บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 889: สดับลำนำแห่งดาบนี้
ตอนที่ 889: สดับลำนำแห่งดาบนี้
พี่เขย?
เมื่อได้ยินคำเรียกของเย่ซุ่น แววตาของเพชฌฆาตเฒ่าก็ดูพิกล
ซูอี้ชาชินแล้ว เขาลุกจากเก้าอี้หวายและกล่าวขึ้น “มันยังไม่สายไป ไปวิหารบรรพชนแดนต้องห้ามของเผ่าปีศาจงูกันเถอะ”
เย่ซุ่นรีบกล่าวว่า “พี่เขย หลานชายข้าชิงเหออยากเจอท่านนะ”
ซูอี้ถามอย่างตกใจ “เพราะเหตุใด?”
เย่ซุ่นกล่าวอย่างรู้สึกผิด “ก่อนหน้านี้ยามคุยกับเขา ข้าเอ่ยชมพี่เขยไป ดูเหมือนว่า… เขาจะมองทะลุตัวตนของท่านแล้ว…”
มุมปากของซูอี้กระตุกไปชั่วขณะ
เขารู้อยู่แล้วว่าด้วยนิสัยของเย่ซุ่น อีกฝ่ายย่อมไม่อาจคุมปากตนเองได้เลย
“เขาอยู่หนใด?”
“พี่เขยรอสักครู่”
เย่ซุ่นกล่าวพลางบีบยันต์ลับชิ้นหนึ่ง
ไม่นานนัก เย่ชิงเหอผู้สวมมงกุฎเหล็กและสะพายดาบวิถีก็รีบร้อนมาหา
ทันทีที่ผู้อาวุโสสูงสุดที่สองแห่งเผ่าปีศาจงูเข้ามาในโถง สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง เขาก้าวเข้ามาโค้งคำนับอย่างนอบน้อมต่อซูอี้ทันที
“ผู้น้อยเย่ชิงเหอคารวะผู้อาวุโสซู ยามอยู่ในตำหนักบรรพชน หากข้าล่วงเกินท่าน ก็หวังให้ผู้อาวุโสอภัยแก่ข้าด้วย!”
การวางตนของเขานอบน้อมอย่างยิ่ง
การที่เย่ชิงเหอทำเช่นนี้ เพราะเมื่อก่อน ยามที่ซูอี้มายังภูมิมืดมิด เขาก็เคยดูแลเผ่าปีศาจงูมาตลอด
แน่นอนว่าสาเหตุนั้นมาจากเย่น้อย
และมันก็ทำให้เผ่าปีศาจงูติดอันดับ ‘เก้าเผ่าราชันย์แห่งภูมิมืดมิด’ อย่างเหนียวแน่นด้วย
กระทั่งค่ายกลบนยอดเขาแท่นบัวยังเคยถูกซูอี้แปรสภาพมาก่อน!
คงจะไม่ใช่เรื่องเกินจริง หากจะบอกว่าในสายตาผู้อาวุโสในเผ่าปีศาจงู ปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินนั้นไม่ต่างจากเทพเจ้าผู้ซึ่งพวกตนเคารพบูชาอย่างสูง
“เขาบอกเจ้าหรือ?”
ซูอี้ถูหว่างคิ้ว
เย่ชิงเหอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกระซิบว่า “ตอบผู้อาวุโสโดยไม่ปิดบัง ก่อนจะถามท่านอาเย่ซุ่น ผู้น้อยมีข้อสงสัยอยู่ก่อนแล้วขอรับ”
ซูอี้กล่าวอย่างสนอกสนใจ “โอ้ ไหนว่ามาสิ”
เย่ชิงเหอกระแอมให้คอโล่ง และกล่าวว่า “เนิ่นนานมาแล้ว ผู้อาวุโสเคยกล่าวว่า ‘ค่ายกลหมื่นดาราล้างสรวง’ ที่ท่านแปรสภาพนั้นเพียงพอแล้วที่จะเป็นภัยต่อยอดฝีมือในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำได้ และยากจะมีผู้ใดทำลายค่ายกลนี้”
“ทว่าวันนี้เมื่อท่านอยู่ในโถงบรรพชน ท่านกลับโบกมือสลายพลังของค่ายกลนี้ได้โดยง่าย นี่คือเรื่องพิลึกเรื่องแรก”
กล่าวถึงตรงนี้ เย่ชิงเหอก็หันมองเพชฌฆาตเฒ่าซึ่งอยู่ไม่ไกล “ประการที่สอง ในเผ่าปีศาจงู น้อยคนนักจะรู้ถึงตัวตนของผู้อาวุโสซาง และเหตุที่เขาพิทักษ์เมืองเทียนหยา เมื่อข้าเห็นผู้อาวุโสผู้นี้ปรากฏตัว ข้าก็สงสัยในใจแล้วขอรับ”
ครู่ต่อมา เขาก็กล่าวต่อ “ประการที่สามเกี่ยวข้องกับท่านอาเย่ซุ่น ในเผ่าปีศาจงูของเรา ทุกคนต่างรู้ดีว่าในโลกหล้าทุกวันนี้ มีเพียงผู้เดียวที่ทำให้ท่านอาเย่ซุ่นเอ่ยชมและนอบน้อมให้เกียรติ ซึ่งก็คือท่านขอรับ ผู้อาวุโส”
ท้ายที่สุด เย่ชิงเหอก็กล่าวอย่างตื่นเต้นยินดี “ปรากฏว่าการคาดเดาของผู้น้อยไม่ผิดพลาด”
ซูอี้ฟังและถามว่า “นอกจากเจ้า ยังมีผู้ใดรู้อีกหรือไม่?”
เย่ชิงเหอส่ายหน้าตอบ “ไม่มีแล้วขอรับ”
ซูอี้พยักหน้า “ข้าไม่กังวลเรื่องการเผยตัวตน แต่ข้าไม่ต้องการให้เผ่าปีศาจงูของเจ้าเข้ามาพัวพันกับปัญหาที่ไม่จำเป็นเพราะการปรากฏตัวของข้า”
เย่ชิงเหอกล่าวอย่างจริงจัง “ผู้อาวุโสขอรับ ไม่ว่าจะต้องผจญกับอันใด เผ่าปีศาจงูของข้าไม่กลัวหรอกขอรับ! ทว่าเรื่องตัวตนของท่าน ผู้น้อยผู้นี้จะเก็บความลับให้ท่านเองขอรับ!”
ซูอี้ส่งเสียงรับในลำคอ และไม่กล่าวอันใดอีก
เย่ชิงเหอกล่าวอย่างฉลาดเฉลียว “ผู้อาวุโส ข้าพาท่านไปยัง ‘วิหารบรรพชนแดนต้องห้าม’ ดีไหมขอรับ?”
เย่ซุ่นเลิกคิ้วกล่าว “เจ้าเด็กนี่อยู่เป็นจริง ๆ! เป็นถึงจักรพรรดิในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำแต่ยังเรียนรู้ที่จะประจบ เจ้าคิดการอื่นใดหรือไม่?”
เย่ชิงเหอกล่าวอย่างเคอะเขินเล็กน้อย “ท่านอา ข้าก็แค่ช่วยเหลือผู้อาวุโสซู ไม่มีเจตนาอื่นใดขอรับ”
เพชฌฆาตเฒ่ากล่าวอย่างเย็นชา “เขาติดคอขวดไม่อาจขยับเคลื่อนจากขั้นต้นขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ ถึงขั้นตอนการสร้าง ‘แท่นเต๋ารู้แจ้งลึกล้ำ’ แล้ว ทว่าหากไม่อาจไปต่อ วิถีเต๋าของเขาจะถูกกฎเต๋าวิถีลึกล้ำ ‘ประตูเป็นตายลึกล้ำ’ ของตนกัดกร่อนเสียเอง”
เย่ซุ่นพลันกล่าว “มิน่าเล่า เจ้าจึงอยากพบเขาเสียให้ได้ ที่แท้เจ้าก็อยากฉวยโอกาสขอคำแนะนำจากพี่เขยข้าว่าจะปลดวิกฤตนี้เช่นไร!”
เย่ชิงเหอพลันดูกระมิดกระเมี้ยนเล็กน้อย
ย่อมเป็นเรื่องน่าอายเมื่อความลับในใจถูกเผยออกมาเช่นนี้
ซูอี้กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ การผ่านประตูเป็นตายลึกล้ำจะให้คนนอกเข้ามาช่วยไม่ได้ เจ้าต้องพึ่งความมานะและความกล้าของตนในการหล่อหลอมกฎเต๋าของเจ้าขึ้นเอง”
หลังชะงักไปเล็กน้อย เขาก็กล่าวว่า “ทว่า หลังกลับจากวิหารบรรพชนแดนต้องห้ามของเผ่าปีศาจงู ข้าพอจะถ่ายทอดประสบการณ์ให้เจ้าได้บ้าง และบางทีอาจช่วยเจ้าได้”
ร่างของเย่ชิงเหอสั่นด้วยความปีติ จากนั้นเขาก็คำนับพลางกล่าว “ขอบคุณผู้อาวุโส!”
เขาเข้าสู่ขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำมานานกว่าหมื่นปีแล้ว แต่เพื่อสำรวจเจ้าประตูเป็นตายลึกล้ำ เขาจึงเก็บตัวอยู่สามพันปี ทว่ากลับไม่อาจขยับเคลื่อนได้จนวันนี้
สำหรับเขา คำตอบของซูอี้เป็นดั่งฝนในฤดูแล้ง ไม่ต่างอันใดกับลาภอันประเสริฐ!
เพชฌฆาตเฒ่าลอบถอนใจ ในโลกหล้าทุกวันนี้ มีเพียงสัตว์ประหลาดเฒ่าซูเท่านั้นที่จะสามารถทำเยี่ยงนี้ได้
ทุกคนในโลกายกย่องเขาเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน
ทว่าในโลกหล้าใต้นภานี้ เขายังมีอีกสมญา นั่นคือปรมาจารย์หมื่นวิถี!
หากเป็นผู้อื่น จะมีคุณสมบัติใดมาสอนสั่งนำทางให้ยอดฝีมือในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำบ้าง?
“ไปกันเถิด”
ซูอี้เดินออกไปนอกโถงหลัก
…
ใต้ยอดเขาแท่นบัวลึกลงพื้นไปสามพันจั้งมีถ้ำเร้นลับแห่งหนึ่งอยู่
นี่คือ ‘วิหารบรรพชนแดนต้องห้าม’ ของเผ่าปีศาจงู!
ลือกันว่าโลกเร้นลับนี้ถูกเปิดขึ้นโดยบรรพชนเผ่าปีศาจงู และมีความลับใหญ่อันเกี่ยวกับที่มาของเผ่าปีศาจงูอยู่ข้างใน
กระทั่งสมบัติสูงสุดของเผ่าปีศาจงูอย่าง ‘โคมสงบวิญญาณเทียนหยา’ ยังซ่อนอยู่ที่นี่!
จากวาจาของเย่ชิงเหอ ยามที่เย่อวี๋เดินทางสู่เมืองมืดเมื่อหลายร้อยปีก่อน นางได้ซ่อนดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ไว้ในวิหารบรรพชนแดนต้องห้ามนี้
ในอดีตชาติ ซูอี้เคยเข้ามาในโลกเร้นลับนี้ภายใต้การนำของเย่น้อย
ท้องฟ้าของโลกเร้นลับนี้มืดมิด ผืนดินกว้างไพศาล รอบข้างให้บรรยากาศเวิ้งว้างโบราณ
กุญแจเปิดโลกเร้นลับนี้อยู่ในลัญจกรหยกบรรพชนทั้งสี่
ทว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับซูอี้อีกต่อไป
ระหว่างโลกกว้างนี้มีคลื่นมิติสั่นกระเพื่อม
ร่างของซูอี้และคณะของเขาปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ
“นี่คือวิหารบรรพชนแดนต้องห้ามของเผ่าปีศาจงูหรือ? ไม่ธรรมดาจริง ๆ บรรยากาศของโลกนี้โบราณยิ่ง”
เพชฌฆาตเฒ่าทึ่ง
ครานี้ เขาเองก็ได้รับอานิสงส์จากซูอี้และได้โอกาสมายังโลกเร้นลับอันเป็นของเผ่าปีศาจงูนี้ด้วย
ซูอี้กล่าว “ครานี้ ข้าจะใช้พลังของโคมสงบวิญญาณเทียนหยาช่วยเจ้าไล่เงาในหัวใจวิถีเจ้าเสีย”
เพชฌฆาตเฒ่าตะลึง และกล่าวอย่างตื่นเต้น “สัตว์ประหลาดเฒ่าซู จริงหรือ?”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้ามีอันใดให้ข้าต้องหลอกด้วย?”
เพชฌฆาตเฒ่าอับอายในทันที
เคร้ง!
ทันใดนั้น เสียงครวญดาบพลันสะท้านก้องขึ้นในโลกเร้นลับอันมืดมิดกว้างใหญ่นี้
เสียงดาบครวญนี้สอดประสานกับมหาวิถี อำนาจของมันรุนแรงเสียจนทำให้ทั้งใจและวิญญาณสะท้านไหว
เพชฌฆาตเฒ่า เย่ชิงเหอ และเย่ซุ่นต่างร่างชะงักทื่อ หัวใจสั่นระริก
มันเป็นเพียงแว่วเสียงดาบครวญ พวกเขาไม่อาจมองเห็นหรือสัมผัส ทว่ากลับทำให้ทั้งสามหนาวสะท้านถึงกระดูก!
และดวงตาของซูอี้ก็เลื่อนลอย
หลังจากผ่านไปหลายหมื่นปี ดาบนี้กลับสามารถจดจำร่างเวียนวัฏสงสารของเขาได้ในทันที…
ทว่าทันใดนั้น ปราณอันน่าหวาดหวั่นก็ปกคลุมไปทั่วโลกา หยุดเสียงครวญดาบนั้นไว้
จากนั้นทั่วโลกเร้นลับก็กลับสู่ความมืดอีกครั้ง!
ซูอี้หรี่ตาลง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จิตวิญญาณของโคมสงบวิญญาณเทียนหยายังคงตื่นตัวระแวงเช่นเคย”
“ไป ไปภูเขาสงบแสงเทียนกันเถอะ”
กล่าวจบ เขาก็ก้าวเดินไปไกล
ส่วนคนอื่นก็ตามไปติด ๆ
ไม่นานนัก พวกเขาก็เห็นเทือกเขาที่ทอดตัวยาวอยู่ไกล ๆ มองปราดแรกมันดูราวร่างมังกรทอดยาวคั่นฟ้าดิน
หมอกหนาเย็นเฉียบปกคลุมเทือกเขา เพิ่มความรู้สึกลึกลับ
อันที่จริงแล้ว เทือกเขานี้ก็แปรสภาพมาจากมังกรจริง ๆ!
มังกรตนนั้นเกิดขึ้นยามกำเนิดฮุ่นตุ้น*[1] ท่ามกลางความมืดมิด แก่นแห่งเพลิงเวหาอยู่ในปาก ดวงตามองทะลุทศทิศ
ยามเมื่อหลับตา ความมืดก็จะปกคลุมทั่วโลกหล้าดุจรัตติกาลนิรันดร์
สิ่งนี้เรียกว่ามังกรคบเพลิง!
จิตวิญญาณต้นกำเนิดอันหาได้ยากยิ่ง!
ในขณะเดียวกัน มันก็นับได้ว่าเป็นบรรพชนของเผ่าปีศาจงู เหมือนเช่นเคล็ดวิชาสูงสุดของเผ่าปีศาจงู อสรพิษมืดต้องห้ามก็ถูกยกมาจากพลังแรกกำเนิดของมังกรคบเพลิง
“บนเขานั่นมีพลังแห่งกฎเต๋าบรรพกาลอยู่!”
เพชฌฆาตเฒ่ากล่าวอย่างแปลกใจ “นี่ไม่ต่างจาก ‘หุบเขาวิถีต้นกำเนิด’ ในคำร่ำลือเลย”
เย่ซุ่นยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “เทือกเขานี้แปรสภาพมาจากร่างที่บรรพชนเผ่าเราทิ้งไว้ มันย่อมมีกฎเต๋า ‘กฎสงบแสงเทียน’ หลงเหลืออยู่ และกล่าวได้ว่าเป็นหุบเขาวิถีต้นกำเนิดได้จริง ๆ”
เสียงของเขาเจือความภาคภูมิ
ระหว่างสนทนา กลุ่มของพวกเขาได้มาถึงตีนเขาสงบแสงเทียนแล้ว
หากมองจากตีนเขา ภูเขาโบราณสูงตระหง่านนี้ก็คือตำแหน่ง ‘เศียรมังกร’ พอดิบพอดี
เมื่อขึ้นเขาไปได้ครึ่งทาง ก็พบถ้ำยักษ์อันมีรูปร่างคล้ายปากมังกร
ภูเขาสงบแสงเทียนนี้ปกคลุมด้วยอำนาจลี้ลับแห่งความมืด วิถีเต๋าดุจรัตติกาล จึงไม่อาจเห็นทิวทัศน์บนเขาได้เลย
มีเพียงบนถ้ำที่เว้าเข้าไปยามขึ้นเขาได้ครึ่งทางเท่านั้นที่ปรากฏแสงนวลสว่างไสว
ซูอี้มองปราดแรกก็รู้ว่านั่นคือสมบัติสูงสุดของเผ่าปีศาจงู ‘โคมสงบวิญญาณเทียนหยา’!
มังกรคบเพลิงที่ว่าเกิดขึ้นท่ามกลางความมืดมิด คาบแก่นแห่งเพลิงเวหาอยู่ในปาก
เขาลูกนี้แปลงสภาพมาจากร่างมังกรคบเพลิง ส่วน ‘โคมสงบวิญญาณเทียนหยา’ ที่ถ้ำนั้นสร้างขึ้นจาก ‘แก่นเพลิงเวหา’ ซึ่งเคยอยู่ในปากมังกรคบเพลิง!
เคร้ง!
เสียงครวญดาบอันคุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง
แสงบนภูเขาสงบแสงเทียนเจิดจ้ากระเพื่อมไหวราวกับพยายามกลบอำนาจของเสียงดาบครวญนั้น
ในขณะที่หัวใจของคนทุกผู้สั่นเทิ้ม พวกเขาก็สังเกตเห็นทันทีว่าเสียงครวญดาบมาจากถ้ำซึ่งอยู่ครึ่งทางขึ้นเขา!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ที่ซูอี้ฝากเย่น้อยเก็บไว้ ถูกเย่น้อยซ่อนไว้ข้าง ๆ โคมสงบวิญญาณเทียนหยา
[1] ฮุ่นตุ้น : ยามแรกกำเนิดของโลก