บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 945: ตาย
ตอนที่ 945: ตาย
กระเรียนโลหิตถูกฆ่า!
สิงเยว่ตาโตอ้าปากค้าง นิสัยและความห้าวหาญของซูอี้แข็งกร้าวเกินไปไหม?
เหล่าผู้แข็งแกร่งตระกูลสิงตะลึงเช่นกัน
กระทั่งตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอย่างสิงเทียนเฟิงยังอดใจสั่นมิได้
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ฝ่าฝืนกฎของลานวิถีมังกรเมฆาแล้ว นี่แทบไม่ต่างกับการประกาศศึกต่อเขามารรัตติกาลเลย!
ต่อให้เป็นผู้อาวุโสระดับเวิงเสวียนซานก็ไม่อาจยืนดูดายได้
เพราะลานวิถีมังกรเมฆาแห่งนี้คือถิ่นของเวิงเสวียนซาน ซูอี้เหยียบย่ำกฎของที่นี่ ปลิดชีพกระเรียนโลหิต เป็นการข้ามเส้นของเวิงเสวียนซานอย่างไม่ต้องสงสัย!
อย่างที่คิด สีหน้าของเว่ยจิ้งขุยอึมครึมลง ร่างของเขาวูบไหว ก่อนจะปรากฏตัวบนลานวิถี และย่างเข้าไปหาซูอี้
ตู้ม!
ต่อให้เป็นผู้อาวุโสระดับเวิงเสวียนซานก็ไม่อาจยืนดูดายได้
เพราะลานวิถีมังกรเมฆาแห่งนี้คือถิ่นของเวิงเสวียนซาน ซูอี้เหยียบย่ำกฎของที่นี่ ปลิดชีพกระเรียนโลหิต เป็นการข้ามเส้นของเวิงเสวียนซานอย่างไม่ต้องสงสัย!
อย่างที่คิด สีหน้าของเว่ยจิ้งขุยอึมครึมลง ร่างของเขาวูบไหว ก่อนจะปรากฏตัวบนลานวิถี และย่างเข้าไปหาซูอี้
ตู้ม!
จิตสังหารแผ่พุ่งออกจากตัวเขา แสงกฎอัสนีเจิดจ้าทับซ้อนกันจนเผยให้เห็นความน่าสะพรึงของจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลาง
“วันนี้ผู้ใดบังอาจขวางไม่ให้ข้าฆ่าคนผู้นี้ ผู้นั้นคือศัตรูของเขามารรัตติกาล!”
เว่ยจิ้งขุยพูดเน้นทีละพยางค์ แรงสังหารท่วมท้นออกมา
สิงเทียนเฟิงใจกระตุก ตั้งท่าจะพูดบางอย่าง
เวิงเสวียนซานที่อยู่ไกล ๆ ลุกขึ้น และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “สหายเต๋าสิง อย่าให้ข้าต้องลำบากใจ!”
สิงเทียนเฟิงชะงักไปในบัดดล
เขามั่นใจว่าหากตัวเองฝืนลงมือ ต้องโดนเวิงเสวียนซานสกัดในทันทีอย่างแน่นอน
และในตอนนั้น สิงเยว่ร้อนใจขึ้นมาอย่างอดไม่ไหว เขาตะโกน “คุณชายซู หนีเร็ว!!”
“หนีรึ?? อย่าแม้แต่จะคิด!”
เว่ยจิ้งขุยแค่นเสียงเย็น จากนั้นเขาก็ฟาดมือลงมา
ตู้ม!
แสงอัสนีสีเงินเจิดจรัสนภาจุติ ปลดปล่อยพลังกร้าวพร้อมทำลายฟ้าดิน
ต่อให้ชุยจิ๋งเหยี่ยนผู้เชื่อมั่นในตัวซูอี้ได้เห็นภาพนี้ ก็ยังกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว หน้าตาของนางฉายแววกังวล
แล้วก็ได้เห็นความเย้ยหยันในสายตาซูอี้
เขาสะบัดแขนเสื้อ
ตู้ม!
แสงสะท้อนดั่งทองเทวะปรากฏ ประดุจพายุโหมกระหน่ำ อัสนีสีเงินท่วมฟ้าพลันแตกสลายและอันตรธานไป
ทุกคนต่างเงียบงันด้วยความตะลึง
“นี่มัน…”
สิงเยว่และบรรดาผู้แข็งแกร่งตระกูลสิงยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นด้วยความไม่อยากเชื่อ
“เอ๋!”
สิงเทียนเฟิงผงะ จิตใจของเขาสั่นไหว
นี่คือพลังรบที่ผู้ฝึกตนขอบเขตวงล้อวิญญาณครอบครองหรือ!?
ระหว่างขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำและขอบเขตวงล้อวิญญาณ ดูเหมือนห่างกันเพียงหนึ่งระดับ แต่แท้จริงแล้วห่างกันหนึ่งเส้นทางวิถี!
แทบไม่ต่างจากความต่างชั้นระหว่างฟ้ากับเหว
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ไม่เคยมีผู้ใดได้เห็นขอบเขตวงล้อวิญญาณทลายการโจมตีอันแฝงไว้ด้วยโทสะของจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำผู้หนึ่งได้อย่างง่ายดาย
เวิงเสวียนซานหนังตากระตุก ตะลึงระคนสงสัย
“เป็นไปได้อย่างไร…”
สีหน้าของเว่ยจิ้งขุยก็ดูเหลือเชื่อ
ในสายตาจักรพรรดิอย่างพวกเขา ขอบเขตวงล้อวิญญาณไม่ต่างจากวัชพืชไร้ประโยชน์ จะตัดทิ้งทำลายอย่างไรก็ได้ ไม่มีความอันตรายสักนิด
แต่ใครเล่าจะคิด การโจมตีอันดุดันพอจะสร้างความเสียหายแก่คนขอบเขตเดียวกันกลับโดนชายหนุ่มขอบเขตวงล้อวิญญาณทลายลงโดยง่าย!
ผู้ใดเล่าจะไม่ตื่นตระหนกบ้าง?
“คนระดับเจ้า หากเป็นเมื่อก่อนข้าคงพอมีอารมณ์เล่นด้วยสักยก แต่ตอนนี้ เจ้าไม่มีสิทธิ์พอแม้แต่จะให้ข้าชักดาบ!”
ท่ามกลางเสียงราบเรียบนั้น ซูอี้ก็ลงมือในที่สุด
ฝีก้าวของเขาสบายอารมณ์ประหนึ่งเดินเล่นในลานบ้าน ดูเหมือนเชื่องช้า ทว่าพริบตาก็มาอยู่ตรงหน้าเว่ยจิ้งขุย นิ้วฟันออกไปดุดันดุจคมดาบ
ฉึบ!
รอบ ๆ ฝ่ามือขาวนวลมีประกายสีทองลึกล้ำเปล่งออกมา
นั่นคือพลังของแก่นแท้แห่งเอกกะ แสดงออกผ่านวิถีดาบของตัวซูอี้เอง การโจมตีง่าย ๆ เพียงครั้งเดียว แท้จริงอบอวลไปด้วยพลังแสนน่ากลัวเกินหยั่ง
“ตาย!”
เว่ยจิ้งขุยสีหน้าอึมครึม แขนเสื้อพลิ้วไหว สองมือประสานอินฟาดลงไปอย่างแรง
แสงอัสนีเจิดจรัสพลันปรากฏออกมาท่วมฟ้า เสียงสายฟ้าดังก้อง กฎแห่งวิถีลึกล้ำมหาศาลส่งผลให้การโจมตีนี้ประหนึ่งสายฟ้ากระหน่ำสาดลงมาใส่โลกมนุษย์
เพียงมองจากไกล ๆ ก็มีผลให้หายใจลำบาก สั่นไปทั้งกายและใจ
ไม่ต้องสงสัย เว่ยจิ้งขุยเอาจริงแล้ว เขาแสดงวิชาลับอย่างถ่องแท้ของตน
เวิงเสวียนซานอดพยักหน้าไม่ได้
ในฐานะผู้อาวุโสลำดับที่สองแห่งฝ่ายในเขามารรัตติกาล ชีวิตของเว่ยจิ้งขุยผ่านการต่อสู้น้อยใหญ่มานับไม่ถ้วน พลังวิถีและพลังรบของเขาโดดเด่นแม้ในขอบเขตเดียวกัน
และการโจมตีที่เขาใช้ในเวลานี้ อย่าว่าแต่ปลิดชีพขอบเขตวงล้อวิญญาณเลย ต่อให้ไปเก็บกวาดจักรพรรดิระดับเดียวกันก็สร้างอันตรายได้อย่างยิ่งยวด!
ทว่า อึดใจต่อมา เวิงเสวียนซานยังคงยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
บนลานวิถี มือขวาที่ซูอี้ฟันออกไปประหนึ่งคมดาบสุดแกร่ง ทลายแสงอัสนีมากมายหลายชั้นนั้นลงจนสิ้น!
ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่เคยมีสิ่งใดขวางกั้น ฉลุยผ่านไปได้ทั้งทาง!
ตึง!!!
ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันตั้งตัว ร่างของเว่ยจิ้งขุยก็กระเด็นออกไปอย่างแรง ปลิวออกไปถึงหลายสิบจั้งถึงพอทรงตัวไว้ได้
จากนั้น เว่ยจิ้งขุยกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง สีหน้าซีดเซียวลงราวกระดาษในบัดดล ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความกลัวเกรง
ตรงหน้าอกของเขา เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง กระจกปกป้องหัวใจที่ปกคลุมอยู่ตรงทรวงอกมีรอยคล้ายรอยฟันดาบ จนเกิดเป็นจุดแหว่งเหมือนใยแมงมุม
กระจกปกป้องหัวใจบานนี้เดิมเป็นสมบัติลับขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ แต่บัดนี้กลับเกือบโดนทำลายลงในการโจมตีครั้งเดียว!
ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ หลังจากพลังโจมตีของซูอี้ซึมผ่านเข้ามาในตัวเขา ด้วยพลังขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลางของเขาก็ยังไม่อาจต้านทานมันได้ในทันที ซ้ำยังได้รับบาดเจ็บหนักเพราะมันอีกด้วย!
นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เวลานี้ คนทุกผู้ในที่นี้ล้วนเงียบกริบ
ทุกคนตาโตอ้าปากค้างกันหมด ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
ชายหนุ่มขอบเขตวงล้อวิญญาณ กลับทำร้ายจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลางได้ในการโจมตีครั้งเดียว นี่แทบเหมือนได้ประจักษ์อภินิหารที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ให้ความรู้สึกไม่สมจริงเลยสักนิด
“แข็งแกร่งเหลือเกิน…”
เวิงเสวียนซานสะท้านใจ ยิ่งรู้สึกไม่เข้าท่าเข้าไปใหญ่
ในภูมิมืดมิดแห่งนี้มีชายหนุ่มขอบเขตวงล้อวิญญาณสะท้านฟ้าปานนี้ปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อใด?
“เจ้า…เป็นใครกันแน่?”
เว่ยจิ้งขุยเช็ดเลือดที่ปาก เขายังตะลึงไม่หาย
ตัวเขามากด้วยประสบการณ์ ย่อมสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากลนี้ได้แจ่มชัด
“สุดท้ายก็ต้องตาย ไยต้องสาธยายให้มากความ”
ซูอี้ส่ายหัวเล็กน้อย
เสียงนั้นยังสะท้อนอยู่ ตัวเขาได้ลงมืออีกครั้ง
ฉึบ!
ปราณดาบทะยาน ท้องฟ้าเปล่งแสงจรัส ประหนึ่งลำแสงที่ทะลุขึ้นไปถึงนภา
“ไป!”
หน้าตาเว่ยจิ้งขุยฉายแววโกรธเกรี้ยว เสียงที่ดังออกจากปากสนั่นหวั่นไหว
ดาบสีดำสนิทเล่มหนึ่งเฉี่ยวศีรษะของเขา เปล่งประกายวิบวับกลางอากาศ ก่อนจะพุ่งออกไปอย่างแรงกล้า
เคร้ง!!!
ปราณดาบปะทะกับดาบบิน ส่งเสียงดังกึกก้องสะท้านปฐพี
ท่ามกลางแสงฝนกระหน่ำ แม้ว่าดาบบินสีดำสนิทเล่มนั้นจะต้านปราณดาบของซูอี้ไว้ได้ ทว่าก็ได้รับแรงสะเทือนจนเอนไหวสั่นงึกงัก ส่งเสียงกู่ร้องไม่หยุด
และในตอนนั้น ซูอี้ฝ่าอากาศพุ่งเข้ามา
ท่าทีของเขาเรียบนิ่ง ทุกอิริยาบถมีปราณดาบทิ่มแทงออกมา แผ่ขยายออกไปสิบทิศ
ทุกปราณดาบต่างแผ่ความดุดันคมกล้ามิมีสิ่งใดทัดเทียมออกมา แข็งแกร่งถึงขั้นที่ไม่น่าเชื่อ
ความจริงแล้ว ตั้งแต่พลังของซูอี้บรรลุขอบเขตวงล้อวิญญาณขั้นปลายที่เมืองมรณะในเมืองมืด พลังวิถีของเขาก็ได้วิวัฒนาการจนไม่เหมือนก่อน
ดั่งที่เขาได้ลั่นวาจา หากเป็นเมื่อก่อนเขายังพอมีอารมณ์ต่อสู้กับคนระดับเว่ยจิ้งขุยอยู่บ้าง
แต่บัดนี้ ตัวตนขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลางเช่นนี้ไม่อยู่ในสายตาเขามานานแล้ว!
ตู้ม!
ศึกใหญ่ปะทุบนลานวิถี
ทว่านับตั้งแต่เริ่มศึก ก็มีทีท่าว่าได้เปรียบอยู่ฝ่ายเดียว
ท่ามกลางการห้ำหั่นของซูอี้ เว่ยจิ้งขุยบาดเจ็บไม่หยุด เพียงไม่กี่อึดใจก็มีรอยดาบโชกเลือดมากมายตามตัว ลึกจนเห็นกระดูก
ผู้ที่ได้เห็นหัวใจสั่นไหว ตะลึงจนสติหลุดลอยกันหมด
ชุยจิ๋งเหยี่ยนยิ่งเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ไม่อาจทำใจให้สงบได้
ถึงแม้นางจะรู้มานานแล้วว่าจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นต้นอย่างหยวนหลินหนิงยังเคยพ่ายแพ้ให้กับซูอี้ และเคยเห็นจักรพรรดิคนหนึ่งแห่งสำนักนภายมโลกถูกซูอี้ปราบได้ในคราเดียว
กระนั้นนี่ก็เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นซูอี้เข่นฆ่าจักพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลางคนหนึ่งจนบาดเจ็บหนักโดยไม่ใช้สมบัติล้ำค่าใด ๆ
“เขาเก่งขึ้นกว่าก่อนแล้ว…”
เมื่อมองดูชายหนุ่มบนลานวิถีควบคุมดาบได้ดั่งเทพเซียนแล้ว หัวใจของชุยจิ๋งเหยี่ยนก็มิอาจสงบลงได้อยู่นาน
“ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร ขืนฆ่าข้าก็ถือเป็นศัตรูของเขามารรัตติกาล!”
ฉับพลันนั้น เสียงคำรามกราดเกรี้ยวของเว่ยจิ้งขุยก็ดังอยู่ในลานวิถี
ทว่าเมื่อกระทบโสตประสาทฝูงชนแล้วกลับได้ยินถึงอารมณ์สิ้นหวังระคนลนลานของเขา
เว่ยจิ้งขุย ผู้อาวุโสลำดับที่สองแห่งฝ่ายในเขามารรัตติกาลในยามนี้อนาถาจนไม่อาจมองดูได้ ร่างกายบาดเจ็บสาหัส ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เลือดทะลัก เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บหนักจนใกล้ตายเต็มที!
เมื่อกลับมามองที่ซูอี้ เขาไม่เปื้อนดินตั้งแต่แรกจนจบ ไม่สึกหรอใด ๆ!
เปรียบเทียบดูแล้ว ตัดสินได้ทันทีว่าผู้ใดเหนือกว่า
“หยุด…!!”
เวลานั้น เสียงตะคอกดั่งสายฟ้ากระหน่ำดังมาจากทางเข้าลานวิถีมังกรเมฆา
ผู้ฝึกตนแห่งเขามารรัตติกาลพุ่งเข้าไปเป็นกลุ่ม ผู้ที่นำมาคือผู้อาวุโสลำดับที่สามแห่งฝ่ายในเขามารรัตติกาลที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก่อนหน้านี้ เซวี่ยถิง!
เมื่อเห็นสภาพน่าสังเวชของเว่ยจิ้งขุย เซวี่ยถิงโกรธจัด พุ่งมาทางนี้ในทันที
เว่ยจิ้งขุยที่กำลังวิกฤตเห็นดังนั้นแล้วอดยินดีปรีดาขึ้นมาไม่ได้ ราวกับคนใกล้ตายที่ได้รับความหวังว่าจะถูกช่วยเหลือ
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงราบเรียบเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูเว่ยจิ้งขุย
“ตาย!”
พยางค์เดียวสั้น ๆ
เว่ยจิ้งขุยไม่ทันได้ตั้งตัว พลันรู้สึกเจ็บจี๊ดที่คอหอย
เขาก้มมองตามสัญชาตญาณ ก็ได้เห็นปราณดาบเจิดจ้าที่ไม่รู้เมื่อใดได้แทงทะลุคอของตัวเอง
“เป็น… เป็นไปได้…”
สายตาเว่ยจิ้งขุยเลื่อนลอย ประกายหม่นลง
จากนั้นคนทั้งคนล้มตึงลงไปกับพื้น
ร่างบาดเจ็บหนักของเขาสลายกลายเป็นจุณ
ปราณดาบที่แทรกผ่านเข้าไปในตัวเขาปะทุ พลังทำลายล้างแผ่ออกมาลบล้างจิตวิญญาณและพลังชีวิตทั้งหมดของเขาทิ้งจนสิ้น!
“ศิษย์พี่!!!”
เซวี่ยถิงที่เพิ่งไปถึงลานวิถี ไม่ทันได้เข้าช่วยเหลือก็ได้เห็นภาพคาวเลือดนี้ จนร้องตะโกนออกมาด้วยความอาดูร
ห่างออกไปไกล เหล่าผู้ฝึกตนแห่งเขามารรัตติกาลนิ่งสนิทดั่งรูปปั้น
ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติภายในลานวิถีมังกรเมฆา ถึงได้รีบรุดหน้าเข้ามา
ทว่าใครเล่าจะคิด บนลานวิถีในขณะนี้ ผู้ที่ปลิดชีพผู้อาวุโสลำดับที่สองฝ่ายในของพวกเขาจะเป็นคนหนุ่มขอบเขตวงล้อวิญญาณชุดเขียวคนนั้น!
เรื่องนี้น่ากลัวเกินไปจนพลิกผันความคิดของคนทุกคน!
“โดนฆ่าไปง่าย ๆ แบบนี้เลยหรือ…?”
ส่วนเวิงเสวียนซานผู้รู้เห็นตลอดการต่อสู้ก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้ในนาทีนี้ มือเท้าเขาสั่นนิดหน่อย เสียวสันหลังวาบ
พวกสิงเทียนเฟิงแห่งตระกูลสิงโบราณก็ตะลึงกันหมด
ต่อให้ได้ประจักษ์การต่อสู้นี้ด้วยตาตัวเอง แต่พวกเขายังรู้สึกล่องลอยเหมือนอยู่ในฝัน
เว่ยจิ้งขุย ผู้อาวุโสที่ลำดับสองแห่งฝ่ายในเขามารรัตติกาล เดิมเป็นจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลางผู้มีชื่อเสียงมานมนาน แต่ในวันนี้ บนลานวิถีมังกรเมฆา กลับจบชีวิตด้วยมือของชายหนุ่มขอบเขตวงล้อวิญญาณ
ถ้าเล่าเรื่องนี้แล้วผู้ใดจะเชื่อ?
ฟ้าดินเงียบสนิท เหลือเพียงเสียงตะโกนด้วยความอาดูรของเซวี่ยถิงที่ยังสะท้อนเนิ่นนาน
บนลานวิถี สายตาชายหนุ่มเรียบนิ่ง มองคนที่เหลืออย่างผู้เหนือกว่า