาบคว้าสุริยันกุมจันทรา แสงแห่งสรวงเข้าสู่อ้อมแขนข้า!
บนท้องนภาดูจะปรากฏทะเลปราณดาบไร้จุดจบ คู่สุริยันจันทราผุดจากทะเลปราณดาบเจิดจ้าสว่างไสว นำมาซึ่งอำนาจรุนแรงสะท้านฟ้าสะเทือนแดนดิน
คีรีสีเลือดซึ่งตระหง่านสูงพันจั้งถูกทะเลปราณดาบยกลอย ก่อนที่จะถูกคู่สุริยันจันทราสะกดไว้อย่างรุนแรง
ตู้ม!!!
ท่ามกลางเสียงระเบิดอันสะท้อนก้องทั่วแดนดินและชั้นฟ้า รอยร้าวปรากฏขึ้นในหมู่อักขระประหลาดอันปกคลุมไปทั่วคีรีสีเลือด ก่อนที่คีรีทั้งลูกจะแตกครึ่งเป็นสอง
เงาร่างของทูตรับใช้กาฬราตรีซวนเซ คู่เนตรสีน้ำตาลเทาปรากฏความประหลาดใจราวตระหนักถึงบางสิ่ง
“เจ้า… หรือว่าจะเป็น…”
เขายังไม่ทันได้กล่าวจบประโยค
ปราณดาบเจิดจ้าบนท้องนภาพลันบิดม้วน จากนั้นขยี้ลงบนคีรีสีเลือดราวปกฟ้าคลุมพิภพ และกระหน่ำเข้าใส่ทูตรับใช้กาฬราตรี
ปราณดาบเหล่านี้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ประดังเข้าดุจคลื่นจากทศทิศ ไร้ซึ่งขอบเขต!
“กาดำ ไปกันเถอะ!!!”
ทูตรับใช้กาฬราตรีตะโกน สองมือประทับท่าร่าง
เกิดพายุทมิฬอันสร้างจากอำนาจแห่งหายนะขึ้นมืดฟ้ามัวดินกลางอากาศ ปราณชั่วร้ายโกลาหลนับไม่ถ้วนปะปนอยู่ในพายุนั้น
มันดูราวหายนะสิ้นโลกที่จะทำลายโลกานี้ให้สิ้นซาก!
ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย
กฎแห่งหายนะ!
ตามคาด กฎเต๋าชั่วร้ายนี้มีอยู่ใน ‘เทือกเขาสวรรค์พิบัติร้าย’ และเหตุที่ทูตรับใช้กาฬราตรีแข็งแกร่งนั้นก็อยู่ที่อำนาจหายนะที่เขาควบคุม
หากถูกโจมตีด้วยสิ่งนี้และทำให้จักรพรรดิในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำแปดเปื้อนแม้สักน้อย คนผู้นั้นจะถูกอำนาจหายนะทิ่มแทง ทั้งร่างและวิญญาณจะถูกกัดกร่อนสลายเป็นเถ้าถ่าน!
ควับ!
ดาบเงากระจ่างเปล่งประกายแรงกล้า และซูอี้ก็ยกมือฟาดฟัน
พายุทมิฬจากพลังหายนะพลันค้างอยู่บนอากาศราวมีมือใหญ่อันไม่อาจมองเห็นหยุดไว้
จากนั้น ภาวะดาบอันหนาแน่นเล็กละเอียดนับไม่ถ้วนก็ฟาดฟันรุนแรงระรัว
เปรี้ยง! เปรี้ยง!! เปรี้ยง!!!
พายุทมิฬสลหายหายทีละร้อย ก่อนจะกลายเป็นเสี่ยง ๆ ไม่เหลือดี
วังวนปราณดาบยังคงไร้รอยขัดข่วน มันฉีกน่านฟ้าฟาดลงใส่ทูตรับใช้กาฬราตรี
ยามนั้น ร่างของทูตรับใช้กาฬราตรีสลายกลายเป็นกลุ่มควันสีดำทันที
ทว่าก่อนที่กลุ่มควันจะทันได้ลอยหาย ซูอี้ก็เรียกใช้เตาโลหิตโตวเทียนสะกดมันไว้ทันที
ตู้ม!
เตาโลหิตโตวเทียนพลันขยายขนาดเป็นร้อยจั้ง เรืองแสงสีเลือดน่าขนลุก ดูดควันสีดำบนอากาศเข้าไปในเตาโลหิตโตวเทียน
ก่อนและหลังเหตุการณ์นี้กินเวลาเพียงชั่วหนึ่งดีดนิ้ว และทูตรับใช้กาฬราตรีก็ถูกฆ่า!
อำนาจแห่งกฎเต๋าหายนะซึ่งมันทิ้งไว้ก็ถูกซูอี้เก็บไป
“บ้าเอ๊ย!!”
ไกลออกไป เมื่อเห็นกับตาว่าทูตรับใช้กาฬราตรีถูกฆ่า ดวงตาของอีกาเก้ามืดมิดก็แทบถลน ปีกของมันเรืองแสงสีดำอันประหลาดและเย็นเยียบ
ซูอี้ไม่มากความ เขาเคลื่อนกายไปคว้าอีกาเก้ามืดมิดด้วยหนึ่งฝ่ามือ
ฝ่ามือและห้านิ้วของเขาเป็นดั่งกรงขัง และอำนาจมหาศาลอหังการก็ปรากฏขึ้น ดูเหมือนฝ่ามือนี้จะสามารถปกคลุมได้ทั่วโลกหล้า
เคล็ดสูงสุดแห่งวิถีพุทธ ‘หัตถ์วิสุทธิภูมิ!’
ด้วยพลังมหาวิถีในอดีตชาติของซูอี้ ฝ่ามือนี้ดูราวสุขาวดีไร้ประมาณสถิตลงสู่หล้า
ซูอี้สนใจในที่มาของอีกาเก้ามืดมิดและพลังที่มันควบคุมมาก เขาจึงไม่ฆ่ามัน
ทว่า เขาก็ต้องแปลกใจที่อีกาเก้ามืดมิดเปล่งแสงเรืองสีดำเย็นเยียบ ก่อนจะทลายการจองจำของ ‘หัตถ์วิสุทธิภูมิ’ หนีไปได้!
วิหคอัปมงคลอันมีที่มาประหลาดนี้กระพือปีกทมิฬของมันพลางขู่อย่างเคืองแค้น
“เจ้ากล้าทำแผนคืนนี้พังยับ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร เจ้าก็ต้องชดใช้!”
ตู้ม!
เสียงยังไม่ทันจาง สุญญะใกล้เคียงร่างของอีกาเก้ามืดมิดพลันทลายลง
ปราณดาบสายหนึ่งระเบิดออกจากสักหนแห่ง
ทว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีเทาขาวก็ผุดขึ้นจากอีกาเก้ามืดมิด อักขระต้องห้ามมากมายควบรวมกันเป็นภาพหลอนทรงกลมลึกลับ
และจากนั้น…
เปรี้ยง!!
ปราณดาบก็แหลกสลาย
ซูอี้หรี่ตาลง ภาพหลอนวงกลมอันเกิดจากการรวมอักขระต้องห้ามมากมายนั้นแผ่คลื่นกฎอันแปลกประหลาด เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ของอีกาเก้ามืดมิด!
อีกาเก้ามืดมิดกำลังจะหนีไป
ซูอี้แค่นเสียงอย่างเย็นชา ห้านิ้วประทับฟาดออกไป
ตู้ม!
ทั่วบริเวณพลันปรากฏคีรีดาบทะลวงแทง ยอดเขาสอดประสานผนึกพื้นที่โดยรอบซากโบราณกองตัดสิน
คีรีดาบยิ่งใหญ่นี้มีธาตุทั้งห้าสอดประสานกัน ดูราวสามารถสยบจักรวาลได้
เขตแดนมหาดาบเบญจธาตุ!
ต่างจากกาลก่อน ยามนี้ มหามรดกซึ่งแสดงโดยใช้วิถีเต๋าในอดีตชาติของซูอี้แข็งแกร่งพอจะสังหารจักรพรรดิในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั่วโลกหล้าได้อย่างง่ายดาย!
ตู้ม!
ปราณดาบกู่คำรามทอประกาย ภายใต้การสะกดของปราณดาบไร้ต้านนี้ อีกาเก้ามืดมิดก็อดแผดเสียงด้วยโทสะมิได้
“สารเลว!!!”
วิหคอัปมงคลใช้ลูกไม้เดิม เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีเทาขาวก็ผุดขึ้นบนร่าง อักขระต้องห้ามมากมายวูบวาบ และควบรวมกันเป็นภาพหลอนทรงกลมลึกลับ
ทันใดนั้น…
โลกหล้ากู่คำราม บังเกิดอำนาจทำลายล้าง
จากนั้นร่างของอีกาเก้ามืดมิดก็ระเบิดสลายทีละนิด ก่อนจะหายไปในคลื่นปราณดาบกระหน่ำในพริบตา
“รอก่อนเถอะ ข้าผู้นี้จะตามล่าคิดบัญชีกับเจ้าในสักวัน!”
เสียงร้องแหลมอันบ้าคลั่งสะท้านไปทั่วโลกาอันโกลาหล เผยให้เห็นความเกลียดชังไร้เทียบ
ทว่าซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อหมอกควันจางลง บริเวณโดยรอบซากโบราณกองตัดสินก็กลายเป็นพื้นราบอันปะทุกรุ่นไปแล้ว และอาคารโบราณรายล้อมก็ป่นปี้ราวถูกกวาดทิ้งจากพื้น
ซูอี้ก้าวออกไปหยิบขนนกสีดำเส้นหนึ่งจากพื้นขึ้นมา
ขนนกเส้นนั้นเรืองแสงสีดำเย็นชาดุจรัตติกาล และมีส่วนที่เปรอะเปื้อนโลหิต
“มิน่าเล่า มันจึงหนีได้ มันมีตัวตนอันแข็งแกร่งกว่าหนุนหลังเจ้านกนี่อยู่…”
แววตาของซูอี้วูบไหว
เมื่อครู่ก่อนหน้า อีกาเก้ามืดมิดหากไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส ย่อมไม่อาจหนีไปไหนได้
ทว่าในช่วงสุดท้าย เจ้าวิหคอัปมงคลนี้ได้ใช้มรดกต้องห้ามบางอย่างทะยานฟ้าข้ามสมุทรหายไป
เคล็ดวิชาและยันต์ตัวตายตัวแทนเหล่านี้ให้ผลเดียวกัน ดูเหมือนว่าอีกาเก้ามืดมิดจะถูกฆ่า ทว่าแท้จริงแล้วมันก็แค่ใช้วิชาจักจั่นลอกคราบหนีไป
“มันสามารถรับพลังต่ำกว่าหนึ่งส่วนของข้าเมื่ออดีตชาติได้ ตัวตนเบื้องหลังอีกาเก้ามืดมิดคงไม่พ้นตัวตนที่ก้าวสู่ขอบเขตสานพันธะลึกล้ำแล้ว…”
ซูอี้ครุ่นคิดพลางเก็บขนนกสีดำเปื้อนเลือดเข้าไปในเตาโลหิตโตวเทียนบนฟ้า
ขนนกนี้คือ ‘ขนนกแท้’ ของอีกาเก้ามืดมิด แม้จะเสียหายและถูกทำลายพลังดั้งเดิม แต่ก็เพียงพอจะสืบปริศนาจากมันได้มากมาย
แกร๊ก!
ทันใดนั้น ศิลาธำรงวิถีซึ่งฝัง ณ ด้ามดาบเงากระจ่างก็แตกสลายเป็นผง
ผ่านไปสิบชั่วดีดนิ้วพอดิบพอดี
ในช่วงเวลาอันแสนสั้นนี้ เขาสังหารจักรพรรดิด้วยหนึ่งดาบ ณ หน้าคฤหาสน์ตระกูลชุย!
หน้าซากโบราณกองตัดสิน เขาสังหารนักพรตมารชั่วร้าย บุตรมารวิบากกรรม ทูตรับใช้กาฬราตรี และทำให้อีกาเก้ามืดมิดบาดเจ็บสาหัส!
อำนาจในอดีตชาติของซูอี้เองก็สลายไปในครานี้
ยามนี้ ซูอี้ตกในภวังค์เล็กน้อย
ความรู้สึกนี้เหมือนดั่งเทพเซียนบนสวรรค์ร่วงหล่นกลายเป็นเพียงปุถุชนชั่วเฉียบพลัน ตระหนักแน่ถึงความห่างอันแสนไกล
ทันใดนั้น ซูอี้ก็หัวเราะขณะพึมพำ “เมื่อข้าเหยียบสู่วิถีแห่งจักรพรรดิในชาตินี้ ข้าจะมีอำนาจเหนือยิ่งกว่าอดีตชาติไกลลิบ!”
หากไม่ใช่เช่นนั้น เขาจะอยากเวียนวัฏสงสารมาฝึกฝนใหม่เพื่อการใด?
ในค่ำคืนอันมืดมิด ซูอี้ไพล่มือไว้เบื้องหลัง เดินจากไปไกลอย่างเฉื่อยชา
คืนวันที่สิบห้าเดือนเจ็ด คือคืนเทศกาลหมื่นโคมซึ่งจะเกิดขึ้นพันปีหน
ซูอี้ใช้ดาบเงากระจ่างสังหารเหล่าจักรพรรดิในเมืองตาข่ายม่วง ปัดเป่าวิญญาณร้ายและกวาดล้างทุกศัตรู!