บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 975: เทียบกันไม่ติดฝุ่น
ตอนที่ 975: เทียบกันไม่ติดฝุ่น
เสียงของซูอี้ยังคงดังก้อง มีคนอีกสองคนปรากฏตัว
คนหนึ่งเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ใบหน้ากว้าง หนวดยาวประดุจง้าว สวมชุดลายงูยักษ์ มีแสงสีเงินล้อมรอบตัว
อีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิงสวย สวมชุดนางในสีสันฉูดฉาด เวลาที่ส่งสายตามองมาน่ายำเกรงยิ่งนัก
ตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำอีกแล้ว!
ต่อหน้าเรื่องนี้ ซูอี้ไม่รู้สึกตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
ตอนที่เข้าสู่พิภพยมราชฝังวิถี เขารู้จากปากของฟู่ตงหัวแห่งคีรีดาบเก้าดารามาก่อนแล้วว่าในกลุ่มกำลังปฏิบัติการของพันธมิตรเสวียนจวินในครั้งนี้มีผู้สามารถขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำด้วยกันสี่คน
และเมื่อเห็นคนทั้งสี่นี้แล้ว ลำพังเพียงแค่กลิ่นอายพลัง ซูอี้ก็รู้ถึงที่มาของอีกฝ่ายได้ในทันที
ผู้เฒ่าชุดสีดำถือแส้ปัดมาจากบรรพตวิถีพยัคฆ์มังกร
ผู้ชายสวมชุดสีทองมาจากคีรีดาบเก้าดารา
ผู้ชายชุดงูใหญ่มาจากสำนักเทพอัสนีเขียว
ผู้หญิงสวยในชุดนางในนั้นมาจากสำนักอสูรดั้นเมฆา!
ในจำนวนนี้ บรรพตวิถีพยัคฆ์มังกร คีรีดาบเก้าดารา กับ สำนักเทพอัสนีเขียวล้วนติดอันดับ ‘สำนักหกวิถี’ ของมหาแดนดิน
ส่วนสำนักอสูรดั้นเมฆาเป็นขุมกำลังวิถีปีศาจอันดับหนึ่งของมหาแดนดิน
“เจ้าก็คือซูอี้สินะ คนเราจะดูแต่ภายนอกอย่างเดียวไม่ได้จริง ๆ หากไม่รู้ถึงสิ่งที่เจ้าเคยกระทำเมื่อในอดีตจากความทรงจำของเฒ่าบอดนั่นล่ะก็ พวกข้าก็แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ในโลกนี้ยังมีบุคคลร้ายกาจไร้เทียมทานเช่นเจ้า”
ผู้ชายผู้สวมชุดลายงูใหญ่จากสำนักเทพอัสนีเขียวเอ่ยพูดน้ำเสียงหนักทุ้มอันแฝงด้วยความประหลาดใจ
“เฒ่าบอดคนนั้นสงสัยว่าเจ้าเป็นคนรุ่นหลังของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน เป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่?”
หญิงสาวผู้สวมชุดนางในแห่งสำนักอสูรดั้นเมฆายิ้มกรุ้มกริ่มพลางถาม
ขณะที่พูดคุยกัน ตัวประหลาดขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั้งสี่ตรงเข้ามาใกล้ลานวิถีที่ซูอี้ยืนอยู่จากสี่ทิศทาง ปิดทางหนีทีไล่ของซูอี้จนมิด
บรรยากาศกดดันเริ่มแทรกซึมไปทั่วผืนแผ่นดินบริเวณนี้
สีหน้าของเฒ่าบอดขาวซีดราวกับร่วงเข้าไปในถ้ำน้ำแข็ง กล่าวด้วยน้ำเสียงขมขื่น “คุณชายซู ผู้น้อยทำร้ายท่าน…”
ซูอี้ตบไหล่เขาเบา ๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พูดถึงเรื่องเหล่านี้ไปเพื่ออะไร เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ”
พูดจบ เขาสะบัดแขนเสื้อ เมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
เมื่อสะเก็ดแสงสาดส่องลงมา ร่างของเฒ่าบอดก็ถูกเก็บเข้าไปในเมล็ดพันธุ์คังชิง
“เมล็ดพันธุ์แหล่งกำเนิดโลก!”
ดวงตาของผู้เฒ่าชุดสีดำลุกสว่างขึ้นมาในทันใด จากนั้นเขาก็ร้องอุทานขึ้นมา “ของดี!”
สายตาของอีกสามคนก็ลุกวาวเป็นประกายเช่นกัน
“ของดีในตัวเจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ชิ้นเดียว”
พวกเขาเคยค้นจิตของเฒ่าบอด จึงรู้เรื่องราวที่ผ่านมาของซูอี้อย่างแจ่มแจ้ง
“อืม พูดถูก คนผู้นี้อาจจะเป็นคนรุ่นหลังของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน ในตัวจึงมีเคล็ดวิชากับสมบัติล้ำค่าที่มีความมหัศจรรย์อยู่มากมาย หากว่าจับตัวเขามาได้ สำหรับข้าแล้ว ไม่ต่างอะไรไปจากการหาโชคชะตาอันยิ่งใหญ่เจอ”
บุรุษผู้สวมชุดลายงูใหญ่เอ่ยพูดเสียงหนัก สายตาของเขาแผดร้อน เผยความเกรี้ยวกราดออกมาโดยไม่ปิดบัง
“เจ้าหนูน้อย หากว่าเจ้าต้องการมีชีวิตรอด ก็จงให้ความร่วมมือกับพวกเราเสียแต่โดยดี จงไปเปิดประตูใหญ่ของตำหนักทองอร่าม”
สตรีสวมชุดนางในเอ่ยพูดเสียงอ่อนโยน “พวกเราตรวจสอบความจำของเจ้าบอดนั่นแล้ว จึงรู้ว่าเจ้ามีวิธีการที่น่าทึ่งอยู่มากมาย ขอเพียงเจ้าสามารถเปิดประตูบานนั้นได้ ครั้งนี้ก็มีโอกาสรอดชีวิต”
ชั่วขณะนี้ สายตาของผู้สามารถขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั้งสามก็จับจ้องมาที่ซูอี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
สีหน้าของซูอี้สงบนิ่งราบเรียบมาก
เขามีวิธีเปิดประตูใหญ่ของตำหนักทองอร่าม
ทว่าเขาไม่ทำเช่นนั้น
เมื่อในอดีตชาติ เขาก็รู้สึกได้แล้วว่าภายในตำหนักทองอร่ามแห่งนั้นกักขังกำลังที่มีความลึกลับพิสดารและมีอันตรายเป็นอย่างยิ่ง จนถึงขั้นสามารถคุกคามชีวิตตัวเองผู้ซึ่งอยู่ในจุดรุ่งเรืองสูงสุดเมื่อในอดีตชาติ!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่มีทางทำเช่นนั้นเป็นแน่
แท้จริงแล้ว การเปิดประตูใหญ่ของตำหนักทองอร่ามสามารถชักนำภัยไปสู่ผู้สามารถขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั้งสี่ได้
แต่ก็จะทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายด้วยเช่นกัน!
เวลานี้ ซูอี้กวาดตามองผู้สามารถขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั้งสี่คน
เงียบกริบไม่พูดสิ่งใด
เขาขี้เกียจจะใส่ใจกับสาเหตุความเป็นมาเป็นไปในแผนการฆ่าครั้งนี้ไปเสียแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นความคิดของใคร ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีเหตุผลใดจึงต้องการกำจัดตัวเอง
ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว!
พอซูอี้พลิกฝ่ามือ ค้อนทุบเซียนก็ปรากฏขึ้น
ครืน!
เขาเริ่มลงมือก่อนเป็นคนแรก เมื่อแส้ปัดสีขาวราวกับหิมะในมือโบกสะบัด แสงทิพย์สีขาวสว่างเจิดจ้าเปล่งประกาย พุ่งไปครอบตัวซูอี้
แทบจะในขณะเดียวกัน ยอดฝีมืออีกสามคนก็ลงมือพร้อมกัน
ในบัดดล อานุภาพอันน่ากลัวของแต่ละคนก็ปะทุขึ้นในอุโมงค์ถ้ำขนาดใหญ่มหึมา
ทว่าซูอี้กลับไม่แม้แต่จะมองดู เขาชูค้อนทุบเซียนในมือขึ้นแล้วเคาะอากาศ
ครืน!!
โซ่ล่ามสีดำที่พาดไปมาในถ้ำแห่งนี้ส่งเสียงดังราวกับได้รับแรงกระแทกอย่างแรง ระเบิดคลื่นพลังกฎเกณฑ์อันน่ากลัวออกมาราวกับแส้ศักดิ์สิทธิ์นับร้อยนับพันเส้นกำลังสำแดงเดช จากนั้นถาโถมออกไปราวกับคลื่นยักษ์ในมหาสมุทรใหญ่
เพียงครู่เดียว ถ้ำก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“ไม่ได้การ!”
ตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั้งสี่สีหน้าเปลี่ยน พวกเขาต่างพากันหลบหนีในทันใด ไม่สนใจที่จะไปต่อสู้กับซูอี้อีก
พวกเขามาถึงที่แห่งนี้ก่อนหน้าระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทั้งยังเคยตรวจสอบด้วยตนเองมาแล้ว พลังกฎเกณฑ์ที่ห้อมล้อมบนโซ่ล่ามสีดำนั้นเต็มไปด้วยอานุภาพแห่งการทำลายล้าง ดูน่าเกรงขามยิ่ง
ทว่า พวกเขายังคงสบายใจได้เพราะต่อให้ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิลงมือ ก็น้อยนักที่จะสามารถสร้างความสั่นสะเทือนให้แก่โซ่ล่ามสีดำเหล่านั้นได้
ทว่าใครเลยจะคาดคิด ซูอี้เพียงแค่เคาะเบา ๆ คล้ายกับผีเสื้อกระพือปีก พายุแห่งการทำลายล้างก็โหมกระหน่ำ
เมื่อโซ่ล่ามเทวะสีดำนับร้อยนับพันเส้นเหล่านั้นได้รับความสั่นสะเทือนก็ระเบิดอานุภาพแห่งการทำลายล้างที่ยากจะคาดเดาได้ออกมา ราวกับฟื้นตื่นขึ้นจากความเงียบสงัดอันยาวนาน!!
“เมื่อข้ากลายเป็นจักรพรรดิแล้ว ค่อยส่งพวกเจ้ากลับบ้านเกิดอีกครั้ง ถึงเวลานั้น จะให้พวกเจ้าได้เรียนรู้ว่าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้นั้นหมายความเช่นใด”
เมื่อเห็นผู้แข็งแกร่งแห่งขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำเหล่านั้นพากันหนีอุตลุตเอาตัวรอดแล้ว ในสายตาของชายหนุ่มจึงผุดประกายเหยียดหยามดูแคลน จากนั้นเขาก็หมุนตัวจากไป
ตลอดทาง พลังกฎเกณฑ์ระเบิดปะทุที่เต็มไปด้วยอานุภาพการทำลายล้างเช่นนั้นยังไม่ทันได้เข้ามาใกล้ก็ถูกกำลังของค้อนทุบเซียนที่ปล่อยออกมาสลายกำลังไปเสียก่อน
ร่างสูงโปร่งของซูอี้จึงออกไปได้อย่างงดงาม
ข้างหลัง เสียงดังประดุจเสียงฟ้าผ่า ฟ้าดินสั่นสะเทือน แสงระเบิดเจิดจ้า ผสมผสานกับเสียงแผดร้องด้วยความโกรธและตื่นตระหนกของพวกผู้เฒ่าชุดสีดำที่ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ
…
“ไม่ได้การ เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นที่หน้าตำหนักทองอร่ามแห่งนั้น!”
บนหนทางไปสู่อุโมงค์หิน สีหน้าของพวกกู้จื้อหมิงเปลี่ยนไปตาม ๆ กัน
ถึงแม้จะอยู่ห่างกันไกลโยชน์ก็ยังสามารถรู้สึกถึงความสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงที่แผ่ออกมาจากหนทางอุโมงค์ลึกได้อย่างชัดเจน
“ไม่ต้องกังวล ที่ตรงนั้นมีผู้อาวุโสขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำทั้งสี่ท่านคอยเฝ้าระวังอยู่ ต่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ก็ยังสามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย”
กู้จื้อหมิงสูดหายใจลึก ๆ ไปทีหนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวขึ้น
คนอื่น ๆ ก็โล่งอกและเบาใจลงไปไม่น้อย
ทว่าในชั่วขณะนี้เอง ซั่งกวนเจี๋ยก็ร้องอุทานด้วยความตกใจ “รีบดูเร็ว มีคนมาแล้ว!”
คนอื่น ๆ พากันมองออกไป
ชายหนุ่มชุดสีเขียวก้าวเดินออกมาจากหนทางลึก ดูเหมือนจะเชื่องช้า แท้จริงแล้วรวดเร็วยิ่งนัก
“ระดับการฝึกตนขอบเขตวงล้อวิญญาณ… ที่แท้ก็เป็นเขานั่นเอง!”
กู้จื้อหมิงเอ่ยด้วยความตื่นตระหนก “เพียงแต่ว่า เหตุใดคนหนุ่มผู้นี้จึงมีโอกาสหลุดรอดมาได้? หรือว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างอื่น?”
คนอื่น ๆ ก็ตื่นตะลึงเช่นกัน
ทว่า พวกเขาไม่มีเวลาครุ่นคิดตรึกตรองอีกแล้ว
เพราะซูอี้พุ่งตรงมาหาแล้ว!
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
ผู้เฒ่าผมขาวโพลนส่งเสียงตะคอก แล้วเขาก็หยิบตราประทับเต๋าสีทองเรืองอร่ามออกมา ขว้างเข้าใส่ซูอี้อย่างแรง
ชิ้ง!
เสียงดาบกังวานใสดังขึ้น
ซูอี้ถือดาบนิลกาฬบริสุทธิ์มั่นและปัดทิ้งกลางอากาศ
ปัง!!!
ตราประทับเต๋าที่พุ่งเข้ามาถูกซัดกระเด็นออกไป
ผู้เฒ่าผมขาวโพลนยังไม่ทันเปลี่ยนกระบวนท่า ปลายดาบที่คล้ายกับแสงเจิดจ้าก็ปรากฏวาบผ่านคอหอยของเขา
เอื๊อก!
ศีรษะพร้อมกับเลือดกระดอนออกไป
ผู้เฒ่าผมขาวโพลนไร้ศีรษะไปแล้ว ร่างก็แตกสลายตามไป
ฟันผู้เป็นจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำขั้นปลายตายในดาบเดียว!
ภาพการตายอันน่าสยดสยองเช่นนั้นสร้างความตื่นตระหนกหวาดกลัวให้แก่พวกกู้จื้อหมิง ไหนเลยจะมัวรอช้าอยู่อีก พวกเขาต่างก็หยิบสมบัติล้ำค่าของตนเองออกมาซัดกำลังเข้าใส่อย่างเต็มที่
ฉับพลัน เกิดความสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงภายในหนทางเส้นนี้ สมบัติล้ำค่าแต่ละอย่างแต่ละชิ้นลอยไปมา แสงสว่างเจิดจ้าถาโถมโหมกระหน่ำราวกับน้ำตก
ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิทั้งหลายร่วมมือกัน อานุภาพที่เกิดขึ้นนั้นสามารถเผาผลาญผืนแผ่นดิน ทำลายบ้านเมืองขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย!
ทว่าบนเส้นทางที่สร้างขึ้นในตัวภูเขาแห่งนี้ กำลังที่ผู้เป็นจักรพรรดิทั้งหลายปล่อยออกมากลับไม่อาจสร้างความเสียหายอันใดแก่ตัวภูเขาได้
สาเหตุก็เพราะทั้งภายในและภายนอกถ้ำสวรรค์หกวิถีแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยพลังกฎเกณฑ์ ใช่ว่าตัวตนขอบเขตจักรพรรดิคนไหน ๆ ก็สามารถสร้างความสั่นสะเทือนได้
มิเช่นนั้น ในห้วงเวลาอันยาวนานที่ผ่านมาสถานที่แห่งนี้คงจะถูกทำลายไปแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
ครืน!
การต่อสู้ที่พบกันโดยบังเอิญก็ปะทุขึ้น
พลังปราณรอบตัวซูอี้ส่งเสียงดังก้อง ใช้ระดับวิถีทั้งหมดที่มีอย่างเต็มกำลังพุ่งชน
ไม่มีถอยหนี!
ไม่ต้องลังเล!
พลังดาบอันยิ่งใหญ่ดุจทางช้างเผือกระเบิดขึ้น ต้านทานการร่วมมือกันของผู้เป็นจักรพรรดิจำนวนสิบกว่าคน!
“นี่…”
พวกของกู้จื้อหมิงพากันสะดุ้งในใจ
ชายหนุ่มขอบเขตวงล้อวิญญาณคนหนึ่งเท่านั้น แต่กลับต้านทานการล้อมโจมตีพร้อม ๆ กันจากตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอย่างพวกเขา นี่อีกฝ่ายร้ายกาจน่ากลัวถึงเพียงใดกันแน่?
พวกเขาตื่นตะลึงแทบไม่อยากจะเชื่อ!
ท่ามกลางสะเก็ดแสงที่เปล่งประกาย ซูอี้หายวับไป ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ฟาดฟันด้วยความโกรธเกรี้ยว
ครืน!
เสียงระเบิดกระเทือนแก้วหูดังขึ้น
ดาบรบเล่มหนาและหนักถูกสั่นสะเทือนจะกระเด็นออกไปอย่างแรง
และตัวตนขอบเขตจักรพรรดิที่ถือดาบรบถูกฟันขาดเป็นสองท่อน โลหิตสาดกระเซ็นราวกับน้ำพุ ไม่ทันแม้แต่จะร้องโอดครวญออกมา
ผู้เป็นจักรพรรดิคนอื่น ๆ เห็นแล้วตกใจกลัวจนหนังหัวชา หลบหนีกันอุตลุต
อานุภาพของหนุ่มน้อยชุดเขียวคนนี้น่ากลัวเสียเหลือเกิน
รุนแรงราวกับสายฟ้าฟาด ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า!
ไม่ว่าตัวตนขอบเขตจักรพรรดิขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำจะมีระดับการฝึกตนที่แข็งแกร่งหรือไม่ ล้วนต้านรับไม่อยู่!
เช่นนั้นจะไม่ให้พวกเขาตื่นตระหนกได้เช่นใดกัน?
ร่างของซูอี้ทะลวงฝ่าเข้าไปกลางฝูงคนอย่างแรงราวกับปลายดาบอันคมกริบ
เนื่องจากหนทางถ้ำไม่ใหญ่และคับแคบมาก การต่อสู้เช่นนี้จึงไม่แตกต่างไปจากการฆ่าระยะประชิดตัว
ความได้เปรียบในเรื่องจำนวนคนของฝ่ายศัตรูกลับกลายเป็นความเสียเปรียบ เมื่อทั้งสองฝ่ายเบียดอยู่ด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างขัดขวางกันและกัน เวลาที่ต่อสู้ประหัตประหารกันจึงไม่ค่อยถนัดถนี่
เคล็ดวิชาและสมบัติล้ำค่าที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจจะแสดงอานุภาพได้
เพราะทำเช่นนี้แล้วจะมีอันตรายแก่พรรคพวกเดียวกันได้
และนี่จึงเป็นโอกาสของซูอี้!
ร่างของเขาสว่างเจิดจ้า พลังปราณเดือดพล่านดุจเพลิงไฟที่กำลังลุกไหม้ คล้ายประกายแสงอันคมกริบ ตลอดทางที่พุ่งไปข้างหน้าไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งอื่นใด
ทุกแห่งที่คมดาบพาดผ่าน รุนแรงราวกับไม้ไผ่แตกระเบิด สลายการปิดล้อมชั้นแล้วชั้นเล่า!
เสียงร้องครวญคราง เสียงกรีดร้อง เสียงร้องตะโกน เสียงสมบัติล้ำค่าปะทะกัน ดังขึ้นในหนทางแห่งนี้ไม่ขาดสาย
สภาพเหตุการณ์เช่นนั้นราวกับนรกบนดิน
เพียงแค่ไม่กี่อึดลมหายใจ
ร่างของซูอี้ก็บุกทลายวงล้อม หายลับไปในหนทางคับแคบ
หนึ่งดาบฉวัดเฉวียน
เทียบกันไม่ติดฝุ่น!