บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 931: เขา
ตอนที่ 931: เขา
ไม่ใช่เพราะผู้ฝึกตนเหล่านั้นมีตาหามีแวว
แต่เมื่อโยวเสวี่ยและซูอี้อยู่ด้วยกัน นางมักเผลอซุกซ่อนปราณที่ฝึกฝนไว้อย่างลืมตน กลายเป็นหญิงงามผู้สุภาพเรียบร้อยราวสาวใช้
สิ่งที่ผู้คนสนใจก็มีเพียงใบหน้างดงามเย็นชาดุจนางสวรรค์ของนางเท่านั้น
ดังนั้น เมื่อโยวเสวี่ยเผยท่าทีแตกต่างจากปีศาจเฒ่าคิ้วขาว ใครหลายคนจึงแปลกใจ
สายตาหลายคู่หันไปมองโยวเสวี่ยอีกครั้ง หรือสตรีโฉมงามดุจนางเซียนผู้นี้จะมีฐานะสูงส่ง?
และยามนี้เอง ภาพอันน่าเหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้น
ปีศาจเฒ่าคิ้วขาวซึ่งพวกเขาถือเป็น ‘ผู้อาวุโส’ ผงะไปและรีบร้อนอธิบาย “ใต้เท้าโยวเสวี่ยเข้าใจผิดแล้วขอรับ ตาเฒ่าผู้น้อยไม่ได้หมายความว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยคนเหล่านี้ ข้าเพียงไม่กล้าล้ำเส้น ทุกอย่างเป็นไปตามเจตจำนงของใต้เท้าซูขอรับ!”
ใต้เท้าโยวเสวี่ย?
ใต้เท้าซู?
คนทุกผู้ตะลึงอึ้ง และพลันตระหนักขึ้นมาว่าพวกตนเข้าใจผิดแล้ว
ปีศาจเฒ่าคิ้วขาวซึ่งพวกตนเรียกเป็น ‘ผู้อาวุโส’ ที่แท้ก็เป็นเพียงตัวตนที่ผู้อื่นส่งมา!
ยิ่งกว่านั้น สตรีงามดุจนางเซียนผู้นี้ก็ไม่ได้สูงส่งที่สุด แต่เป็นผู้อื่น!
สายตาหลายคู่เลื่อนไปมองชายหนุ่มชุดเขียวผู้ยืนมือไพล่หลัง ไม่กล่าวอันใดมาแต่แรกอย่างเผลอตัว
คนผู้นี้… คิดว่าคงเป็น ‘ใต้เท้าซู’ เป็นแน่!
“พวกเจ้าถูกขังที่นี่มานานเพียงไรแล้ว?”
ซูอี้ถาม
ชายวัยกลางคนในชุดม่วงรีบตอบ “เรียนใต้เท้า นับแต่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเส้นทางหยินหยาง เราก็ติดอยู่ที่นี่ได้เดือนกว่าแล้วขอรับ”
ซูอี้ถามอีกครั้ง “มีจักรพรรดิมาช่วยพวกเจ้าหรือไม่?”
ชายวัยกลางคนในชุดม่วงส่ายหน้ากล่าวอย่างขมขื่น “ตอบตามจริง ทางเชื่อมระหว่างคุกอเวจีชั้นหนึ่งและสองขาดจากกันไปนานแล้ว เป็นไปได้สูงมากที่ทุกเส้นทางจะพังทลายหมดแล้วขอรับ”
ทันทีที่วาจาเหล่านั้นถูกกล่าว ซูอี้ก็หรี่ตาลง
คุกอเวจีทั้งเก้าแห่งเมืองมืด ยิ่งลงไปลึกยิ่งอันตราย
กล่าวโดยรวมแล้ว จักรพรรดิที่มายังเมืองมืดเพื่อแสวงโชคจะทิ้งผู้ฝึกตนในวิถีวิญญาณไว้หน้าประตู เพื่อเผชิญคุกอเวจีในสามชั้นแรกของเมืองมืด ส่วนพวกตนจะออกเดินทางไปยังคุกอเวจีชั้นต่ำกว่า
วาจาของชายวัยกลางคนผู้นี้ย่อมหมายความว่าจักรพรรดิที่อยู่ในคุกอเวจีชั้นอื่นก็คงประสบชะตากรรมไม่ต่างกัน!
หลังครุ่นคิดสักพัก ซูอี้ก็ถามอีกครั้ง “จำนวนผีร้ายในคุกอเวจีชั้นแรกมากกว่าปกติ มันเกี่ยวข้องกับการพังทลายของเส้นทางหยินหยางหรือไม่?”
ชายวัยกลางคนผู้นั้นพยักหน้าตอบ “ถูกต้องขอรับ”
ซูอี้ขมวดคิ้วน้อย ๆ
ก่อนหน้านี้ เขาเคยถามอีกาเก้ามืดมิดว่าพวกมันทำลายเส้นทางหยินหยางอันนำสู่เมืองมืดได้เช่นไร
เพราะเส้นทางหยินหยางนี้สร้างขึ้นจากกฎดั้งเดิมของเมืองมรณะ มีตัวตนอยู่นับแต่บรรพกาล และแทบไร้ผู้ใดทำลายมันลงได้เลย
คำตอบของอีกาเก้ามืดมิดเกินความคาดหมายของซูอี้
จนกระทั่งเมื่อคืนเทศกาลหมื่นโคมไม่นานมานี้ อำนาจแห่งกฎดั้งเดิมที่ควบแน่นเป็น ‘เส้นทางหยินหยาง’ ก็เป็นดุจบ่อน้ำใกล้แห้ง และในที่สุดก็พังทลายลงเงียบ ๆ ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์สองขั้ว!
กล่าวง่าย ๆ ก็คือ อุบัติเหตุที่เกิดกับเส้นทางหยินหยางนั้นไม่ใช่เพราะถูกทำลาย แต่เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์ดั้งเดิมที่ก่อเป็นเส้นทางนี้ต่างหาก!
ยามนี้ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงของเส้นทางหยินหยางจะไม่ได้ส่งผลเพียงการเข้าออกเมืองมืดเสียแล้ว แต่กระทั่งคุกอเวจีทั้งเก้าเบื้องใต้เมืองมืดยังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง!
“ใต้เท้า ข้าใคร่รู้ว่าท่านจะรับปากพาข้าไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ?”
ชายวัยกลางคนในชุดม่วงถามอย่างระมัดระวัง
ผู้ฝึกตนมากมายในบริเวณต่างก็มองไปยังชายหนุ่ม
ยามนี้ ใครเล่าจะยังไม่เห็นว่าซูอี้คือผู้ตัดสินใจประจำกลุ่ม?
“เรากำลังจะไปเยือนชั้นที่ห้าหรือลึกกว่านั้น พวกเจ้ารอที่นี่ก่อน เราจะกลับมาพาพวกเจ้าไปด้วย”
ซูอี้กล่าวพลางเดินไปเบื้องหน้า
เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายหนุ่มชุดจีนผู้หนึ่งก็อดวิงวอนไม่ได้ “ใต้เท้า โปรดเมตตาส่งข้าออกไปก่อนเถิด หากท่าน…”
เขาพูดมาถึงตรงนี้ก็หุบปากลงทันที
“เจ้าคิดว่าเราคงไม่ได้กลับมาสินะ?”
ซูอี้ชะงักเท้า รอยยิ้มของเขาดูเหมือนไม่ใช่รอยยิ้ม
ชายหนุ่มชุดจีนร่างสะท้าน เขากล่าวเสียงสั่น “ใต้เท้าเข้าใจผิดแล้วขอรับ ข้าจะกล้าคิดเช่นนั้นได้เยี่ยงไร”
ซูอี้แค่นเสียงหึ “เฒ่าคิ้วขาว เจ้าควรส่งเขาไปก่อนนะ”
ปีศาจเฒ่าคิ้วขาวรีบตอบตกลง
ชายหนุ่มชุดจีนสุดปรีดาทันที
ทว่ายามนี้ โยวเสวี่ยก็กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่เหมือนมองคนโง่ “หากเจ้าออกจากเมืองมืดไป ด้วยขวัญเล็กจ้อยของเจ้า เกรงว่าคงไร้โอกาสรอดออกจากเมืองมรณะนี้เท่าไร”
ชายหนุ่มชุดจีนตะลึงราวถูกฟ้าผ่า ความปรีดาบนใบหน้าแข็งค้างกะทันหัน
คนทุกผู้ต่างมองหน้ากันอย่างลังเล
วาจาของโยวเสวี่ยทำให้หัวใจของพวกเขากระตุกสั่น
จริงของนาง จากวิถีเต๋าของคนเหล่านี้ แม้จะออกจากเมืองมืดไปได้ แต่พวกเขาก็จะตายในเมืองมรณะอันแสนอันตรายนี้อยู่ดี!
ในทางกลับกัน การรออยู่ในสนามเต๋านี้ชั่วคราวย่อมปลอดภัยที่สุด
ส่วนชายหนุ่มชุดจีนผู้นั้น… เกรงว่าคงจบสิ้นแล้ว!
เมื่อคิดเช่นนี้ หลายคนก็ตะลึงเหงื่อผุดพรายเย็นเฉียบ
เพราะก่อนหน้านี้ พวกเขาก็คิดเช่นเดียวกับชายหนุ่มชุดจีน กังวลว่าพวกซูอี้จะไม่อาจกลับมาหลังเข้าสู่คุกอเวจีชั้นห้า และกระเหี้ยนกระหือรือจะให้พวกซูอี้ส่งพวกเขาออกไปก่อน…
ทว่ายามนี้ ใครเล่าจะยังไม่เข้าใจว่าการออกจากที่นี่จะยิ่งอันตราย?
“ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่สนใจปลาซิวปลาสร้อยเหล่านี้เสียอีก”
โยวเสวี่ยกล่าวเบา ๆ
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าไม่ใช่ผู้อดสูที่สนใจเพียงชีวิตและเรื่องของตน ยิ่งกว่านั้น ในเมื่อเขาต้องการให้ข้าเมตตา ข้าก็สงเคราะห์ให้อย่างไรเล่า”
ทันทีที่วาจาเหล่านี้ดังออกมา อารมณ์ของเหล่าผู้ฝึกตนรายล้อมก็ซับซ้อนขึ้นทุกที
ความคิดต่างนั้นอาจนำไปสู่ความต่างระหว่างชีวิตและความตาย
คงเป็นเช่นนั้น!
ไม่นานนัก ปีศาจเฒ่าคิ้วขาวก็ปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุและกล่าวอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าซู ตาเฒ่าผู้น้อยส่งเจ้าหนูผู้นั้นไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์สองขั้วแล้วขอรับ จากนี้ เป็นหรือตาย เขาก็ไม่เกี่ยวกับเราแล้วขอรับ”
ซูอี้พยักหน้าและก้าวต่อไปเบื้องหน้า โดยไม่มัวรอชักช้า
ทางเข้าสู่คุกอเวจีชั้นที่สองอยู่ลึกเข้าไปในคุกอเวจีชั้นแรก
ตู้ม!
เมื่อเห็นพวกซูอี้เดินออกจากสนามเต๋า ฝูงวิญญาณร้ายอันหนาแน่นก็กู่คำราม แยกเขี้ยวกางเล็บพุ่งทะยานเข้ามาอย่างบ้าคลั่งเป็นคราแรก
ดวงตาลึกล้ำเย็นชาของโยวเสวี่ยฉายประกายดูแคลน ยกมือของนางขึ้น
รุ้งทิพย์เพลิงทมิฬนับไม่ถ้วนร่วงหล่นจากนภา
ในทันใดนั้น ทั่วโลกหล้าก็ดูจะลุกเป็นไฟ วิญญาณมารร้ายเหล่านั้นไม่มีโอกาสได้หลบ ร่างของพวกมันถูกแผดเผาสิ้นวิญญาณในพริบตา
จากสนามเต๋าไกลออกไปสามพันจั้ง เพลิงโปรยปรายเยี่ยงพิรุณ แผดเผาวิญญาณมวลมารทั้งหลายสลายสิ้น!
“นี่…”
ทุกผู้ในสนามเต๋าต่างตะลึงอึ้งใจลอย
ยามนี้เอง พวกเขาจึงตระหนักว่า ‘ใต้เท้าโยวเสวี่ย’ ผู้ดูเหมือนสาวใช้ ที่แท้ก็เป็นตัวตนร้ายกาจเร้นกาย
ยิ่งใหญ่ดุจเทพเซียน เย็นชาดุจนางสวรรค์!
เมื่อผู้คนค่อย ๆ คืนจากความตะลึง ร่างของซูอี้และโยวเสวี่ยก็หายไปนานแล้ว
“ครานี้… เราอาจถูกช่วยจริง ๆ ก็ได้!”
ชายวัยกลางคนในชุดม่วงอดกำมือแน่นอย่างตื่นเต้นไม่ได้
…
คุกอเวจีชั้นที่สอง
เป็นไปตามที่ซูอี้คาด มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่นี่ด้วยเช่นกัน และผีร้ายมวลมารต่างคับคั่งทั่วฟ้าดิน
พวกซูอี้ไม่อยู่นิ่ง และยังคงทะลวงสู่คุกอเวจีชั้นต่อไป
…
คุกอเวจีชั้นที่เจ็ด
บนอากาศบังเกิดรอยแตกมิติอันไพศาลเรืองรองดุจขุนเขาใหญ่ที่แยกมหาแดนดินนี้เป็นสอง
ฟากหนึ่งของรอยแตกมิติเป็นโลกาอันมืดมิด เงาร่างของปีศาจร้ายกาจตะคุ่มวูบไหว
ในขณะที่อีกฟากเป็นดินแดนรกร้างอันไร้สิ้นสุด
ไร้ต้นหญ้าในดินแดนรกร้าง ไร้ชีวิตใด ๆ และอยู่ในแสงสลัวแห่งพลบค่ำตลอดกาลนาน
“ผ่านมาเกินเดือนแล้ว และเราก็ฝังสหายเต๋าไว้ที่นี่สิบเก้าคน แถม ‘รอยแบ่งเขตแดน’ นี้ก็กำลังจะพังทลาย ถึงยามนั้น เราจะไร้ที่ไปอย่างแท้จริง…”
ชายชราร่างผอมแห้งในชุดดำผู้หนึ่งอ้าปากพูดเสียงแหบพร่าด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ในบริเวณใกล้เคียง ผู้คนกำลังนั่งขัดสมาธิเข้าฌานเพื่อรักษาบาดแผลตน
ชายร่างสูงใหญ่กำยำผู้หนึ่งไม่กล่าววาจาใด เขาทำเพียงซ่อมดาบหักในมือเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่า
สตรีผมขาวผู้หนึ่งคุกเข่าลงร่ำสุราเงียบ ๆ ดวงตาของนางสุดหมองเศร้า
บัณฑิตวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางแสงพลบค่ำ ใช้ขลุ่ยกระดูกบรรเลงเพลงเศร้าเบา ๆ บรรยากาศในดินแดนรกร้างกลางพลบค่ำนี้ช่างเศร้าหมอง
“หากจะตายก็ตาย ไม่เคยมีจักรพรรดิผู้ใดในโลกที่เป็นอมตะ ข้าหวังเพียงว่าก่อนตาย ข้าจะลากปีศาจไปตายกับข้าได้มากกว่านี้!”
ชายชุดขาวผู้เหน็บดาบโบราณไว้เบื้องหลังกล่าวอย่างไร้อารมณ์
ทว่าเมื่อเขามองไปยังสตรีที่อยู่ไม่ห่างนัก แววตาเย็นชาไร้อารมณ์ของเขาก็ปรากฏความอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย “แม่นางเย่อวี๋ ไฉนจึงไม่พูดหรือ?”
สตรีนางนั้นนั่งกอดเข่าเดียวดายบนเนินเล็ก ๆ ในดินแดนอันรกร้าง ดูเปล่าเปลี่ยวเกินธรรมดา
คิ้วโก่งเนตรเรียวมน สวมมงกุฎดอกบัว อาภรณ์ดำยาวที่ดูเหมือนกลีบบัวอันอ่อนหวานรับกับร่างบอบบางอรชรของนาง ผิวที่โผล่พ้นเสื้อขาวดุจกระเบื้อง ละเอียดอ่อนดุจหยกน้ำดี
ใบหน้าน้อยจิ้มลิ้มงดงามเจือความเศร้าอันไม่อาจปกปิด
เย่อวี๋!
จักรพรรดินีองค์แรกของเผ่าปีศาจงูผู้ถืออำนาจแห่งเผ่า จักรพรรดิวิญญาณหยาดสวรรค์ผู้ลือนามทั่วโลก!
ยามนี้นางดูเหม่อลอย มองไปยังรอยแตกมิติซึ่งอยู่ห่างออกไปและกล่าวเบา ๆ
“หากข้ารู้เรื่องนี้แต่แรก ข้าน่าจะคุยกับเขา… ตั้งแต่ต้น…”
กล่าวถึงจุดนี้ เนตรงามของนางก็เจือน้ำตาวาววับ เต็มไปด้วยความเสียใจไร้หนทาง
ไม่นานนี้ ชิ้นส่วน ‘หยกประสานวิญญาณบุตรมารดา’ ที่ซุกซ่อนในกายนางได้ตื่นขึ้น และบอกนางเป็นครั้งแรกว่าชายที่นางฝันถึงนับปีไม่ถ้วนกลับมาแล้วในที่สุด!
ยามนั้น นางร่ำไห้ด้วยยินดี รอวางแผนเดินทางกลับแทบไม่ได้
ทว่าใครเล่าจะคิดว่าการเปลี่ยนแปลงมหันต์ในเมืองมืดจะทลายสิ้นทุกสิ่ง!!
เย่อวี๋ไม่เคยกลัวความตาย แต่เมื่อนางคิดว่าจะไม่อาจได้พบคนผู้นั้นอีกครั้งเมื่อสิ้นใจ และไม่อาจกล่าววาจาใดกับคนผู้นั้นได้ หัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความโศกโศกา
“เขาหรือ?”
ชายชุดขาวตกใจระคนงุนงง
เขาคือผู้ใด?
นอกจากปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินผู้ล่วงลับเมื่อห้าร้อยปีก่อน จะยังมีผู้ใดในโลกหล้าที่ทำให้จักรพรรดิวิญญาณหยาดสวรรค์ห่วงมากเพียงนี้ด้วยหรือ?