บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 87 ดาบคู่จันทราชาด
ตอนที่ 87: ดาบคู่จันทราชาด
“ไม่แปลกใจที่เฉิงอู้หย่งเข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายผู้มีอายุแค่สิบเจ็ดสิบแปดปีเป็นปรมาจารย์วิถียุทธ์ ในเมื่อครอบครองร่างวิญญาณเช่นนั้น ย่อมไม่สามารถใช้บรรทัดฐานระดับของผู้บ่มเพาะในโลกนี้ตัดสิน”
เมื่อได้เพ่งพินิจอย่างละเอียด ซูอี้ก็สังเกตเห็นบางอย่าง ถึงแม้กลิ่นอายของหญิงสาวผู้นี้จะแก่กล้าเหนือล้ำกว่าเฉิงอู้หย่ง แต่ระดับการบ่มเพาะแท้จริงของนางกลับอยู่เพียงขั้นต้นของขอบเขตที่สองของวิถียุทธ์ ‘ขอบเขตรวบรวมลมปราณ’ ซึ่งด้อยกว่าเฉิงอู้หย่งเสียอีก
แน่นอน เหล่าผู้ที่ครอบครองร่างวิญญาณทั้งหลาย ล้วนถูกกำหนดให้เหนือกว่าผู้บ่มเพาะธรรมดาทั่วไปในระดับเดียวกัน!
การปรากฏตัวของชิงจิน ทำให้สีหน้าของเหล่าผู้ก่อการร้ายเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
แต่กระนั้นแล้ว ผู้หญิงที่ลอบสังหารองค์ชายหกกลับเย้ยหยันออกมา “องค์ชายหก ท่านคิดจริง ๆ หรือว่าพวกข้าคือภัยคุกคามที่อันตรายที่สุดในแผนการครั้งนี้?”
หลังจากกล่าวจบ นางพลันมองกลุ่มคนผู้ซ่อนตัวอยู่ไกลออกไป ก่อนจะกล่าวว่า “ผู้อาวุโส โปรดลงมือด้วย!”
กลุ่มคนมองตามโดยไม่รู้ตัว
มีความโกลาหลในกลุ่มคนที่อยู่ไกลออกไป พวกเขาล้วนเปิดทางให้
แต่มีเพียงชายร่างผอมบางผู้หนึ่งเท่านั้นที่ไม่ขยับ
ใบหน้าของเขาซีดเซียว ผิวคล้ำ แบกถุงผ้ายาวสี่ฉื่อ แสดงทีท่าไร้อารมณ์
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของผู้คนที่กำลังมองมา ชายร่างผอมบางก็ขมวดคิ้วพลางถอนหายใจ ก่อนจะสาวเท้ายาวเข้ามาใกล้
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ทุกย่างก้าว พื้นล้วนสั่นสะเทือน กลิ่นอายบนร่างของเขาเพิ่มขึ้นทันตา
ในสายตาของผู้คน ราวกับตกอยู่ในภวังค์ ชายร่างผอมบางคนนี้ราวกับกลายร่างเป็นขุนเขา กลิ่นอายโอ่อ่าและหนักอึ้ง แรงกดดันดังกล่าวทำให้ยากที่จะหายใจ
“ปรมาจารย์!”
ใบหน้าของเฉิงอู้หย่งน่าเกลียด
เมื่อครู่พวกเขาเพียงแค่นั่งกินข้าว แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีปรมาจารย์วิถียุทธ์ปะปนอยู่ที่นี่ด้วย!
สาเหตุที่คุณชายซูเสนอให้ออกจากที่นี่ก่อนหน้านี้ เกรงว่าคงเป็นเพราะเขาพบเห็นปัญหาบนชั้นเก้าตั้งแต่แรกแล้ว
เฉิงอู้หย่งอดที่จะมองซูอี้ไม่ได้
ทว่าสีหน้าของอีกฝ่ายยังคงเรียบเฉยเหมือนเช่นเคย
ในเวลาเดียวกัน เสียงของซูอี้ก็ดังขึ้นในหูของเฉิงอู้หย่ง “หากเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาหลังจากนี้ได้ จงปกป้องคุณหนูของเจ้ากับหวงเฉียนจวินไว้”
เฉิงอู้หย่งตกตะลึง ทั่วร่างผ่อนคลายขึ้นมาก
“ปรมาจารย์!”
ทั้งหยวนลั่วซี หวงเฉียนจวิน และคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นี่ก็มีการตอบสนองในที่สุด สีหน้าถอดสีทีละคน มือเท้าเย็นยะเยือก
ผู้ใดกลายเป็นปรมาจารย์ คนผู้นั้นย่อมไม่ต่างจากมังกรในท้องนภา!
ในอาณาจักรโจว มีเพียงเหล่าตัวตนระดับปรมาจารย์เท่านั้น ที่จะสามารถถูกเรียกว่าผู้ทรงอิทธิพลได้!
ทั่วทั้งสิบเก้าเมืองของเขตปกครองอวิ๋นเหอ มีตัวตนเช่นปรมาจารย์เพียงหยิบมือเท่านั้น
แต่ตอนนี้ กลับมีปรมาจารย์ผู้หนึ่งมาอยู่บนเรือนี้ และผู้ที่ปรากฏตัวตรงหน้า ยังนับเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาอีกด้วย!
“เตรียมตัวมาได้เยี่ยมนัก!”
สีหน้าขององค์ชายหกเปลี่ยนไปเช่นกัน ดวงตาเร่าร้อนเต็มไปด้วยโทสะ
ถึงกับส่งปรมาจารย์มาลอบสังหารเขา แสดงให้เห็นความตั้งใจอันชั่วร้ายกับวิธีการอันเด็ดขาดของอีกฝ่าย!
“ข้านึกอยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้”
ชิงจินหันไปมองชายร่างผอมบางด้วยสายตาราวกับคมมีดคมกระบี่ ความรู้สึกเหยียดหยันปรากฏบนใบหน้างดงามของนางอย่างไม่คิดปิดบัง
“ปรมาจารย์ควรเปรียบดั่งดวงตะวันอันยิ่งใหญ่บนท้องฟ้า เจิดจ้าและตรงไปตรงมา แต่เจ้ากลับขี้ขลาดตาขาว เอาแต่มุดหัวเก็บหาง ค่อยเผยตัวมาในเวลาแบบนี้ ต่อให้มีระดับการบ่มเพาะถึงระดับปรมาจารย์ แต่ไม่ควรค่ากับชื่อเสียงระดับปรมาจารย์!”
ประโยคนี้เต็มไปด้วยความเหยียดหยามดูถูก!
ชายร่างผอมบางดูแน่วแน่ ไม่ขยับเขยื้อนราวภูผา ทำเพียงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “กระทั่งเหล่ามังกรยังรู้จักเปลี่ยนแปลงปรับตัว บางครามันปั่นป่วนสะเทือนโลกหล้าไร้ยี่หระต่อทุกสรรพสิ่ง แต่บางครามันก็เลือกลอบเร้นซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางตัวตนเล็กจ้อยเพื่อบรรลุบางอย่าง ปรมาจารย์ในโลกนี้ก็เช่นกัน เป็นปกติที่แต่ละคนจะมีแนวทางเป็นของตัวเอง แม่นางผู้นี้อคติกับวิถีทางที่ต่างออก ไม่ต่างอะไรกับผู้ที่ดวงตามืดบอด”
ราตรีมืดมิด บรรยากาศที่นี่ก็ยิ่งกดดันและตึงเครียด พายุฝนกำลังเคลื่อนตัวมาจากเทือกเขาซึ่งอยู่ไม่ห่าง
“มังกรหรือ? เหอะ นำตัวเองไปเปรียบกับมังกร ช่างอวดดีเสียจริง”
ชิงจินไม่ปกปิดความเหยียดหยัน นางโยนเหยือกสุราในมือออกไป ส่งให้มันลอยคว้างก่อนจะไปตั้งวางอยู่บนโต๊ะข้างหลังอย่างนุ่มนวล จากนั้นนิ้วเรียวลูบกำไลผลึกเขียวบนข้อมือข้างซ้ายอย่างบรรจง
ทันใดนั้น ประกายแสงส่องวาบราวกับเพลิงลุกโชติช่วงก็ปรากฏออก
เคร้ง! เคร้ง!
เสียงดาบสองเล่มกระทบกันดังกึกก้อง
เมื่อมองที่มือทั้งสอง ก็พบว่าขณะนี้นางถือดาบคู่หนึ่งเอาไว้
ใบดาบโค้งคมราวจันทราข้างแรม ตัวดาบปกคลุมไปด้วยประกายเพลิงเลือนราง ยามอยู่ในมือ ราวกับถือจันทราเพลิงโค้งสองดวง
ดาบคู่จันทราชาด!
“ในราตรีเช่นนี้ การได้ตัดหัวปรมาจารย์พร้อมกับจิบสุราไปด้วย นับว่าไม่เลว”
ด้วยเสียงเกียจคร้านน่าหลงใหล ชุดคลุมของชิงจินกระพือ ร่างโค้งมนแผ่กลิ่นอายน่าตกตะลึงออกมา
ดาบคู่จันทราชาดในมือส่งเสียงแหวกอากาศสั่นสะท้าน เสียงชัดเจนเสนาะหู
ทุกคนรู้สึกคล้ายลมหายใจถูกช่วงชิง ผิวหนังชาด้าน ลำคอราวกับถูกจ่อด้วยของมีคม
เฉิงอู้หย่ง จางตั้ว และเหล่าผู้บ่มเพาะขอบเขตรวบรวมลมปราณคนอื่นทั่วร่างพลันรู้สึกได้ถึงแรงกดทับที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด
ทันใดนั้น ร่างของชิงจินก็พุ่งทะยานไปข้างหน้า เส้นผมปลิวไสว
ฉัวะ!
เพราะไวเกินไป ร่างของนางจึงทิ้งเพียงภาพติดตา เมื่อไปได้ครึ่งทาง ดาบคู่ในมือก็ถูกวาดออกไป เพื่อฟาดฟันใส่เป้าหมายพร้อมกัน
ยามออกกระบวนท่า ดาบคู่จันทราชาดส่องแสงแพรวพราวตัดผ่านราตรี ด้วยแสงอันเจิดจ้าของมัน ราวกับแสงสวรรค์ร่วงหล่นสู่โลกมนุษย์
สายรุ้งสีชาด!
วิชาลับระดับปฐพีขั้นสูงสุด ชิงจินฝึกฝนมันจนบรรลุอยู่ในระดับจุดสมบูรณ์!*[1]
ดวงตาของชายร่างผอมบางหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนเอื้อมมือไปทางด้านหลัง
ถุงผ้าสามฉื่อบนแผ่นหลังระเบิดออก ง้าวสีดำยาวขนาดเท่ากันก็ปรากฏขึ้นในมือ
เคร้ง!!
เสียงปะทะดังก้องจนแก้วหูแทบฉีกขาด มันมากพอจะทำให้ก้อนทองแตกร้าว
ร่างของชายร่างผอมบางถอยออกไปหลายก้าว นี่ก็เพื่อประคองให้ร่างมั่นคง โลหิตของเขาเดือดพล่าน ง้าวสีดำสั่นคำรามสะท้านก้องไปทั่วบริเวณ
เมื่อมองไปที่ชิงจินอีกครั้ง ด้วยกับดาบคู่ในมือ นางช่างดูโอ่อ่าเต็มไปด้วยฤทธา โดยเฉพาะดวงตางดงามของนาง มันชัดเจนราวกับคมดาบที่แผ่อำนาจข่มขู่ออกมา
แข็งแกร่ง!
ทุกคนตกตะลึงกับฉากนี้
ปรมาจารย์วิถียุทธ์ร่นถอยในการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
ยามไม่ขยับ ชิงจินช่างงดงามและประณีตยิ่ง ราวกับนางรำบนเวที เต็มไปด้วยท่วงท่าและกลิ่นอายดึงดูดใจ
แต่ทันทีที่ลงมือ ก็กลับกลายเป็นดุดันร้ายกาจ ทรงพลังราวพญาหงส์เพลิง ทำให้ผู้ชายจำนวนมากที่อยู่ตรงนี้เกิดความละอายจนลอบถอนหายใจ
“พี่สาวคนนี้สุดยอดยิ่งนัก!”
ดวงตาของหยวนลั่วซีทอประกาย นางส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
เคร้ง!
ชิงจินไม่หยุดการโจมตี ระหว่างต่อสู้ นางแผ่กลิ่นอายกดดันโดยตลอด ดาบคู่จันทราชาดในมือแปรเปลี่ยนเป็นภาพมายาของจันทราข้างแรมสีแดงเพลิงในท้องนภา ดาบที่แล้วรวดเร็วยิ่ง ทว่าดาบถัดมากลับคุกคามยิ่งกว่า
มันร้อนแรงยิ่งไม่ต่างจากเปลวเพลิง!
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
เสียงปะทะของดาบและง้าวดังรัวก้องกังวาน คลื่นกระแทกทำให้โลหิตของผู้คนเดือดพล่าน
ในสมรภูมิ ประกายดาบตัดไปมาราวกับเปลวเพลิง ร่างของชิงจินดูคล้ายกับอสนี ทั้งดุดันและจับต้องไม่ได้
ชายร่างผอมบางกระเด็นถอยหลายครั้งติด
แต่เขาก็น่าสะพรึงยิ่งเช่นกัน ท่วงท่าหนักแน่นดุจขุนเขา แม้จะโดนการโจมตีและการฟาดฟันกระหน่ำเข้ามา แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว
ทันใดนั้น อสนีเย็นเยือกเคลื่อนไหวในดวงตาของเขา “ขอบเขตรวบรวมลมปราณกลับมีพลังต่อสู้เพียงนี้ ช่างน่าสะพรึงยิ่งนัก แต่น่าเสียดาย ปรมาจารย์ไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างเจ้าจะเทียบเทียมได้!”
ตูม!
เขาพลันลงส้นเท้าที่พื้น ก่อนจะดีดตัวทะยานออกพร้อมกับฟาดเหวี่ยงง้าวสีดำในมือ
ภาพนี้เหมือนกับคลื่นอสนีสีดำไม่มีผิด!
ปัง!!
ร่างทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงกลางอากาศ จากนั้นจึงผละออกจากกัน
การโจมตีช่างน่าตกตะลึงจริง ๆ!
ทั่วบริเวณเงียบสงัด หากเข็มหล่นสักเล่มคงได้ยินราวกับพยัคฆ์คำราม
เฉิงอู้หย่ง จางตั้ว และคนอื่น ๆ ล้วนเปลี่ยนสีหน้า นี่…นี่คือพลังของปรมาจารย์!
ด้านพวกชายวัยกลางคนผู้ดูเหมือนบัณฑิต พวกเขาต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
การโจมตีของชิงจินเมื่อครู่รุนแรงเป็นอย่างมาก พวกเขาทุกคนล้วนหวาดกลัวเมื่อได้เห็นจนแทบจะลืมหายใจ
โชคยังดี ตอนนี้สถานการณ์เริ่มพลิกกลับแล้ว!
“หึหึ ดูท่าเจ้าจะไม่ได้มีดีอะไรมาก เวลามีค่า ฆ่าเจ้าเลยก็แล้วกัน!”
ดวงตาเจิดจ้าของชิงจินทอประกายเจตนาสังหารออกมา
ร่างกายวูบไหว ก่อนที่นางจะพุ่งออกไปพร้อมดาบคู่อีกครั้ง
ทว่า คราวนี้มีประกายแสงแผ่ออกจากร่าง มันเจิดจ้าราวดวงอาทิตย์ขึ้น ยิ่งเป็นช่วงราตรียิ่งเด่นชัดนัก
“ประกายแสงเหล่านั้นมาจากสายเลือดที่ไหลเวียนในร่างของนาง นี่คือไพ่ตายที่ใช้ท้าทายต่อผู้ใดก็ตามที่อยู่ในขอบเขตหลอมกำเนิด” ซูอี้ลอบพยักหน้า คาดหวังอยู่แล้วว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น
ทว่าศัตรูที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็มีไพ่ตายเช่นกันไม่ใช่หรือ?
อย่างไรเสีย นี่คือเรื่องการลอบสังหารองค์ชาย เมื่อมองการเตรียมการของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่ามีการวางแผนมานานแล้ว เรื่องราวมันย่อมไม่อาจคลี่คลายได้โดยง่าย
เคร้ง!!
ขณะซูอี้กำลังครุ่นคิด การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครา
หลังจากเปล่งประกายแสงออกจากร่าง พลังของชิงจินก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน ยามสู้กับชายร่างผอมบาง ไม่เพียงแค่สามารถสู้ได้อย่างสูสีเท่านั้น แต่ยังได้เปรียบอีกด้วย
สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคน
ในไม่ช้า
โลหิตสายหนึ่งก็ไหลลงมาจากริมฝีปากของชายร่างผอม
ฉากนี้สร้างความตกตะลึงให้ทุกคน ปรมาจารย์วิถียุทธ์… ถึงกับได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้!
คาดไม่ถึง ชายร่างผอมบางกลับไม่แสดงสัญญาณความโกรธออกมา เขาทำเพียงถอนหายใจยาวก่อนจะกล่าวว่า “ช่างเถิด ในเมื่อให้สัญญาว่าจะเข้าร่วมการลอบสังหารครั้งนี้ เหตุใดจะต้องหวงแหนอายุขัยอยู่อีก”
หลังจากเอ่ยด้วยน้ำเสียงขมขื่น กลิ่นอายของชายร่างผอมก็ปะทุเดือด ราวกับมหาสมุทรกว้างใหญ่ส่งคลื่นคลุ้มคลั่งออกมา มันเต็มไปด้วยบรรยากาศทำลายล้าง จากนั้นก็แพร่กระจายออกรอบด้าน
“วิชาต้องห้ามที่จ่ายด้วยพลังชีวิตตัวเองอย่างนั้นหรือ?”
ชิงจินขมวดคิ้ว ใบหน้างดงามแสดงความวิตกเล็กน้อยออกมา ก่อนที่นางจะโจมตีด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ดาบคู่จันทราชาดฟาดดิ่งลงมาจากท้องนภาราวกับดาวตกหนึ่งคู่
เคร้ง!!
แต่ในการปะทะที่น่าสะพรึงนั่น ร่างผอมเพรียวองอาจของนางถึงกับสั่นสะท้านและกระเด็นออกมา ใบหน้างดงามซีดเผือด
ดวงตางดงามเผยความไม่อยากเชื่อออกมา
นางเห็นว่าร่างของชายตรงหน้าลุกโชนราวกับเปลวเพลิงไม่มีสิ้นสุด มือกำเคียวสีดำ จิตสังหารมหาศาล เขากระโดดตามเข้ามาหมายจะฆ่าชิงจิน
แข็งแกร่งราวกับเทพเซียน!
ตูม!
เขาตวัดง้าวสีดำ หันด้านมีคมออก พุ่งตรงราวอสนี
ชิงจินกัดฟันกรอด นางไม่ถอยหรือหลบ กลับเลือกท้าทายซึ่ง ๆ หน้ากับอีกฝ่าย
ปัง!
ร่างของนางถอยกรูดอีกครั้ง กระอักโลหิตออกมาจนย้อมริมฝีปากดูราวกับภูตผี ใบหน้างดงามซีดเผือด สีหน้าเกรี้ยวกราดอย่างที่หาได้ยากพลันปรากฏขึ้น
องค์ชายหกและหยวนลั่วซีล้วนรู้สึกเย็นเยือกอยู่ในใจ พวกเขาต่างใบหน้าถอดสี
พวกชายวัยกลางคนผู้ดูเหมือนบัณฑิตเผยจิตสังหารออกมา พร้อมลงมือ พวกเขาวางแผนจะใช้โอกาสนี้เพื่อชิงจับเหยื่อตัวใหญ่ที่สุดของงาน
“ความตายของข้าแลกกับเจ้า นับว่าคุ้มค่าแล้ว!”
ชายร่างผอมบางกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว ก่อนโจมตีอีกครั้ง
ตูม!
ง้าวสีดำยกขึ้น ก่อนฟาดฟันคลื่นพลังอันไร้ที่สิ้นสุดออกไป
ชิงจินไม่สามารถหลบได้
การโจมตีนี้คล้ายกับเรียบง่าย แต่ที่จริงมันมาจากทุกทิศทาง ราวกับตาข่ายสวรรค์ ไม่มีที่ให้หลบหนี ทำได้เพียงฝืนรับเอาไว้ทั้งหมดเท่านั้น
ตอนนี้ ร่องรอยขมขื่นปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของนาง เห็นทีนางคงดูถูกความน่าสะพรึงของปรมาจารย์เกินไป…
*[1] ลำดับบรรลุเคล็ดวิชามีสี่ระดับ ได้แก่ ระดับพื้นฐาน ระดับช่ำชอง ระดับจุดสมบูรณ์ และระดับเลิศล้ำ