บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 971: คีรีดาบเก้าดารา
ตอนที่ 971: คีรีดาบเก้าดารา
…………………………………………………..
ตอนที่ 971: คีรีดาบเก้าดารา
เมื่อซูอี้มาถึง บริเวณทะเลใกล้เคียงพิภพยมราชฝังวิถีก็มีผู้ชุมรุมกันอยู่แล้วมากมาย
ทว่า เนื่องจากความกว้างใหญ่ของบริเวณน่านน้ำ กลุ่มคนจึงกระจัดกระจายไกลจากกัน และดูระแวดระวังกันเอง
“พวกเขาทำอันใดอยู่? รอดูเรื่องสนุกหรือ? หรือรอต้อนรับยอดฝีมือที่กลับออกมาจากพิภพยมราชฝังวิถีกันเล่า?”
ยมบาลสาวงุนงงเล็กน้อย
ซูอี้ส่ายหัวตอบ “พวกเขากำลังหาโอกาสเลื่อนขอบเขต”
ผู้ฟังตกตะลึง
ชายหนุ่มกล่าวต่อ “แสงแห่งมหาวิถีรอบ ๆ พิภพยมราชฝังวิถีมีพื้นเพจากกฎต้นกำเนิดส่วนหนึ่งของภูมิมืดมิด และวจีวิถีอันกังวานทั่วฟ้าดินราวเสียงสวรรค์นี้ แท้จริงคือวจีจากอำนาจกฎเกณฑ์มหาวิถี เหมือนดั่งการหายใจของมนุษย์และคลื่นจากทะเลอันเปี่ยมปริศนามากมาย”
“หากตั้งสมาธิทำความเข้าใจ การจะแสวงโอกาสรู้แจ้งเลื่อนขอบเขต ทำลายตรวนขอบเขตเก่าของตน แปรเปลี่ยนสู่ขอบเขตใหม่อย่างน่าอัศจรรย์ก็ทำได้โดนง่าย”
“ทว่า หากการฝึกฝนและการผลักดันไม่เพียงพอ การกลายเป็นมาร แล้วสิ้นสลายตายจากก็ง่ายเช่นกัน!”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของยมบาลก็ดูแปลกไปเล็กน้อย “เช่นนั้น การที่สหายเต๋ามาที่นี่ก็เพราะคิดหาโอกาสพิสูจน์เต๋าเป็นจักรพรรดิหรือ?”
“ถูกต้อง”
ซูอี้พยักหน้าอย่างสุขุม “หากไร้อุบัติเหตุใด ข้าจะได้พิสูจน์เต๋าเป็นจักรพรรดิในพิภพยมราชฝังวิถีนี่ล่ะ”
ท้ายที่สุด เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงล้ำลึก แววตามีเค้าความเฝ้ารอ
พิสูจน์เต๋าเป็นจักรพรรดิ!
สำหรับซูอี้ ทุกการกระทำของเขานับแต่เวียนวัฏสงสารเพื่อฝึกฝนใหม่ ก็เพื่อเตรียมการก้าวขึ้นเป็นจักรพรรดิ
ขอบเขตนี้เป็นเส้นแบ่งเขตแดน
ขอเพียงก้าวเข้าไปในนั้น มันหมายความว่าเขาได้กลับสู่วิถีลึกล้ำ กลับตีเสมออดีตชาติอีกครั้ง!
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ พิภพยมราชฝังวิถีนี้คือสถานที่ที่ซูอี้เคยสำรวจพบเบาะแสเคล็ดเวียนวัฏสงสาร และทำให้ซากโบราณนี้เป็นดั่งสะพานที่เชื่อมผ่านอดีตชาติของซูอี้สู่กาลปัจจุบัน
ยมบาลสาวอึ้งไป
นางไม่คาดว่าซูอี้จะตอบอย่างตรงไปตรงมา
ทว่า นางก็เห็นได้ว่าซูอี้ดูมั่นใจสุดขีดในการกระทำนี้!
หลังจากเงียบไปสักพัก ยมบาลก็ตอบว่า “กล่าวกันว่าพิภพยมราชฝังวิถีนี้ปรากฏขึ้นเมื่อครึ่งปีก่อน ในระหว่างนั้น ขุมกำลังสูงสุดมากมายทั่วหกเขตสิบสามแดนดินซึ่งได้ข่าวต่างส่งคนมาสำรวจ หมายความว่าทุกวันนี้ยังคงมีตัวตนแข็งแกร่งมากมายในพิภพยมราชฝังวิถี”
ซูอี้พยักหน้าน้อย ๆ
การพิสูจน์เต๋าขึ้นเป็นจักรพรรดิเป็นเพียงหนึ่งในเหตุผลที่เขามายังพิภพยมราชฝังวิถี
ที่สำคัญกว่านั้นคือการหาที่อยู่ของผีเฒ่าแบกโลง และไก่แจ้เฒ่า!
นอกจากนั้น เรือยมโลกสีดำลึกลับนั้นยังต้องสงสัยว่าจะเกี่ยวพันกับพิภพยมราชฝังวิถีด้วย!
“เจ้าแน่ใจหรือว่าอยากจะไปจริง ๆ?”
ซูอี้ถาม
นางกล่าวโดยไร้ลังเล “แน่นอน อย่างไรเสียข้าก็เป็นเพียงอวตาร ตายไปก็ไม่เป็นไร ในขณะเดียวกัน หากมีโอกาสได้หาเคล็ดเวียนวัฏสงสาร ก็นับว่าข้ากำไรมหาศาล”
ชายหนุ่มไม่พล่ามต่อ “งั้นก็ตามใจ”
กล่าวจบ เขาก็เก็บเรือไร้อับปางและลอยตัวจากไป
“สหายเต๋าคิดลงมือลำพังหรือ?”
ยมบาลสาวอดถามไม่ได้
“ไร้สาระ เจ้าน่ะคิดโจมตีข้าเสมอ จะไม่ให้ข้าระแวงได้เช่นไร?”
ซูอี้กล่าวโดยไม่เหลียวกลับมา
ยมบาล “…”
ขณะที่นางกำลังจะตามไปนั้นเอง นางก็เห็นร่างของเขาวูบไหวทะยานสู่ฟ้า พุ่งเป็นลำแสงเจิดจ้าสู่แสงวิถีอันปกคลุมพิภพยมราชฝังวิถีไว้
ร่างนั้นเป็นดุจเชือกที่ร่วงจากฟ้า วูบไหวและหายไปในอากาศธาตุ
“อยากทิ้งข้าหรือ? ไม่มีทาง!”
ยมบาลสาวลอบกัดฟัน
เหตุที่นางออกตัวมาเดินทางกับซูอี้ครั้งนี้ นางมีแผนอื่นอยู่จริง ๆ
เพราะชายหนุ่มเคยเดินทางสู่พิภพยมราชฝังวิถีมาก่อนในอดีตชาติ เขาจึงรู้จักพื้นที่ต้องห้ามนี้ดี และที่นี่เองที่ซูอี้ได้พบเบาะแสเกี่ยวกับการเวียนวัฏสงสาร
เพราะเหตุนี้ ยมบาลจึงแน่ใจว่าขอเพียงนางไปกับซูอี้ จะได้รับประโยชน์มากมาย!
ทว่ายามนี้ ซูอี้คิดสลัดนางทิ้ง นางจะยอมได้เช่นไร?
วูบ!
ร่างของยมบาลสาววูบไหว เริ่มลงมือเช่นกัน
ทว่าไม่นานนัก นางก็หยุดลงบนอากาศพร้อมขมวดคิ้ว
นางได้รับวิธีเข้าพิภพยมราชฝังวิถึจากซูอี้ตั้งแต่ยามอยู่ในเมืองรัตติกาลนิรันดร์
ทว่าเมื่อถึงคราวลงมือจริง นางก็พบว่าหากอยากเข้าไป นางก็จำต้องรอโอกาส!
รอบพิภพยมราชฝังวิถีมีแสงวิถีนับไม่ถ้วนปกคลุม และการเข้าไปในนั้นก็ต้องหาแสงวิถีจากกฎเกณฑ์มิติท่ามกลางแสงเหล่านี้ให้เจอ
ก่อนหน้านี้ ซูอี้ก็ทำเช่นนั้น
ทว่าเมื่อยมบาลมาถึง นางก็พบว่าท่ามกลางแสงวิถีนับไม่ถ้วน ลำแสงอันบรรจุกฎมิตินั้นวูบไหวราวมัจฉาแหวกวารี ยากจะจับทัน
จนเมื่อผ่านไปเนิ่นนาน…
ในที่สุดยมบาลสาวก็ฉวยโอกาสคว้าลำแสงอันบรรจุกฎมิติไว้ได้ ทว่าหัวใจของนางกลับรู้สึกหดหู่
เพราะนางรู้ว่าคงยากจะตามซูอี้ทัน
“ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จะหาเจ้าให้เจอ!”
ยมบาลสาวลอบกัดฟัน
วูบ!
…
พิภพยมราชฝังวิถี
จันทร์เพ็ญสีขาวราวหิมะลอยเด่น ทอแสงประกายเงินฉาบไล้
บนพื้นมียอดขุนเขาไม่สม่ำเสมอและลำธารทอดยาวกว้างไกล เผยให้เห็นบรรยากาศป่าเขาอันเก่าแก่โบราณ
บนภูเขาลูกหนึ่ง
“ใต้เท้า ไม่มีผู้ใดมาได้ครึ่งปีแล้ว เรายังต้องอยู่ที่นี่อีกหรือขอรับ?”
ชายชุดดำผู้มีเส้นผมและหนวดรุงรังถามเสียงเบา
เขาถือดาบโบราณเล่มหนึ่ง ผิวสีคล้ำและดวงตาคมกริบ
“แค่ครึ่งเดือนเอง ไฉนจึงร้อนรนเล่า”
ชายชราผู้หนึ่งผู้สวมมงกุฎสูงและอาภรณ์โบราณนั่งขัดสมาธิกล่าวเบา ๆ “เราก็แค่ทำตามคำสั่ง รออยู่ที่ ‘ทางเข้า’ นี้ก็พอ”
บนไหล่เสื้อข้างซ้ายของเขามีลวดลายประหลาด เก้าดาราล้อมดาบวิถีปักไว้
ชายชุดดำอดกล่าวไม่ได้ว่า “ใต้เท้า ข้าไม่รู้เลยว่าศิษย์ใต้เท้าผีหมัวรอผู้ใดอยู่หรือ?”
ชายชราส่ายหน้า
เขาเองก็ไม่ทราบ
ทันใดนั้น ชายชราก็เงยหน้าขึ้นกะทันหัน และพบว่าเหนือท้องนภาอันปกคลุมด้วยแสงจันทร์สีเงินเกิดการกระเพื่อมของมิติอย่างรุนแรง
“มีคนมาแล้ว!”
ชายชุดดำลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉงทันที
ชายชรากล่าวอย่างสุขุมกว่ามาก “รอดูเถิดว่าผู้ที่เข้ามาที่นี่มีการฝึกฝนอยู่ในขอบเขตใด หากอีกฝ่ายร่วมมือย่อมดีที่สุด แต่หาไม่ ก็ยังมิสายไป”
ชายชุดดำพยักหน้า
ระหว่างสนทนา คลื่นมิติบนอากาศพลันกู่คำราม
เทียบกับตัวตนอื่น ๆ ที่เข้ามาในพิภพยมราชฝังวิถีครั้งแรก ชายหนุ่มผู้นี้ดูสุขุมมาก
สิ่งนี้ทำให้ทั้งชายชุดดำและชายชราประหลาดใจ
ในภูมิมืดมิดนี้ ใครเล่าจะไม่รู้ว่าพิภพยมราชฝังวิถีเป็นพื้นที่ต้องห้ามอันร้ายกาจที่สุด?
ตลอดกาลนานมา ขอเพียงมียอดฝีมือเข้ามาได้ พวกเขาล้วนใช้สมบัติของตน ระแวดระวังตื่นตัวว่าจะพบพานการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
ทว่าชายหนุ่มผู้นี้กลับไร้ความระมัดระวังหรือประหม่า
สิ่งที่ทำให้ทั้งสองยิ่งแปลกใจก็คือ อีกฝ่ายมีการฝึกฝนอยู่เพียงขอบเขตวงล้อวิญญาณ!
“ใต้เท้า ในความคิดข้า เจ้าหนูผู้นี้ต้องไม่ใช่เป้าหมายที่เรารออยู่เป็นแน่ขอรับ”
ชายชุดดำดูผิดหวังเล็กน้อย
เขาไม่ได้ปิดบังเสียงและตัวตนของเขาก็ดูไร้ความกลัว
ชายชราเองก็ถอนหายใจ “แม้เจ้าหนูผู้นี้จะมิได้แข็งแกร่งนัก แต่เขากล้าหาญมากที่จะมายังพิภพยมราชฝังวิถีเพียงลำพัง เจ้าไปจับเขามาเถอะ”
กล่าวแล้ว ชายชราก็หลับตาลง ดูไม่คิดจะสนใจ
“ข้าไม่อยากมาจัดการกับเจ้าคนต่ำต้อยแบบนี้เลย”
ชายชุดดำพึมพำ
ทว่าเขาก็ยังฮึดขึ้นมา ร่างของเขาวูบไหวสู่อากาศ ขณะกล่าวกับชายหนุ่มชุดเขียวห่างออกไปว่า “เจ้าหนู เจ้ากล้ามากนะที่มายังพิภพยมราชฝังวิถีเพียงลำพัง มิกลัวความตายหรือไร?”
ไกลออกไป ซูอี้ถามอย่างครุ่นคิด “มาปล้นหรือ?”
ชายชุดดำยิ้มเยาะ โดยไม่คิดอธิบาย “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว มานี่เสียดี ๆ เมื่อถึงเวลา ข้าจะพาเจ้าไปที่หนึ่ง”
ซูอี้ลูบคางกล่าว “เจ้าจะไปหนใดกัน?”
ชายชุดดำด่าอย่างหงุดหงิด “ไฉนจึงพูดมากนัก? มานี่สิ! หาไม่ข้าให้ข้าช่วย เจ้าจะเจ็บตัวนะ!”
บรรยากาศรอบตัวเขาพลันเย็นชาแข็งกร้าว ดาบโบราณเบื้องหลังเขาครวญเบา ๆ และพื้นที่รอบข้างพลันหวีดหวิว
จักรพรรดิในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ!
“ก็ได้”
ซูอี้เดินไปหา
ชายชุดดำดีดนิ้วเอ่ยชม “ฉลาดนี่ มากับข้า”
เขาหันหลังเดินกลับไปสู่ยอดเขานั้น
ซูอี้ลดระดับตามไป
เมื่อเขาเห็นชายชราที่นั่งขัดสมาธิอยู่ ซูอี้ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
บนบ่าซ้ายของเสื้อชายชราผู้นั้นมีลวดลาย ‘เก้าดาราล้อมดาบวิถี’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคีรีดาบเก้าดารา!
และคีรีดาบเก้าดาราก็คือหนึ่งในสำนักหกมหาวิถีแห่งเก้ามหาแดนดิน!
ยามนี้ ซูอี้พอเข้าใจแล้ว และถามว่า “พวกเจ้ามาจากพันธมิตรเสวียนจวินหรือ?”
นับแต่ยามที่เขามายังทะเลทุกข์ เขาก็ได้รับรู้จากนายแห่งวิทยาสถานว่ากู้จื้อหมิง ซั่งกวนเจี๋ย เฉิงเทียนคุนและหนีซวง ศิษย์สี่คนนี้ของผีหมัวนำขุมกำลังจากสำนักหกมหาวิถีเดินทางสู่ทะเลทุกข์เพื่อสำรวจพิภพยมราชฝังวิถึ
ทว่า ซูอี้ไม่คิดว่าเขาจะเผชิญหน้าอีกฝ่ายนับแต่ย่างเท้าก้าวแรกสู่พิภพยมราชฝังวิถี!
นี่ไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญ
“หือ? ตาถึงนี่”
ชายชุดดำอดแปลกใจไม่ได้
พวกเขามาจากเก้ามหาแดนดิน และในภูมิมืดมิดนี้ นอกจากตัวตนบรรพกาลไม่กี่คนจากกลุ่มเต๋าสูงสุด น้อยคนนักจะมองปราดเดียวก็รู้ที่มาของพวกเขา
ทว่ายามนี้ ชายหนุ่มผู้หนึ่งในขอบเขตวงล้อวิญญาณกลับทำได้!
ยามนี้ ชายชราผู้กำลังนั่งขัดสมาธิเองก็ลืมตาขึ้นมองซูอี้อย่างเงียบ ๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ดูเหมือนภูมิหลังของสหายน้อยจะไม่ธรรมดาเลย”
ซูอี้กล่าวยิ้ม ๆ “พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อการใดหรือ?”
พิภพยมราชฝังวิถีมีทางเข้าทั้งหมดสามสิบหกแห่ง ซึ่งนำไปสู่พื้นที่ต่าง ๆ ทั่วแดนดิน
นี่ทำให้ซูอี้สงสัยว่าทางเข้าทั้งสามสิบหกถูกยอดฝีมือของพันธมิตรเสวียนจวินเฝ้าอยู่ทั้งหมดหรือไม่
และการกระทำนี้ของพวกเขามีจุดประสงค์อื่น!