บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 968: สิ้นหวัง
ตอนที่ 968: สิ้นหวัง
…………………………………………………..
ตอนที่ 968: สิ้นหวัง
พัศดีคนที่สามซึ่งถูกบั่นหัวเป็นชายชรา
หัวของเขาถูกดาบนิลกาฬบริสุทธิ์บั่นกระเด็น ทั้งกายและวิญญาณถูกอำนาจมหาศาลอันอัดแน่นเต็มใบดาบระเบิดเละในทันใด
ไม่เหลือแม้แต่กระดูก!
ฆ่าศัตรูลงเพียงหนึ่งดีดนิ้ว ทำลายสิ้นทั้งอินทรีย์และวิญญาณ
ในช่วงกาลเพียงสั้น ๆ สามพัศดีก็ถูกสังหาร!
ภาพนี้ทำผู้คนตกตะลึง ทั่วสนามรบปั่นป่วน
เป็นเพียงหนึ่งชายหนุ่มในขอบเขตวงล้อวิญญาณ ทว่าอำนาจที่แสดงกลับน่าหวาดหวั่นเกินคะเน ผู้ใดเล่าจะไม่ตกใจ ใครเล่าจะไม่กลัว?
พัศดีคนอื่น ๆ ที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดต่างแสดงสีหน้าหวาดกลัวลึกล้ำ การโจมตีของพวกเขาทอนกำลังลง ต่างฝ่ายต่างระมัดระวังตัว
ทว่า เหล่าผู้คนเจนศึกไม่ได้ผ่อนคลาย แต่ฉวยโอกาสโจมตีสวนโดยเร็วที่สุด!
“ศิษย์น้อง สหายเต๋าหวัง ปราบพวกมันด้วยกันเถอะ!”
หลิ่วฉางเซิงตะโกน
ยามนี้ ยมราชดาบคลั่งผู้ลือนามทั่วหล้ารำพึงในใจอย่างอดไม่ได้
ระหว่างเดินทางก่อนหน้านี้ เขาเคยถามซูอี้ว่าจะคลายการรุมสังหารนี้เช่นไร
ซูอี้ตอบอย่างเหม่อลอยว่าเขาจะให้พวกตนสกัดศัตรูไว้ และเขาจะฆ่าศัตรูให้เอง
ยามนั้น หลิ่วฉางเซิงตะลึงงันและงุนงงอย่างยิ่ง กระทั่งสงสัยว่าซูอี้ไม่รู้ตาสีตาสาหรือไม่
ทว่ายามนี้ หลิ่วฉางเซิงจะยังมิเข้าใจได้อีกหรือ?
“เร็วเข้า สกัดศัตรูไว้ อย่าให้พวกมันหนีไปได้นะ!”
หวังชงหลูในสนามรบคำรามลั่น
“ใต้เท้า ไฉนจึงไม่บอกข้าก่อนเล่าขอรับ?”
ไกลออกไป หงอิ๋งในชุดแดงทั้งตกใจและเดือดดาล
ยมบาลสาวคว้าเส้นผมยาวสีดำทัดไว้เบื้องหลังหู ก่อนจะกล่าวทั้งรอยยิ้ม “หากข้าบอกเจ้าแต่แรก ศึกนี้จะได้เกิดหรือ?”
“เจ้า…”
หัวใจของหงอิ๋งดิ่งวูบ ตระหนักแล้วว่าตนถูกหลอก
ทว่าเขายังคงไม่อาจเข้าใจ “ใต้เท้า การทำเช่นนี้ต่างอันใดกับการทรยศสำนักหรือ? อย่าลืมนะว่าหากผิดสัตย์ปฏิญาณมหาวิถีที่ทำไว้ ท่านจะต้องตายแน่!!”
ยมบาลแค่นเสียงหัวเราะ พลางกลอกตากล่าวเบา ๆ “ในเมื่อข้ากล้าทำ ข้าจะไปกลัวผลตีกลับของสัตย์ปฏิญาณมหาวิถีเช่นไร?”
หงอิ๋งมีสีหน้าไม่อยากเชื่อ “ท่านไม่กลัวความตายหรือ?”
ยมบาลสาวกล่าวพร้อมกับยิ้ม “เดาสิ?”
ในสนามรบห่างออกไป เสียงกรีดร้องลั่นแหลมดังขึ้นอีกครั้ง
พัศดีถูกสังหารไปอีกหนึ่ง!
การนองเลือดนี้ทำให้หน้าผากของหงอิ๋งปูดเส้นเลือดเขียว ไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีก
เพียงชั่วพริบตา สี่พัศดีปลิดปลิว หงอิ๋งจะทนได้เช่นไร?
ตู้ม!
อาภรณ์สีชาดสะบัดพลิ้ว เพลิงนิลกาฬทะยานสู่ฟ้า พลังแห่งขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำขั้นกลางหลอมรวมกับกฎเกณฑ์วอนสวรรค์ จนเกิดเป็นอำนาจถล่มฟ้าสะเทือนแดนดิน
โลกาสั่นสะท้าน สุญญะพินาศถล่ม
ไกลออกไป หลิ่วฉางเซิง จ้านเป่ยฉีและคนอื่น ๆ อึดอัดหายใจลำบาก สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
“ช่างแข็งแกร่งนัก พลังหายนะมหาวิถีที่สำนักสุดวิถีควบคุมนี่ไม่ควรเกิดขึ้นได้จริง ๆ!”
ดวงตาของเย่ลั่ววูบไหว หัวใจสั่นสะท้าน
เมื่อเห็นหงอิ๋งโจมตีมาจากไกล ๆ เขาเองก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันหนักหน่วง
ทว่า ยามนี้เอง…
เสียงหัวเราะอันผ่อนคลายเปี่ยมเสน่ห์ก็ดังขึ้น
“หงอิ๋งเอ๋ย เจ้านี่ช่างโง่จริง ๆ ยามนี้ยังไม่รู้หรือไรว่าใครแน่ที่อยากฆ่าเจ้าจริง ๆ?”
เสียงยังมิทันขาดหาย แสงสีเลือดพลันสว่างวาบ ราวพร้อมฉีกกระชากระเบิดทุกสิ่งใต้สวรรค์กระเด็นหาย
ยมบาลลงมือโจมตี!
ทันทีที่นางลงมือ การโจมตีก็แข็งแกร่งเหลือคณา
ร่างของหงอิ๋งชะงักค้างกะทันหัน และงัดไพ่ตายออกมาโดยไม่ลังเล
“จงตื่น!”
เขาคำรามลั่น ตราประทับวิถีสีดำก็ระเบิดพุ่งสู่นภา สาดแสงทิพย์แรงกล้า
เมื่อมองใกล้ ๆ จะพบว่าตราประทับวิถีนี้มีขนาดเพียงหนึ่งกำปั้น เป็นทรงสี่เหลี่ยม ที่ตราประทับสลักลวดลายวิถียึกยือดุจไส้เดือนเป็นคำว่า ‘พุทธะ’
ตู้ม!!!
เสียงคำรามเลือนลั่นสะท้านปฐพี
แสงศักดิ์สิทธิ์สีเลือดจากการโจมตีของยมบาลถูกตราประทับวิถีสีดำสกัดขวาง สองอำนาจปะทะกันและระเบิดคลื่นพลังทำลายล้างกวาดออกไปทั่วสารทิศ
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
แม้เขาจะหยุดการโจมตีนี้ไว้ได้ แต่หงอิ๋งก็ถูกผลักกระเด็นไปในอากาศ ใบหน้าของเขาซีดขาว อึดอัดจนเกือบกระอักเลือด
ผู้ชมต่างตะลึงอึ้ง
ไม่มีผู้ใดคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหันขึ้นเช่นนี้
“ศึกภายในหรือ?”
เย่ลั่วเลิกคิ้ว นึกไม่ถึงเล็กน้อย
นี่ช่างเหลือเชื่อ
ใครเล่าจะคาดว่าในศึกนองเลือดแสนอันตรายเช่นนี้ จะเกิดการต่อสู้กันเองขึ้นระหว่างยอดฝีมือเรืองอำนาจสองคนของอีกฝ่าย?
หลิ่วฉางเซิงและจ้านเป่ยฉีก็ไม่คาดเลยว่าจะเกิดเหตุพลิกผันเช่นนี้ขึ้น
กระทั่งพัศดีที่ยังเหลืออีกสามคนยังปรับตัวไม่ถูก หัวใจตกตะลึง ใบหน้าฉายแววไม่อยากเชื่อ
ควรค่าจดจำว่า ในฐานะยอดฝีมือจากหอเก้าสวรรค์ เมื่อเข้าสู่สำนักต้องทำสัตย์ปฏิญาณมหาวิถี ไม่ว่าผู้ใดเลือกทรยศ คนผู้นั้นจะได้รับบทลงทัณฑ์จากสัตย์ปฏิญาณมหาวิถีจนดับดิ้น
ทว่ายามนี้ เจ้าเรือนจำที่เจ็ดตระบัดสัตย์!!
ยามนี้เอง ร่างของซูอี้ก็วูบไหว ฟาดฟันดาบโจมตี
สามดาบอันแข็งแกร่งสะท้านใจ รวมเร็วดุจสายฟ้า เกือบถูกฟันออกมาพร้อมกัน
ฉับ! ฉับ! ฉับ!
เสียงอู้อี้สามเสียงดังขึ้นแทบพร้อมเพรียง
รอยดาบฟันปรากฏขึ้นที่คอของสามพัศดีผู้หลงเหลือ
ยามนี้ พัศดีทุกผู้ที่หงอิ๋งพามาล้วนตายสิ้น!
ภาพอันโหดร้ายนี้ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นอีกครั้ง
ดวงตาของซูอี้หันมองยมบาลสาวซึ่งอยู่ไกลออกไป และกล่าวยิ้ม ๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าจะมิอยู่เฉย”
นางตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม “นั่นล่ะที่เรียกว่าเข้าใจกันโดยไร้วาจา”
หงอิ๋งโกรธเสียจนปอดแทบระเบิด ตาเหลือกแทบถลน!
ยามนี้ เขาจะไม่เข้าใจได้เช่นไรว่าการล้อมประหารครานี้ ที่แท้คือกับดักที่เจ้าเรือนจำที่เจ็ดตระเตรียมไว้อย่างดีเพื่อเขา?
ทุกคนต่างมีปฏิกิริยา สีหน้าแปรเปลี่ยนพิกล
“ที่แท้เจ้านี่ก็รู้จักกับสตรีน่ากลัวผู้นั้นอยู่ก่อนแล้ว…”
หวังชงหลูรำพึงกับตนเอง ดวงตาเบิกกว้าง
หลิ่วฉางเซิง จ้านเป่ยฉีและคนอื่น ๆ ต่างโล่งใจโดยสมบูรณ์
พัศดีทั้งเจ็ดถูกสังหาร
ขณะนี้ในสนามรบ เหลือศัตรูเพียงหนึ่ง!
ภาพนี้ทำให้พวกเขารู้สึกราวฝันไป
ก่อนเกิดสงคราม ใครเล่าจะคิดว่าบุคคลที่สามารถพลิกสถานการณ์ยามคับขันได้จะเป็นชายหนุ่มเช่นซูอี้?
ด้วยมือของเขา พัศดีเหล่านั้นราวเป็นพืชผักรอการเก็บเกี่ยว!!
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งไปกว่านั้นคือ กระทั่งหญิงงามผู้ร้ายกาจที่สุดของฝั่งศัตรูยังลอบร่วมมือกับซูอี้แต่แรก!
แม้พวกหลิ่วฉางเซิงจะคุ้นกับการผจญพายุเผชิญคลื่น แต่ก็ยังอดทึ่งกับภาพน่าเหลือเชื่อนี้ไม่ได้
“เรื่องวันนี้… คงทำมิได้แล้วจริง ๆ…”
เย่ลั่วถูใบหน้า รู้สึกว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดนี้เหมือนเป็นการตบหน้าเขาฉาดแรง ๆ แสบร้อนยิ่งนัก
เมื่อย้อนนึกถึงวาจาเยาะเย้ยที่เขาใช้ล้อเลียนซูอี้ เย่ลั่วก็แสนอับอายขายหน้า
ละอายนัก!
กลิ่นเลือดล่องลอยคลุ้งฟ้า คลื่นทะเลซัดสาดปั่นป่วน
อำนาจทำลายล้างกระเพื่อมสะท้อนในอากาศ
ทุกสายตาจับจ้องนิ่งที่หงอิ๋งผู้เดียว
หงอิ๋งย่อมตระหนักว่าตนตกที่นั่งลำบาก เขาสงบโทสะลงและคิดหาทางรอด
“ตราประทับพุทธะเป็นตาย เจ้าเฒ่าผู้บวงสรวงสวรรค์ที่หนึ่งกระทั่งส่งสมบัตินี้ให้เจ้าด้วย”
ดวงตาคู่งามของยมบาลสาวฉายประกายพลางกระซิบเบา ๆ
สีหน้าของหงอิ๋งเย็นชา จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นอย่างดุดัน “เจ้าเรือนจำที่เจ็ด เจ้าวางแผนทรยศสำนักจริง ๆ หรือ?!”
ดวงตาคู่งามของยมบาลสาวระริกแววดูแคลน
ตู้ม!
นางเคลื่อนง่ายเรียบง่าย ส่งแสงสีชาดโปรยปรายจากนภา
“ไป!”
หงอิ๋งใช้ตราประทับสีดำโจมตีใส่ยมบาล
สงครามบังเกิด
คนทุกผู้ตะลึง
เพราะทั้งอำนาจที่ยมบาลใช้ และความแข็งแกร่งของหงอิ๋งล้วนร้ายกาจเกินคาดฝัน ห่างไกลเกินจะเทียบกับเหล่าพัศดีได้
กระทั่งสีหน้าของหลิ่วฉางเซิงและจ้านเป่ยฉียังจริงจังอย่างยิ่ง
เมื่อถามตนเองดู ก็พบว่าหากต้องต่อกรกับหงอิ๋ง พวกเขาคงไร้โอกาสตอบโต้!
ยามนี้ ซูอี้พลันลุกขึ้นและทะยานสู่สนามรบ
“ไม่ดีแล้ว!”
หงอิ๋งเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย
เขาสังเกตเห็นมาก่อนแล้วว่าซูอี้มีอำนาจสยบกฎเกณฑ์วอนสวรรค์ และเมื่อเห็นซูอี้ปรี่เข้ามา หัวใจของเขาก็บีบรัดแน่น
“ต้องหนีไปโดยเร็วที่สุด!”
หงอิ๋งกัดฟัน สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นโหดร้ายจนตรอก ใช้พลังวิถีเต๋าของเขาสุดตัว
ตู้ม!
ตราประทับสีดำอันถูกขานนามว่า ‘ตราประทับพุทธะเป็นตาย’ พลันส่งเสียงคำราม แสงสว่างสาดจ้า ทำลายการกักขังของยมบาลสาวในพริบตา
จากนั้น ร่างของหงอิ๋งก็วูบไหว เตรียมหนีไป
จ้านเป่ยฉีพลันฟาดฟัน
ฉับ!
ปราณกระบี่ร้ายกาจรุนแรงกวาดทั่วนภาดุจขุนเขาผงาด
“ไสหัวไป!”
หงอิ๋งตะโกนลั่น ใช้ตราประทับพุทธะเป็นตายประทับลง ฝืนทำลายปราณกระบี่นั่นไป
ทว่าตามติดจากนั้น หลิ่วฉางเซิงก็ฟาดดาบลงสังหารแล้ว
ต่อจากเขา หวังชงหลูก็เร่งหอกสีม่วงให้ทะลวงออกไป
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่มีผู้ใดคิดให้โอกาสหนีแก่หงอิ๋ง!
นี่ทำให้หงอิ๋งเดือดดาล ใช้สมบัติพยายามเปิดทางหนีอย่างบ้าคลั่ง
ทว่าเมื่อยมบาลโจมตีมาอีกครั้ง และการร่วมมือกันของจ้านเป่ยฉี หลิ่วฉางเซิงและคนอื่น ๆ ทางหนีของหงอิ๋งก็ถูกขวางสิ้นในพริบตา
ไร้ทางหนี!
ดวงตาของหงอิ๋งแดงฉาน ร่างเปี่ยมปราณร้ายกาจ เขาเค้นเสียงลอดไรฟัน “ต่อให้ข้าตาย ข้าก็ต้องลากพวกเจ้าไปด้วย!”
เสียงยังไม่ทันจาง ร่างของเขาก็ปะทุเป็นเพลิง อำนาจทะยานสูง!
“โลหิตเดือดแปรวิถี!”
ยมบาลสาวหรี่ตาคำยาม “หนีไป!”
นี่คือเคล็ดวิชาต้องห้ามของหอเก้าสวรรค์ สังเวยชีวิตและวิถีเต๋าของตนเพื่อแลกกับอำนาจทำลายล้างไร้ขอบเขต
อย่าว่าแต่ตัวตนในขอบเขตเดียวกันเลย กระทั่งตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าหงอิ๋งถูกอำนาจเช่นนี้โจมตีไป ผลที่ตามมาก็ยังร้ายแรงยิ่งอยู่ดี!
ทุกคนเปลี่ยนสีหน้า
“อยากหนีหรือ? สายไปแล้ว!”
หงอิ๋งแหงนหน้าหัวเราะลั่นสู่สรวง บ้าคลั่งเต็มเปี่ยม
ตู้ม!
เขาพลันใช้ตราประทับพุทธะเป็นตาย และคลื่นพลังทลายนภาถล่มแดนดินก็ปกคลุมไปทั่วทุกทิศ
ยามนั้น ทั่วฟ้าดินดูพังทลาย ทุกปรากฏการณ์หม่นแสงสี
ยมบาล หลิ่วฉางเซิง จ้านเป่ยฉีและคนอื่น ๆ ต่างชะงักนิ่งดุจร่วงลงสู่ถ้ำน้ำแข็ง
ตู้ม!
เขาพลันใช้ตราประทับพุทธะเป็นตาย และคลื่นพลังทลายนภาถล่มแดนดินก็ปกคลุมไปทั่วทุกทิศ
ยามนั้น ทั่วฟ้าดินดูพังทลาย ทุกปรากฏการณ์หม่นแสงสี
ยมบาล หลิ่วฉางเซิง จ้านเป่ยฉีและคนอื่น ๆ ต่างชะงักนิ่งดุจร่วงลงสู่ถ้ำน้ำแข็ง
ไร้โอกาสหนี!
อำนาจทำลายล้างนี้เล็งเป้าพวกเขาไว้อย่างแน่นิ่ง
กระทั่งเย่ลั่วผู้มองการต่อสู้จากไกล ๆ ยังตระหนกหวาดสีหน้าเปลี่ยน
และยามนี้เอง…
เสียงครวญดาบพิลึกก็ก้องขึ้นในโสตของหงอิ๋ง!