บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 953: เจ้าหนูนั่นมีปัญหา!
ตอนที่ 953: เจ้าหนูนั่นมีปัญหา!
เมืองรัตติกาลนิรันดร์
เมืองโบราณแห่งหนึ่งซึ่งมีชื่อในประวัติศาสตร์นานแสนนาน
จากคำร่ำลือ เกาะที่ตั้งของเมืองแห่งนี้แปรเปลี่ยนจากซากของ ‘บุตรมังกรป้าเซี่ย’ ในสมัยโบราณ มีขนาดสามร้อยลี้
เมืองแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยความมืดตลอดกาล กระทั่งท้องทะเลใกล้เคียงยังครึ้มเมฆเสมอ ไร้แสงใด ๆ จากฟ้า
ทว่าในเมืองนั้นเต็มไปด้วยแสงไฟสว่างไสวทอดยาวดุจมังกร ขับไล่ความมืดไปจากตัวเมือง
สองวันต่อมา
เมื่อเห็นเมืองโบราณนี้จากระยะไกล หวังชงหลูก็รู้สึกโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด
นานมาแล้ว ในทะเลทุกข์แห่งนี้ เมืองรัตติกาลนิรันดร์คือพื้นที่ปลอดภัยแห่งเดียวเสมอ
ทุกตัวตนที่มายังทะเลทุกข์ ไม่ว่าจะเผชิญอันตรายหนักหนาเพียงใด ขอเพียงหนีมายังเมืองรัตติกาลนิรันดร์ได้ พวกเขาก็จะได้ที่หลบภัย
ในลักษณะเดียวกัน กระทั่งตัวตนร้ายกาจที่สุด หากเข้ามาในเมืองแห่งนี้ พวกเขาจะไม่กล้าก่อเรื่องวุ่นวาย
หาไม่ เขาคงจะถูกมองเป็นศัตรูของผู้ฝึกตนทั้งเมือง และยังจะตายอย่างไร้เหตุผลด้วย
การตายอย่างแปลกประหลาดเหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่ชั่วกาลนาน
เพราะเหตุนี้ ตลอดมา เมืองแห่งนี้จึงถูกมองเป็นเขตปลอดภัยแห่งเดียวเหนือทะเลทุกข์
“สหายน้อยซู หลังเข้าเมืองได้ ตาเฒ่าผู้นี้จะไปหายามบอกเวลาทันที เจ้ามีแผนใดหรือไม่?”
หวังชงหลูถาม
บาดแผลของเขาฟื้นตัวเล็กน้อย และเขาก็กระปรี้กระเปร่าขึ้น เมื่อมาถึงเมืองรัตติกาลนิรันดร์โดยสวัสดิภาพ อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นมากเช่นกัน
ทว่าเขาก็ยังไม่เต็มใจยิ่งที่จะร่วมเดินทางกับผู้น้อยผู้เย่อหยิ่งอย่างซูอี้
ระหว่างทาง วาจาของซูอี้ทำเขาจนปัญญามาหลายหน อัดอั้นเสียจนคิดอยากทุบตีซูอี้ผู้นี้อยู่หลายหน
ทว่าสุดท้ายเขาก็ยั้งมือ
ไม่ว่าอย่างไร ซูอี้ก็ช่วยชีวิตเขา ตนเองจะต่อสู้กับอีกฝ่ายได้เช่นไร?
สิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้ก็คือแผลบนร่างของหวังชงหลูร้ายแรงมาก หากลงมือจริง ๆ เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของชายหนุ่มในขอบเขตวงล้อวิญญาณผู้นี้หรือ…
“ข้าก็จะไปหาเขาเช่นกัน”
ซูอี้ตอบพลางเก็บเรือไร้อับปางไป
“เจ้าก็ไปด้วยหรือ?”
หวังชงหลูตะลึง
ซูอี้กล่าวพร้อมกับยิ้ม “ที่ข้ามายังเมืองรัตติกาลนิรันดร์ก็เพราะข้าต้องการพบยามบอกเวลา แปลกหรือไม่?”
มุมปากของหวังชงหลูกระตุกอยู่หลายหน เจ้าเด็กน่ารังเกียจนี่!
“หากครานี้ข้ามีโอกาส ข้าก็จะไปตลาดมืดเพื่อดูด้วยว่าจะเจอสมบัติที่ใช้ได้บ้างหรือไม่”
ซูอี้ตื่นเต้นนัก จากนั้นเขาก็ก้าวยาว ๆ ไปยังเมืองรัตติกาลนิรันดร์ที่อยู่ห่างออกไป
ตลาดมืดที่ว่านั้นคล้ายกับตลาดมืดในเมืองอื่น ๆ ทว่าในเมืองรัตติกาลนิรันดร์ ตลาดมืดนั้นเป็นที่รู้จักกันดี
เขาสามารถซื้อสมบัติหายากในทะเลทุกข์ได้มากมายจากที่นั่น
หากโชคดี เขาอาจจะพบสมบัติหายากเกินคาดฝัน ซึ่งมิต่างจากมหาลาภเลย
ดังนั้น ตลอดมานับแต่โบราณ ตัวตนส่วนใหญ่ซึ่งเข้ามายังทะเลทุกข์จะไปยังตลาดมืดทุกครั้งที่มาถึงเมืองรัตติกาลนิรันดร์
แน่นอนว่าเรื่องน่าจับตามองก็เกิดขึ้นไม่ขาดช่วง
เพราะถึงอย่างไร โลกนี้ก็ไม่ขาดนักฉวยโอกาส
ในอดีตชาติ ซูอี้ก็เคยมายังตลาดมืดของเมืองรัตติกาลนิรันดร์และพบสมบัติดี ๆ มากมาย
“เจ้ามัวทำอันใดอยู่ ตามมาสิ”
เมื่อสังเกตเห็นว่าหวังชงหลูไม่ได้ตามมา ซูอี้ก็หันไปเร่ง
คนฟังกัดฟันกรอด หัวใจของเขารู้สึกอ้างว้างเล็กน้อย ยามใดกันที่อสูรเพลิงสายฟ้าผู้ยิ่งใหญ่ตกต่ำเสียจนกระทั่งผู้น้อยยังกล้าสั่งโน่นนี่กับเขา?
“ช่างเถอะ ไปหายามบอกเวลากับเขาก่อน ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้าเด็กนี่จะทำอันใด ยังกล้าโอหังเมื่อพบยามบอกเวลาหรือไม่!”
หวังชงหลูสูดหายใจลึก ๆ และตามไปเงียบ ๆ
เมืองรัตติกาลนิรันดร์ครึกครื้นมาก
ในผืนทะเลใกล้ ๆ ก็เห็นเหล่าผู้ฝึกตนรีบร้อนเข้ามาจากทั่วสารทิศ
กระทั่งก่อนเข้าประตูเมืองยังมีเสียงอุทานลั่นออกมาจากไกล ๆ
“ไม่ใช่ว่านั่นคืออสูรเพลิงสายฟ้าหรือ?”
“ว่าแล้วเชียว ปีศาจเฒ่านั้น!”
“ชู่ เงียบสิ! อยากตายหรือไร?”
“แปลกจัง รู้อยู่ว่าอสูรเพลิงสายฟ้าร้ายกาจเพียงไร ไฉนเขาจึงทำตัวเหมือนข้ารับใช้ ตามหลังเจ้าหนุ่มนั่นต้อย ๆ เช่นนี้เล่า?”
มีเสียงพูดคุยที่ใกล้ประตูเมือง
เมื่อเขาได้ยินว่าตนถูกมองเป็น ‘ข้ารับใช้’ ของซูอี้ หวังชงหลูก็แทบเก็บจิตสังหารไว้ไม่ไหว และมองไปยังคนผู้นั้นด้วยแววตาวาวโรจน์
ผู้ฝึกตนที่พูดเช่นนั้นต่างตกใจหน้าซีด วิญญาณสะท้านแทบสิ้นใจ
หวังชงหลูรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย และไม่ใส่ใจตัวตนเล็กจ้อยพวกนั้นอีก
แม้ว่าซูอี้จะเดินนำหน้าอยู่ เขาก็เห็นเรื่องเหล่านี้ชัดแจ้ง และอดหัวเราะในใจไม่ได้
เจ้าปีศาจเฒ่าผู้นี้น่าสนใจเอาการ มิเพียงชอบคุยโว แต่ยังชอบรักษาหน้า และทำตัวตลกขบขันด้วย
แสงสว่างในเมืองรัตติกาลนิรันดร์ทอดยาวราวกับมังกร แม้คนเดินถนนในเมืองจะมีรูปลักษณ์แตกต่างกัน และยังมีตัวตนจากชนเผ่าอื่น ๆ ปะปน แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้ฝึกตน
และผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็อยู่ในขอบเขตวงล้อวิญญาณ!
เพราะถึงอย่างไร ผู้ฝึกตนทั่วไปจะไม่อาจข้ามทะเลทุกข์มาถึงเมืองรัตติกาลนิรันดร์ได้เลย
ระหว่างทาง เมื่อตระหนักถึงตัวตนของหวังชงหลู ก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมากมาย
อสูรเพลิงสายฟ้าจากห้วงลึกทะเลทุกข์ผู้นี้ เพียงชื่อเสียงก็เพียงพอให้ผู้อื่นฮือฮา และยามนี้เมื่อเขาปรากฏตัวในเมืองรัตติกาลนิรันดร์ จะไม่ดึงความสนใจจากผู้คนได้เช่นไร?
สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือนาน ๆ ครั้ง ตัวตนอาวุโสบางคนจะลุกขึ้นเดินเข้ามาทักทายหวังชงหลูอย่างนอบน้อม
ส่วนชายชราก็ทำเพียงพยักหน้าน้อย ๆ ให้แก่คนเหล่านั้นและไม่ได้สนใจมากนัก
ทว่า ท้ายที่สุด ความรู้สึกของการได้รับคำชมจากผู้อื่นก็ล้างความทุกข์ใจของเขาไปได้มากนัก
“คารวะใต้เท้า!”
ทันใดนั้น กลุ่มยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นคำนับหวังชงหลู
เมื่อเห็นยอดฝีมือเหล่านี้ บรรยากาศที่เคยครึกครื้นในถนนใกล้ ๆ พลันเงียบลง และผู้ฝึกตนหลายคนก็เลี่ยงพื้นที่นี้โดยไม่ตั้งใจ
สิบสามแม่ทัพปีศาจแห่งเขาเพลิงสายฟ้า!
สมุนที่แข็งแกร่งที่สุดสิบสามตนของอสูรเพลิงสายฟ้า แต่ละตนล้วนเป็นปีศาจเฒ่าที่ทรงพลังและดุร้าย พวกเขามีระดับการบ่มเพาะในขอบเขตจักรพรรดิ
ตลอดมา อสูรเพลิงสายฟ้าไม่ค่อยจะปรากฏกายด้วยตนเองนัก ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่จำเขาได้มักจะเป็นตัวตนชราวัย หรือตัวตนที่อยู่ในทะเลทุกข์แสนนาน
แต่เมื่อเป็นสิบสามแม่ทัพปีศาจแห่งเขาเพลิงสายฟ้า ในทะเลทุกข์อันกว้างใหญ่นี้ กล่าวได้ว่าไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก
เมื่อพวกเขาปรากฏขึ้นคารวะหวังชงหลู ภาพนี้จึงยิ่งแสดงออกชัดเจนว่าฐานะของหวังชงหลูสูงส่งเพียงไร
ยามนี้ หวังชงหลูอดยิ้มไม่ได้ จากนั้นเขาก็โบกมือ “ยั้งตัวหน่อย อย่าก่อกวนผู้อื่น ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือเมืองรัตติกาลนิรันดร์ เราต้องเคารพกฎเขา”
“ขอรับ!”
สิบสามแม่ทัพปีศาจตอบกลับพร้อมเพรียง
หวังชงหลูอดทอดมองไปไกลไม่ได้ อยากรู้ว่าซูอี้ ณ ขณะนี้จะมีปฏิกิริยาเช่นไร
ทว่าเขาก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินจากไปแล้ว และดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นเรื่องทั้งหมดนี้เลย หรืออาจเห็นแล้วแต่เมินเฉยสนิท
นี่ทำให้หวังชงหลูรู้สึกหดหู่เกินบรรยาย
ขยิบตาให้คนตาบอด เสียความรู้สึกเปล่า ๆ!
“ใต้เท้า เจ้าหนูผู้นั้นมีสิ่งใดผิดปกติหรือขอรับ?”
ชายชุดดําหัวโล้นถามด้วยเสียงกระซิบ
ปีศาจตนอื่น ๆ ต่างจ้องมองไปที่หวังชงหลูเช่นกัน
พวกเขาสังเกตเห็นมานานแล้ว ว่าหวังชงหลูให้ความสนใจกับเจ้าหนุ่มชุดเขียวผู้เอาแต่เดินไปข้างหน้าไม่สนใจใครผู้นั้น
ชายชราโบกมือกล่าว “ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า พวกเจ้าไปรอที่หอหยกสวรรค์ก่อน พอข้าทำธุระเสร็จก็จะไปหาพวกเจ้าเอง”
กล่าวจบ เขาก็สาวเท้ายาว ๆ ตามไป
สิบสามแม่ทัพปีศาจมองหน้ากันอย่างสับสน ใต้เท้าน่ะหรือจะจับตามองชายหนุ่มในขอบเขตวงล้อวิญญาณ?
ภาพนี้ได้รับความสนใจจากผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงเป็นวงกว้าง
“แม้จะถูกสำนักสุดวิถีหมายหัว ทว่าปีศาจเฒ่าผู้นี้กลับยังไม่ตาย เกินคาดหมายของข้าจริงแท้”
ในหอสุราแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มผมสีเทาผู้หนึ่งพูดกับตนเอง เขาดูเหมือนยังเยาว์วัย แต่สายตาของเขากลับเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลา
นิ้วมือขาวของเขากําลังเล่นกับดาบบินทรงกระสวยสีเลือดเล่มหนึ่ง
ยามนั้นเอง จู่ ๆ เสียงประจบสอพลอก็ดังขึ้นจากภายในดาบบินทรงกระสวยนั้น “ใต้เท้า จะไปคุยกับปีศาจเฒ่านี้เพื่อดูว่าเราจะใช้มันได้หรือไม่?”
ชายหนุ่มผมสีเทาส่ายหัวเล็กน้อย “ผู้ใดก็ตามที่ถูกสำนักสุดวิถีหมายหัว ย่อมถูกกำหนดชะตาให้ตายตกสิ้น และข้าไม่อยากนำตัวเองไปพัวพันด้วย”
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างครุ่นคิด “แต่กลับเป็นเจ้าหนุ่มชุดเขียวที่ปีศาจเฒ่าหวังติดตามที่พิกลเล็กน้อย”
ในดาบบินทรงกระสวยสีเลือด เสียงมีเสน่ห์กล่าวอย่างประหลาดใจว่า “เจ้าหนุ่มนั่นมีปัญหาหรือ?”
ดวงตาลึกล้ำของชายหนุ่มคนนั้นเย็นเยียบลงกะทันหัน ดุจดั่งวังวนอันคาดเดามิได้ “เมื่อครู่นี้ ข้ารู้สึกถึงบรรยากาศที่คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกบนตัวเด็กน้อยผู้นั้น แปลกจริง ๆ”
เสียงไพเราะนั้นเหมือนตกใจมาก “หากใต้เท้าสังเกตเห็นความผิดปกติได้ นั่นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเจ้าหนุ่มผู้นั้นต้องมีปัญหาใหญ่เป็นแน่ ใต้เท้า เราหาโอกาสคุยกับเจ้าหนุ่มผู้นั้นดีกว่านะขอรับ”
ชายหนุ่มผมสีเทาเงียบไปครู่หนึ่ง “ช่างเถอะ จุดประสงค์ที่เรามาทะเลทุกข์คือการสํารวจความลับของพิภพยมราชฝังวิถี อย่าหาเหาใส่หัวตนเลย”
กล่าวจบ เขาก็พลิกฝ่ามือ เก็บดาบบินทรงกระสวยไป
เสียงอันทรงเสน่ห์เองก็เงียบสนิทไป
…
ข้างประตูเมืองอาคเนย์ของเมืองรัตติกาลนิรันดร์มีบ้านเรือนตั้งเป็นทิวแถว
ที่มุมเมืองเป็นสวนเก่าแห่งหนึ่ง
สวนแห่งนี้ทรุดโทรมอย่างยิ่ง กำแพงลอกล่อน กิ่งไม้โบราณขนาดยักษ์ทะลวงซ่อนอยู่ในกำแพง
ซูอี้ยืนเบื้องหน้าประตูสวนที่ปิดอยู่ และกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “มาเคาะประตูสิ”
เสียงสั่งการนี้ทำให้หวังชงหลูหน้าคล้ำ ทว่าสุดท้ายก็อดทนไว้
เขาแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ไอ้หนู เจ้าควรดีใจนะว่าที่นี่คือเมืองรัตติกาลนิรันดร์ หาไม่ แม้เจ้าจะเป็นผู้ช่วยชีวิตตาเฒ่าผู้นี้ ข้าก็ยังจะทำให้เจ้าสำเหนียกอยู่ดีว่าโอหังให้มีขอบเขตบ้าง!”
ซูอี้แย้มยิ้มไม่สนใจ
หวังชงหลูจัดเสื้อผ้า และเดินมาด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะเคาะประตูที่ปิดอยู่เบา ๆ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เขาเคาะเพียงสามครั้ง ทว่าหวังชงหลูกลับดูเหมือนใช้พลังไปมหาศาล เมื่อเสียงเคาะหยุดลง เขาก็ถอนหายใจยาวและปาดเหงื่อจากบนหน้าผาก
ชายหนุ่มดูไม่แปลกใจนัก เพราะเหนือทะเลทุกข์นี้ มีเพียงยอดฝีมือในขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเท่านั้นที่สามารถเคาะประตูสวนตรงหน้าพวกเขาได้!
ส่วนตัวตนอื่น ๆ ต่อให้พยายามสุดตัวก็ไม่อาจทำเสียงใด ๆ กับประตูนี้ได้เลย
หากฝืนพังประตูเข้าไป จะไม่ต่างกับพาตัวไปตาย
ในอดีต มีบางคนไม่รู้เรื่องราว และคิดว่าสวนแห่งนี้น่าจะบรรจุความลับใหญ่ จึงพยายามพังเข้าไปสุดชีวิต
ทว่าพวกเขาที่บุกเข้าไปในสวนล้วนสลายหายจากโลกหล้า ไร้ข้อยกเว้น!