บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 857: ศาสตร์แห่งการยกบรรพชนมาขู่
ตอนที่ 857: ศาสตร์แห่งการยกบรรพชนมาขู่
ไกลออกไปในโลกหล้า
คมดาบแหลมคมสามสิบหกสายกระจายไปทั่วบริเวณในรัศมีร้อยจั้ง ทอประกายเย็นชาเจิดจรัสในน่านฟ้า
มันเหมือนเป็นกรงขังจากคมมีด ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวิถีพิพากษา บดบังนภาตะวัน
เถาเชียนชิวถูกจองจำอยู่ด้านใน
เส้นผมของเขากระเซอะกระเซิง ใบหน้าเขียวคล้ำ ส่งเสียงลอดไรฟัน “ชุยฉางอัน พันธมิตรเสวียนจวินของข้าและตระกูลชุยของเจ้าไร้ความแค้นต่อกัน ไฉนจึงอยากฆ่าข้า?”
ไม่ไกลนัก ชุยฉางอันยกมือขึ้น
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
คมดาบทั้งสามสิบหกส่งเสียงพลางโผทะยานพร้อมกัน กลายเป็นลำแสงดาบโค้งยาวดุจจันทร์เสี้ยวทะยานเข้าไปในมือของชุยฉางอัน
จากนั้นจึงกล่าวว่า “ไร้ความแค้นอันใด? เจ้าจะจัดการกับเฒ่าตาบอด ในขณะที่ตระกูลชุยของข้าต้องการปกป้องเขา ระหว่างเราก็เป็นศัตรูแล้ว”
เถาเชียนชิวสีหน้าเปลี่ยนอย่างมหันต์ “ตระกูลชุยของเจ้าไม่กลัวยั่วโทสะอาจารย์ข้าหรือ?”
ชุยฉางอันกล่าวอย่างเฉยเมย “อาจารย์เจ้า? อ้อ ศิษย์เลวที่กล้าทรยศสำนักอาจารย์ตัวเอง ควรค่าให้ข้ากลัวด้วยหรือ?”
เขากล่าวพลางกดมือลง
ตู้ม!
อำนาจมหาวิถีอันน่าตื่นกลัวกดลงมาดุจบรรพตโบราณ บดร่างเถาเชียนชิวจมดินอย่างง่ายดาย ไม่อาจกระดิกกระเดี้ยได้อีกต่อไป
จากนั้น ชุยฉางอันก็เดินเข้ามาคว้าตัวเถาเชียนชิวก่อนจะหันหลังกลับ
ด้วยวิถีเต๋าของเขา การจัดการเถาเชียนชิว ตัวตนในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นต้นไม่ได้ง่ายนัก
“ชุยฉางอัน!! บรรพชนของข้ามีบุญคุณต่อตระกูลชุยของเจ้ามากนะ เมื่อคืนก่อนก็เป็นพลังมหาวิถีที่บรรพชนข้าทิ้งไว้มาช่วยตระกูลชุยของเจ้า เจ้ากล้าดีอย่างไรมาปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้!?”
เถาเชียนชิวตะโกนอย่างลนลานสุดขีด
หากไม่พูดเรื่องพวกนี้ก็แล้วไป แต่เมื่อกล่าวออกมา ชุยฉางอันก็อยากจะหัวเราะนัก สารเลวนี่ยังพยายามใช้ชื่อเสียงท่านลุงซูมาข่มเขาอีก ช่างน่าขำเสียนี่กระไร?
เพียะ!
ฝ่ามือตบเข้าใส่หน้าเถาเชียนชิวจนตาเห็นดวงดาราพร่างพราย แก้มบวมเป่งขึ้น
เมื่อกล่าวไป เถาเชียนชิวผู้นี้ก็เป็นจักรพรรดิผู้ลือนามในโลกหล้าทุกวันนี้คนหนึ่ง
แม้ว่าการฝึกฝนในฐานะจักรพรรดิจะต่ำ แต่เขาเป็นศิษย์ลำดับเจ็ดภายใต้บัญชาของ ‘จักรพรรดิสงครามผีหมัว’ และมีสมญาจักรพรรดิดาบนภาเมฆ
กระทั่งในภูมิมืดมิดทุกวันนี้ แค่เพื่อไว้หน้าอาจารย์เขาก็พอให้ขุมกำลังสูงสุดบางส่วนไว้หน้าเขาสามส่วนแล้ว
ทว่ายามนี้ สภาพเขากลับดูไม่ได้ดุจลูกแกะรอถูกเชือด
“ข้าแนะนำให้เจ้าหุบปากนะ หาไม่ ข้าไม่คิดมากหากจะตบแถมให้อีกสองสามฉาด”
ชุยฉางอันกล่าวอย่างสุขุม
เถาเชียนชิวเคืองแค้นเสียจนแทบกัดฟันกรอด ดวงตาเหลือกถลน ทว่าก็ไม่กล้ากล่าววาจาใดในท้ายที่สุด
ไม่นานนัก ชุยฉางอันก็พาเถาเชียนชิวกลับมาหาซูอี้
“ท่านลุงซู จับได้แล้วขอรับ”
ชุยฉางอันโยนเถาเชียนชิวลงบนพื้นตรงหน้าซูอี้
“ท่านลุงซู?”
เปลือกตาของเถาเชียนชิวกระตุก งุนงงเล็กน้อย
ไฉนชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งจนไม่น่าเชื่อผู้นี้จึงเป็นผู้อาวุโสของชุยฉางอันไปได้?
และดูเหมือนว่าชุยฉางอันจะนอบน้อมเชื่อฟังเขาเสียด้วย!
ซูอี้ไพล่มือไว้เบื้องหลัง ก้มลงกล่าวกับเถาเชียนชิว “ตอบคำถามข้า หากร่วมมือแต่โดยดี ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หาไม่ ข้าก็ไม่คิดมากหากจะให้เจ้าไปลองโทษประหารของกองตัดสินก่อน”
ชุยฉางอันอดหัวเราะไม่ได้ และพูดพลางมองไปยังเถาเชียนชิวอย่างสนอกสนใจ “ท่านลุงซู พาคนผู้นี้ไปยังซากโบราณกองตัดสินเถอะขอรับ ข้ารับประกันเลยว่าเรามีวิชาทรมานประหัตประหารอย่างน้อยก็พันสูตร เพียงพอให้คนผู้นี้คายทุกความลับออกมาแน่แท้ขอรับ”
เถาเชียนชิวร่างสั่นสะท้าน
เขาจะไม่เข้าใจได้เช่นไร ว่าตระกูลชุยผู้เคยเป็นนายแห่งกองตัดสินประหัตประหารนักโทษโหดเหี้ยมเพียงไร?
หลังจากสูดหายใจเฮือก เถาเชียนชิวก็อดถามมิได้ว่า “เจ้า… จะไว้ชีวิตข้าจริง ๆ หรือ?”
ชุยฉางอันแค่นเสียงเย็นชา “โอกาสมีเพียงหนึ่ง ข้าแนะนำให้เจ้าถนอมมันไว้!”
“ได้!”
เถาเชียนชิวกัดฟันและกล่าวยินยอม
เขาคิดว่าตนไม่มีความลับให้คาย และไม่ห่วงว่าจะเผยสิ่งใด
ยิ่งกว่านั้น เขาก็อยากรู้เช่นกันว่าชายหนุ่มผู้ที่ชุยฉางอันเรียก ‘ท่านลุง’ อย่างนอบน้อมตรงหน้าเขาจะต้องการสิ่งใด
ซูอี้หยิบไหสุรามาดื่มก่อน จึงถามว่า “เจ้ากราบผีหมัวเป็นอาจารย์แต่ยามใด?”
เถาเชียนชิวตอบโดยไม่ลังเล “306 ปีก่อน”
ต่อมา พวกเขาทั้งสองก็ถามตอบกัน
สิ่งที่ทำให้เถาเชียนชิวรู้สึกแปลกนั้นคือ คำถามของซูอี้แทบจะเป็นสิ่งที่ทุกผู้ในเก้ามหาแดนดินรู้อยู่แล้ว
ตัวอย่างเช่น การกระจายอำนาจปัจจุบันในพันธมิตรเสวียนจวิน ปัจจุบันผีหมัวรับศิษย์มากี่คน และอื่น ๆ
มีเพียงชุยฉางอันที่รู้ว่าท่านลุงซูเวียนวัฏสงสารเมื่อห้าร้อยปีก่อน และไม่รู้อันใดเกี่ยวกับพันธมิตรเสวียนจวินเลย
เมื่อครานี้ ในที่สุดเขาก็จับศิษย์ของศิษย์ทรยศผีหมัวมาได้ เขาย่อมต้องตรวจสอบให้กระจ่าง
ทว่า จากคำตอบของเถาเชียนชิว ชุยฉางอันไม่คาดเลยว่าพันธมิตรเสวียนจวินในขณะนี้จะกลายเป็นหนึ่งในขุมกำลังชั้นนำในเก้ามหาแดนดินไปแล้ว!
ขุมกำลังอันมีผีหมัวเป็นประมุขถูกสร้างขึ้นร่วมกับสำนักหกมหาวิถีในเก้ามหาแดนดิน และยังมีกลุ่มขุมกำลังมารและปีศาจชั้นหนึ่งติดเข้ามาด้วย
แค่จักรพรรดิก็มีเป็นร้อย ๆ!
ดูเหมือนจะเป็นมหายักษ์อันเกิดจากการควบรวมขุมกำลังมากมาย!
เมื่อห้าร้อยปีก่อนในเก้ามหาแดนดิน มีสี่กลุ่มเต๋าใหญ่ที่ปกครองโลกหล้า เรียกขานเป็น ‘สี่ขั้วมหาแดนดิน’
ประกอบด้วยขุมกำลังเต๋าอันดับหนึ่ง ‘แดนลี้ลับขั้นเก้า’ สำนักพุทธอันดับหนึ่ง ‘แดนบูรพาน้อย’ ขุมกำลังปีศาจอันดับหนึ่ง ‘แดนอสูรปรีดี’ และขุมกำลังนักดาบอันดับหนึ่ง ‘ถ้ำเสวียนจวิน’ ซึ่งสร้างโดยซูอี้
สี่ขั้วมหาแดนดินต่างมีจักรพรรดิในขอบเขตพันธะลึกล้ำ แข็งแกร่งเหนือขุมกำลังอื่นใดในเก้ามหาแดนดิน
ในหมู่พวกเขา ‘ถ้ำเสวียนจวิน’ ย่อมเป็นอันดับหนึ่ง
ขุมกำลังระดับรองลงมาจากสี่ขั้วมหาแดนดินแบ่งออกเป็นชั้นหนึ่ง ชั้นสอง และชั้นต่อ ๆ ไปเรื่อย ๆ
เหมือนเช่นสำนักหกมหาวิถีที่สร้างเป็นพันธมิตรเสวียนจวิน พวกเขาแต่ละฝ่ายต่างนับได้ว่าเป็นขุมกำลังชั้นหนึ่ง
และพันธมิตรเสวียนจวินในทุกวันนี้ก็ดูจะมีสถานะเทียบได้กับ ‘สี่ขั้วมหาแดนดิน’!
ชุยฉางอันจะไม่แปลกใจกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้เช่นไร?
เขาไม่เคยคาดเลยว่าในเวลาเพียงห้าร้อยปี ผีหมัวจะสร้างขุมกำลังยักษ์ใหญ่นี้ได้ด้วยตนเอง!
เหมือนเขาจะจับการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของชุยฉางอันได้ เถาเชียนชิวจึงกล่าวเสียงต่ำ “เจ้าตระกูลชุย ระหว่างเราไร้ความแค้นใดต่อกัน และความขัดแย้งก่อนหน้านี้ก็แค่เข้าใจกันผิด ข้าหวังว่า… เราจะเปลี่ยนเรื่องร้ายกลายดีได้ ถึงอย่างไร… ถ้าตระกูลชุยและพันธมิตรเสวียนจวินจะผิดใจกันแค่ด้วยเรื่องเข้าใจผิด มันคงไร้ค่าเกินไป”
วาจาเหล่านี้กล่าวออกมาเบา ๆ
แต่ชุยฉางอันจะฟังไม่ออกได้เช่นไรว่าเถาเชียนชิวกำลังยกพันธมิตรเสวียนจวินมาขู่เขา?
เขายิ้มเยาะและกล่าวว่า “ช่างน่าขำ ในความคิดข้า การที่พันธมิตรเสวียนจวินสร้างกองกำลังใหญ่โตได้ในกาลเพียงไม่กี่ร้อยปี ผลงานส่วนใหญ่ก็อยู่ที่นามบรรพชนเจ้าทั้งนั้น! เพราะถึงอย่างไร ใครบ้างในเก้ามหาแดนดินที่จะลบหลู่ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินได้?”
“แต่ลองเจ้าบอกให้โลกรู้สิว่าอาจารย์เจ้าคือศิษย์ทรยศ ขุมกำลังในพันธมิตรเสวียนจวินจะยังอยู่ให้อาจารย์เจ้าใช้หรือไม่?”
“อาจารย์ข้าจะเป็นคนทรยศได้เช่นไร?!”
เถาเชียนชิวตะโกน “ในหมู่ศิษยานุศิษย์ของท่านบรรพชน อาจารย์ข้าซื่อสัตย์ที่สุดแล้ว และผู้ทรยศที่แท้จริงก็คือผู้ที่ขโมยสำนักบรรพชนเราและยึดครองทุกสิ่งที่บรรพชนทิ้งไว้ ชิงถังนั่นต่างหาก!”
เขากล่าวอย่างมีคุณธรรม และดูตื่นเต้นมาก
ชุยฉางอันยิ้มโดยไม่อธิบาย
ซูอี้มีแววตาซับซ้อนเล็กน้อย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในช่วงห้าร้อยปีนับแต่ที่เขาเวียนวัฏสงสาร ศิษย์ทรยศผีหมัวผู้เข้าร่วมกับสำนักหกมหาวิถีเคลื่อนไหวโดยใช้นามเขา ซูเสวียนจวินโดยตลอด
กระทั่งศิษย์ใต้บัญชาผีหมัวยังถูกปิดตา
“ถูกต้อง การใช้ชื่อเสียงและเกียรติภูมิของข้า ซูเสวียนจวิน เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผีหมัวรวมอำนาจได้ กอปรกับสำนักหกมหาวิถี อำนาจของพันธมิตรเสวียนจวินย่อมพุ่งสูง”
ซูอี้ลอบกล่าว
“เจ้าพาเขาไป เราจะกลับเมืองตาข่ายม่วงกัน”
ซูอี้ไม่เสียเวลาอีกและหันหลังจากไป
เขาเข้าใจแล้ว
ตัวอย่างเช่น ตั้งแต่สามร้อยปีก่อน เถาเชียนชิวได้รับคำสั่งจากผีหมัวให้มายังภูมิมืดมิด และฝึกฝนอยู่ในสำนักนภายมโลก
จุดประสงค์เดียวในภูมินี้ของเขาก็คือช่วยผีหมัวตามหาผู้สืบเชื้อสายโคมผีเก็บโลงศพ
นอกจากนั้น จากปากคำของเถาเชียนชิว นอกจากเขาแล้วยังมีอีกห้าคนที่ได้รับคำสั่งมายังภูมิมืดมิด
ยิ่งกว่านั้น รอบกายศิษย์ทั้งหกนี้ แต่ละคนต่างก็มียอดฝีมือของสำนักหกมหาวิถีติดตาม
เหมือนเช่นเถาเชียนชิวซึ่งมียอดฝีมือจากโถงดาบเทียบเทวะติดตาม
และศิษย์อีกห้าคนก็เป็นเยี่ยงนี้เช่นกัน
ซูอี้จำชื่อของคนทั้งห้าไว้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีกู้จื้อหมิง ซั่งกวนเจี๋ย เฉิงเทียนคุน หนีซวงและเจียงอิ้งหลิ่ว
ในหมู่พวกเขา เจียงอิ้งหลิ่วดึงความสนใจจากซูอี้ได้เป็นพิเศษ
เพราะเจียงอิ้งหลิ่วผู้นี้ ยามมาถึงภูมิมืดมิดเมื่อสามร้อยปีก่อน เขาฝึกฝนอยู่ในเผ่าปีศาจงู!
เมื่อเขาสังเกตเห็นมัน ซูอี้ก็อดปลดปล่อยจิตสังหารในใจออกมามิได้
ขุมกำลังใหญ่ในภูมิมืดมิดรู้อยู่นานแล้วว่าเย่น้อยผู้เกิดในเผ่าปีศาจงูมีมิตรภาพแน่นแฟ้นยิ่งกับเขา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผีหมัวก็รู้เช่นกัน และส่งเจียงอิ้งหลิ่วไปคุมเผ่าปีศาจงู
จุดประสงค์ก็เห็น ๆ กันอยู่ นั่นคือสืบข่าวเกี่ยวกับเขาจากเผ่าปีศาจงู!
และเย่น้อย… นางรู้อยู่นานแล้วว่าเขาเคยสำรวจหาเคล็ดเวียนวัฏสงสาร และเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งเขาจะกลับสู่ภูมิมืดมิด
หากเจียงอิ้งหลิ่วไปถามเรื่องพวกนี้ ย่อมไม่ต้องสงสัยเลยว่าผีหมัวจะได้รู้เรื่องเขาโดยเร็วที่สุด!
ซูอี้ไม่กลัวผีหมัวจะรู้ถึงตัวตนของเขา
สิ่งที่เขากลัวคือ ผีหมัวจะใช้นามเขามาหลอกใช้เย่น้อย!
นี่คือสิ่งที่ซูอี้รับไม่ได้ที่สุด
“ไม่ใช่เจ้าบอกหรือว่าจะปล่อยข้าไป!?”
เมื่อเห็นว่าซูอี้กับชุยฉางอันจะพาเขาไปเมืองตาข่ายม่วง เถาเชียนชิวก็อดตะโกนอย่างตื่นกลัวไม่ได้
ซูอี้กล่าวโดยไม่หันกลับมามอง “ไม่ต้องห่วง ข้าจะปล่อยเจ้าไปหลังลบความทรงจำวันนี้ของเจ้าเสีย”
ลบความทรงจำ!
เถาเชียนชิวตกใจ ในขณะที่กำลังจะกล่าวบางอย่างนั้นเอง ชุยฉางอันก็ตบหลังหัวดังป้าบ เขาตาเหลือกสลบไปทันที
“ท่านลุงซู การฝึกฝนในขอบเขตจักรพรรดิมีจิตดั้งเดิม และยังมีกฎเต๋าลึกล้ำคอยคุ้มกัน ด้วยวิธีการของข้า ยากจะลบความทรงจำคนผู้นี้ได้นะขอรับ”
ชุยฉางอันลากเถาเชียนชิวไล่ตามเขา
“เจ้าทำไม่ได้ ฮูหยินเจ้าก็ทำไม่ได้หรือ?”
ซูอี้ถามลอย ๆ
ชุยฉางอันผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบแบบเขินนิด ๆ “ข้าเลินเล่อแล้ว ลืมไปสนิทเลย”
ฮูหยินของเขาเซวียฮว่าหนิงเคยเป็นทูตข้ามนทีในโถงหลงลืมเมื่อนานมาแล้ว!
นางย่อมเชี่ยวชาญศาสตร์ลบความทรงจำที่สุด!