บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 919: ให้เหล่าผู้ชมที่นี่ได้ทัศนา
ตอนที่ 919: ให้เหล่าผู้ชมที่นี่ได้ทัศนา
พบพานประจวบเหมาะ?
หลูฉางหมิงและคณะต่างตะลึงงัน
ยามนี้เอง พวกเขาจึงตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ซูอี้ไม่ได้ล้อเล่น เขาดูเหมือนกำลังจะไปยังคุกอเวจีทั้งเก้าแห่งเมืองมืดจริง ๆ!
“ไอ้หนู เจ้านำดาบปลายมนไร้วจีแผดเผามาด้วยหรือไม่?”
อีกาเก้ามืดมิดซึ่งอยู่ห่างออกไปกล่าวอย่างเย็นชา มันไม่อาจซ่อนจิตสังหารในใจได้อีก
ซูอี้ทำหูทวนลม เขาไพล่มือไว้เบื้องหลังพลางมองไปทางภูเขาศักดิ์สิทธิ์สองขั้ว
ไม่นานก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของ ‘เส้นทางหยินหยาง’ ได้
เส้นทางนี้ แต่เดิมก่อกำเนิดจากพลังดั้งเดิมของเมืองมรณะบนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์สองขั้ว
ทว่ายามนี้มันเสียหายหนัก และด้วยพลังจากกฎดั้งเดิมของภูเขาศักดิ์สิทธิ์สองขั้วจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผ่านเข้าสู่คุกอเวจีทั้งเก้าแห่งเมืองมืดได้
สิ่งนี้ทำให้ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย
และพฤติกรรมเมินเฉยที่เขาแสดงเมื่อครู่ก็นำมาซึ่งความไม่พอใจของเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าแห่งวัดเสวียนหมิง
“สหายเต๋า ใต้เท้ากาดำกำลังถามเข้าอยู่นะ!”
ภิกขุซื่อเอ้อร์กล่าวเสียงลุ่มลึก สะท้อนก้องผ่านนภาราตรีดุจสายฟ้า
“หนวกหูจริง ๆ”
ซูอี้หันกลับไป ดวงตาลึกล้ำคู่นั้นมองภิกขุซื่อเอ้อร์จากระยะไกล “โยวเสวี่ย เจ้าไปส่งบักบวชมารผู้นี้สู่โลกหน้าเถอะ ใช้ดาบปลายมนไร้วจีแผดเผาด้วยนะ”
เมื่อกล่าวจบ ซูอี้ก็นำเก้าอี้หวายออกมานั่งอย่างเกียจคร้าน “คืนนี้ข้าจะเป็นผู้ชมไปก่อน”
เขาเดินทางผ่านดินแดนต้องห้ามมามากมาย และยามนี้ก็ได้พักเสียที
ในขณะที่อารมณ์ทุกคนคือ “…”
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าภายใต้สถานการณ์มีดาบจ่อคอเช่นนี้ ซูอี้จะหยิบเก้าอี้หวายออกมานั่งเอ้อระเหยเช่นนี้
มันยังทำให้ทุกคนรู้สึกงุนงงจนไม่อาจคิดหาเหตุผลได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นโยวเสวี่ยหรือชิงเถิง ทั้งสองต่างคุ้นชินดี
ภาพเหล่านี้อาจทำให้จักรพรรดิทั้งหลายบนโลกหล้ารู้สึกกลัว แต่ในสายตาปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินผู้ทรงเกียรติ มันมีค่าอันใด?
นี่ไม่ใช่ความดูแคลน
แต่เป็นความหยิ่งผยองจากก้นบึ้งของจิตใจ!
มันควรจะเป็นเช่นนั้น
และเป็นเช่นนั้น!
นี่คือมุมมองของโยวเสวี่ยและชิงเถิง
ห่างออกไปในสนามรบ เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าและอีกาเก้ามืดมิดจากวัดเสวียนหมิงอดตะลึงไปชั่วขณะไม่ได้
พวกมันใช้ชีวิตมานับปีไม่ถ้วน แต่นี่คือคราแรกที่ได้พบพานชายหนุ่มผู้เย่อหยิ่งเพียงนี้!
โยวเสวี่ยก้าวสู่อากาศโดยไม่ลังเล
วูบ!
รอบร่างสะโอดสะองของนาง พิรุณแสงสีเข้มโปรยปรายราวกลีบบุหงาพลิ้วปลิว บรรยากาศรอบตัวนางแปรเปลี่ยนอย่างร้ายกาจ
ยิ่งใหญ่ราวจักรวาลพร่างดาว องอาจดุจเทพยดา!
ดาบปลายมนไร้วจีแผดเผาปรากฏบนมือเรียวขาว สว่างไสวทั่วอาณาบริเวณดุจคบเพลิงอันเฉิดฉายผ่านกาล
ขวับ!
ทุกสายตาพลันเบนไปหาโยวเสวี่ย
“สตรีนางนี้หรือที่สังหารนักบวชลำดับที่สามและชิงดาบปลายมนไร้วจีแผดเผาไป?”
“ถูกต้อง!”
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าจากวัดเสวียนหมิงต่างดูแปลกใจ
กระทั่งหลูฉางหมิงและเฟิงอวี่จือก็ยังอดตะลึงไม่ได้
ยามที่พวกเขามายังเมืองมรณะ ต่างคนต่างได้พบโยวเสวี่ยมาก่อน ทว่าไม่มีผู้ใดคาดเลยว่าหญิงสาวผู้นอบน้อมเชื่อฟังราวสาวใช้ผู้นี้จะเป็นตัวตนอันทรงพลังเช่นนี้
นี่ทำให้พวกเขาหันมองซูอี้อีกครั้ง
ชายหนุ่มในขอบเขตวงล้อวิญญาณผู้นี้เป็นใครกันแน่ สตรีผู้ทรงพลังนี้จึงก้มหัวรับใช้เขา?
“ที่แท้ก็เป็นจิตวิญญาณจากโคมสงบวิญญาณเทียนหยาของเผ่าปีศาจงูนี่เอง!”
อีกาเก้ามืดมิดซึ่งอยู่ห่างออกไปรับรู้ถึงตัวตนของโยวเสวี่ย และกล่าวอย่างมาดร้าย “แต่จิตวิญญาณสมบัติเช่นเจ้า รักษาชีวิตไอ้หนูนั่นไว้ไม่ได้หรอก!”
กล่าวจบ มันก็ออกคำสั่งเสียงแหลม “นักบวชลำดับที่สองและลำดับที่สี่ พวกเจ้ากับนักบวชสูงสุดจับตัวสตรีผู้นี้ และนำดาบปลายมนไร้วจีแผดเผากลับมาซะ!”
“รับคำสั่ง!”
สองเสียงดังขึ้นในสนามรบอย่างพร้อมเพรียง
ทั้งสองก็คือนักบวชลำดับที่สองและสี่แห่งวัดเสวียนหมิง ทั้งคู่ต่างมีวิถีเต๋าอยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ!
พวกเขาเข้าร่วมกับภิกขุซื่อเอ้อร์ ปราณร้ายกาจทั้งสามควบรวมด้วยกัน ทำให้โลกหน้าปั่นป่วน นภากาศโกลาหล
แรงกดดันมหาศาลราวทลายโลกา!
ทว่าสีหน้าของโยวเสวี่ยยังคงสุขุมเย็นชา นางไม่ก้าวถอยหลัง และบังคับใช้ดาบปลายมนไร้วจีแผดเผาเข้าทักทายทันที
ตู้ม!
สงครามบังเกิด ทั่วโลกหล้าสะเทือนสั่น ตะวันจันทราดับรัศมี
สิ่งที่น่าตกใจก็คือ แม้สามตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำจะรุมเข้ามา ทว่าโยวเสวี่ยก็ไม่ได้เสียเปรียบ!
ความสง่างามเกินเทียบนี้ยังก่อให้เกิดเสียงอุทานระเบิดขึ้นจากในหมู่ผู้ชม
“ข้าจะไปช่วยนาง!”
เฟิงอวี่จือยืนขึ้นคนแรก เสียงนางยังไม่ทันหาย ร่างของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นสายรุ้งทะยานสู่สนามรบแล้ว
ดาบเจิดจ้าพรรณรายดุจเพลิงเวหากวาดผ่าน
ทันทีที่จอมดาบเสวียนหลิวปรากฏกายบนสนามรบ นางก็แสดงพลังต่อสู้อันไม่ได้ด้อยไปกว่าโยวเสวี่ย!
“นักบวชลำดับที่ห้ากับนักบวชลำดับที่หก พวกเจ้าลงมือด้วยกัน!”
อีกาเก้ามืดมิดแค่นคำสั่งด้วยเสียงเย็นชา
“ขอรับ!”
ชายร่างอ้วนเตี้ยในชุดสีเหลืองและชายชราชุดม่วงผู้มีหนวดเคราสีเทาทะยานเข้าสนามรบไปด้วยกันทันที
คนทั้งสองต่างอยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นต้น แม้จะยังด้อยกว่านักบวชสูงสุดและนักบวชลำดับที่สอง แต่ก็เทียบได้กับนักบวชลำดับที่สี่
เมื่อมีทั้งสองเพิ่มเข้าใจ ศึกก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น
โยวเสวี่ยและเฟิงอวี่จือร่วมมือกันต่อสู้ศึกสองต่อห้า แม้จะไม่ได้เปรียบ แต่สงครามนี้ อีกฝ่ายก็จัดการพวกนางทั้งสองไม่ได้
และยิ่งต่อสู้ไป ฟ้าดินล้วนปั่นป่วน ทั่วหล้าพังทลาย ทศทิศมลายสูญ
นี่คือศึกของจักรพรรดิในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำซึ่งหาได้ยากในโลกหล้า ดูราวศึกเทวะสะท้านเวหา ห่างไกลเกินจะเทียบกับจักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำได้
“เราก็ไปกันเถอะ!”
“ได้!”
ทั้งอวิ๋นซงจื่อและหลูฉางหมิงต่างกัดฟันกระโดดเข้าร่วมวงไพบูลย์
ในหมู่จักรพรรดิที่เหลืออยู่ทั้งเจ็ด นอกจากเฟิงอวี่จือแล้ว ก็มีเพียงพวกเขาทั้งสองที่อยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำ
และพวกเขาย่อมไม่มีทางนิ่งเฉย ณ ยามนี้
ซูอี้ไม่ได้ออกมาหยุดยั้งเรื่องนี้
เขายังคงนั่งเอ้อระเหย ขณะยกไหสุราดื่มอย่างสบายใจ
“โอ้ ถ้าจะมาวัดจำนวนจักรพรรดิกันล่ะก็ ข้าไม่กลัวหรอกนะ!!”
อีกาเก้ามืดมิดกล่าวอย่างดูแคลน
ตลอดมานี้ เพื่อช่วยยมบาลออกมาจากนภาโกลาหล มันก็ใช้นามวัดเสวียนหมิงรวบรวมและกำราบลิ่วล้อมานับไม่ถ้วน
หาไม่ คงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะจับจักรพรรดิของอีกฝ่ายได้ง่าย ๆ ตั้งหลายสิบคนในศึกคืนนี้
“ใต้เท้าทั้งสาม โปรดสอนพวกเขาทีว่าความจนใจสิ้นหวังเป็นเช่นไร!”
อีกาเก้ามืดมิดกล่าวเนิบ ๆ
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ทันใดนั้น ปราณพิสดารร้ายกาจสามจุดก็พลุ่งพล่านขึ้นสู่นภา
มันคือวิญญาณในชุดเกราะดำสามตน ดวงตาของพวกมันเผยแววเย็นชา
ทูตรับใช้กาฬราตรี!
จากข่าวลือ พวกเขาคือข้ารับใช้ผู้ติดตามยมบาลนับแต่สมัยโบราณ พวกมันแต่ละตนต่างร้ายกาจและมีอำนาจต่อสู้สูงส่ง เหนือชั้นกว่าตัวตนทั่วไปในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั่วโลกหล้า
กระทั่งนักบวชสูงสุดภิกขุซื่อเอ้อร์ยังด้อยกว่าเล็กน้อย!
ยามนี้เอง เฟิงอวี่จือ หลูฉางหมิงและคนอื่น ๆ ซึ่งกำลังโหมโรมรันต่างสัมผัสได้ถึงอันตรายยิ่งยวดยามทูตรับใช้กาฬราตรีทั้งสามเข้าสู่สนามรบ
ในศึกก่อนหน้านี้ พวกเขาต่างได้เห็นอำนาจของทูตรับใช้กาฬราตรีมากันหมดแล้ว แล้วจะไม่รู้ได้เช่นไรว่าวิญญาณร้ายนี้แข็งแกร่งน่ากลัวเพียงไหน?
“จักรพรรดิอสูรวานร เจ้าไปพาคนอื่นบุกเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์สองขั้วและจับเป็นจักรพรรดิเหล่านั้นเสีย อย่าลืมตัดหัวไอ้หนูนั่นกลับมาให้ข้าด้วย!”
อีกาเก้ามืดมิดออกคำสั่งอีกครั้ง
ต่อจากนั้น มันก็ใช้จะงอยปากจัดขนของมันอย่างสบายใจ คู่เนตรสีเลือดเยือกเย็น
ในหัววาดฝันชัยชนะเอาไว้แล้ว
ตู้ม!
ปีศาจวานรสูงหลายร้อยจั้งซึ่งแบกไม้เท้ากระดูกยักษ์ดั่งขุนเขาไว้บนบ่าสาวเท้าเข้าสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์สองขั้ว
ทุกก้าวย่าง นภากาศสะเทือนสั่น ปราณทำลายล้างทะยานสูง
จักรพรรดิอสูรวานร!
และเบื้องหลังเขายังมีกลุ่มอารักษ์กับผู้ดูแลจากวัดเสวียนหมิงติดตาม พวกเขาต่างเป็นจักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ
เมื่อพวกเขาและจักรพรรดิอสูรวานรร่วมมือกัน การรวมตัวนี้ทำให้หลูฉางหมิง เฟิงอวี่จือและคนอื่น ๆ ซึ่งกำลังทำศึกหน้าเปลี่ยนสี
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านับแต่ยามนี้ ทัพของอีกาเก้ามืดมิดเดินหน้าเต็มกำลังแล้ว!
ทว่า ไม่ว่าพวกหลูฉางหมิงจะร้อนใจเพียงไร แต่ก็ไร้พลังหยุดยั้ง
พวกเขาแต่ละคนต่างมีคู่ต่อสู้ ไม่อาจปลีกตัวออกไปได้เลย!
“ไอ้หนู มีลูกไม้อันใดก็ใช้ออกมาเถอะ! ถ้าข้ารับมันไม่ได้ ข้าถอดหัวตัวเองให้เจ้าเตะเลยเอ้า!”
ไกลออกไป อีกาเก้ามืดมิดกล่าวอย่างภาคภูมิ
หัวใจของมันพองโต
คราก่อนในเมืองตาข่ายม่วง ซูอี้ยืมพลังมหาวิถีจากค่ายกลเพื่อปราบมันลง
และในที่สุดยามนี้ โอกาสล้างความอัปยศก็มาถึง!
นอกจากชิงเถิง ชิงมู่และหยวนหลินหนิงผู้ดูสุขุม จักรพรรดิคนอื่น ๆ ต่างหนาวเยือกในใจ
ทว่าไร้ผู้ใดสะท้านสะเทือน และต่างดูโหดเหี้ยม
“อย่าก่อเรื่อง”
ซูอี้ผู้กำลังเอนร่างบนเก้าอี้หวายกล่าวขึ้น “อยู่ดูละครที่นี่ต่อไปเถอะ”
เหล่าจักรพรรดิผงะไปชั่วขณะ
ซูอี้โบกแขนเสื้อของเขา
ตู้ม!
โครงกระดูกสวมเกราะผุพังปรากฏขึ้นบนฟ้า
ในเบ้าตากลวงโบ๋ของโครงกระดูกเจิดจ้าด้วยเพลิงดุจคู่โคมไฟสีทอง ทันทีที่มันสว่างวาบขึ้น แสงสีเลือดเจิดจ้าก็ระเบิดออกมาจากร่างของเขา ทะยานไกลครอบคลุมทั่วทุกสารทิศ
นภาราตรีถูกย้อมแดงอย่างลี้ลับ
ชั่วขณะนั้น ทั่วสนามรบต่างตะลึงงัน
“จักรพรรดิกระดูกขาว!?”
อีกาเก้ามืดมิดผงะถอย คู่เนตรสีเลือดเบิกกว้าง ไม่อาจสางขนด้วยจะงอยปากของมันได้ต่อ
ในหมู่ดินแดนต้องห้ามนับร้อยในเมืองมรณะ ใครเล่าจะไม่ทราบว่าจักรพรรดิกระดูกขาวคือตัวตนร้ายกาจที่สุดบนห่วงโซ่นักล่า?
สีหน้าของเหล่านักบวช รวมไปถึงภิกขุซื่อเอ้อร์ซึ่งกำลังต่อกรกับโยวเสวี่ยเองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ตัวตนเช่นจักรพรรดิกระดูกขาวจะมาลดตัวเชื่อฟังชายหนุ่มเช่นนี้ได้เช่นไร?
“บัดซบ ไฉนจึงเป็นเจ้าสัตว์ประหลาดเฒ่านี่ไปได้!!?”
จักรพรรดิอสูรวานรผู้กำลังตรงสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์สองขั้วพลันกรีดร้อง ร่างสูงหลายร้อยจั้งของมันชะงักกลางอากาศ คู่เนตรดุจทะเลสาบเผยความสยดสยอง
ขณะนี้ จักรพรรดิกระดูกขาวบนอากาศได้เริ่มโจมตีแล้ว
กระดูกขาวหมดจดกระจ่างใสของเขาปรากฏลวดลายวิถีลี้ลับสีแดงเลือดลากยาวพลิ้วไหว จิตสังหารดุดันร้ายอาจกันชวนหนาวเสียดกระดูกเกาะกุมไปที่จักรพรรดิอสูรวานรจากระยะไกล
จักรพรรดิอสูรวานรชะงักร่างและตะโกนลั่น “เจ้า จักรพรรดิกระดูกขาวก็เป็นนายเหนือผู้หนึ่งในเมืองมรณะ ไฉนจึงยอมรับใช้ชายหนุ่มในขอบเขตวงล้อวิญญาณกัน?”
เสียงยังไม่ทันสร่าง
ร่างของจักรพรรดิกระดูกขาวก็ปรากฏบนฟ้า ห่างจากจักรพรรดิอสูรวานรสิบจั้ง …และชกออกมา!!