บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 882: จับคนผู้นี้ไปประหาร
ตอนที่ 882: จับคนผู้นี้ไปประหาร
ไม่ผิดจากความคาดหมายของซูอี้
เย่ตงเหอกล่าวเสียงหนัก “ขอบคุณพี่เยว่ที่เตือน แต่เย่ผู้นี้คำนึงถึงวงศ์ตระกูล จิตใจของข้านี้ฟ้าดินสามารถเป็นพยานได้ ต่อให้วันข้างหน้าผู้บุกเบิกทุกท่านทราบเรื่อง คิดว่าน่าจะเข้าใจความปรารถนาดีของข้า!”
นิ่งเงียบไปสักครู่ เย่ตงหงก็กล่าวด้วยสีหน้าดุดัน “พี่เยว่เป็นแขก อย่าได้สอดมือเข้ามายุ่งกับเรื่องในตระกูลข้าจะดีกว่า ไม่เช่นนั้น หากสร้างความไม่พอใจขึ้นมาจะไม่ดี”
พอกล่าวเช่นนี้ออกไป คนในเผ่าสายตระกูลหลักอย่างเย่จื่อซานถึงกับสีหน้าเปลี่ยน
ไม่มีใครคาดคิดว่า แม้กระทั่งกับเยว่สือ เย่ตงเหอก็ไม่ไว้หน้า!
เยว่สือขมวดคิ้ว ขณะถอนหายใจพลางกล่าว “ไม่ผิด อย่างไรเสียข้าก็เป็นเพียงคนนอกเท่านั้น”
พูดจบ เขาประสานมือคารวะต่อเย่จื่อซานกับผู้เฒ่าสายตระกูลหลักเหล่านั้น พลางกล่าวขอโทษ “ทุกท่าน เรื่องในวันนี้ สิ่งที่ควรจะพูดเยว่ผู้นี้ก็ได้พูดไปแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ ไม่เหมาะนักที่เยว่ผู้นี้จะเข้ายุ่งเกี่ยวด้วย หวังว่าทุกท่านจะให้อภัย”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา สีหน้าของผู้เฒ่าสายตระกูลหลักเหล่านั้นต่างก็สลดลง
พวกเขาไหนเลยจะไม่รู้ว่า ต่อให้เยว่สือมีฐานะที่สูงส่งเพียงใด ทว่าเรื่องภายในตระกูลเผ่าปีศาจงู เขาก็ไม่อาจสอดมือเข้ายุ่งเกี่ยวได้
นี่เป็นข้อห้าม!
ถึงแม้เยว่สือจะเป็นศิษย์พี่ของผู้อาวุโสสูงสุดที่สอง แต่อย่างไรเสียก็เป็นคนนอก สามารถพูดแทนสายตระกูลหลักได้ในวันนี้ ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เย่จื่อซานสูดหายใจลึก ๆ ทีหนึ่ง จากนั้นประสานมือคารวะตอบพลางกล่าว “ผู้อาวุโสเยว่สามารถรับคำเชิญมาร่วมงานได้ พวกข้าก็รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างที่สุดแล้ว”
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ ทว่ายากนักจะกลบเกลื่อนสีหน้าสลดของเขาลงได้
แม้กระทั่งเยว่สือช่วยออกหน้าแล้วก็ยังไม่ได้เรื่อง ทำให้เย่จื่อซานรู้สึกหมดแรงกำลังไปด้วยเช่นกัน
ทว่าผู้เฒ่าสายตระกูลรองของเผ่าปีศาจงูเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้แล้วต่างก็รู้สึกเบาใจลง
การปรากฏตัวของเยว่สือ สร้างความกดดันให้พวกเขาเป็นอย่างมาก
แต่ยังดีที่ตอนนี้เยว่สือแสดงท่าทีออกมาแล้วว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้อีก!
เช่นนี้ก็หมายความว่า การคัดเลือกตัวผู้นำตระกูลคนใหม่ถูกกำหนดลงมาแล้ว!
ณ ตำแหน่งประธาน เย่ตงเหอส่งเสียงหัวเราะสดใสออกมา ก่อนจะกล่าวขึ้น “ตอนนี้ คิดว่าทุกท่านคงจะไม่มีความเห็นคัดค้านอันใดอีก ถ้าเช่นนั้นก็เริ่มคัดเลือกตัวผู้นำตระกูลคนใหม่ได้”
สายตระกูลหลักอย่างพวกของเย่จื่อซานกับสาวน้อยชุดดำนิ่งเงียบ สีหน้าหม่นหมอง
เยว่สือถอนหายใจ
ผู้เฒ่าสายตระกูลรองกลับหัวเราะยิ้มแย้ม
แขกเหรื่อที่ได้รับเชิญมาชมงานเหล่านั้นไหนเลยจะดูไม่ออกว่า ในการคัดเลือกตัวผู้นำตระกูลคนใหม่นี้ สายตระกูลหลักของเผ่าปีศาจงูจะไม่อาจพลิกผันสถานการณ์ได้อีกแล้ว?
เจียงอิ้งหลิ่วนั่งยิ้มน้อย ๆ ขณะดื่มสุราไปจอกหนึ่ง
เรื่องในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครมา ยากนักจะพลิกผันเหตุการณ์ได้!
“ช้าก่อน”
ทว่าเวลานี้เอง จู่ ๆ มีเสียงราบเรียบเสียงหนึ่งดังขึ้น
สายตาของคนทั้งหลายมองไปตามทิศทางต้นกำเนิดเสียง จากนั้นก็มองเห็นซูอี้ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งแขกผู้ชมงาน
ชายหนุ่มชุดเขียวคนนี้ยกกาขึ้นรินสุราให้ตัวเอง จากนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ข้าคัดค้าน”
คำสามคำง่าย ๆ ดังก้องไปทั่วตำหนัก
เย่ตงหน้าถึงกับตะลึง รอยยิ้มจางลง
ก่อนหน้านี้ เขาเกือบจะลืมหนุ่มน้อยคนนี้ไปเลย แต่ไม่คิดเลยว่า ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างกำลังจะลงตัว หนุ่มน้อยที่ถูกหลงลืมคนนี้กลับส่งเสียงพูดขึ้นมา!
เย่จื่อซานกับสาวน้อยชุดดำก็สะดุ้งขึ้นมาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า เวลาเช่นนี้ ซูอี้จะเสนอตัวออกมา!
ฉับพลัน สีหน้าของเย่รั่วซีก็เปลี่ยนไป กล่าวด้วยความร้อนใจ “คุณชายซู อย่าได้ทำอะไรวู่วามเด็ดขาด มิเช่นนั้น… เจ้าจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
ซูอี้ฟังความเป็นห่วงและกังวลในน้ำเสียงของหญิงสาวออก จึงอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ พลันกล่าวอ่อนโยน “ข้าเคยบอกแล้ว ที่ข้ามาในวันนี้ เดิมทีก็เพื่อช่วยยุติความไม่สงบในเผ่าปีศาจงูของพวกเจ้า”
ได้ฟังความ ไม่เพียงแต่เย่ตงเหอกับผู้อาวุโสสายตระกูลรองเท่านั้น แม้กระทั่งผู้เฒ่าสายตระกูลหลักก็ยังตกตะลึง แทบจะไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง
สีหน้าของแขกเหรื่อพวกนั้นดูประหลาดขึ้นมา
ใครบ้างจะคาดคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้จะแสดงท่าทางอหังการต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโสในถิ่นของเผ่าปีศาจงูได้
ต้องการยุติความไม่สงบในเผ่าปีศาจงูเช่นนั้นหรือ?
เจียงอิ้งหลิ่วกับหวงหยวนซิวมองหน้ากัน และก็หัวเราะออกมา
แม้กระทั่งผู้ฝึกตนของสายตระกูลหลักอสรพิษผีก็ยังได้แต่ก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้ แต่คนนอกคนหนึ่งกลับออกมาคัดค้าน เช่นนี้ไม่รู้สึกน่าขันหรอกหรือ?
“เจ้าเด็กน้อย พูดจาโอ้อวดไม่ละอาย!”
ผู้เฒ่าคนหนึ่งในสายตระกูลรองของเผ่าปีศาจงูทนไม่ไหวตะคอกเสียงดุขึ้นมา
“จื่อซาน นี่ก็คือแขกที่พวกเจ้าสายตระกูลหลักเชิญมาเช่นนั้นหรือ? เพียงแค่คนตัวเล็กไร้น้ำยาคนหนึ่ง ไม่อับอายขายขี้หน้าบ้างหรือ?”
มีคนพูดจาเหน็บแนมเย่จื่อซาน
“เจ้าเด็กน้อย ข้าขอเตือนเจ้า รีบมอบตราหยกประจำตระกูลของพวกข้ามาเสียดี ๆ มิเช่นนั้น เจ้าอย่าคิดว่าวันนี้จะได้กลับไปอย่างปลอดภัย!”
มีคนกวาดตามองดูซูอี้ด้วยสายตาที่เย็นชา
ซูอี้วางจอกสุราที่ดื่มจนหมดแล้วลง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน
สายตาลุ่มลึกกวาดมองดูทุกคนในงาน จากนั้นเขาจึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฟังให้ดี ที่ข้ามาในวันนี้ มีสามสิ่งที่ต้องทำ”
เสียงดังกึกก้องอยู่ในตำหนัก ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน
ทำให้เสียงโหวกเหวกเงียบลงไปด้วยเช่นกัน
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ซูอี้อย่างพร้อมเพรียงกัน เพียงแต่ต่างก็มีสีหน้าที่ต่างกันออกไป
บ้างก็ดูแคลน บ้างก็ตะลึง บ้างก็เย้ยหยัน บ้างก็เป็นห่วง… ต่างกันไป
ซูอี้ไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “เรื่องที่หนึ่ง ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกไปแล้ว ต้องการจะยุติความขัดแย้งในตระกูลเผ่าปีศาจงู เชื่อว่าพวกเจ้าคงจะได้ยินกันชัดเจนแล้ว”
เกิดความระส่ำระสายขึ้นอีกครั้ง
ณ ตำแหน่งที่นั่งประธาน เย่ตงเหอกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “ให้เขาพูดต่อไป”
ทุกอย่างจึงกลับสู่ความสงบอีกครั้ง
สีหน้าของซูอี้ยังคงราบเรียบเช่นเดิม กล่าวด้วยเสียงดังฟังชัด “เรื่องที่สอง ฆ่าตัวการที่สร้างความปั่นป่วนในเผ่าปีศาจงูครั้งนี้”
ก้อนหินหนึ่งก้อนสร้างระลอกคลื่นไม่หยุด ทุกคนในงานต่างก็ตะลึง
แม้กระทั่งผู้อาวุโสสายตระกูลหลักอย่างเย่จื่อซานกับหญิงสาวในชุดดำก็ยังตะลึงต่อคำพูดของซูอี้
สายตาของผู้อาวุโสที่สามผู้นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานมีประกาย สีหน้าสงบราบเรียบยิ่งกว่าเดิม เหตุใดเขาจะฟังความหมายที่ซูอี้พูดไม่ออก?
“ชั่วช้า! เจ้ากำลังบอกว่าใครเป็นตัวการ?”
ผู้เฒ่าในชุดหรูหราสายตระกูลรองของเผ่าปีศาจงูร้องตะคอก
ซูอี้ชายตามองไปที่ผู้เฒ่าชุดหรูหราคนนั้นครู่หนึ่ง ไม่ได้ใส่ใจ
“เรื่องที่สาม”
ซูอี้เอ่ยพูดอีกครั้ง เพียงแต่ยังไม่ทันพูดจบ
ผู้เฒ่าชุดหรูหราคนนั้นตบโต๊ะฉาดใหญ่ และแผดเสียงขึ้นมา “เด็กเมื่อวานซืน ข้าถามเจ้าอยู่ไม่ได้ยินเช่นนั้นหรือ!”
โต๊ะที่อยู่ตรงหน้าเขาพังกลายเป็นเศษไม้ลอยกระเด็นในทันใด
“เจ้าหนุ่ม จะโอหังเกินไปแล้ว! หากให้เจ้าก่อกวนเช่นนี้ต่อไป ไม่ดีแน่!”
“ไม่ผิด ข้าว่า จับตัวเขาไว้ก่อน ให้เขาได้รู้สถานะของตัวเอง!”
ผู้เฒ่าสายตระกูลรองของเผ่าอสรพิษเหล่านั้นต่างก็รู้สึกว่าซูอี้ขัดหูขัดตามานานแล้ว จึงถือโอกาสเวลานี้หาเรื่องซูอี้
เย่จื่อซานกับเย่รั่วซีล้วนใจหาย
ไม่ว่าอย่างไร ซูอี้ก็เป็นแขกที่พวกเขาเชิญมา อีกทั้งยังช่วยพวกเขาพูดในเวลาเช่นนี้ด้วย พวกเขาจึงไม่อาจทนมองดูชายหนุ่มถูกรังแกได้
เพียงแต่ว่า ยังไม่ทันที่คนทั้งสองจะทำอะไรลงไป
ซูอี้ก็ขมวดคิ้วน้อย ๆ กล่าวน้ำเสียงราบเรียบขึ้นมาก่อนแล้ว “ก็ได้ ถ้าเช่นนั้นก็จัดการสองเรื่องนี้ก่อน”
เห็นว่าเขามองไม่เห็นหัวใคร จนกระทั่งเวลานี้แล้วก็ยังกล้าพูดจาอวดดีเช่นนี้อยู่อีก ผู้เฒ่าชุดหรูหราที่ตบโต๊ะเมื่อครู่นี้จึงอดทนต่อไปอีกไม่ไหว แล้วลงมือในทันใด
“สารเลว คุกเข่าต่อหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”
เขาคือเย่สิงจือ
ตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณขั้นสมบูรณ์พร้อมสายตระกูลรองของเผ่าปีศาจงู
ทว่าเวลานี้เอง เยว่สือพลันส่งเสียงถอนใจ “สหายเต๋าเห็นแก่หน้าข้าได้หรือไม่? อย่าได้หาเรื่องสหายน้อยผู้นี้เลย”
พอส่งเสียงออกมา ฝ่ามือที่เย่สิงจือซัดออกไปก็หายไปอย่างไร้สุ้มไร้เสียง
เย่สิงจือหรี่ตาลง
เยว่สือเบนสายตามองไปที่ซูอี้ แล้วกล่าวเสียงอ่อนโยน “สหายน้อย เจ้ามีจิตใจที่กล้าหาญเกินใคร ข้ารู้สึกละอายนัก แต่ผลีผลามเข้ามาข้องเกี่ยวด้วยในตอนนี้ มีแต่จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตเจ้า ฟังข้าสักคำ ถอยไปเสียเถอะ”
เย่จื่อซานกับสาวน้อยชุดดำต่างก็พยักหน้า
“เห็นแก่หน้าของสหายเต๋าเยว่ ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้กลับตัวกลับใจ”
เย่ตงเหอผู้ที่นั่งตำแหน่งประธานมองไปที่ซูอี้ด้วยสายตาเย็นชา กล่าว “แต่ว่า หากปล่อยไปโดยไม่เอาความเช่นนี้ จะกลับกลายเป็นว่าตระกูลของพวกเราไร้ความสามารถ เอาเช่นนี้แล้วกัน เจ้าจงมอบตราหยกประจำตระกูลของพวกข้าออกมา จากนั้นคุกเข่าหมอบกราบกล่าวขอโทษต่อข้า แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
พอเอ่ยเช่นนี้ออกมา เย่จื่อซานกับหญิงสาวต่างก็รู้สึกโดนสบประมาทอย่างแรง
เย่ตงเหอทำเช่นนี้ ต่อหน้าเป็นการสบประมาทซูอี้ แต่แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นการสบประมาทพวกเขาหรอกหรือ?
สายตาของชายหนุ่มเย็นชาขึ้นมา
จนถึงตอนนี้ ความอดทนที่มีเหลืออยู่น้อยนิดในใจเขาก็หมดลง
หรือกล่าวได้ว่า เขาเมื่อก่อนหน้านี้ ยังเห็นแก่เย่จื่อน้อย ไม่คิดจะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต
แต่ตอนนี้ เขาคร้านจะใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้อีกแล้ว
“ยังมัวตะลึงอะไรออยู่อีก คุกเข่าลง ขอโทษ!!”
เย่สิงจือร้องตวาดเสียงดัง “หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสสูงสุดที่สามเมตตา ด้วยการกระทำโอหังของเจ้าก่อนหน้านี้ ควรจะได้รับโทษประหารเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เลาะกระดูก…”
เขายังพูดไม่จบก็เห็นซูอี้ยกมือขึ้นกด
ปัง!
ผู้เฒ่าชุดหรูหราราวกับถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับ ร่างกระแทกกับพื้นอย่างแรง เลือดเนื้อกระดูกเอ็นในตัวราวกับกลายเป็นดินโคลน เลือดไหลย้อย ระเบิดตายในทันที
เพียงแค่ฝ่ามือเดียว ตบเย่สิงจือจนเละในขณะที่คนอื่น ๆ ไม่ทันระวังตัว!
ทุกอย่างเงียบกริบ
ทุกคนต่างก็ตะลึง ไม่อยากจะเชื่อ
ณ ตำหนักบรรพชนของเผ่าปีศาจงู ต่อหน้าผู้อาวุโสทุกคน แขกอย่างซูอี้ กลับฆ่าผู้เฒ่าของเผ่าปีศาจงูได้อย่างไม่เกรงใจ!
“คน ๆ นี้เสียสติไปแล้วหรือ…”
หวงหยวนซิวพึมพำ เขาก็ตะลึงมากเช่นกัน
แขกทั้งหลายอย่างเจียงอิ้งหลิ่วกับเยว่สือต่างก็นิ่งอึ้ง
ใช่แล้ว แม้กระทั่งพวกเขาก็ยังคาดไม่ถึงว่าซูอี้จะเด็ดขาดเพียงนี้ ชั่วขณะที่ลงมือฆ่าคน แม้แต่จะร้องห้ามก็ยังทำไม่ทัน
เย่จื่อซานกับเย่รั่วซีมือเท้าเย็นไปหมด ใจร่วงหล่นไปถึงตาตุ่ม
เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแล้ว วันนี้ซูอี้จะมีชีวิตรอดออกไปได้อย่างไร!?
“เมื่อสักครู่เป็นเพราะข้าเมตตาเกินไป ทำให้พวกเจ้าเข้าใจไปว่าสามารถขึ้นมาเหยียบจมูกได้”
ซูอี้ดีดนิ้ว ขณะกล่าวช้า ๆ ชัด ๆ “นับแต่ตอนนี้เป็นต้นไป คนที่ไม่กลัวตายก็ร้องท้าทายขึ้นมา ถือเสียว่า… ชำระล้างเผ่าปีศาจงูของพวกเจ้า!”
ท่ามกลางบรรยากาศอันสงัดเงียบราวกับป่าช้า คำพูดของซูอี้ดังก้องไม่หยุด คนทั้งหลายพากันตะลึงอีกครั้ง
ผู้อาวุโสสูงสุดที่สามกับผู้เฒ่าสายตระกูลรองของเผ่าปีศาจงูล้วนมีหน้าตาโกรธจัดจนดูแทบไม่ได้
เย่ตงเหอตบที่วางมือเก้าอี้อย่างแรง เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาดุดัน โหดเหี้ยมอำมหิต “ใครกล้าขอร้องแทนคนผู้นี้อีก มันผู้นั้นคือศัตรูของตระกูลข้า!”
เขากล่าวเช่นนี้เพื่อเตือนคนสายตระกูลหลักอย่างเย่จื่อซานกับสาวน้อยชุดดำ
จากนั้นเย่ตงเหอก็สะบัดมือ และกล่าวน้ำเสียงโหดเหี้ยม “ใครก็ได้ จับตัวคนผู้นี้ไปประหาร!!!”