บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 915: จักรพรรดิกระดูกขาว
ตอนที่ 915: จักรพรรดิกระดูกขาว
เมื่อรู้ที่มาอันแท้จริงของศิลาหลุมศพ โยวเสวี่ยก็อดสะเทือนใจไม่ได้
มันเป็นศิลาหลุมศพ แต่หลอมรวมกระดูกชะตาแห่งตี้ทิง วัตถุศักดิ์สิทธิ์ปฐมสวรรค์แท่นส่องกรรมซึ่งเกิดขึ้น ณ สระเกิดใหม่ และได้รับสลัก ‘คัมภีร์เวียนว่ายหกวิถี’ โดยมหาเทพมืดมิด
ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันสามารถผนึกเมืองมรณะมาได้แต่โบราณ!
“ผู้ใด?”
ทันใดนั้น เสียงอันฟังดูเหมือนอาวุธกระทบกันก็ดังมาจากในถ้ำ
เป็นเพียงวาจาไม่กี่คำ แต่กลับเหมือนเสียงครวญดาบยิ่งนัก
โยวเสวี่ยตะลึงในใจ จากนั้นนางก็ทิ้งความคิดไร้สาระไปสิ้น
และครานี้เองที่นางและซูอี้ลงมาถึงก้นถ้ำ
มันเป็นโพรงใต้ดินขนาดใหญ่ซึ่งมีหมอกหนาสีดำจากพลังแห่งกฎกร่อนหยินกระจัดกระจายตามที่ต่าง ๆ
มองปราดแรก มันดูราวกับมังกรดำกำลังอาศัยอยู่ในนั้น
ไม่ไกลนักตรงนั้นมีแท่นสำริดแห่งหนึ่งตั้งอยู่
และมีโครงกระดูกนั่งขัดสมาธิอยู่บนนั้น
โครงกระดูกนั้นเป็นสีขาวโพลนดุจหิมะ กระจ่างไร้ตำหนิ เบ้าตาลึกโบ๋มีเพลิงสีทองเต้นระริกอยู่ภายใน และสวมชุดเกราะอันเต็มไปด้วยรอยดาบฟาดฟัน
มันนั่งอยู่เพียงลำพัง พลังกฎเกณฑ์กร่อนหยินล่องลอยระหว่างซี่กระดูกของเขาดุจอสรพิษ ให้บรรยากาศแปลกประหลาดและคุกคาม
วูบ!
เมื่อซูอี้และโยวเสวี่ยปรากฏตัว โครงกระดูกตนนั้นพลันเงยหน้าขึ้น ดวงตาของมันราวกับตะเกียงทองเรืองแสงทิพย์เจิดจ้าราวคมดาบทะลวงสุญญะ
อำนาจร้ายกาจน่าหวาดหวั่นแผ่ออกมาจากโครงกระดูกสีขาว
โพรงใต้ดินนี้โคลงไหวไปมา และพลังกฎกร่อนหยินก็เดือดพล่านหมุนเวียนวน
พลังของโครงกระดูกนี้แข็งแกร่งเสียจนนางสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามรุนแรง!
“คัมภีร์แห่งตี้ทิงรึ!?”
โครงกระดูกสีขาวแปลกใจขึ้นมากะทันหัน แสงสีทองในดวงตาทั้งสองมองไปที่หนังสือสำริดในมือซูอี้ “มิน่าเล่า เจ้าที่อยู่เพียงขอบเขตวงล้อวิญญาณจึงรอดมาถึงที่นี่ได้ หรือเจ้าจะเป็นผู้คุมรัตติกาลรุ่นปัจจุบันกันล่ะ?”
เสียงกระบี่ครวญดังกังวานใสจากตัวโครงกระดูกสีขาวซึ่งนั่งอยู่บนแท่นสำริด
ดวงตาของซูอี้แปลกประหลาดเล็กน้อยและไม่ได้ตอบ เขากล่าวกับตนเอง “ดูเหมือนเจ้ากาน้อยจะไม่เคยมาหาเจ้าเลย หาไม่ เจ้าคงเดาได้ว่าข้าคือผู้ใด”
โครงกระดูกสีขาวแค่นเสียงหึและกล่าวว่า “อย่างนั้นหรือ ข้าล่ะอยากรู้นักว่าเจ้าหนูนี่วิเศษวิโสมาจากหนใด”
เสียงของเขาเจือความดูแคลน
ช่างน่าขันนัก เป็นเพียงผู้ต่ำต้อยในขอบเขตวงล้อวิญญาณ ยังกล้ามาอวดเก่งต่อหน้าเขาอีกหรือ?
“สหายเต๋า นี่คือจักรพรรดิกระดูกขาวที่เจ้าว่าหรือ?”
โยวเสวี่ยอดกล่าวไม่ได้
“ถูกต้อง นี่แหละเขา”
ซูอี้พยักหน้า “ตลอดกาลนานมา มีจักรพรรดินับไม่ถ้วนถูกฝังอยู่ในหุบเขาเทพร่วงโรยนี้ แต่คนผู้นี้เป็นข้อยกเว้น ที่แม้ร่างกายของเขาจะแหลกสลาย แต่วิถีเต๋าของเขาและวิญญาณกลับหลอมเข้าสู่กระดูก
“ผู้ฝึกฝนกายเนื้อมักใช้ร่างกายพิสูจน์เต๋า ทว่ากระดูกเฒ่าผู้นี้มีวิธีการพิเศษเฉพาะ เขาสลักลวดลายวิถีลับไว้บนกระดูกตน และใช้มันเพื่อพิสูจน์เต๋าอย่างหาได้ยาก”
“และเพราะเหตุนี้เอง เขาจึงอยู่รอดมาได้อย่างถึกทนภายใต้การกัดกร่อนของพลังกฎเกณฑ์กร่อนหยินมาได้นับปีไม่ถ้วน”
จักรพรรดิกระดูกขาวบนแท่นสำริดดูแปลกใจ “บรรพชนในเชื้อสายผู้คุมรัตติกาลบอกเจ้ามาหรือ?”
ซูอี้เมินเขา และกล่าวกับโยวเสวี่ยว่า “ภายหลัง ข้าจะสอนมนตร์ลับเพื่อปลดผนึกนี้ เจ้าจะปราบเจ้ากระดูกเฒ่านี่ และข้าจะผนึกเขาไว้ในคัมภีร์แห่งตี้ทิง”
“ได้”
โยวเสวี่ยพยักหน้า
จักรพรรดิกระดูกขาวไม่อาจอยู่เฉยได้แน่แท้ “ช้าก่อน! พวกเจ้ามาเพื่อขังข้าผู้นี้ไว้ในคัมภีร์แห่งตี้ทิงหรือ?”
ซูอี้พยักหน้า “ใช่ แต่อย่าห่วงเลย ข้าจะให้โอกาสเจ้ารอดชีวิตหลังจบเรื่อง”
จักรพรรดิกระดูกขาวตะลึงอึ้ง และครู่ต่อมาก็อดหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่ได้ “ได้สิ หลังจากข้าผู้นี้ถูกขังที่นี่มา 36,199 ปี ข้าก็อดใจรอออกไปจากที่นี่แทบไม่ได้แล้ว! หากเจ้าช่วยทำลายผนึกที่สัตว์ประหลาดเฒ่าซูทิ้งไว้นี่ได้ ข้ารับประกันว่าจะไม่ฆ่าเจ้า!”
กล่าวถึงจุดนี้ เสียงหัวเราะของเขาก็เลือนหาย ดวงตาเย็นชาน่ากลัว “แต่หากเจ้าล้มเหลว ข้าผู้นี้ก็ประกันเช่นกันว่าเจ้าตายที่นี่แน่!!”
ซูอี้แค่นเสียงหึ
ดวงตาของโยวเสวี่ยดูพิกล เม้มปากสีกุหลาบของนางเล็กน้อยเพื่อฝืนกลั้นรอยยิ้ม
ปฏิกิริยาของทั้งสองทำให้จักรพรรดิกระดูกขาวแปลกใจ และตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งผิดแปลก
หลังคิดสักครู่ เขาก็กล่าวว่า “อย่าหาว่าข้าเตือนเชียว แท่นสำริดใต้ร่างข้านั้นคือผนึกของสัตว์ประหลาดเฒ่าซู เอ่อ… หมายถึงปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินผู้สยบสวรรค์ดั้นเมฆานั่นแหละ เกียรติยศของเขาสูงส่งเพียงไร ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องเคยได้ยินมาเป็นแน่”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ จักรพรรดิกระดูกขาวก็รำพึงว่า “กล่าวตามตรง แม้ข้าจะถูกขังที่นี่มาแสนนาน แต่ในใจข้าก็ไร้ความเสียใจ สัตว์ประหลาดเฒ่าซูผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป ไม่ว่าเจ้าจะมาทำอันใดที่นี่ ขอเพียงเจ้าช่วยข้าปลดผนึกนี้ ข้าก็จะซาบซึ้งและจะตอบแทนเจ้าแน่นอน”
หลังฟังจบ ซูอี้ก็กล่าวว่า “พูดจบแล้วหรือ?”
จักรพรรดิกระดูกขาวรู้สึกไม่สบายใจนัก เจ้าเด็กนี่ได้ฟังหรือไม่ ไฉนจึงโอหังนัก!?
“โยวเสวี่ย ในม้วนหยกนี้คือเคล็ดวิชาปลดผนึก เจ้าอ่านก่อนเถิด”
โยวเสวี่ยรับม้วนหยกมาอ่านชั่วขณะหนึ่ง และจึงกล่าวว่า “เข้าใจแล้ว”
ซูอี้พยักหน้า “อย่างนั้นก็เริ่มกันเถิด”
เมื่อเห็นเช่นนี้ จักรพรรดิกระดูกขาวก็อดกล่าวไม่ได้ว่า “อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเชียว อำนาจของผนึกนี้แข็งแกร่งมาก ขอเพียงแตะถูกมัน กระทั่งจักรพรรดิยังต้องตาย!”
โยวเสวี่ยแย้มยิ้ม นางหยิบดาบปลายมนไร้วจีแผดเผาขึ้นด้วยมือขวา พลางใช้ห้านิ้วมือซ้ายประทับตรา
“ดาบปลายมนไร้วจีแผดเผา!!”
จักรพรรดิกระดูกขาวตะลึง
คัมภีร์แห่งตี้ทิงในมือซูอี้ทำให้จักรพรรดิกระดูกขาวประหลาดใจ
และเมื่อโยวเสวี่ยใช้ดาบปลายมนไร้วจีแผดเผา หนึ่งในเก้ายมบาลต้องห้าม จักรพรรดิกระดูกขาวก็อดทึ่งไม่ได้ ที่มาของคนทั้งสองนี้เป็นเช่นไรแน่…?
ก่อนที่เขาจะได้ครุ่นคิดต่อ จักรพรรดิกระดูกขาวก็ร่างสั่น สายตาพลันถูกดึงไปที่มือซ้ายของโยวเสวี่ย
คลื่นกระเพื่อมของอำนาจอันไม่อาจมองเห็นขยายวง
เมื่อคลื่นพลังนี้สัมผัสกับแท่นสำริดที่จักรพรรดิกระดูกขาวนั่งขัดสมาธิอยู่ แสงสว่างสีน้ำเงินพลันเรืองขึ้นบนแท่นสำริด
ลำแสงเจิดจรัสเหล่านั้นแปรเปลี่ยนเป็นเงาดาบวิถีเรียงรายราวคุกดาบล้อมรอบจักรพรรดิกระดูกขาว
สีหน้าของจักรพรรดิกระดูกขาวแปรเปลี่ยนอย่างมหันต์ราวสัตว์ร้ายตื่นตระหนก เขาพลันมีท่าทีระแวดระวัง
ผนึกนี้มีนามว่า ‘ดาบผนึกกักขัง’ ซึ่งเดิมถูกทิ้งไว้โดยปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินเมื่อยามวิถีเต๋าสมบูรณ์พร้อม
เขาถูกกักขังที่นี่มานานแสนนาน จักรพรรดิกระดูกขาวพยายามหาทางเอาชนะผนึกนี้มามากกว่าหนึ่งหน ทว่าทุกครั้งต่างล้มเหลว
ที่แย่กว่านั้นคือ มีหลายครั้งที่เขาเกือบถูกพลังของ ‘ดาบผนึกกักขัง’ สังหาร!
และยามนี้ พลังของผนึกก็ถูกกระตุ้นตื่นขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นจะไม่ให้จักรพรรดิกระดูกขาวตกใจได้เช่นไร?
เขากลัวว่าหากโยวเสวี่ยไม่ระวังจนทำให้พลังของผนึกระเบิดออก ตัวเขาจักรพรรดิกระดูกขาวตายแน่
แต่ไม่นานนัก จักรพรรดิกระดูกขาวก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
“สตรีผู้นี้สามารถควบคุม ‘ดาบผนึกกักขัง’ ของสัตว์ประหลาดเฒ่าซูได้จริง ๆ!!”
จักรพรรดิกระดูกขาวในคราแรกตะลึงงัน จากนั้นก็แปรเป็นสุดปรีดา กระดูกบนร่างสั่นระริกอย่างตื่นเต้น
“สหายเต๋า จัดการกับผนึกเลยหรือไม่?”
โยวเสวี่ยถาม
ด้วยวาจานั้น จักรพรรดิกระดูกขาวก็สงบลงมาก
ซูอี้โยนคัมภีร์แห่งตี้ทิงไปบนแท่นสำริด “กระดูกเฒ่า ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว เข้าไปเสียดี ๆ หาไม่ เจ้าคงรู้ว่าจุดจบจะร้ายแรงเพียงไร”
จักรพรรดิกระดูกขาวเงียบไป
เนตรเพลิงสีทองของเขาจับจ้องคัมภีร์แห่งตี้ทิงตรงหน้า ขณะคิดชิงสมบัตินี้หนีออกไปอยู่หลายหน
ทว่าเมื่อเขาประจักษ์แก่พลัง ‘ดาบผนึกกักขัง’ ที่รายล้อมอยู่ จักรพรรดิกระดูกขาวก็ลังเลอีกครั้ง
เขารู้ดีว่าผู้ใดที่สามารถควบคุมผนึกนี้ได้ ขอเพียงคิดจะฆ่าเขาก็ทำได้อย่างง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ!
“เจ้า… เป็นผู้ใดแน่?”
จักรพรรดิกระดูกขาวเงยหน้าขึ้นมองซูอี้
เขาเห็นแล้วว่าชายหนุ่มในขอบเขตวงล้อวิญญาณผู้นี้ประหลาดนัก ไม่เพียงอีกฝ่ายจะสามารถควบคุมคัมภีร์แห่งตี้ทิงได้ แต่ยังบรรลุเคล็ดวิชาควบคุม ‘ดาบผนึกกักขัง’ อีกด้วย
น่าเหลือเชื่อมาก… มากเกินไปด้วยซ้ำ
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “ยามนี้เจ้าต้องเลือกแล้ว อย่างที่ข้าบอกไว้ก่อน ขอเพียงเจ้าช่วยข้า ข้าก็จะให้เจ้ามีทางรอด”
จักรพรรดิกระดูกขาวจ้องชายหนุ่มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวราวพอแถลงไข “เจ้าไร้ปราณทำลายล้างของผู้คุมรัตติกาล แต่กลับควบคุมคัมภีร์แห่งตี้ทิงได้ และยังใช้พลังของ ‘ดาบผนึกกักขัง’ ที่สัตว์ประหลาดเฒ่าซูทิ้งไว้ได้อีก หากข้าเดาถูก…”
เขาสูดหายใจลึก ๆ คู่เนตรพลันวาวโรจน์ดุจคบเพลิง และกล่าวชัดถ้อยทุกพยางค์ “หากไม่ใช่ทายาทของสัตว์ประหลาดเฒ่าซู ก็คงเป็นศิษย์สักคนของสัตว์ประหลาดเฒ่าซูสินะ!”
วาจาของเขาดังลั่น
โยวเสวี่ยกลั้นยิ้ม รู้สึกว่าภาพตรงหน้านางน่าสนใจนัก
ซูอี้ชาชินแล้ว
ก่อนหน้านี้ ตัวเขาก็เคยถูก ‘เข้าใจผิด’ โดยอวิ๋นจือจิ่วและชุยจิ๋งเหยี่ยน แม้เขาจะรู้สึกขำ แต่ก็จนใจเสียมากกว่า
การฝึกฝนของเขาอ่อนแอเกินไป และเข้าใจผิดได้ง่ายเหลือเกิน!
ยามนี้ จักรพรรดิกระดูกขาวดูโล่งใจ “หากพวกเจ้าเผยตัวตนออกมาก่อน คงไร้สิ่งใดต้องพูดกันอีก ข้าผู้นี้จะชิงออกตัวร่วมมือกับพวกเจ้าแน่นอน”
โยวเสวี่ยถามอย่างตกใจ “จริงหรือ?”
จักรพรรดิกระดูกขาวพึมพำด้วยสีหน้าซับซ้อน “จริงอยู่ที่ข้าเกลียดสัตว์ประหลาดเฒ่าซูเข้ากระดูก แต่ข้าจะไม่สงสัยหรือกล่าวร้ายเขา ในเมื่อเจ้าบรรลุเคล็ดวิชาควบคุม ‘ดาบผนึกกักขัง’ ได้ แปลว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าซูต้องเป็นคนส่งพวกเจ้ามาแน่”
โยวเสวี่ยพลันกระจ่างขึ้นมา ว่าท้ายที่สุดแล้ว การเปลี่ยนท่าทีของจักรพรรดิกระดูกขาวก็เป็นเพราะซูเสวียนจวิน!
น่าเสียดายที่จักรพรรดิกระดูกขาวถูกกักขังที่นี่ และไม่รู้ข่าวคราวว่าทุกวันนี้ ทุกคนในโลกหล้าต่างคิดว่าปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินดับสูญไปห้าร้อยปีแล้ว
หากเขารู้ การวางตัวจะเปลี่ยนไปหรือไม่หนอ?
แต่นางรู้ว่าไม่ว่าวันนี้จักรพรรดิกระดูกขาวจะดิ้นรนเพียงไร เขาก็ไม่อาจหนีจุดจบการถูกผนึกในคัมภีร์แห่งตี้ทิงได้แน่นอน
“พ่อหนุ่ม หากเป็นไปได้ ช่วยบอกสัตว์ประหลาดเฒ่าซูให้ข้าทีว่าข้าอยากพบเขาอีกครั้ง!”
จักรพรรดิกระดูกขาวกล่าว ร่างของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงพลิ้วเข้าสู่คัมภีร์แห่งตี้ทิง
หน้าปกสำริดเรืองแสงสว่างเรืองรองประหลาดตา
ก่อนจะกลับสู่ปกติในทันที
มีเพียงหน้าว่างหน้าหนึ่งซึ่งปรากฏภาพโครงกระดูกในชุดเกราะโทรม ๆ ขึ้นมา