บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 862: มดตะนอยขย่มต้นไม้
ตอนที่ 862: มดตะนอยขย่มต้นไม้
ซูอี้นวดหัวคิ้วเบา ๆ แต่ก็โกรธไม่ลงอยู่ดี
สาวน้อยชุดดำที่ดูไม่ประสีประสา คล้ายจะไม่ฟังคำเตือนของตนเอง และทำตามอำเภอใจ แต่มีจิตใจที่ดีงามซึ่งหาพบได้ยาก
เหมือนดังเช่นการที่นางแสดงตนออกมาเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ต่างไปจากการหาที่ตาย แต่กลับทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้ผู้ฝึกตนที่ไม่เคยรู้จักต้องพลอยประสบเคราะห์ไปด้วย
สวบ!
สาวน้อยคนนั้นก้าวออกไปหนึ่งก้าวก็เดินออกจากโถงใหญ่
และในขณะนี้เอง พวกของเซี่ยอวิ้นเหยียนก็เข้าใจขึ้นมาราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน
“แม่นางท่านนั้น… คงไม่ใช่ ‘หลิงเจิน’ ที่พวกผีชั่วร้ายน่ากลัวเหล่านั้นพูดถึงหรอกกระมัง?”
“ต้องใช่แน่!”
“หากเป็นเช่นนี้ พวกเราก็มีทางรอดแล้วใช่หรือไม่?”
ผู้ฝึกตนแห่งสำนักดาบฟ้าสว่างเหล่านี้แต่ละคนราวกับคนที่กำลังจะจมน้ำตายได้รับความหวัง พากันตื่นเต้นดีใจขึ้นมา
“มีอะไรควรค่าแก่ความยินดีนัก ข้าไม่อาจทนเห็นแม่นางท่านนั้นเผชิญอันตรายคนเดียวได้หรอก!”
เซี่ยอวิ้นเหยียนส่งเสียงเย็นชา
พูดจบ นางเอื้อมมือไปชักดาบยาวที่สะพายอยู่ข้างหลัง จากนั้นหมุนตัวเดินออกไปจากโถงใหญ่
คนอื่น ๆ มองหน้ากัน
แต่ไม่มีใครกล้าเสนอตัวออกไปเผชิญกับอันตรายพร้อมกับเซี่ยอวิ้นเหยียน
ซูอี้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
คนเราก็เป็นเช่นนี้
เขาลุกจากเก้าอี้หวาย มือไพล่หลังเดินออกไปนอกตำหนัก
ก่อนหน้านี้ เขาเคยเตือนสาวน้อยนามหลิงเจินผู้นั้นกับเซี่ยอวิ้นเหยียนไว้แล้วว่าอย่าเข้ามายุ่ง ให้คอยดูอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น
แต่สุดท้ายทั้งสองกลับยืดตัวออกมา เลือกต่อสู้เอาชีวิตเข้าเสี่ยงกับศัตรู
เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่เขาจะนิ่งดูดาย
“เจ้าจะทำอะไร? สร้างความวุ่นวายให้เพิ่มมากขึ้นเช่นนั้นหรือ?”
เมื่อเห็นซูอี้เดินออกไปข้างนอกเช่นกัน ศิษย์น้องเยว่คนนั้นพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พึงพอใจ
ซูอี้ไม่ได้สนใจ
เขาคร้านจะถือสาคนตัวเล็ก ๆ ที่ไม่อยู่ในสายตาเช่นนี้
นอกโถงใหญ่
สาวน้อยชุดดำร่างเล็กลอยตัวขึ้นกลางอากาศ รอบตัวมีประกายแสงสีทองบาง ๆ เปล่งออกมา
ข้างกายนาง เซี่ยอวิ้นเหยียนถือดาบตั้งท่าต่อสู้ สีหน้าดวงตาเต็มไปด้วยความจริงจัง
ห่างออกไป ภูเขาสั่นสะเทือน หมอกโลหิตคละคลุ้ง
ภูตผีน่ากลัวทั้งห้า ราชาผีโลหิตมรกต ฮูหยินปีศาจโลหิต จ้าวผีตาเดียว ผีดิบโบราณ และราชาค้างคาวดูดเลือด ยืนอยู่กลางอากาศ ปิดล้อมภูเขาดวงตะวันรอบสี่ด้าน
รอบด้านของยอดเขาดวงตะวันมีผีร้ายวิญญาณชั่วจำนวนนับไม่ถ้วนยืนรายล้อมราวกับคลื่นน้ำ บดบังแสงตะวันจนมืดมิด!
บรรยากาศอึดอัดน่ากลัวแผ่กระจายออกไปทั่วปฐพี
เมื่อซูอี้เดินออกมาก็เห็นภาพเช่นนี้
เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าราบเรียบ ในใจรู้สึกสงสัยอยู่บ้างเช่นกันว่า ภูตผีเหล่านี้ผุดขึ้นมาจากที่ใดกัน?
“น้องหลิงเจิน หลายปีมานี้ เจ้าซ่อนตัวอยู่ในดินแดนลึกลับเมืองท้อ ไม่กล้าออกมา แต่เจ้าก็คงจะรู้สึกเช่นกันแล้วว่า เมื่อไม่มีอาจารย์ของเจ้าคอยปกป้อง พลังของต้นเทพเมืองท้อก็ถูกกัดกร่อน และค่ายกลทั่วทั้งยอดเขาดวงตะวันแห่งนี้ก็ถูกทำลายลง มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว”
ห่างออกไป ฮูหยินปีศาจโลหิตเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงฉอเลาะ “ตอนนี้ ขอเพียงเจ้ามอบต้นเทพเมืองท้อออกมา พี่สาวรับรองได้ว่า จะไม่ให้ใครทำร้ายเจ้าแม้แต่ปลายเส้นผม”
นิ่งเงียบไปชั่วครู่ นางหัวเราะพลางกล่าว “ไม่เช่นนั้น อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!”
ภูตผีตนอื่นจับจ้องไปที่ร่างของสาวน้อยชุดดำ มีทั้งสายตาหื่นกระหาย สายตาที่ร้อนผ่าว สายตาที่เย็นชา และสายตาที่โหดเหี้ยม
ส่วนซูอี้กับเซี่ยอวิ้นเหยียนถูกพวกเขาละเลยไม่โดยสิ้นเชิง
สายตาของหลิงเจินเย็นยะเยือกขึ้นมา “ต่อให้ข้าต้องตายพร้อมกับพวกเจ้า ก็ไม่มีทางมอบต้นเทพเมืองท้อให้!”
พูดจบ นางก็ชูไม้คทาในมือขึ้น ขณะกล่าวขึ้นมาทีละคำช้า ๆ “ข้าไม่เชื่อหรอกว่า เอาชีวิตเข้าแลกแล้ว ยังไม่สามารถทำอะไรพวกสารเลวอย่างพวกเจ้าได้!”
ชุดสีดำของสาวน้อยโบกสะบัด เท้าเรียวงามดุจหยกยืนอยู่กลางอากาศ ดวงตาสีฟ้าอ่อนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา รอยยิ้มบนใบหน้าฮูหยินปีศาจโลหิตก็แข็งกระด้าง
ภูตผีน่ากลัวคนอื่น ๆ พากันขมวดคิ้ว
ราชาผีโลหิตมรกตกล่าวเสียงเย็นชา “หลายปีมานี้ ผู้ฝึกตนคนใดก็ตามที่เข้าสู่ภูเขาเมืองท้อ หลังจากที่หนีมาที่ยอดเขาดวงตะวันนี้แล้ว มีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าและได้โอกาสรอด แต่คืนนี้หากเจ้ากล้าขัดขืน…”
พูดพลาง เขาก็กวาดตามองไปที่ซูอี้กับเซี่ยอวิ้นเหยียน และกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน “พวกเราก็จะฆ่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องเหล่านี้ จากนั้นจะทำลายยอดเขาดวงตะวันซะ!”
“ถึงเวลานั้น เจ้าก็จะตายพร้อมกับพวกข้า เมื่อไม่ได้รับการคุ้มครองจากเจ้า ต้นเทพเมืองท้อก็จะถูกทำลายสิ้น!”
เป็นการข่มขู่เหมือนกัน อีกทั้งยังเป็นการข่มขู่อย่างเปิดเผย
สาวน้อยชุดดำสีหน้าขาวซีด กัดริมฝีปากแน่น
โดยไม่ต้องสงสัย คำพูดของราชาผีโลหิตมรกตแทงใจดำของนางอย่างแรง!
ฮูหยินปีศาจโลหิตกล่าวเสียงอ่อนโยน “น้องหลิงเจิน เจ้าว่าเช่นนี้ดีหรือไม่ ขอเพียงเจ้ายอมถอยหนึ่งก้าว ให้พวกข้าได้หัวใจต้นเทพเมืองท้อส่วนหนึ่งไป พวกเราก็จะไปทันที จะไม่ให้เจ้าต้องลำบากใจแม้แต่น้อย”
“ไม่ผิด พวกข้ารับรองได้!”
ภูตผีน่ากลัวตนอื่น ๆ ต่างก็ส่งเสียง
หลิงเจินลังเลขึ้นมา
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ซูอี้ก็อดส่ายหน้าไม่ได้ ยัยหนูคนนี้ยังคงอ่อนหัดเกินไปนัก ไม่รู้จักความโหดร้าย เรื่องแบบนี้ยังต้องคิดด้วยหรือ?
พอถอยให้ ฝ่ายตรงข้ามจึงได้คืบก็จะเอาศอก
ยิ่งไปกว่านั้น คำรับรองของภูตผีเหล่านี้ ไม่ต่างไปจากกระดาษชำระที่ใช้เสร็จก็โยนลงโถส้วม ใช้หมดก็ทิ้ง ใครเชื่อก็ปัญญาอ่อนแล้ว
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ซูอี้ก็คร้านจะมองดูต่ออีก เขาก้าวขึ้นไปกลางอากาศ และกล่าวเสียงราบเรียบ “ต่อให้นางรับปาก ข้าก็ไม่รับปากอยู่ดี”
ประโยคเดียว สายตาคนทั้งหมดล้วนมองไปที่เขา
“คน ๆ นี้เจตนาอยากให้พวกเราต้องตายกันหมด!!”
ในโถงใหญ่รกร้างที่ไกลออกไป ศิษย์น้องเยว่คนนั้นโมโหเดือดดาล
คนอื่น ๆ ก็ดูจะสับสนเช่นกัน หากรับปากเงื่อนไขของภูตผีน่ากลัวเหล่านั้นแล้วสามารถมีโอกาสรอดชีวิต ถ้าเช่นนั้นก็เป็นเรื่องดีที่สุด
แต่ทว่า ซูอี้กลับออกมาขัดเสียก่อนในเวลานี้!
สาวน้อยชุดดำนิ่งตะลึงราวกับคาดไม่ถึงเช่นกันว่าคนแปลกหน้าอย่างซูอี้คนนี้จะกล้าเสนอตัวออกมาในเวลาเช่นนี้
“เขา… เป็นคนดีจริง ๆ หรือ?”
นางพึมพำ
เซี่ยอวิ้นเหยียนก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน ชายหนุ่มคนนี้ไปเอาความกล้ามาจากไหนจึงกล้าเสนอตัวออกมาในสถานการณ์เช่นนี้?
เขาไม่กลัวว่าจะถูกภูตผีเหล่านั้นฆ่าเพื่อระบายความโกรธแค้นหรอกหรือ?
ตามความคาดหมาย เซี่ยอวิ้นเหยียนเพิ่งคิดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกได้ว่าสายตาที่จับจ้องไปยังซูอี้ดูกระหายเลือดเสียจนน่ากลัว
“เจ้าตัวน้อย เจ้าอยากจะตายมากเช่นนั้นหรือ!”
จ้าวผีตาเดียวตวาด เสียงดังราวกับเสียงฟ้าผ่า ดังก้องไปทั่วพสุธา
โซ่โครงกระดูกที่พันรอบตัวเขาส่งเสียงร้องไห้โหยหวนแสบแก้วหูตามท่าทางของเขา
อานุภาพน่ากลัว สะท้านฟ้าสะเทือนดิน!
ดวงตาของสาวน้อยในชุดดำผุดประกายร้อนรน ก่อนกล่าวกับซูอี้ “รีบไปเสีย อย่าได้ทำอวดดีอีก! ไม่เช่นนั้น ข้าไม่อาจปกป้องเจ้าได้เช่นกัน!”
ซูอี้หัวเราะกล่าวขึ้นมา “แต่ข้าสามารถปกป้องเจ้าได้”
พูดจบ เขาก็เอื้อมมือขวาออกไป
ไม้คทาสีดำที่นางถือไว้แน่นในตอนแรกหลุดออกจากมือไปอยู่ในมือของชายหนุ่มในทันใด
“เจ้าจะทำอะไร?”
สาวน้อยชุดดำตื่นตระหนกตกใจอย่างแรง ขณะพยายามจะแย่งกลับคืนมา
จากนั้นก็เห็นซูอี้เอื้อมมือมาจับไหล่ของนาง ให้มายืนอยู่ข้างหลังตัวเอง พลางกล่าวเบา ๆ “เจ้าคอยดูให้ดีว่าภาวะแท้ดวงตะวันที่แท้จริงนั้นต้องใช้อย่างไร”
สาวน้อยชุดดำตะลึง
สายตาของเซี่ยอวิ้นเหยียนผุดประกายความฉงนสงสัย
มือหนึ่งของซูอี้ถือไม้คทาสีดำ ขณะก้าวเดินไปข้างหน้า ชุดคลุมสีเขียวโบกสะบัด แขนเสื้อพองลม มีความหยิ่งทะนงไม่สนใจต่อสิ่งใด
“คน ๆ นี้คงอยากหาที่ตาย… จริง ๆ!”
ราชาผีโลหิตมรกตพูดเบา ๆ
“ถ้าเช่นนั้นก็ส่งเขาไปตายเสีย!”
เสียงตะคอกประหนึ่งเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น จ้าวผีตาเดียวง้างขวานยักษ์สีเลือดขนาดเท่ากับบ้านด้ามนั้นขึ้น และฟันไปที่ตัวของซูอี้
ครืน!!!
ขวานสีเลือดพุ่งประกายแสงมารสีเลือด แหวกผ่านอากาศ อานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวนั้นสั่นสะเทือนจนเกิดเป็นเสียงครืน ๆ ดังไปทั่วปฐพี
สาวน้อยชุดดำชูมือขวาขึ้นโดยไม่รีรอ นางต้องการจะช่วย
เซี่ยอวิ้นเหยียนกระชับดาบตั้งท่าต่อสู้อย่างเต็มที่
ภูตผีน่ากลัวอย่างราชาผีโลหิตมรกตพากันหัวเราะเสียงเย็นชา และมองดูซูอี้ราวกับเป็นของตาย
ในโถงใหญ่ที่รกร้างห่างไกล ศิษย์น้องเยว่คนนั้นอยากจะเห็นขวานฟันร่างของซูอี้เสียเหลือเกิน!
ในเวลานี้เอง ซูอี้ลงมือแล้ว
เขาชูไม้คทาสีดำในมือขึ้นแตะอากาศเบา ๆ
แสงไฟเจิดจ้าบาดตาราวกับแสงตะวันร้อนแรงถูกจุดขึ้นกลางอากาศผ่านไม้คทาสีดำนี้
ชั่วขณะนั้น ฟ้าดินที่มืดมิดราวกับน้ำหมึกที่ถูกมารโลหิตกลบทับทั่วฟ้าดินแห่งนี้ก็สว่างโชติช่วงราวกับดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า
แสงเจิดจ้านั้นส่องสว่างไปทั่วสิบทิศ
ทุกแห่งที่แสงสว่างสาดส่อง กลิ่นอายมารโลหิตก็หายลับดับสูญ ราตรีมืดมิดมลายหายไป
ขวานยักษ์สีเลือดที่ฟันใส่ซูอี้ด้ามนั้นละลายกลายเป็นหยดน้ำภายใต้การเผาผลาญของเพลิงแสงอันเจิดจำรัส เมื่อหยดลงมาก็กลายเป็นไอสีขาวแล้วสลายตัวไป
จ้าวผีตาเดียวที่เดิมทีถือขวานเล่มยักษ์อยู่ก็ส่งเสียงร้องโอดครวญออกมา
บนร่างขนาดใหญ่ยักษ์สูงร้อยจั้งของเขาปรากฏรอยแต้มเพลิงแสงสีทองที่มีลักษณะเหมือนกลีบดอกท้อ ส่งกลิ่นอายแผดเผาที่น่ากลัวออกมา
เพียงพริบตาเดียว ร่างของจ้าวผีตาเดียวก็ถูกเผาจนปริแตกไปทั่วทุกแห่ง ควันสีขุ่นสกปรกผุดขึ้นมาเป็นพัก ๆ
ทุกคนในเหตุการณ์เงียบกริบลง
พวกเขาต่างตกตะลึง
ภูตผีน่ากลัวอย่างราชาผีโลหิตมรกตพากันขับเคลื่อนระดับวิถีในทันใด เพื่อหลบหนีอันตรายจากการโจมตีครั้งนี้
แต่ถึงแม้จะทำเช่นนี้แล้ว เมื่อเห็นสภาพน่าอนาถของจ้าวผีตาเดียวก็ยังคงทำให้พวกเขาตื่นตระหนกจนหน้าเปลี่ยนสีอยู่ดี!
“เขา… สามารถใช้ ‘คทาวิญญาณดวงตะวัน’ ที่อาจารย์สร้างขึ้นเพื่อข้าได้…”
ดวงตาสีฟ้าอ่อนของสาวน้อยชุดดำเบิกกว้าง บนใบหน้ามีแต่ความฉงนและไม่อยากจะเชื่อ
คทาวิญญาณดวงตะวันหลอมสร้างมาจากหัวใจต้นเทพเมืองท้อ ภายในสั่งสมไปด้วยภาวะแท้ดวงตะวันธรรมชาติ ทั้งยังใช้พลังกุญแจของต้นเทพเมืองท้อด้วย
ต่อให้คนทั่วไปได้ของสิ่งนี้ไป หากไม่รู้เคล็ดวิชาขับเคลื่อนภาวะแท้ดวงตะวันล่ะก็จะไม่อาจสำแดงเดชของสมบัติชิ้นนี้ได้
สิ่งที่นางคาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ อานุภาพของคทาวิญญาณดวงตะวันเวลาที่ซูอี้ใช้รุนแรงยิ่งกว่าตอนที่นางใช้มากไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า!
“เจ็บใจนัก!!!”
เสียงแผดร้องด้วยความโกรธดังขึ้น จ้าวผีตาเดียวได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว แต่ยังคงไม่ยอมหลีกหนี และพุ่งตรงมาขย้ำซูอี้
“มดตะนอยขย่มต้นไม้”
ซูอี้เงยหน้าเล็กน้อย พลันกวาดคทาไม้ในมือ
แสงสีทองเพลิงไฟกลายเป็นแสงสว่างเจิดจ้ากลางอากาศ
ฉับพลันร่างสูงร้อยจั้งของจ้าวผีตาเดียวก็ถูกแบ่งเป็นสองท่อน ร่างท่อนบนยังคงพุ่งเข้ามา แต่ท่อนล่างกลับล้มกระแทกกับพื้นราวกับหมดการควบคุม
จากนั้น แสงสีทองบาดตาก็ผุดออกมาจากร่างที่ถูกแบ่งเป็นสองท่อนราวกับไฟแท้ดวงตะวันอันร้อนแรง
เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น ร่างสองท่อนก็ถูกเผาจนไม่เหลือ
จ้าวผีตาเดียวตายไปอย่างง่ายดาย!
กลางอากาศ มีแต่เพียงริ้วสีทองสลัว ๆ ซึ่งมีความยาวถึงร้อยจั้งอยู่ตรงนั้น
นั่นคือร่องรอยพลังแห่งคทาไม้ที่ซูอี้ทิ้งไว้
ไม่ยอมหายไป
ผู้ที่มองเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ต่างก็สีหน้าเปลี่ยน… ตื่นตระหนกจนร้องไม่ออก!!