บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 946: เจ้าเมืองปรากฏกาย
ตอนที่ 946: เจ้าเมืองปรากฏกาย
บนสนามต่อสู้
เซวี่ยถิงผู้โศกเศร้าพลันเงยหน้าขึ้นมองซูอี้ ไม่ปิดบังความเกลียดชังในสายตา
ก่อนหน้านี้ยามเมื่อพบซูอี้ เขาทั้งเตือนและข่มขู่อีกฝ่าย
ทว่าเขาหรือจะคิดว่าชายหนุ่มในขอบเขตวงล้อวิญญาณเช่นเขาจะสังหารเว่ยจิ้งขุยผู้อยู่ในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลางได้?
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงอยากเข้ามาพัวพันเรื่องของเขามารรัตติกาลของข้าด้วย?”
เซวี่ยถิงสูดหายใจยาวและกล่าวด้วยเสียงลุ่มลึก
ในฐานะจักรพรรดิผู้เจนศึก เขาจะไม่เอนไหวตามโทสะ
ยิ่งกว่านั้น ความจริงที่ว่าเว่ยจิ้งขุยยังถูกฆ่า ไฉนเลยเซวี่ยถิงจะกล้าทิ้งชีวิตง่าย ๆ?
ซูอี้กล่าวสบาย ๆ “ข้าเป็นใครไม่สำคัญ เรื่องสำคัญก็คือพวกเจ้าทั้งหมดต้องตายวันนี้”
วาจานี้ช่างเลื่อนลอย หากเป็นยามที่ซูอี้เพิ่งมาถึงสนามเต๋าแห่งนี้ มันคงเรียกเสียงหัวเราะได้มากมาย
ทว่ายามนี้ ประโยคนี้ทำให้หัวใจทุกผู้ฟังหนาวเยือก
สีหน้าของเซวี่ยถิงแปรเปลี่ยนชั่วขณะ สายตาพลันเบนไปมองเวิงเสวียนซาน และกล่าวว่า “เฒ่าเวิง ลานวิถีมังกรเมฆานี้คือถิ่นของเจ้า เจ้าจะมองเจ้าเด็กนี่อาละวาดฆ่าคนที่นี่หรือ?”
สีหน้าของเวิงเสวียนซานแข็งค้างเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าจะนิ่งเฉยได้เช่นไร? ใครก็ตามที่เหยียบย่ำกฎของลานวิถีมังกรเมฆาก็เท่ากับเป็นศัตรูของเมืองตังกุยทั้งเมือง ต้องถูกลงโทษอย่างหนัก!”
กล่าวจบ เขาก็หันไปกล่าวกับซูอี้ว่า “เจ้าหนู ตาเฒ่าผู้นี้จะให้โอกาสเจ้า หยุดเสียที่นี่แล้วรอผล ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อท่านเจ้าเมือง และเรื่องก็จะยังมีทางคลี่คลาย หาไม่ อย่าหาว่าตาเฒ่าผู้นี้ไร้เมตตาเลย!”
วาจาของเขากังวานชัดเจน
ทว่าทุกคนต่างได้ยินกระจ่างแจ้งว่าท่าทีของเวิงเสวียนซานอ่อนลงมาก และกระทั่งยกเกียรติภูมิของเจ้าเมืองมาขู่
ซูอี้แค่นเสียง ไม่กล่าววาจา
เขาลงมือทันที
ควับ!
ปราณดาบสายหนึ่งทะยานกวาด ดุจเสี้ยววงเดือนล่องลอยพร่างจักรวาล ฟันเข้าใส่เซวี่ยถิง
ทุกคนต่างแปลกใจ ไม่คาดเลยว่าซูอี้จะไม่เห็นเวิงเสวียนซานในสายตาแม้แต่น้อย และลงมือทันที!
กระทั่งเซวี่ยถิงยังไม่ทันตั้งตัวเล็กน้อย
เมื่อปราณดาบของซูอี้มาถึง เขาก็ทำได้เพียงตอบสนองอย่างเงอะงะ จากนั้นจึงถูกหนึ่งดาบฟาดฟันกระดอนกลับหัว ร่วงลงไกลออกไปสิบกว่าจั้ง
โลหิตไหลออกจากจมูกและปาก ทั่วร่างรวดร้าวรุนแรง พลังของดาบนี้สูงส่งเกินจินตนาการ ทำให้เขาบาดเจ็บได้ทันที!
“เจ้า…”
เวิงเสวียนซานเดือดดาล
ทว่าซูอี้ไม่คิดใส่ใจใด ๆ ทั้งสิ้น ร่างของชายหนุ่มวูบไหวและมาปรากฏกายตรงหน้าเซวี่ยถิง
เขาไม่อาจหลบพ้น จึงทำได้เพียงสู้ยิบตา
สนามต่อสู้ปั่นป่วน เสียงคำรามสนั่นราวอสนีบาต
ร่างของเซวี่ยถิงถูกผลักกระเด็น เขาไม่รู้ว่ามีกระดูกในกายแตกหักมากเพียงไร เลือดเนื้อปริขาด นอนแน่นิ่งกรีดร้องโหยหวนกับพื้นอย่างเจ็บปวด
เหล่าผู้ชมลุกฮืออย่างตกใจ
ตัวตนจักรพรรดิผู้ทรงเกียรติในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นกลางกลับไร้พลังดิ้นรนต่อต้าน และถูกชายหนุ่มในขอบเขตวงล้อวิญญาณปราบราบคาบ!!
โดยเฉพาะเหล่าผู้ฝึกตนจากเขามารรัตติกาลต่างตกตะลึง เงียบกริบดุจป่าช้า หนาววูบวาบราวอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
วิถีลึกล้ำเป็นดั่งนภาสรวง จักรพรรดิดุจเทวา
นี่คือสิ่งที่ทั่วโลกต่างรับรู้
ในสายตาผู้ฝึกตนหลายร้อยล้านทั่วโลกา ตัวตนขอบเขตจักรพรรดินั้นไม่ต่างจากเทพจากเก้าชั้นฟ้า ทำได้เพียงแหงนมอง
ทว่ายามนี้ ซูอี้ ชายหนุ่มผู้หนึ่งในขอบเขตวงล้อวิญญาณ ไม่เพียงสังหารจักรพรรดิเว่ยจิ้งขุยในคราแรก แต่ยังทำให้จักรพรรดิเซวี่ยถิงพ่ายแพ้ย่อยยับ!
ใครเล่าจะไม่ตกใจกลัวเมื่อเห็นเช่นนี้?
“หยุดนะ!!”
เวิงเสวียนซานคำราม ถูกยั่วโทสะโดยสมบูรณ์
เป็นเพียงชายหนุ่มในขอบเขตวงล้อวิญญาณ แต่กลับประหัตประหาร มิสนใจกฎเกณฑ์ต่อหน้าต่อตาเขา ใครเล่าจะทนไหว?
โชคร้ายที่ซูอี้ยังคงเมินเขา
ตู้ม!
ด้วยหนึ่งฟาดฝ่ามือ เซวี่ยถิง ผู้อาวุโสลำดับที่สามแห่งเขามารรัตติกาลก็ถูกฟาดตายคาที่ก่อนจะทันได้ร้องขอความช่วยเหลือ
ทั้งกายและวิญญาณสลายเป็นชิ้นเถ้าโปรยหาย!
ในชั่วพริบตา หลังจากเว่ยจิ้งขุน ตัวตนจักรพรรดิอีกหนึ่งคนจากเขามารรัตติกาลก็ถูกสังหาร!
ภาพอันโหดเหี้ยมนองเลือดนี้ทำให้ผู้อื่นตะลึงค้าง
ทุกคนต่างเห็นผู้ห้าวหาญมาทั้งนั้น
ทว่าคนเช่นซูอี้ที่แข็งแกร่งพอจะสังหารจักรพรรดิคนแล้วคนเล่าได้ทั้ง ๆ ที่มีการฝึกฝนเพียงขอบเขตวงล้อวิญญาณ พวกเขาเพิ่งเคยได้เห็นก็ครั้งนี้!
มีเพียงแววตาของชุยจิ๋งเหยี่ยนที่ยังเจิดจ้าพร่างพราว หัวใจตื้นตันจนไม่อาจพูดได้มากกว่านี้
นางรู้ว่าซูอี้กำลังระบายแค้นให้แก่นาง!
กล่าวอีกนัยก็คือ ในสายตาของเขา เพื่อให้นางได้ผ่อนคลาย เขาจึงไม่ลังเลที่จะสังหารจักรพรรดิเพื่อนาง!
ยามนี้ เวิงเสวียนซานโกรธเสียจนตาถลน
เขาเตือนอีกฝ่ายย้ำ ๆ หลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งล้วนถูกซูอี้เมินเฉย
เหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นตบหน้า หนึ่งฉาดไม่พอ ยังตบเขาซ้ำ ๆ หลายต่อหลายฉาด!
“ตาพวกเจ้าแล้ว”
ซูอี้มองไปยังเหล่าผู้ฝึกตนจากเขามารรัตติกาล
เมื่อถูกสายตาของเขาจับจ้อง ผู้ฝึกตนทั้งหลายจากเขามารรัตติกาลล้วนกรีดร้องราวกับตกใจ และลนลานกระเสือกกระสนหนีไป
“จะจบไม่จบ!?”
ปอดของเวิงเสวียนซานแทบระเบิดด้วยโทสะ เขาไม่อาจยั้งความโกรธไว้ได้อีก และพุ่งเข้าสู่สนามเต๋า พยายามหยุดซูอี้ทันที
เมื่อร่างของเขายังคงทะยานบนเวหา เขาก็เห็นซูอี้โจมตีสุ่ม ๆ
ตู้ม!
ปราณดาบอันดูราวน้ำตกสาดเทลงจากเก้าชั้นฟ้า ทรงพลังเกินชี้วัด
อำนาจร้ายกาจทำให้ร่างของเวิงเสวียนซานชะงักค้าง พลันเอนร่างหลบ
ไม่มีทาง เขาจะกล้าต้านรับมันได้เช่นไรหลังเห็นการตายอย่างอนาถของเว่ยจิ้งขุยและเซวี่ยถิง?
ซูอี้ได้อาศัยโอกาสนี้ ฟาดฟันปราณดาบออกไปหลายสิบสายในอึดใจเดียว พวกมันก็ประสานตัดกันทะลวงสู่เวหา
ภายใต้สายตาตื่นกลัวของผู้คน ผู้ฝึกตนหลายสิบคนจากเขามารรัตติกาลผู้กระเสือกกระสนไปยังทางออกลานวิถีมังกรเมฆาล้วนถูกหนึ่งปราณดาบฟาดฟัน
ฉับ! ฉับ! ฉับ! ฉับ!
เสียงร่างแหลกเละดังทึบ ๆ ถี่รัวราวประทัด หมอกโลหิตระเบิดปุ้งดุจดอกไม้ไฟ
ในพริบตา ยอดฝีมือสิบหกคนจากเขามารรัตติกาลล้วนปลิดปลิวคาที่!
กระทั่งจักรพรรดิเยี่ยงเว่ยจิ้งขุยและเซวี่ยถิงยังห่างไกลเกินจะเป็นคู่ปรับแก่ซูอี้ นับประสาอันใดกับตัวตนที่มีระดับต่ำกว่าขอบเขตจักรพรรดิกัน?
สำหรับซูอี้ การสังหารพวกเขาไม่ต่างจากการบี้ฝูงมดเลย!
จวบจนยามนี้ ยอดฝีมือทั้งหมดจากเขามารรัตติกาลล้วนถูกสังหารสิ้น
‘นี่… ทรงอำนาจเกินไปแล้ว…’
สิงเทียนเฟิงพึมพำในใจ ไม่อาจสงบตนได้แสนนาน
สิงเยว่และสมาชิกตระกูลสิงคนอื่น ๆ ต่างตะลึงอึ้งราวฝันไปเช่นกัน
นับแต่ซูอี้ได้ปรากฏกายขึ้นสังหารกระเรียนโลหิต จนถึงยามสังหารสองตัวตนจักรพรรดิ เว่ยจิ้งขู่และเซวี่ยถิง จนกระทั่งสังหารผู้ฝึกตนทั้งหลายจากเขามารรัตติกาล ใช้เวลาเพียงชั่วประเดี๋ยวเท่านั้น
ในช่วงกาลแสนสั้นนี้ ซูอี้ได้สำแดงวิชาดาบอันร้ายกาจของเขาออกมา
ท่าทางเช่นนี้แข็งแกร่งพอจะทำให้จักรพรรดิมากมายบนโลกละอาย!
“เจ้า… เจ้า…”
สีหน้าของเวิงเสวียนซานซึ่งอยู่ไกลออกไปซีดขาว โกรธเสียจนพูดไม่ออก
ก่อนหน้านี้ เขาอยากเข้าไปหยุดยั้ง ทว่ากลับถูกบีบให้ต้องหลบปราณดาบของซูอี้ และทำได้เพียงมองผู้ฝึกตนจากเขามารรัตติกาลล้มตายอนาถ
ทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขามหาศาล
เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนเช่นไร จึงกล้าผยองเพียงนี้
ต้องใช้ความกล้าบ้าบิ่นเช่นไรจึงกล้าทำเรื่องไร้กฎระเบียบเช่นนี้!
“ข้ากระไรหรือ?”
ซูอี้ที่อยู่บนสนามต่อสู้เบือนสายตาไปมองเวิงเสวียนซาน
หนึ่งมือไพล่หลัง หนึ่งมือคว้าไหสุราขึ้นดื่ม
ยามนี้ เวิงเสวียนซานดูมืดหม่นไม่อาจคาดเดา อกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง
เนิ่นนานจากนั้น เวิงเสวียนซานก็สูดหายใจลึก ๆ และกล่าวอย่างเฉียบขาด “ข้าบอกแล้ว ว่าไม่ว่าผู้ใดละเมิดกฎของลานวิถีมังกรเมฆาต้องถูกลงโทษสถานหนัก!”
ซูอี้ส่งเสียงอืม พยักหน้ากล่าว “งั้นเจ้าก็โจมตีมาสิ”
สิงเทียนเฟิงแปรสีหน้า รีบกล่าวอย่างรวดเร็ว “คุณชายซู สิ่งที่เกิดในวันนี้เป็นฝีมือเขามารรัตติกาล ไม่ได้เกี่ยวอันใดกับผู้อาวุโสเวิง โปรดสงบโทสะหยุดต่อสู้กันเถิด”
เขารู้กระจ่างแจ้งว่าเวิงเสวียนซานอาจไร้สิ่งใดให้กลัว ทว่าเจ้าเมืองเบื้องหลังเวิงเสวียนซานคือผู้แข็งแกร่งดั้นฟ้า!
ซูอี้ขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นทันที “ก่อนหน้านี้ เจ้าแก่นี่ปลิ้นปล้อน ไม่รอช้าที่จะใช้กฎที่ว่ามาข่มเหงผู้คน เจ้าไม่เห็นหรือไร?”
วาจาของเขาแฝงความไม่สบอารมณ์
ร่างของสิงเทียนเฟิงชะงักค้าง เหงื่อแตกชุ่มหลัง ไม่กล้ากล่าวมากไปกว่านี้
ยอดฝีมือตระกูลสิงต่างเงียบกริบ
ซูอี้แข็งแกร่งเสียจนกล้าบั่นหัวจักรพรรดิทุกย่างก้าว ใครเล่าจะไม่เกรงกลัว?
สิงเยว่อดกล่าวอย่างระมัดระวังไม่ได้ “คุณชายซู พวกข้าเพียงเป็นห่วงว่าหากทำเช่นนี้ เจ้าจะล่วงเกินเจ้าเมืองตังกุยนี้โดยสมบูรณ์ หากเป็นเช่นนี้ เรื่องจะยิ่งแย่นะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชุยจิ๋งเหยี่ยนก็ลังเลชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำว่า “พี่ซู ในการประมือครั้งก่อนระหว่างข้ากับกระเรียนโลหิต ผู้อาวุโสผู้นั้นไม่เคยสอดมือหรือแทรกแซงเลย…”
ก่อนนางจะทันกล่าวจบ ซูอี้ก็ขัดขึ้นอย่างจนใจ “สุดท้ายแล้วเจ้าก็ยังเด็กเกินไป หากข้าไม่มาวันนี้ เจ้าคิดว่าจะเกิดอันใดขึ้นกับเจ้าบ้าง?”
สีหน้าของชุยจิ๋งเหยี่ยนแปรเปลี่ยนเฉียบพลัน สงวนคำเงียบไป
ไกลออกไป เวิงเสวียนซานกล่าวอย่างจริงจัง “การประลองอย่างยุติธรรม ผู้ชนะเป็นราชา ผู้แพ้เป็นโจร ทุกสิ่งเป็นไปตามกฎ จะผิดอันใด?”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “นั่นคือกฎของลานวิถีมังกรเมฆาของเจ้า และข้าก็มีกฎของข้า เจ้าน่าจะลองดูนะว่ากฎของใครดีกว่ากัน”
เวิงเสวียนซานหน้าเสีย แต่ไม่กล้าลงมือมากไปกว่านี้
อย่าว่าแต่เขาเลย
ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ใส่ใจกระทั่งเขามารรัตติกาล หากลงมือจริง ๆ อีกฝ่ายคงฆ่าเขาโดยไม่สนสิ่งใดแน่แท้!
“ในเมื่อเจ้ากลัว ก็ทำตามกฎข้า”
ซูอี้กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ไปขอขมาแม่นางจิ๋งเหยี่ยนเสีย แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
ตู้ม!
หนึ่งศิลากวนให้เกิดคลื่นนับพัน
สิงเทียนเฟิงและคนอื่น ๆ ต่างอ้าปากค้าง แทบไม่อาจเชื่อหูตนเอง
ใครเล่าจะคิดฝันว่าฆ่ายอดฝีมือจากเขามารรัตติกาลยังไม่พอ ซูอี้ยังคิดบีบให้เวิงเสวียนซานขอขมาด้วย?
หากเวิงเสวียนซานไม่ทำเช่นนี้ ซูอี้จะฆ่าเขาโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม!
เวิงเสวียนซานสั่นเทิ้มด้วยโทสะ หนวดขาวสั่นไหว ใบหน้าชราวัยแดงก่ำยากจะมองยิ่งขึ้น ดูพร้อมจะร่างระเบิดจากโทสะทุกขณะ
เขาอยู่มานับปีไม่ถ้วน ทว่านี่คือครั้งแรกที่ได้เห็นชายหนุ่มผู้ยโสโอหังเพียงนี้!
ยามนี้เอง เสียงประกาศจริงจังเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ณ ทางเข้าลานวิถีมังกรเมฆา
“เจ้าเมืองมาแล้ว!”
เสียงนั้นก้องสู่โสตคนทุกผู้
สิงเทียนเฟิงและคณะต่างหัวใจสั่นคลอน ท่าไม่ดีแล้ว เจ้าเมืองผู้อยู่ในเมืองตังกุยมานับปีไม่ถ้วน มีอำนาจมหาศาลมาปรากฏกาย เรื่องวันนี้จะดีได้เช่นไร?
เวิงเสวียนซานผู้กรุ่นโกรธชะงักค้างชั่วขณะ ก่อนจะผ่อนหายใจยาว ความโกรธแค้นบนใบหน้าจะเลือนหาย
และแทนที่ด้วยความปรีดา!