บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 925: สัตย์ปฏิญาณมหาวิถี
ตอนที่ 925: สัตย์ปฏิญาณมหาวิถี
ตอนที่อยู่ในมหาทวีปคังชิง ซูอี้เคยเจอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับหอเก้าสวรรค์มาหลายครั้ง
เช่น การจองจำแห่งยุคมืดที่ปกคลุมไปทั่วมหาทวีปคังชิงเป็นเวลาถึงสามหมื่นปี
ต้นกำเนิดแห่งคังชิงของเวิ้งเก้าดารา
พัศดีที่เกือบจะฆ่าเย่ซุ่น ณ เมืองผีหลิงหลง
รวมถึง ‘ท่านเทพแห่งความกรุณา’ ที่ถูกจองจำอยู่ในถ้ำโลหิตหมิงหลิง
แม้กระทั่งเจ้าของร้านรับจำนำที่เข้าไปในจักรวาลพร่างดาว เพราะการปรากฏกายของ ‘พัศดี’
แม้ตอนนี้ชายหนุ่มจะรู้ว่าตำแหน่งของ ‘เวิ้งเก้าดารา’ ซึ่งตั้งอยู่ในแถบรอบนอกของหมู่ดาราแห่งมหาแดนดินแล้ว
อีกทั้งยังรู้ว่าเวิ้งเก้าดาราเปรียบได้กับเรือนจำ และคนที่คุมเรือนจำก็คือ ‘พัศดี’ จากหอเก้าสวรรค์
ทว่าตอนนั้นซูอี้ยังไม่รู้ว่า ‘หอเก้าสวรรค์’ ที่แท้แล้วเป็นขุมกำลังเช่นใด
แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังรู้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น
ทว่าเวลานี้ ผู้ลงทัณฑ์จากหอเก้าสวรรค์ถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่ต่อหน้าตนเองแล้ว เป็นหรือตายไม่อาจกำหนดได้ด้วยตัวเองอีก ซูอี้ย่อมต้องถือโอกาสนี้สอบถามภูมิหลังของหอเก้าสวรรค์อย่างละเอียดเป็นธรรมดา!
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกแล้ว ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหอเก้าสวรรค์ ล้วนเป็นความลับสุดยอด”
นิ่งเงียบไปชั่วครู่ ผู้ชายชุดดำก็เอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ผู้ใดก็ตามที่มีคุณสมบัติเข้าไปฝึกตนที่หอเก้าสวรรค์ วันแรกที่เข้าเป็นศิษย์ต้องตั้งสัตย์ปฏิญาณมหาวิถีต่อหน้าวัตถุศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพรรค โดยใช้จิตวิถีตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า ไม่มีวันเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับหอเก้าสวรรค์ หากผิดคำพูด ภาวะจิตแตกดับ มหาวิถีพังทลาย จิตวิญญาณแตกสลาย”
ซูอี้เลิกคิ้วเล็กน้อย “วัตถุศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของหอเก้าสวรรค์คืออะไร?”
ผู้ชายชุดดำแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วจึงกล่าวขึ้นช้า ๆ “มันเป็นดาบวิถีเล่มหนึ่ง ส่วนชื่อ ที่มา และรูปร่างของมันเป็นอย่างไรนั้น นอกจากเจ้าหอของข้าแล้วก็ไม่มีใครรู้”
“ตอนที่ข้าเข้าร่วมหอเก้าสวรรค์ ขณะนั้นยังเป็นเพียงแค่หนุ่มน้อยที่ไม่รู้ประสา ไม่รู้สักนิดว่าดาบวิถีเล่มนั้นมันน่ากลัวเพียงใด”
“แต่เมื่อระดับการฝึกตนเริ่มพัฒนาสูงขึ้น และมีประสบการณ์มากขึ้น เพียงแค่นึกถึงสภาพตอนที่ตั้งสัตย์ปฏิญาณมหาวิถีต่อหน้าดาบวิถีเล่มนั้นแล้ว ข้าก็ยังระงับความรู้สึกหวาดกลัวที่เกิดขึ้นในใจไม่ได้”
“ถึงแม้ตอนนี้ข้าจะมีระดับการฝึกตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นสมบูรณ์แบบแล้วก็ตาม ก็ยังคงเป็นเช่นนี้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็สูดหายใจลึก ๆ ทีหนึ่ง “สิ่งเดียวที่ข้ามั่นใจก็คือ ขอเพียงข้าผิดคำสัตย์ปฏิญาณที่เคยตั้งไว้เมื่อยังเป็นหนุ่มน้อย จะต้องได้รับผลของการผิดคำพูดอย่างแน่นอน!”
สีหน้าของเขาสับสนนัก ทั้งหวาดกลัว หม่นหมอง หรือกระทั่งจนปัญญา
ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นสมบูรณ์ ควรจะมีความเกรียงไกรและโดดเด่น
ทว่ามีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าคำสัตย์ปฏิญาณมหาวิถีที่เคยตั้งไว้เมื่อตอนเป็นหนุ่ม เปรียบได้กับโซ่ล่องหนที่คอยผูกมัดตัวเขาบนหนทางแห่งวิถี
ไม่อาจจะฝ่าทะลวงออกไปได้!
“ดาบวิถี…”
ซูอี้รู้สึกคาดไม่ถึง
ดาบวิถีนี้ต้องแปลกพิสดารเพียงใดกันจึงจะสามารถผูกมัดตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นสมบูรณ์ไว้อย่างแน่นหนาโดยอาศัยเพียงแค่คำสัตย์ปฏิญาณเท่านั้น?
“ข้าอยากจะเห็นดาบเล่มนี้เสียแล้วสิ”
ซูอี้รำพึงเบา ๆ
ในฐานะที่เป็นนักดาบ เขาจึงมีความรักและมุ่งมั่นในดาบอย่างที่สุด
เอื๊อก!
ทันใด ผู้ชายชุดดำก็กระอักเลือดออกมา ตัวของเขาสั่นอย่างรุนแรง สีหน้าซีดลงไปเรื่อย ๆ
ซูอี้หรี่ตาพลางกล่าว “เพียงแค่พูดออกมาไม่กี่คำ ภาวะจิตก็ถูกลงโทษแล้วหรือ?”
ผู้ชายชุดดำพยักหน้า และกล่าวด้วยความเจ็บปวด “สหายเต๋าซูก็เห็นแล้ว ข้าบอกเรื่องเหล่านั้นให้เจ้ารู้ก็ต้องตาย ไม่บอกให้เจ้ารู้ก็ต้องตายเช่นกัน ทั้งหมดล้วนมีผลเหมือนกัน”
ปีศาจเฒ่าคิ้วขาวที่อยู่ห่างออกไปมองดูด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
ระดับวิถีของผู้ลงทัณฑ์คนนี้น่ากลัวเพียงไหน ทว่าเพียงเพราะเอ่ยพูดคำเหล่านั้นออกมา ภาวะจิตก็โดนลงโทษแล้ว น่ากลัวเหลือเกิน!
ซูอี้ก็รู้สึกลำบากใจเช่นกัน
เดิมที เขามีวิธีการนับร้อยนับพันวิธีที่จะทำให้ผู้ชายชุดดำให้ความร่วมมือแต่โดยดี
แต่เมื่อมีการผูกมัดของคำสัตย์ปฏิญาณมหาวิถีนั้นอยู่ ต่อให้ผู้ชายชุดดำต้องตายก็คงไม่บอกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหอเก้าสวรรค์อย่างแน่นอน
“หากว่าสหายเต๋าซูรับปากข้าเรื่องหนึ่ง ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะเอาชีวิตข้าเข้าแลกเพื่อบอกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับหอเก้าสวรรค์ให้เจ้าได้รู้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้!”
บนใบหน้าของเขามีประกายแห่งความหวังผุดขึ้นราวกับตัดสินใจทุ่มสุดตัวแล้ว
ซูอี้ตอบอย่างคาดไม่ถึง “เรื่องอันใด?”
ผู้ชายชุดดำสูดหายใจลึก ๆ ทีหนึ่ง แววตาชอกช้ำผุดขึ้นในสายตา “ในตัวข้า มีโซ่ล่ามอยู่เส้นหนึ่ง ชื่อว่าโซ่ล่ามทอเมฆา ภายในนั้นปิดผนึกวิญญาณที่ใกล้จะแตกสลายของน้องสาวข้า ในช่วงเวลาที่เนิ่นนานนี้ ข้าหาวิถีช่วยชุบชีวิตน้องสาวข้าอยู่ตลอด แต่ก็ล้มเหลวไปเสียทุกครั้ง”
ซูอี้กล่าว “ด้วยฝีมือของเจ้า จึงต้องการจะเสาะหาสมบัติล้ำค่ามารักษาจิตวิญญาณ ไม่น่าจะยากเลย หรือว่าจิตวิญญาณของน้องสาวเจ้ายังมีสิ่งอื่นซ่อนเร้นอีก?”
ผู้ชายชุดดำถึงกับถอนใจยอมรับ ก่อนจะกล่าว “ไม่เสียแรงที่สหายเต๋าซูเคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียวทั่วทั้งเก้ามหาแดนดิน ท่านกล่าวได้ถูกต้อง”
ปีศาจเฒ่าคิ้วขาวที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนักส่งเสียงร้องฮึ “เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ใต้เท้าซูไม่เพียงแต่รอบรู้ในวิถีดาบเท่านั้น เขายังมีพลังสะเทือนทั้งอดีตจนปัจจุบัน สติปัญญาของเขาเปรียบได้กับหมู่ดาวบนท้องฟ้า ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต…”
ปีศาจเฒ่าตนนี้ได้โอกาสก็รีบประจบใหญ่
แต่เสียดาย เวลานี้ชายหนุ่มไม่มีอารมณ์จะนั่งฟัง เขายกมือห้ามพลางกล่าว “หุบปาก”
“เหมือนดังที่สหายเต๋าซูพูด วิญญาณที่ใกล้จะแตกสลายของน้องสาวข้ามีสิ่งอื่นซ่อนเร้น”
ผู้ชายชุดดำแสดงสีหน้าทุกข์ทรมานออกมา กว่าเขาจะสงบสติอารมณ์ลงได้ก็ผ่านไปเนิ่นนาน ก่อนจะกล่าวขึ้นมา “เรื่องในอดีตเหล่านี้อย่าได้พูดถึงอีกเลย อย่างไรเสีย ข้าก็เสาะหาวิธีอย่างลำบากมาเป็นเวลานานมาก สุดท้ายจึงมั่นใจว่าสมบัติล้ำค่าในโลกนี้ไม่อาจช่วยชีวิตน้องสาวของข้าได้ หากต้องการจะช่วยนาง ความหวังเดียวที่มีอาจจะเป็น… วัฏสงสาร!”
พูดถึงตรงนี้ นัยน์ตาสีน้ำตาลของเขาก็เปลี่ยนไปแลดูเร่าร้อนขึ้นมา “มีแต่วิถีวัฏสงสารเพียงอย่างเดียวที่สามารถทำให้จิตวิญญาณที่ใกล้จะแตกสลายของน้องสาวข้ากลับมาเกิดใหม่ได้ และมีโอกาสกลับมามีชีวิตอยู่บนโลกอีกครั้ง!”
ซูอี้กล่าวอย่างใช้ความคิด “หากว่าเป็นเช่นนี้ ครั้งนี้ที่เจ้ามาภูมิมืดมิดเพื่อหาความลับของวัฏสงสาร จุดมุ่งหมายหนึ่งในนั้นก็คือต้องการช่วยน้องสาวของเจ้าเช่นนั้นหรือ?”
ผู้ชายชุดดำพยักหน้าพลางกล่าว “ไม่ผิด”
ซูอี้ถามอีก “เรื่องที่เจ้าต้องการให้ข้ารับปาก ก็คือให้โอกาสน้องสาวเจ้ากลับชาติมาเกิดใหม่เช่นนั้นหรือ?”
“ไม่ผิด”
สายตาของผู้ชายชุดดำเต็มไปด้วยความหวังและตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ขอเพียงสหายเต๋าซูรับปากในเรื่องนี้ ต่อให้ข้าต้องสละชีวิตก็จะบอกทุกเรื่องที่เจ้าต้องการรู้!”
ผู้ชายชุดดำส่ายหน้าพลางกล่าว “ข้ารู้นิสัยของเจ้า เจ้าไม่ทำในเรื่องแบบนี้ และน้องสาวของข้าก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเจ้า เจ้าไม่มีทางทำร้ายนาง”
ซูอี้ส่ายหน้าพลางกล่าว “เจ้าพูดผิดแล้ว ข้าฆ่าเจ้า น้องสาวของเจ้าจะต้องเกลียดข้าจนเข้ากระดูกดำ เช่นนี้เรียกว่าต้องตายกันไปข้าง”
สายตาของผู้ชายชุดดำเร่าร้อน กล่าวด้วยความหนักแน่น “ดังนั้น ข้ายินดีตายด้วยคำสัตย์ปฏิญาณมหาวิถีของตัวเอง เพื่อแลกกับโอกาสกลับสู่วัฏสงสารของน้องสาว ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่นางกลับชาติมาเกิด ต่อให้ความทรงจำในอดีตชาติจะฟื้นคืนขึ้น ก็จะไม่มองว่าสหายเต๋าเป็นศัตรู!”
น้ำเสียงของซูอี้ฟังดูเย็นชามาก “ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะบอกเจ้าเช่นกันว่า แม้กระทั่งตัวข้าเอง ก็ยังไม่อาจรับรองได้ว่าจะสามารถหา ‘วัฏสงสาร’ เจออีกครั้ง จึงไม่อาจรับปากเรื่องนี้ของเจ้าได้”
ผู้ชายชุดดำนิ่งตะลึงไปชั่วครู่ สีหน้าของเขาสับสนไม่น้อย
นิ่งเงียบไปนานมาก เขาก็กัดฟันพูด “ไม่ว่าสุดท้ายผลจะออกมาเป็นเช่นใด ขอเพียงสหายเต๋ารับปากก็พอแล้ว! ขอบอกกับสหายเต๋าตามตรง น้องสาวข้าไม่ใช่ผู้สืบทอดของหอเก้าสวรรค์ แต่นางกับข้ามาจากโลกภูมิเดียวกัน และเคยได้ยินเรื่องที่เกี่ยวกับหอเก้าสวรรค์มาบ้างเช่นกัน หากว่าสามารถฟื้นคืนชีวิตนางได้ วันข้างหน้าหากสหายเต๋าต้องการจะไปสถานที่ตั้งหอเก้าสวรรค์ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้”
พูดจบ เขาก็โขกศีรษะลงกับพื้น และกล่าวเสียงสั่นสะท้าน “ได้โปรด… สนับสนุนด้วย!”
ปีศาจเฒ่าคิ้วขาวรู้สึกสงสารขึ้นมา
จนถึงเวลานี้ แม้กระทั่งปีศาจเฒ่าคิ้วขาวก็มองออกว่าผู้ลงทัณฑ์คนนี้รักเอ็นดูน้องสาวของเขามากเพียงไหน
แน่นอน เรื่องนี้ไม่คู่ควรแก่การสงสารเห็นใจ
เพราะอย่างไรเสีย จุดยืนไม่เหมือนกัน ศัตรูสุดท้ายก็ยังคงเป็นศัตรูอยู่ดี!
ซูอี้ครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะกล่าวว่า “เอาเถอะ เรื่องนี้ข้ารับปาก แต่ไม่รับปากว่าสามารถว่าจะทำให้น้องสาวของเจ้าได้กลับสู่วัฏสงสารได้หรือไม่”
เขาอยากรู้เรื่องของหอเก้าสวรรค์เป็นอย่างมาก
ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพราะเมล็ดพันธุ์แห่งคังชิง หรือว่าเป็นเพราะสาเหตุอื่น เขากับหอเก้าสวรรค์ก็ได้ผูกความแค้นต่อกันแล้ว
อย่าลืมว่า เมื่อตอนอยู่ที่มหาทวีปคังชิง พัศดีที่เกือบจะฆ่าเย่ซุ่นตายและเคยซ่อนตัวอยู่ใต้ถ้ำอุกกาบาตคนนั้นก็ตายในเงื้อมมือของเขาเช่นกัน
รวมกับครั้งนี้อีก แผนของผู้ชายชุดดำล้มเหลว หอเก้าสวรรค์จะต้องเอาบัญชีนี้มาคิดกับเขาอย่างแน่นอน
เวลานี้ เขาไม่รังเกียจเลยที่จะช่วยผู้ชายชุดดำสักครั้งเพื่อแลกกับข้อมูลที่มีค่า
เมื่อได้รับคำตอบของซูอี้แล้ว ผู้ชายชุดดำก็ดีใจเหลือล้น จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยความตื่นเต้น “เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว!”
“หากว่าข้าเขียนคำถามลงในแผ่นหยก โดยให้เจ้าตอบมาทีละข้อ จะสามารถหลบเลี่ยงการลงโทษของคำสัตย์ปฏิญาณมหาวิถีได้หรือไม่?”
ผู้ชายชุดดำส่ายหน้า “ไม่ว่าใช้วิธีไหน ขอเพียงข้าเปิดเผยข้อมูล จะต้องได้รับการลงโทษ มีแต่ตายเท่านั้น”
ซูอี้ถามโดยไม่รอช้าอีก “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงบอกมาเองเลย”
พูดจบ เขาก็ปลดพลังที่กดทับบนตัวผู้ชายชุดดำออก
ผู้ชายชุดดำลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิลงกับพื้นอย่างยากลำบาก และกล่าวขึ้นว่า “หอเก้าสวรรค์ตั้งอยู่ใน ‘ภูมิดาราสวรรค์ประทานพร’”
พูดถึงตรงนี้ ร่างของเขาก็กระตุกราวกับถูกกระแทกอย่างรุนแรง เลือดไหลกระอักออกจากปาก ใบหน้าซูบผอมบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด
ทว่าผู้ชายชุดดำกลับไม่ใส่ใจอาการบาดเจ็บที่ได้รับราวกับตัดสินใจทุ่มสุดตัวแล้ว “หอของข้านอกจากเจ้าหอแล้ว ยังมีผู้บวงสรวงสวรรค์ จ้าวเรือนจำ ผู้ลงทัณฑ์ พัศดี และอัครสาวกที่ได้รับเลือกจากสวรรค์”
“ในจำนวนนั้น เจ้าหอเปรียบดุจผู้ชี้ชะตาเก้าสวรรค์ ระดับวิถีลึกล้ำยากจะคาดเดา น้อยนักที่คนผู้นั้นจะได้โผล่หน้าให้เห็น ส่วนผู้รับผิดชอบจัดการเรื่องในหอ เป็นผู้บวงสรวงสวรรค์สามท่านกับจ้าวเรือนจำเจ็ดท่าน”
“ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่จริงคือผู้ลงทัณฑ์และพัศดี”
“ในจำนวนนี้ ผู้ลงทัณฑ์ต่างก็มีเรื่องที่ต้องทำของแต่ละคน และรับคำสั่งจากผู้บวงสรวงสวรรค์สามท่าน ส่วนพัศดีรับผิดชอบจับและคอยเฝ้าคนที่หนีความผิด รับคำสั่งจากจ้าวเรือนจำ”
“ส่วนอัครสาวกผู้ได้รับคัดเลือกจากสวรรค์คือศิษย์ของพรรค…”
เอื๊อก!
เขาไออย่างแรงจนเลือดพุ่งออกจากปาก ก่อนจะฟุบลงไปกองอยู่ตรงนั้น พลังปราณในตัวเกิดความผันผวนขึ้นมา แลดูมีอายุมากขึ้นไม่รู้เท่าไร
สภาพเช่นนั้น ทำให้ปีศาจเฒ่าคิ้วขาวถึงกับขนลุกซู่ พลังการลงโทษของสัตย์ปฏิญาณมหาวิถีช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน!
เห็นเช่นนี้แล้ว ซูอี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “บอกข้ามาก่อนว่า เพราะเหตุใดเวิ้งเก้าดาราจึงถูกมองว่าเป็นเรือนจำ?”