บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 851: ได้รับฝากฝังความเชื่อใจ
ตอนที่ 851: ได้รับฝากฝังความเชื่อใจ
“ดูเหมือนพวกเขาทั้งหมดจะถูกกวาดล้างสิ้น…”
เสียงแหบแห้งดังขึ้นในความมืดมิดอันแสนห่างไกลจากเมืองตาข่ายม่วง
ผู้พูดเป็นชายวัยกลางคนผู้คาดแถบผ้าที่เอวและสวมผ้าคลุมกระเรียน
สีหน้าของเขานิ่งสงบดุจผืนน้ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงจัง
ชวีอวิ๋นจง
สัตว์ประหลาดเฒ่าจากตระกูลชวีในขอบเขตจักรพรรดิ
ปฏิบัติการคืนในนี้ เขารับผิดชอบประสานงานอยู่ที่นี่
ทว่าหลังรุ่งสาง เมื่อเห็นทัพวิญญาณร้ายล่าถอย ทว่าชวีจ่างเฮิ่นและจักรพรรดิอื่น ๆ ไม่ได้กลับมาแสนนาน ซึ่งทำให้ชวีอวิ๋นจงตระหนักว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น!
“ชุยหลงเซี่ยงไม่อยู่ ด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบันของตระกูลชุย ไฉนจึงยังมีโอกาสพลิกชะตา? หรือ… เราควรไปดูที่เมืองตาข่ายม่วงสักหน่อย?”
ที่ด้านข้าง ชายชราหน้าเด็กในอาภรณ์สีน้ำเงินกล่าวอย่างเป็นกังวล
หงเทียนเหอ
เป็นผู้อาวุโสแห่งตระกูลหงโบราณ
นอกจากเขาและชวีอวิ๋นจง ที่นี่ยังมีผู้อาวุโสผู้หนึ่งจากตระกูลตั้นไถด้วย
นามของคนผู้นี้คือตั้นไถเจ๋อ เขามีร่างสูงใหญ่กำยำ สะพายง้าวสั้นคู่หนึ่งไว้เบื้องหลัง คู่เนตรเย็นชาคมปลาบดุจอสนี
เมื่อได้ยินวาจาของหงเทียนเหอ ตั้นไถเจ๋อก็ปฏิเสธทันที “ไม่! ไม่ว่าผู้ที่ไปลงมือจะสูญเสียหรือไม่ ความสำคัญสูงสุดขณะนี้คือรีบกลับตระกูลบ้านใครบ้านมัน!”
ชวีอวิ๋นจงสูดหายใจลึก ๆ ข่มใจตนที่รู้สึกรำคาญใจ และกล่าวเสียงลุ่มลึกว่า “พี่ตั้นไถกล่าวขึ้นทันท่วงที หากคนของเราสูญสิ้นจริงแท้ และเราไปเมืองตาข่ายม่วงกันยามนี้ คงไม่ต่างจากการโยนตัวเองลงแห”
“แต่หากจากไปทั้งเช่นนี้ ข้าจะอธิบายต่อตระกูลเช่นไร?”
หงเทียนเหอขมวดคิ้ว
“รายงานตามตรงอย่างไรเล่า”
ชวีอวิ๋นจงถอนหายใจ
ในเทศกาลหมื่นโคมยามไร้ชุยหลงเซี่ยงครานี้ อีกาเก้ามืดมิดปรากฏสู่โลกหล้า และยังถือเป็นโอกาสงามที่จะกวาดล้างตระกูลชุย
ตระกูลโบราณของพวกเขาเตรียมตัวยิ่งกว่าใครในครานี้ พวกเขาใช้กลุ่มจักรพรรดิรวมอำนาจ คิดว่าไร้สิ่งใดที่ตนทำไม่ได้
ทว่า ใครเล่าจะคิดว่าสถานการณ์จะเกินคาดเช่นนี้
ไม่เพียงเมืองตาข่ายม่วงไม่ล่มสลาย แต่ญาติเหล่านั้นของพวกเขายังน่าจะตายไปกันหมดแล้ว!
“เจ้าทั้งสอง ข้าขอตัวก่อน!”
ตั้นไถเจ๋อไม่อยากอยู่ต่อ เขาหันหลังจากไป ร่างสูงใหญ่กำยำหายไปในความมืดมิดในไม่ช้า
ชวีอวิ๋นจงและหงเทียนเหอมองหน้ากัน และต่างก็เตรียมกลับตระกูล
ทว่ายามนี้เอง…
ไกลออกไปในความมืด พลันปรากฏเสียงแผดร้องลั่นด้วยโทสะขึ้นกะทันหัน
นั่นเป็นเสียงตั้นไถเจ๋อ!
ชวีอวิ๋นจงและหงเทียนเหอต่างมองตามอย่างตกตะลึง
และพบว่าลึกเข้าไปในความมืด ปรากฏร่างสูงใหญ่ราวพันจั้งขึ้นอย่างเลือนราง และก่อนจะทันได้เห็นชัดเจน มันก็หายวับไปในพริบตา
ทว่าเสียงของตั้นไถเจ๋อก็ไม่ได้ดังขึ้นอีก
ทั่วนภาหล้าเงียบสงัด มืดมนดังหมึก
ค่ำคืนของเทศกาลหมื่นโคมนั้นไร้แสงใด ๆ แต่ภายใต้สถานการณ์นี้กลับมีเสียงกรีดร้องของตั้นไถเจ๋อ และเงาวูบไหวของร่างสูงพันจั้ง
นี่ทำให้ชวีอวิ๋นจงและหงเทียนเหอใจสั่นระรัว สันหลังเย็นวาบ
“พี่ชวี ข้าว่านะ สหายเต๋าตั้นไถคงรับเคราะห์ไปเรียบร้อย เราท่านควรลงมือด้วยกันและควรรีบหนีจากที่อัปมงคลแห่งนี้ก่อน อย่างน้อยเราสองก็ยังช่วยเหลือกันได้อยู่”
หงเทียนเหอดูจริงจังและรีบถ่ายทอดเสียง “หากเราไม่ร่วมมือ เกรงว่าเราคงถูกล้มทีละคน”
“ได้!”
ชวีอวิ๋นจงเห็นด้วย
เขากล่าวพลางพลิกฝ่ามือ ดาบบินสีเงินปรากฏขึ้น และปราณในร่างของเขาก็เดินสู่จุดสูงสุดอย่างเงียบ ๆ
กระทั่งชุดเกราะซึ่งซ่อนอยู่ใต้อาภรณ์ยังกระเพื่อมเป็นคลื่น
เมื่อมองไปทางหงเทียนเหออีกครั้ง เขาก็ถือหอกสั้นสำริดรูปทรงคล้ายปากนกไว้หนึ่งเล่ม เตรียมพร้อมโรมรัน
สองจักรพรรดิมากประสบการณ์ ไม่ได้ลนลานกับสถานการณ์เช่นนี้ แต่กลับตื่นตัวระแวดระวัง
“พวกเจ้าทั้งสองไม่ต้องประหม่าไปหรอก”
ทันใดนั้น เสียงอันนุ่มนวลเสียงหนึ่งก็ดังจากท่ามกลางความมืดอันแสนไกล
ตู้ม!
ทันทีที่เสียงดังขึ้น ชวีอวิ๋นจงก็โจมตีโดยไม่ลังเล ดาบบินสีเงินในมือของเขาทะยานไวดุจสายฟ้า ฟาดใส่จุดเกิดเสียงห่างออกไปหลายพันจั้ง
ทว่าก่อนที่ดาบบินจะทันถูกเป้า มือใหญ่ข้างหนึ่งก็คว้ามันไว้กะทันหัน
มันเป็นมือผอมบางและสะอาดสะอ้าน กำห้านิ้วน้อย ๆ ดูราวกับสิ่งที่ถืออยู่ไม่ใช่ดาบบินในระดับจักรพรรดิสะท้านสะเทือนสรวง แต่เป็นกลีบบุปผาที่ปลิวโชยตามลม
และจากการสั่นสะท้านของดาบบินสีเงิน แสงจากมันก็สะท้อนร่างอันยืนอยู่ในความมืด
เขาเป็นชายชราในชุดนักพรตเต๋า ใบหน้าอบอุ่น หนวดสีเทา ดวงตาแย้มยิ้มดูเมตตา
ทว่ามือซ้ายของเขากลับถือหัวเปื้อนเลือดซึ่งตาเหลือกลาน เต็มไปด้วยโทสะ หวาดกลัวและสิ้นหวัง
หัวนั้นเป็นของตั้นไถเจ๋อซึ่งเพิ่งจากไปเมื่อครู่!
จักรพรรดิผู้หนึ่งจากตระกูลตั้นไถ ผู้อยู่ในขั้นกลางของขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ!
เมื่อพวกเขาเห็นเช่นนี้ สีหน้าของชวีอวิ๋นจงและหงเทียนเหอพลันเปลี่ยนแปร หัวใจดิ่งวูบ
โดยเฉพาะชวีอวิ๋นจงซึ่งดาบบินถูกอีกฝ่ายคว้าไว้ได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามเพียงไรก็ไม่อาจได้มันคืน ซึ่งทำให้หนังศีรษะของเขาชาวาบอย่างตื่นตระหนก
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าผู้นั้นต้องเป็นตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวยิ่งแน่!
“สหายเต๋าคือผู้ใด เหตุใดจึงออกมาฆ่าคนกัน?”
หงเทียนเหอสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวเสียงต่ำ
“ตาเฒ่าผู้นี้เป็นเพียงผู้ยากแค้นจากแดนไกล อย่าได้กล่าวถึงเลย”
ไกลออกไป ชายชราในชุดนักพรตเต๋าผู้ดูอ่อนโยนเดินเข้ามาช้า ๆ “ส่วนการมาที่นี่คืนนี้ ไม่มีสิ่งใดมากไปกว่าได้รับฝากฝังความเชื่อใจจากผู้อื่น และข้าก็อยากยืมหัวของทุกคนมาแสดงความจริงใจสักหน่อย”
เสียงอ่อนโยนนั้นดังราวสายลมวสันต์โชยเอื่อย
ทว่าความหมายของมันทำให้ชวีอวิ๋นจงและหงเทียนเหอหน้าถอดสี
“ขอบังอาจถามว่าผู้ใดฝากฝังสหายเต๋ามาหรือ? เจ้ารู้ที่มาของข้าหรือไม่?”
ชวีอวิ๋นจงกลืนน้ำลายเอื๊อก
ฟิ้ว!
และหงเทียนเหอนั้นซื่อตรงกว่า เขาหันหลังโกยอ้าวไปแล้ว
เขาใช้มือซ้ายขยี้ยันต์ลับสีทองซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้า ทอแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองจากอักขระโอบล้อมร่างและหายวับไป
สีหน้าของชวีอวิ๋นจงพลันแปรเปลี่ยนมหันต์ ไม่คาดเลยว่าหงเทียนเหอผู้เสนอฝ่าหนีไปกับเขาก่อนจะเป็นที่เตรียมการหนีไว้!
ทว่าในชั่วพริบตา เสียงชนทึบ ๆ ก็ดังขึ้นไกลออกไปท่ามกลางความมืด และค่ายกลสีดำดุจหมึกก็เผยโฉมออกมาทั่วนภาหล้า
“บ้าเอ๊ย บริเวณนี้ถูกค่ายกลไอ้แก่นี่ผนึกไว้แต่แรกแล้ว!!”
หงเทียนเหอแผดเสียงอย่างตกใจแว่วมาไกล ๆ
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าถอนใจเบา ๆ “ช่างน่าอาย แค่เพื่อถอดศีรษะของพวกเจ้าทั้งสอง ตาเฒ่าผู้นี้ไร้หนทางจนต้องทำให้ทั้งสองหัวเราะเยาะเสียแล้ว”
เขากล่าวพลางเก็บดาบบินสีเงินที่จับได้ไป และเอื้อมมือคว้าบางสิ่งไกล ๆ
ตู้ม!
เกิดคลื่นกระเพื่อมรุนแรงในอากาศ และดูเหมือนกระทั่งสุญญะยังโดนแรงคว้านี้ทะลวง
อึดใจต่อมา ร่างของหงเทียนเหอก็ปรากฏขึ้นพร้อมเสียงดังเปรี้ยง และชายชราในชุดนักพรตเต๋าก็ใช้หนึ่งมือคว้าคอเขา ไม่อาจดิ้นรนได้อีกต่อไป
“อโหสิด้วย”
ชายชราในชุดนักพรตเต๋ากล่าวขออภัย
จากนั้น คอของหงเทียนเหอก็ถูกบิดและกระชากออกจากบ่า!
ร่างของเขาแตกสลายกลายเป็นเศษซากสีเลือดอย่างเงียบ ๆ และยามเมื่อร่วงลงที่พื้น มันก็กลายเป็นฝุ่นผงสลายไป
จักรพรรดิผู้หนึ่งในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำถูกบิดคอกระชากตายอนาถเช่นนี้!
และชายชราในชุดนักพรตเต๋าก็มีท่าทีสุภาพเมตตาแต่ต้นจนจบ กระทั่งยังขออโหสิกรรมกับการกระทำนี้…
ชวีอวิ๋นจงผู้เหลือสุดท้ายตื่นกระหนกเสียจนวิญญาณหนาวสั่นราวร่วงสู่ถ้ำน้ำแข็ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เผชิญศัตรูที่น่าหวาดหวั่นนับแต่พิสูจน์เต๋ากลายเป็นจักรพรรดิเมื่อแสนนานมา!
“ท่าน… ท่านคือผู้ใดกัน?”
ชวีอวิ๋นจงส่งเสียง
ชายชราในชุดนักพรตเต๋าหยิบเชือกเส้นหนึ่งออกมามัดหัวของหงเทียนเหอและตั้นไถเจ๋อโดยไร้ลังเล
จากนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมองชวีอวิ๋นจงอย่างครุ่นคิดชั่วขณะ และตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ย่อมได้ ก่อนเจ้าจะตาย ก็ให้สหายเต๋าเดินทางต่ออย่างสบายใจแล้วกัน”
เมื่อเสียงถูกเปล่งออกมา ร่างของชายชราในชุดนักพรตเต๋าพลันมาปรากฏใกล้เขา ภาพอันน่าอัศจรรย์ปรากฏขึ้นบนอากาศ
ในภาพนั้นเกิดบงกชมารสีดำสนิทเบ่งบานในขุมนรกไร้ก้นบึ้ง หมู่ดาวถูกบงกชสีดำนี้ลากลงมาสู่ขุมนรก กลืนกินเข้าไปดวงแล้วดวงเล่า
เมื่อเขาเห็นเช่นนี้ ชวีอวิ๋นจงก็ตะลึงราวถูกสายฟ้าฟาด เสียงแทบแหบหาย “เทพมารฝังอบาย!! เป็นไปได้เช่นไร เหตุใดเจ้าจึงยังมีชีวิต?”
เนิ่นนานมาแล้ว บงกชดอกหนึ่งเบ่งบานลึกลงไปในขุมนรกพร้อมกฎเต๋าแห่งความมืดและการดับสูญในวิถีปีศาจ ก่อนมันจะได้รับเชิดชูจากมวลปีศาจเป็น ‘เทพมารฝังอบาย’!
มีขุมกำลังสูงสุดมากมายที่ต้องการชิงบงกชซึ่งเกิดมาพร้อมอำนาจควบคุมความมืดและการดับสูญนี้เพื่อยึดครองกฎเต๋าของมัน
ผลคือความเสียหายหนักหนา และจักรพรรดิก็ถูกสังหารไปมากกว่าสิบ
นามเทพมารฝังอบายสะท้านสะเทือนทั่วแดนดิน เป็นจักรพรรดิปีศาจโดยกำเนิดแห่งวิถีปีศาจ!
ทว่า เท่าที่ชวีอวิ๋นจงรู้ เทพมารฝังอบายนั้นประสบเคราะห์ในยามที่เขาเดินทางลึกเข้าสู่ทะเลทุกข์เพื่อค้นหาโอกาสตั้งแต่หลายหมื่นปีก่อนแล้ว
นับแต่นั้นมา โลกหล้าก็ไม่ได้ยินนามเทพมารฝังอบายอีกเลย
ใครเล่าจะคิดว่าตัวตนอันน่าหวาดหวั่นจะปรากฏขึ้นในคืนนี้!
ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนเขาจะมาที่นี่เพื่อสังหารจักรพรรดิเหล่านี้เป็นพิเศษด้วย!
“ในกาลก่อน ณ ซากราชวังอันเป็นของราชาแม่น้ำฉู่ในทะเลทุกข์ ข้าเกือบดับสูญแล้วจริง ๆ แต่ท้ายที่สุดตาเฒ่าผู้นี้ก็ไม่ตาย หลังถูกกักขังอยู่หลายหมื่นปี ในที่สุดก็หนีออกมาได้”
เสียงนั้นอธิบาย
ชวีอวิ๋นจงกล่าวเสียงสั่น “ผู้อาวุโส… ตัวตนอย่างผู้อาวุโส ไฉนจึงมารังแกข้าในคืนนี้ด้วย?”
เทพมารฝังอบายพลันกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ตาเฒ่าผู้นี้กล่าวไว้แล้ว ว่าได้รับฝากฝังความเชื่อใจจากผู้อื่น และต้องการแสดงความจริงใจ ดังนั้นขอสหายเต๋าทำมันให้ลุล่วงด้วย”
ใบหน้าของชวีอวิ๋นจงเปลี่ยนสี และกล่าวอย่างขมขื่น “ผู้อาวุโสอยากฆ่าข้า ไฉนต้องอยากให้ข้าทำมันให้ลุล่วงด้วย? ท่านจะขอให้ข้าเสนอหัวตัวเองด้วยความเต็มใจหรือไร?”
ชายชราผู้นั้นกล่าวขอโทษทันที “เป็นตาเฒ่าผู้นี้เองที่เลอะเลือน”
เขากล่าวพลางเอื้อมมือคว้าและบิด
กร๊อบ!
หัวของชวีอวิ๋นจงพลันบิดขาดออกจากบ่า ปลิวเข้าสู่มือของชายชราในชุดนักพรตเต๋า
ส่วนศพของเขาก็เป็นเหมือนหงเทียนเหอ เริ่มจากเปลี่ยนเป็นเศษเสี้ยวเลือดเนื้อแดงฉาน ก่อนจะกลายเป็นเถ้าถ่านยามถึงพื้น
นี่คืออำนาจแห่งการดับสูญ!
ต่อหน้าชายชราในชุดนักพรตเต๋า จักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำเช่นชวีอวิ๋นจง หงเทียนเหอ ตั้นไถเจ๋อและคนอื่น ๆ นั้นไร้หนทางดิ้นรนมากนัก!
ไม่แปลกใจเลยที่ยามเขาอยู่ในโถงหลงลืม กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดที่สามหลูฉางหมิงซึ่งมีระดับฝึกฝนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำจึงปฏิบัติต่อชายชราผู้นี้อย่างพินอบพิเทายิ่ง ไม่กล้าดูแคลนแม้เพียงน้อย!
เมื่อถือหัวทั้งสามไว้ในมือ ในที่สุดเทพมารฝังอบายก็ดูจะผ่อนคลายลงมาก และพึมพำ “คืนนี้ ในที่สุดข้าก็ผูกมิตรกับสหายเต๋าซูได้เสียที”
เสียงของเขายังไม่ทันแผ่วจาง อีกฝ่ายก็เคลื่อนกายผ่านสุญญะสู่เมืองตาข่ายม่วงแล้ว