บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 926: กฎเกณฑ์วอนสวรรค์
ตอนที่ 926: กฎเกณฑ์วอนสวรรค์
บาดแผลของผู้ลงทัณฑ์หนุ่มเลวร้ายหนักขึ้นทุกที ร่างกายของเขากำลังจะแตกสลาย
ทว่าเขากลับแผดเสียงร้องตะโกนโดยไม่สนใจสิ่งใด
“ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เจ้าหอตามหาคนที่สามารถต้านทาน ‘กฎเกณฑ์วอนสวรรค์’ ได้มาตลอด”
เสียงร้อนรนแฝงไว้ซึ่งความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เมื่อพูดถึงตรงนี้ ร่างของผู้ชายชุดดำก็แตกร้าวกลายเป็นชิ้นย่อย กระดูกหักเป็นท่อน ๆ เลือดสดสาดกระเซ็นเต็มพื้น
ซูอี้มองออกเช่นกันว่าผู้ชายชุดดำอยู่อีกได้ไม่นาน เขาจึงถามอีกขึ้นอย่างรวดเร็ว “กฎเกณฑ์วอนสวรรค์คืออะไร?”
เสียงของชายผู้นั้นขาด ๆ หาย ๆ “ก็คือ… การจองจำแห่งยุคมืด… ที่เจ้า… พูดถึง”
ร่างของเขาแตกสลายไปหมดแล้ว เหลือแต่เพียงจิตดั้งเดิมเท่านั้น แต่มันก็กำลังผุสลายไปอย่างน่ากลัวเช่นกัน เกิดรอยร้าวมากมายบนจิตดั้งเดิม
คล้ายกับเครื่องเคลือบที่มีรอยร้าวราวกับใยแมงมุมกระจายทั่ว มันสามารถแตกสลายได้ทุกเวลา
เมื่อซูอี้ได้รับคำตอบนี้ เขาก็กระจ่างขึ้นมาในทันใด
หอเก้าสวรรค์ตั้งอยู่ที่ ‘ภูมิดาราวอนสวรรค์’
เจ้าหอเก้าสวรรค์ตามหาคนที่สามารถต้านทาน ‘กฎเกณฑ์วอนสวรรค์’ มาโดยตลอด
และ ‘กฎเกณฑ์วอนสวรรค์’ ที่ว่านี้ก็คือการจองจำแห่งยุคมืด!
ทั้งหมดนี้ทำให้ซูอี้ตื่นตระหนก
เพราะว่า เขาอาศัยพลังของดาบเก้าคุมขังก็สามารถทลายการจองจำแห่งยุคมืดได้!
หรือว่าเจ้าหอเก้าสวรรค์ตามหาตัวเองมาโดยตลอดเช่นนั้นหรือ?
และสาเหตุที่เวิ้งดาราทั้งเก้าถูกมองว่าเป็นกรงขัง ก็เกี่ยวข้องกับสาเหตุนี้ด้วยเช่นกันอย่างนั้นหรือ?
ซูอี้ขมวดคิ้ว
ยังไม่ทันถามอีกครั้ง ผู้ชายชุดดำก็ส่งเสียงโอดครวญด้วยความเจ็บปวดออกมา ไฟโชติช่วงลุกแผดเผาจิตดั้งเดิมของเขา
ถัดจากนั้น ผู้ชายชุดดำราวกับหลุดพ้นจากสิ่งรุมเร้าเหล่านี้ เขาเผยรอยยิ้มสงบนิ่งโล่งสบายออกมา พลางบ่นพึมพำกับตัวเอง
“ผู้ฝึกตนคนใดก็ตามที่เข้าสู่หอเก้าสวรรค์ ชื่อจะถูกแทนที่โดยการจัดอันดับ ที่หอเก้าสวรรค์ พวกเข้ารู้เพียงแค่ข้าคือผู้ลงทัณฑ์อันดับที่ห้าเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าข้าชื่อม่อชวน”
“น้องสาวของข้ามีนามว่า… ม่อหลี่…”
เมื่ออ่านชื่อของน้องสาวขึ้นมาแล้ว เสียงของผู้ชายชุดดำเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทะนุถนอม และคิดถึง
ทว่าจิตดั้งเดิมของผู้ชายชุดดำได้ดับสลายไปแล้ว
ปีศาจเฒ่าคิ้วขาวรู้สึกสะเทือนใจขึ้นมา
บุคคลน่ากลัวผู้อยู่ในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นสมบูรณ์เช่นนี้ กลับต้องร่างแตกวิถีสลายเพราะผิดต่อคำสัตย์ปฏิญาณมหาวิถี!
ความสะเทือนขวัญของภาพเหตุการณ์รุนแรงเช่นนั้นโหดร้ายเกินไป ใครบ้างที่ไม่ตื่นตระหนก?
ดวงตาลุ่มลึกของซูอี้สับสนตามไปด้วยเช่นกัน
ข้อมูลที่ผู้ลงทัณฑ์เผยออกมาทำให้เขารู้สึกตื่นตะลึงมากเช่นกัน
ต้องเข้าใจว่า ม่อชวน ‘ผู้ลงทัณฑ์’ อันดับที่ห้า เป็นตัวตนในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นสมบูรณ์แล้ว
แล้วผู้ที่เหนือกว่าผู้ลงทัณฑ์ก็ยังมีจ้าวเรือนจำ
ผู้ที่เหนือกว่าจ้าวเรือนจำ ยังมีผู้บวงสรวงสวรรค์!
ผู้ที่ลึกลับมากที่สุด ก็คือเจ้าหอเก้าสวรรค์!
ขุมกำลังเช่นนี้ พลังที่มีต้องน่ากลัวมากอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่าว่าแต่ภูมิมืดมิดเลย แม้กระทั่งขุมกำลังสูงสุดของมหาแดนดินก็ยังหาผู้ที่สามารถเทียบเคียงกับขุมกำลังนี้ไม่ได้!
สิ่งที่ทำให้ซูอี้ต้องตื่นตะลึงจริง ๆ ก็คือพลังจองจำแห่งยุคมืดที่ทำให้เวิ้งดาราทั้งเก้ากลายเป็น ‘กรงขัง’ กลับมีชื่อว่า ‘กฎเกณฑ์วอนสวรรค์’
นี่คือพลังภัยพิบัติมหาวิถีที่น่ากลัวอย่างที่สุดประเภทหนึ่ง
และในช่วงเวลาที่ผ่านมา เจ้าหอเก้าสวรรค์ตามหาผู้ที่สามารถต้านทานพลังเช่นนี้ได้มาโดยตลอด
ทว่าเวลานี้ ซูอี้กลับสงสัยมากว่า สิ่งที่เจ้าหอเก้าสวรรค์ต้องการตามหาในท้ายที่สุด อาจจะเป็นตนเอง หรืออาจจะเป็นดาบเก้าคุมขังก็เป็นได้!
“ภูมิดาราวอนสวรรค์ หอเก้าสวรรค์ กฎเกณฑ์วอนสวรรค์… ชักสนุกแล้ว”
ชายหนุ่มเก็บความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดกลับมา
ร่างของม่อชวนดับวิถีแตกไปแล้ว จุดที่เขาตายจากไป เหลือแต่เพียงวัตถุชิ้นหนึ่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง
สวบ!
ซูอี้ยื่นมือไปคว้าวัตถุสิ่งนี้
เมื่อพิจารณามองดูให้ดี แม่กุญแจลูกนี้โบราณเรียบง่าย ภายนอกสลักด้วยลวดลายวิถีลึกลับ คล้ายกับปลาสองตัวกำลังเล่นน้ำ หยินกับหยางพบบรรจบ
นี่คือแม่กุญแจเมฆินทร์ ภายในนั้นผนึกวิญญาณที่ใกล้จะแตกดับของน้องสาวของม่อชวน
เพียงแค่มองแวบเดียวซูอี้ก็มองออกว่าหากเปิดผนึกแม่กุญแจนี้ วิญญาณที่ใกล้จะแตกดับของม่อหลี่ก็จะแตกสลายไปอย่างรวดเร็ว
“ไปกันเถอะ เดินทางไปสู่นภาโกลาหล”
ซูอี้เก็บแม่กุญแจเมฆินทร์ ก่อนจะเบนสายตามองไปที่ปีศาจเฒ่าคิ้วขาว
“ขอรับ!”
ปีศาจเฒ่าคิ้วขาวน้อมรับคำสั่งอย่างเชื่อฟัง และกลายร่างเป็นสัตว์สุญญะสว่างว่างอีกครั้ง จากนั้นก็พาซูอี้แหวกมิติไป
——
ผลุบ!
ท่ามกลางอากาศผันผวน ซูอี้ขี่สัตว์สุญญะสว่างว่างเดินออกมา
ทางเข้านภาโกลาหล คือเหวลึกขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกควันสีดำอยู่ตลอด ในช่วงเวลาตั้งแต่บรรพกาลจนถึงตอนนี้ ได้ทำให้ผู้แข็งแกร่งที่มาเพื่อเสาะหาโอกาสสัมพันธ์ดับดิ้นไปแล้วไม่รู้จำนวนเท่าใด
และตอนนี้ ใกล้ ๆ กับทางเข้านภาโกลาหล จัดให้มีลานวิถีขนาดใหญ่ขึ้น ลานวิถีเป็นรูปลักษณ์ลูกเต๋า มีเสาเก้าสิบเก้าต้นสูงร้อยจั้งตั้งตระหง่าน
ค่ายกลบวงสรวงโลหิต!
เวลานี้ พวกของซูอี้ปรากฏตัวอยู่หน้าค่ายกลบวงสรวงโลหิตแห่งนี้
“ใต้เท้า ท่านคงไม่คิดจะไปจัดการกับยมบาลใช่หรือไม่?”
ปีศาจเฒ่าคิ้วขาวกล่าวด้วยความหวั่นเกรง
ในยุคโบราณกาล ว่ากันว่ายมบาลถูกคุมขังอยู่ในส่วนลึกของนภาโกลาหล
แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตระดับสุดยอดอย่างจักรพรรดิกระดูกขาวกับเทพดาราคล้อยเหล่านั้น ล้วนสู้ไม่ได้!
“ในเมื่อยมบาลถูกกักขัง เหตุใดข้าต้องทำให้มากเรื่องด้วย?”
ซูอี้กล่าวแบบไม่ใส่ใจ
สายตาของเขากำลังพินิจมอง ‘ค่ายกลบวงสรวงโลหิต’ แห่งนั้น
ลักษณะของค่ายกลนี้เหมือนลูกเต๋า แต่ซ่อนเร้นด้วยกลไก มีเสาเหล็กเก้าสิบเก้าต้นตรึงทั้งหกด้าน ด้านบนเชื่อมต่อกับดาวเหนือ ด้านล่างทะลุสิบทิศ
เสาแต่ละต้นมีภาพลายวิถีแปลกประหลาดปกคลุมตลอดทั้งต้น
เพียงแค่พริบตาเดียวซูอี้ก็มองออกว่านั่นคือค่ายกลแห่งการบวงสรวง
ขอเพียงจับผู้แข็งแกร่งมัดติดกับเสาเหล็ก เสาเหล็กก็จะดูดเลือด ระดับวิถี และจิตวิญญาณของคนคนนั้น เพื่อทำเป็นของบวงสรวง และมอบถวายแก่ยมบาลที่ถูกกักขังผ่านค่ายกลนี้
“อีกาน้อย ผู้เป็นจักรพรรดิที่ถูกเจ้าจับตัวในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาอยู่ที่ใด?”
ซูอี้หิ้วปีกของอีกาเก้ามืดมิดด้วยมือเดียว ท่าทางการถูกจับเช่นนั้น ทำให้มันรู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่น
ทว่า เมื่อได้ยินที่ซูอี้ถาม อีกาเก้ามืดมิดก็เกิดความคิดขึ้นมา ตอบ “ขอเพียงเจ้าปล่อยข้า ข้าจะปล่อยตัวผู้เป็นจักรพรรดิเหล่านั้น มิเช่นนั้น ต่อให้ฆ่าข้าทิ้ง ข้าก็ไม่พูด!”
เพียะ!
มันถูกเคาะกะโหลกไปทีหนึ่ง รู้สึกเจ็บจนหน้ามืดเห็นดาว
ซูอี้พูดน้ำเสียงราบเรียบ “ให้ความร่วมมือดี ๆ ข้ารับรองว่าจะให้เจ้าได้มีโอกาสทำดีไถ่ความผิด มิเช่นนั้นล่ะก็ ข้าไม่รังเกียจเลยที่จะให้เจ้าได้รู้จักคำว่าอยู่ตายเสียดีกว่าอยู่นั้นเป็นอย่างไร”
คำกล่าวนี้ หากว่าหลุดออกมาจากปากของคนอื่น อีกาเก้ามืดมิดจะไม่ใส่ใจอย่างแน่นอน
ทว่าคำกล่าวนี้หลุดออกจากปากของชายหนุ่มตรงหน้า น้ำหนักมันจึงต่างกัน
อีกาเก้ามืดมิดรู้ดีว่า ด้วยวิธีการของซูเสวียนจวินผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยสยบแดนดินท่านนี้ หากต้องการจะจัดการกับตัวเอง มัน… คงรับการทรมานแบบนั้นไม่ได้จริง ๆ…
มันลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นอีกาเก้ามืดมิดก็กล่าวเบา ๆ “ใต้… ใต้เท้าซู ข้าขอถามได้หรือไม่ ในใจของท่าน ต้องให้ความร่วมมือเช่นใดจึงจะถือว่าทำดีไถ่ความผิด?”
ปีศาจเฒ่าคิ้วขาวทนไม่ไหว แอบแสดงท่าทีรังเกียจออกมา กระดูกของอีกาน้อยตัวนี้ก็ไม่ได้แข็งเหมือนอย่างที่คิดไว้เลยนี่นา!
“แล้วแต่อารมณ์ของข้า” ซูอี้ตอบ
อีกาเก้ามืดมิด “…”
ท่าทีเช่นนี้ของซูอี้ อหังการจนถึงขั้นไม่พูดเหตุผลกันเลย
ทว่าอีกาเก้ามืดมิดกลับจำเป็นต้องยอม “ใต้เท้าซู ข้าให้ความร่วมมือกับท่านได้ อีกทั้งยังสามารถปล่อยตัวผู้เป็นจักรพรรดิที่ถูกจับตัวมาเป็น ๆ เหล่านั้นได้ด้วย แต่ขอได้โปรดอย่าทำให้ข้าต้องลำบากใจเลย เพราะว่าต่อให้ข้าต้องตาย ก็จะไม่มีวันทรยศต่อใต้เท้ายมบาล!”
“ได้”
ซูอี้พยักหน้า “บอกข้ามาก่อน ผู้เป็นจักรพรรดิที่ถูกจับตัวมาเป็น ๆ เหล่านั้นอยู่ที่ใด?”
อีกาเก้ามืดมิดถอนใจกล่าวอีก “ไกลถึงขอบฟ้า ใกล้แค่ตรงหน้า เพียงแค่ขับเคลื่อนค่ายกลบวงสรวงโลหิตแห่งนี้ ก็จะมองเห็นพวกเขา”
ซูอี้แสดงสีหน้าเข้าใจ “เป็นเช่นนี้จริง ๆ”
ก่อนหน้านี้เขามองกลไกที่ซ่อนเร้นของค่ายกลบวงสรวงโลหิตแห่งนี้ออกบ้างแล้ว เพียงแต่ค่ายกลนี้ไม่ได้ถูกขับเคลื่อน ความลึกลับบางอย่างยังไม่ได้แสดงออกมา เขาจึงยังไม่อาจตัดสินได้อย่างชัดเจน
ซูอี้ถามอีก “ร่างวิถีกับระดับวิถีของชิงเถิง ก็อยู่ด้วยใช่หรือไม่?”
อีกาเก้ามืดมิดกล่าว “ไม่ผิด เรียนใต้เท้าซูตามตรง หลายปีมานี้ ผู้เป็นจักรพรรดิคนใดก็ตามที่ถูกข้าจับตัวมาเป็น ๆ ล้วนถูกกักขังอยู่ตรงนี้ทั้งสิ้น ทั้งหมดมีด้วยกันเจ็ดสิบสามคน ไม่มีใครตายแม้แต่คนเดียว”
ซูอี้พยักหน้า พลันถามขึ้นมา “เจ้ารู้หรือไม่ ยมบาลมาจากหอเก้าสวรรค์จริงหรือไม่?”
อีกาเก้ามืดมิดตัวแข็งทื่อ ส่ายหน้าพลางกล่าว “เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของใต้เท้ายมบาล อย่าได้ถามข้า แม้กระทั่งผู้รับใช้คนสนิทของใต้เท้ายมบาลที่เคยติดตามรับใช้ในอดีตเหล่านั้น ก็ไม่รู้ด้วยเช่นกัน”
ซูอี้ร้องอ้อขึ้นมาทีหนึ่ง “เมื่อก่อนเจ้าติดต่อกับยมบาลเช่นใด?”
อีกาเก้ามืดมิดกล่าว “ทุกพันปี เมื่อคืนแห่งเทศกาลหมื่นโคมไฟมาถึง พลังกฎเกณฑ์ในนภาโกลาหลจะเกิดความเปลี่ยนแปลง และในเวลานั้น ใต้เท้ายมบาลจะใช้ประสานเทวะล้ำเลิศ ถ่ายทอดคำบัญชามาให้แก่ข้า”
ซูอี้ขมวดคิ้วขึ้นมา “หากว่าข้าต้องการพบกับเขาสักครั้ง เจ้ามีวิธีหรือไม่?”
อีกาเก้ามืดมิดสะอึก นัยน์ตาสีแดงก่ำประหลาดไป “ใต้เท้าซู ในเมื่อท่านสามารถใช้พลังของป้ายจารึกแผ่นนั้นได้ ต้องการจะพบกับใต้เท้ายมบาล ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก นอกเสียจาก ท่านเกรงว่าใต้เท้ายมบาลจะหลุดออกมา จึงไม่ยอมทำเช่นนั้น”
ปัง!
เพิ่งพูดจบ อีกาเก้ามืดมิดก็ถูกเคาะกะโหลกอีกครั้ง เจ็บจนมันต้องสูดปาก ร่างของมันสั่นไปทั้งตัว
“วิธีเช่นนี้ ใช้ไม่ได้ผลหรอก”
ซูอี้กล่าวน้ำเสียงราบเรียบ “หากว่ามีอีกครั้ง ข้ารับรองได้ว่าจะช่วยเจ้าถอนขน ย่างสุกแล้วเอามาแกล้มสุรา เพียงแต่ไม่รู้ว่า เนื้ออีกาน้อยอย่างเจ้าจะอร่อยหรือไม่ก็เท่านั้น”
อีกาเก้ามืดมิดขนลุกซู่ ตัวสั่นขึ้นมา มันไม่แม้แต่จะสงสัยว่าซูอี้จะกล้าทำเช่นนี้จริงหรือเปล่า!
มันรีบตอบ “ใต้เท้าซู ไม่ทราบว่าท่านต้องการจะพบใต้เท้ายมบาลเพราะเรื่องอันใด?”
ซูอี้ตอบ “ถามเรื่องหอเก้าสวรรค์”
นัยน์ตาของอีกาเก้ามืดมิดเป็นประกาย “ใต้เท้าซู ข้ายินดีจะเป็นผู้แนะนำ ให้ท่านกับใต้เท้ายมบาลได้มีโอกาสพบหน้ากัน! หากว่าทำได้ ข้าสามารถขออนุญาตจากใต้เท้ายมบาลตอนนี้เลย”
ซูอี้กล่าวด้วยความพึงพอใจ “เมื่อสักครู่เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่า มีแต่ตอนคืนเทศกาลหมื่นโคมไฟเท่านั้นจึงได้รับบัญชาจากยมบาล?”
อีกาเก้ามืดมิดกระอักกระอ่วนขึ้นมาในทันใด ฉับพลันกล่าวด้วยน้ำเสียงขมขื่น “ใต้เท้าซู เวลาเจอสถานการณ์พิเศษ ข้าสามารถบวงสรวงขนนกคู่ชีพของตัวข้าเองเพื่อทำการติดต่อกับใต้เท้ายมบาลได้”
เพิ่งพูดจบ
อีกาเก้ามืดมิดก็ส่งเสียงแผดร้อง ตัวชักกระตุก
ที่แท้ ซูอี้เอื้อมมือไปดึงขนนกคู่ชีพที่ส่วนท้องของมันออกมากระจุกหนึ่งแล้ว ทั้งยังมีเลือดติดออกมาด้วย
อีกาเก้ามืดมิดโกรธจนอยากจะร้องด่าออกมา แต่เป็นเพราะกลัวอานุภาพของซูอี้ สุดท้ายได้แต่ข่มใจระงับไว้
พรึ่บ!
ทว่าเวลานี้ ฝ่ามือของซูอี้ปรากฏเพลิงเทวะ ขนนกคู่ชีพกระจุกนั้นก็ลุกไหม้ขึ้นมา