บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 885: เพชฌฆาตเฒ่าบ้าดีเดือด
ตอนที่ 885: เพชฌฆาตเฒ่าบ้าดีเดือด
เย่ตงเหอสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ความระห่ำของเพชฌฆาตเฒ่าดุจดั่งคลื่นทะเลมหึมา จับจ้องมาที่เขาอย่างแม่นยำ
ชั่วขณะนั้น เขารู้สึกหนังหัวชา แสบเนื้อแสบตัว รู้สึกได้ถึงอันตรายรุนแรงถึงชีวิต
“ฟัน!”
เย่ตงเหอส่งเสียงแผดร้อง วิถีดาบสีเงินเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นราวกับมังกรหิมะผงาดฟ้า แฝงไว้ซึ่งกฎวิถีลึกล้ำอันยิ่งใหญ่ แหวกอากาศพุ่งกระหน่ำลงมา
ตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำแสดงฝีมือ อานุภาพเช่นนั้นจะน่ากลัวขนาดไหน?
ณ ที่แห่งนั้น ตัวตนที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตจักรพรรดิล้วนตกใจจนต้องถอยหนีมาหลบอยู่ใต้พลังค่ายกลของตำหนักบรรพชน
ส่วนผู้ที่อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิต่างขับเคลื่อนระดับวิถีของตนเอง เช่นนี้จึงสามารถต้านทานผลกระทบจากอานุภาพที่น่ากลัวเพียงนั้นได้
ทว่าเพชฌฆาตเฒ่ายืนสงบไม่หลบหลีก เขาสบถเสียงร้องฮึออกมา จากนั้นซัดฝ่ามือออกไป
โครม!!!
ดาบวิถีสีเงินส่งเสียงดังออกมา ก่อนจะถูกซัดกระเด็นออกไปไกล มันโซเซไปมากลางอากาศราวกับคนเมาสุรา เสียงระเบิดจนแก้วหูสะเทือนยังคงดึกกึกก้อง
เย่ตงเหอถึงกับสีหน้าเปลี่ยน
ไม่รอให้เขาได้เปลี่ยนกระบวนท่า ร่างของเพชฌฆาตเฒ่าก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับความบ้าดีเดือดสะท้านพิภพ
“คุกเข่าลง!”
เพชฌฆาตเฒ่าชูนิ้วขึ้น แสงสีเลือดอันน่าสะพรึงกลัวพลันระเบิดขึ้น
ราวกับองค์อสูรผู้ยิ่งใหญ่ควงดวงตะวันสีเลือดซัดลงมาอย่างแรง
เพลิงอันยิ่งใหญ่และรุนแรงเช่นนั้น ทำให้พวกเจียงอิ้งหลิ่ว หวงหยวนซิว และเยว่สือที่อยู่ห่างไกลออกไปถึงกับผวา
ในสายตาของพวกเขา ผู้เฒ่าคนนี้พรางตัวอยู่ในหอเสียงอวิ๋นมาเป็นเวลานาน ทว่าเวลานี้ได้แสดงความน่ากลัวออกมาราวกับองค์อสูรพิชิตโลกันตร์ ทุกอากัปกิริยานั้นหฤโหดและบ้าระห่ำอย่างหาที่สุดไม่ได้!
มีแต่ซูอี้คนเดียวเท่านั้นที่สงบใจได้!
เมื่อสามหมื่นปีก่อน เพชฌฆาตเฒ่าคือ ‘จักรพรรดิวิญญาณเชือดโลหิต’ ซึ่งเป็นหนึ่งใน ‘เจ็ดอสูรแห่งทะเลทุกข์’ ที่ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิในโลกหล้าล้วนหวาดกลัว!
ตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั่วไปไม่อาจเทียบเทียมได้
“เปิด!”
เย่ตงเหอตาเบิกโพลง และแผดเสียงคำรามยาว ๆ
ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ เขาแสดงวิชาลับสุดยอดวิชาหนึ่งออกมา ประกายแสงม่วงปะทุออกจากร่าง กฎวิถีลึกล้ำอันยิ่งใหญ่ประสานรวมกันเป็นนรกม่วง
ภายในคุกทรมาน โคมไฟดอกบัวอันเลือนรางส่องสว่างเพียงลำพัง สะท้อนเป็นเงาเทพผีในรูปลักษณ์อสรพิษ
การกักขังแห่งอสรพิษมืด!
เป็นมรดกสืบทอดของปีศาจเผ่างู ว่ากันว่าแปลงมาจากพลังพรสวรรค์ของ ‘มังกรคบเพลิง’ สัตว์เทพวิญญาณแท้ในอดีตกาล เมื่อแสดงฤทธิ์เดชออกมาสามารถกักขังมหาวิถี สยบจิตวิญญาณ ร้ายกาจไม่มีสิ่งใดเทียม
โคมไฟดอกบัวภายในคุกทรมานสีม่วงนั้นเป็นตัวแทนของ ‘เนตรแห่งมังกรคบเพลิง’!
หากไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าอันตรายกำลังคุกคามถึงแก่ชีวิต เย่ตงเหอก็ไม่มีทางใช้วิชานี้ เพราะว่าเคล็ดวิชาประสานเทพเช่นนี้ ทำให้สูญเสียพลังจิตวิญญาณไปมาก
อย่างรวดเร็ว
โครม!!!
เพชฌฆาตเฒ่าควงหมัดซัดกระแทกลงไป
ชั่วขณะนั้น ราวกับดวงตะวันสีเลือดกับนรกม่วงเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดคลื่นแห่งการทำลายล้างขึ้น
ตำหนักบรรพชนทั้งตำหนักสั่นสะเทือน
ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องประดับ โต๊ะเก้าอี้ ที่วางอยู่ในตำหนัก พากันแตกระบิด
แม้กระทั่งพลังสกัดกั้นที่ครอบคลุมไปทั่วตัวตำหนักก็ยังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง คนที่หลบเข้าไปอยู่ในค่ายกลสกัดกั้นเหล่านั้นถึงกับตื่นตระหนกจนสีหน้าเปลี่ยน สันหลังหนาววาบไหลผุดเต็มหลัง
ในสายตาของผู้ที่เป็นจักรพรรดิเหล่านั้น…
ดวงตะวันสีเลือดขยี้กดลงมาอย่างแรง นรกม่วงที่ขวางอยู่ตรงหน้าเย่ตงเหอค่อย ๆ ยุบตัวลงทีละน้อย จนท้ายที่สุด โคมไฟดอกบัวดวงนั้นกับเงาร่างงูที่สะท้อนออกมาไม่อาจต้านแรงกดทับที่มีอานุภาพรุนแรงเช่นนั้นได้อีก ก่อนจะแหลกเป็นผุยผง
ท่ามกลางสะเก็ดแสงที่สาดกระเด็น เย่ตงเหอผู้ไม่มีที่จะให้หลบหนีได้อีกก็ถูกกดติดกับพื้น
ปัง!
ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน หัวเข่าทั้งสองข้างของเขากระแทกกับพื้น เลือดทะลักออกจากปาก
ใบหน้าเฒ่าชราขาวซีดในฉับพลัน ดวงตาเบิกโพลง
ละอองฝุ่นและควันคละคลุ้ง ทั้งตำหนักอยู่ในสภาพย่ำแย่
บรรยากาศเงียบกริบราวกับป่าช้า!
ทุกคนเบิกตากว้าง อ้าปากตาค้าง จิตใจตื่นกลัว
ฝ่ามือเดียวก็สามารถสยบเย่ตงเหอผู้อยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นต้นได้!!!
เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
“ที่แท้แล้วคนผู้นี้เป็นใครกันแน่? เหตุใดจึงแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้?”
เยว่สือสีหน้าเปลี่ยน
เขาเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของตำหนักเทพอัคคีกระจ่าง และก็มีระดับการฝึกตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเช่นกัน เขาเคยผ่านการต่อสู้ใหญ่ ๆ มาไม่รู้เท่าใด ทว่าเหตุการณ์ตรงหน้านี้กลับทำให้เขาถึงกับตื่นตะลึง ยากนักจะสงบใจลงได้
เมื่อหันไปมองพวกของเจียงอิ้งหลิ่วกับหวงหยวนซิว คนทั้งสองเองก็สีหน้าเปลี่ยนเช่นกัน!
ในสายตาของพวกเขา เพชฌฆาตเฒ่าคนนี้ เปรียบได้กับมารกำราบโลกันตร์คนหนึ่งเลยทีเดียว พลังบ้าระห่ำที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้มากความสามารถระดับสุดยอดในวิถีอสูรมหาแดนดิน!
“ผู้อาวุโสท่านนั้น ที่แท้… ที่แท้เขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้….”
สาวน้อยชุดดำแอบรำพึงในใจ
เมื่อมองดูผู้เฒ่าของปีศาจงูเหล่านั้นอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสายตระกูลหลักหรือสายตระกูลรอง แต่ละคนล้วนตื่นตระหนกสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น
นี่เป็นถิ่นของพวกเขา เป็นสถานที่ต้องห้ามของตระกูล ถูกครอบคลุมด้วย ‘ค่ายกลหมื่นดาราสยบสวรรค์’!
ทว่าผู้อาวุโสสูงสุดที่สามยังคงพ่ายแพ้อยู่ดี
แพ้ในฝ่ามือเดียว!
ผลลัพธ์เช่นนี้ ช่างสยดสยองอย่างไม่ต้องสงสัย
“ถึงแม้ข้าจะไม่ได้บรรลุขอบเขตมาเป็นเวลากว่าสามหมื่นหกพันปีแล้ว และไม่เคยแสดงฝีมือจริงจัง แต่… ไม่ใช่คนที่ตาเฒ่าผมหงอกอย่างเจ้าจะสามารถต้านทานได้”
เพชฌฆาตเฒ่าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “หากไม่ใช่เพราะคุณชายกำชับเอาไว้ว่าให้จับเป็น เหตุใดข้าต้องเสียเวลาเช่นนี้ด้วย ฝ่ามือนี้ฝ่ามือเดียวก็สามารถบดขยี้เจ้าได้แล้ว”
ท่าทีดูแคลนเช่นนั้นทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ถึงกับสะเทือนขวัญ
เย่ตงหงที่คุกเข่ากับพื้นได้รับความอับอายจนอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด
เขาเป็นถึงผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าปีศาจงู ทว่าตอนนี้กลับถูกกดให้คุกเข่ากับพื้นภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน เช่นนี้ถือเป็นความอับอายอย่างรุนแรง!
“ท่านรังแกปีศาจงูของข้าเช่นนี้ จะเกินไปแล้วกระมัง!”
จู่ ๆ ผู้เฒ่าคนหนึ่งของเผ่าปีศาจงูก็ส่งเสียง
ดวงตาของเพชฌฆาตเฒ่าเกิดประกาย “ข้าจำเจ้าได้ ก่อนหน้านี้เคยพูดจาอวดดี สบประมาทคุณชาย ตอนนี้ยังกล้ามาพูดดีอีก เห่าดีเหลือเกิน คงอยากจะตายแล้วจริง ๆ!”
เสียงยังคงดังกึกก้อง จากนั้นเขาก็ซัดฝ่ามือไปในระยะไกล
ปัง!
ร่างของผู้เฒ่าคนนั้นก็ระเบิด ร่างแหลกละเอียด
การจู่โจมเช่นนี้ ทำให้ผู้เฒ่าสายตระกูลสาขาของเผ่าปีศาจงูเหล่านั้นถึงกับหน้าถอดสี ตื่นตระหนกใจ
“เอาล่ะ เป็นหนี้ก็ต้องชดใช้ ฆ่าพวกตัวกะจ้อยเหล่านั้นไปก็ไม่มีประโยชน์”
ซูอี้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เพชฌฆาตเฒ่าพยักหน้าและกล่าว “คุณชายว่าเช่นใดก็เช่นนั้นขอรับ”
ประโยคเดียว ทำให้ทุกคนในเหตุการณ์รู้สึกสับสนยิ่งนัก
เพชฌฆาตเฒ่าเป็นตัวตนที่น่ากลัวโหดระห่ำถึงขนาดไหน แต่ใครจะคาดเดาออกว่าเขากลับแสดงท่าทีเคารพนบนอบต่อคนหนุ่มขอบเขตวงล้อวิญญาณ?
และในขณะนี้เช่นกัน ในที่สุดเย่จื่อซานกับหญิงสาวก็ตระหนักเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วว่าความมั่นใจของซูอี้นั้นมาจากที่ใด!
เยว่สือรู้สึกสับสนอย่างแรง
ก่อนหน้านี้เขาทนเห็นซูอี้ถูกทำร้ายไม่ได้ จึงเกลี้ยกล่อมให้ซูอี้ก้มหัวยอมแพ้
ทว่าตอนนี้เขาจึงรู้แล้วว่าที่ตัวเองพูดไปในตอนนั้น… ช่างน่าขันเสียเหลือเกิน
“ตอนนี้ ถึงตาพวกเจ้าแล้ว”
ซูอี้พลันเบนสายตามองไปที่พวกเจียงอิ้งหลิ่วกับหวงหยวนซิว “ความปั่นป่วนภายในเผ่าปีศาจงูครั้งนี้ มีความเกี่ยวข้องกับพวกเจ้าอย่างแยกไม่ได้ ถึงเวลานี้แล้ว ลองบอกมาสิว่า พวกเจ้ามีจุดประสงค์อันใดกันแน่?”
สีหน้าของเจียงอิ้งหลิ่วสับสนขึ้นมา
สถานการณ์ดำเนินมาจนถึงขั้นนี้ นางก็รู้สึกได้ถึงอันตรายเช่นกัน
ประเด็นคือ เย่ตงเหอพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ แม้กระทั่งค่ายกลปกป้องของเผ่าปีศาจงูก็ยังกลายเป็นเพียงแค่ของประดับเวลาอยู่ต่อหน้าซูอี้กับเพชฌฆาตเฒ่า
ทั้งหมดนี้ ทำให้เจียงอิ้งหลิ่วรู้สึกเศร้าที่ ‘โอกาสดี ๆ ได้หลุดลอยไปแล้ว’
ใครกันจะคาดคิดว่าเรื่องที่เดิมทีมีแต่ผลพลอยได้ สุดท้ายกลับถูกคนหนุ่มชุดเขียวปั่นจนไม่เหลือ?
“ฮึ! วันนี้พวกข้าได้รับเชิญมาร่วมงงาน จะมีจุดประสงค์อันใดได้อีก? เจ้าหนุ่ม เจ้าพูดเช่นนี้เท่ากับใส่ความคนอื่นชัด ๆ!”
หวงหยวนซิวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ถึงเวลานี้แล้ว เขายังสงบจิตใจ ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
เพราะเบื้องหลังของเขามีหอดาบฟ้าดินคอยหนุนหลัง สูงขึ้นไปยังมีพันธมิตรเสวียนจวิน!
“ใส่ความเช่นนั้นหรือ?”
ซูอี้หัวเราะขึ้นมา จากนั้นกล่าวกับเพชฌฆาตเฒ่า “ยกให้เจ้า คนนี้… ไม่ต้องจับเป็น”
“ขอรับ”
เพชฌฆาตเฒ่ารับคำอย่างรวดเร็ว แค่จัดการกับตัวตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นปลายเท่านั้น ไม่อยู่ในสายตาเขาอยู่แล้ว
หวงหยวนซิวสะดุ้ง กล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ทำเช่นนี้เจ้ารู้ถึงผลที่จะตามมาหรือไม่!?”
ครืน!
เพชฌฆาตเฒ่าคร้านจะสนใจ ซัดฝ่ามืออกไปตรง ๆ
หวงหยวนซิวสีหน้าเปลี่ยนในทันที
ตบจนกะโหลกร้าวก็ยังคิดไม่ถึงว่าในโลกนี้ยังมีคนกล้ามองข้ามหอดาบฟ้าดินกับพันธมิตรเสวียนจวิน!
แต่ที่น่าเสียดายก็คือถึงแม้เขาจะเข้าใจในจุดนี้แล้ว ทว่าทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว
เจอฝ่ามือเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าหวงหยวนซิวผู้มีระดับการฝึกในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นปลายนั้นกระจ้อยร่อยเพียงใด เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น ร่างก็แตกกระจุยไม่เป็นรูปเป็นร่างอีก
นี่คือความเหนือชั้นของขอบเขตระดับการฝึกและความสามารถ!
อย่างไรเสีย ระหว่างขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลางกับรู้แจ้งลึกล้ำขั้นปลายก็มีความแตกต่างกันมาก
แม้แต่เย่ตงเหอผู้อยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นต้นก็ยังถูกกดให้คุกเข่าในฝ่ามือเดียว นับประสาอะไรกับหวงหยวนซินเล่า?
ซ่าาา!!!
ละอองเลือดสาดกระเซ็น
ตำหนักใหญ่สงบเงียบ ทุก ๆ คนถึงกับตาค้าง ตัวหนาววาบ
ผู้อาวุโสคนหนึ่งของหอดาบฟ้าดินถูกฆ่าไปง่าย ๆ เช่นนี้ ทุกคนจึงตระหนักได้ว่าในเวลานี้ ภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่กับฐานะอันสูงส่งอะไรเหล่านั้นล้วนเป็นเพียงแค่สิ่งภายนอกเท่านั้นเวลาที่อยู่ต่อหน้าซูอี้กับเพชฌฆาตเฒ่า!
หรือกล่าวได้อีกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหอดาบฟ้าดิน หรือพันธมิตรเสวียนจวิน ล้วนไม่อาจสร้างความหวาดกลัวอันใดขึ้นมาได้!
เย่ตงเหอที่ถูกบังคับให้คุกเข่ากับพื้นก็ตกใจกับเหตุการณ์เช่นกัน หน้าของเขาซีดเป็นไก่ต้ม
เดิมที เขายังตั้งความหวังไว้ว่ามีเจียงอิ้งหลิ่วกับหวงหยวนซิวช่วยออกหน้าแทน จะสามารถช่วยเขาพลิกสถานการณ์ให้กลับมาได้
ทว่าตอนนี้ หวงหยวนซิวก็ถูกฆ่าไปแล้ว ในใจของเย่ตงเหอจึงเหลือแต่เพียงความสิ้นหวังและไร้ที่พึ่งเท่านั้น
และในชั่วขณะนี้เช่นกัน ใบหน้างดงามของเจียงอิ้งหลิ่วถึงกับขาวซีด จิตใจกระเจิดกระเจิง
นางก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้เช่นกัน
เมื่อก่อนหน้านี้ ถึงแม้นางจะมีระดับการฝึกเพียงแค่ขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลางเท่านั้น แต่อาศัยฐานะที่เป็นศิษย์ของผีหมัว ไม่ว่าเดินไปทางไหนล้วนได้รับการเคารพยกย่อง แม้กระทั่งขุมกำลังระดับสุดยอดในภูมิมืดมิดก็ยังต้องแสดงความยำเกรงต่อนาง
ด้วยเหตุนี้เอง นางจึงมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ และไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด
แต่แล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าซูอี้กับเพชฌฆาตเฒ่า ภูมิหลังและฐานะที่นางเคยใช้มาเหล่านั้นกลับไม่มีประโยชน์เลยสักนิด!
“ตอนนี้ จะบอกจุดประสงค์ของเจ้าได้หรือยัง?”
ซูอี้เบนสายตามองไปที่เจียงอิ้งหลิ่ว
แรกสุดตอนที่มาถึงตำหนักบรรพชน สีหน้าแววตาของซูอี้มีความราบเรียบมาก ถึงแม้จะมีคนจำนวนไม่น้อยดูแคลน ก็ยังคงราบเรียบดังเดิม
ทว่าตอนนี้ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป สีหน้าแววตาของเขาก็ยังคงสงบราบเรียบดังเดิม ไม่มีความหยิ่งผยอง ไม่ร้อนอกร้อนใจ ยังคงเหมือนเดิมดังที่เคยเป็น
เพียงแต่ว่าเวลานี้ ทุกคนในตำหนักไม่มีใครกล้าดูแคลนสบประมาทคนหนุ่มขอบเขตวงล้อวิญญาณคนนี้อีกแล้ว!
เจียงอิ้งหลิ่วสูดหายใจลึก ๆ หนหนึ่ง และมองไปที่ซูอี้อย่างรวดเร็ว “ทุกคนในถ้ำเสวียนจวินไม่ใช่คนที่รักตัวกลัวตาย ในอดีตไม่เคยมี ตอนนี้และในอนาคตก็จะไม่มีเช่นกัน!”
ซูอี้ตะลึง หัวใจสั่นสะท้านขึ้นมา
เสียงของเจียงอิ้งหลิ่วยังคงดังกึกก้อง ทว่าร่างบอบบางของนางพลันหายไป เพียงแค่ชั่วครู่เดียวก็พุ่งตรงมาที่ซูอี้
ระหว่างนางกับซูอี้อยู่ห่างกันเพียงสิบจั้งเท่านั้น มั่นใจมากว่าจะสามารถจับเขาไว้ได้!