บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 981: อาจารย์โปรดชี้แนะ
ตอนที่ 981: อาจารย์โปรดชี้แนะ
ในฐานะที่เป็นศิษย์สายตรงอันดับสามของถ้ำเสวียนจวิน ฮั่วเหยาจะลืมของขลังอย่างดาบสามชุ่นสะบั้นหัวใจสวรรค์ชิ้นนี้ได้อย่างไร?
นี่คือดาบวิถีอันล้ำเลิศในตำนาน เป็นศาสตราวิถีในโลกกว้างที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งทั่วมหาแดนดินต้องหน้าเปลี่ยนสีเมื่อได้ยินชื่อ!
“พวกเราต่างก็เข้าใจว่าดาบเล่มนี้ถูกชิงถังคนสารเลวนั่นครอบครอง ไม่เคยคิดเลยว่า… ที่แท้มันยังคงอยู่ข้างกายอาจารย์มาโดยตลอด…”
สีหน้าของฮั่วเหยาฉายแววประหวั่นพรั่นพรึง
น้ำเสียงยังคงดังก้อง เขาพลันลงมือ
สวบ!
ดาบเมฆาแดงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า สะเก็ดเพลิงไฟเทวะพุ่งตรงไปที่ซูอี้อย่างรุนแรง
ถึงแม้รอยบาดแผลในตัวฮั่วเหยาจะยังไม่สมานดีนัก ทว่าอานุภาพของดาบเล่มนี้ยังคงรุนแรงไร้ขีดจำกัด สามารถแทงทะลุทุกสิ่งได้!
ซูอี้ถือน้ำเต้าหยกสามชุ่นในมือขวา จากนั้นเขาก็ขยับเบา ๆ
ชิ้ง!!
เสียงดาบใสกังวานดังขึ้นท่ามกลางภูเขาลำธารที่ถล่มทลายไม่เป็นท่า
ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงแค่เสียงดาบเท่านั้น ทว่ากลับอบอวลไปด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่เหลือคณา สร้างแรงกดดันอันรุนแรง จนทุกสิ่งถึงกับสั่นสะเทือน
จิตวิถีของฮั่วเหยาถึงกับสะดุ้ง พลังปราณรอบตัวหยุดชะงัก จิตวิญญาณได้รับแรงกดดันอันน่ากลัวจนถึงขั้นไม่อาจพรรณนา ทำให้ร่างของเขาแข็งกระด้างราวกับอยู่ในห้องน้ำแข็ง
ขณะเดียวกัน ดาบเมฆาแดงที่พุ่งแทงซูอี้ส่งเสียงโหยหวนออกมาอย่างแรง ตัวดาบสีแดงประดุจเพลิงไฟหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ สั่นระริกอย่างแรง
คมดาบที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายพลังประหัตประหารมลายหายไปในบัดดล
ฮั่วเหยารู้สึกถึงลางไม่ดีขึ้นมา
ขณะที่เขาต้องการจะขับดันดาบเมฆาแดงให้บุกฆ่าศัตรู
จากนั้นเขาก็เห็นนิ้วมือของขวาของซูอี้ทำรูปสัญลักษณ์ประหลาดออกมา จากนั้นกดลงบนน้ำเต้าหยกสามชุ่นเบา ๆ
เวลาเดียวกัน พลันปรากฏลวดลายประกาศิตรูปร่างประหลาดขึ้นบนตัวดาบเมฆาแดง จากนั้นก็หายแวบไปและมาอยู่ในมือของซูอี้
ราวกับนกนางแอ่นกลับสู่รัง
เอื๊อก!
ฮั่วเหยาอ้าปาก เลือดกระอักออก สีหน้าเปลี่ยนไป
ชั่วขณะนี้ การติดต่อประสานทั้งหมดระหว่างเขากับดาบเมฆาแดงถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง จึงเป็นเหตุทำให้จิตวิญญาณได้รับความกระทบกระเทือนตามไปด้วย
เขารับมือต่อเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ทัน!
ตามที่เข้าใจกันดีว่าเมื่อห้าร้อยปีก่อน หลังจากที่ดาบเมฆาแดงอยู่ในมือเขาแล้ว เขาฝึกฝนราวกับเป็นดาบวิถีคู่ชีวิต เพาะเลี้ยงในร่างกายมาโดยตลอด ประสานกับภาวะจิตของเขาราวกับมือและแขนของตัวเอง
แต่ใครเลยจะคิดว่า เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น ดาบเมฆาแดงไม่เพียงแต่ถูกแย่งไป แม้กระทั่งการติดต่อประสานระหว่างเขากับดาบเล่มนี้ก็ถูกตัดขาดไปจนสิ้น!
เช่นนี้แล้วจะไม่ให้ฮั่วเหยาตื่นตระหนกได้อย่างไร?
“อาจารย์ ท่าน… ทำได้อย่างไรกัน?”
สีหน้าของชายหนุ่มตื่นตะลึง น้ำเสียงเคร่งเครียดขึ้นมาก
“สิ่งที่ข้าให้ไป เจ้าสามารถรับไว้ได้ แต่สิ่งที่ข้าไม่ให้ มันก็ไม่ใช่ของเจ้า”
ซูอี้เก็บดาบเมฆาแดงแล้วเดินไปหาฮั่วเหยา
ก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บ เลือดเปรอะเสื้อผ้าที่สวมใส่ ใบหน้าขาวซีด ทว่าสีหน้ายังคงสงบราบเรียบเหมือนที่เคยเป็น
เมื่อเห็นเขาก้าวเดินมาหา ฮั่วเหยารู้สึกเกร็งขึ้นมาอย่างประหลาด กัดฟันกรอดพลางกล่าว “อาจารย์ พูดอย่างไรก็แล้วแต่ ท่านก็เป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตวงล้อวิญญาณเท่านั้น!!”
ครืน!!
ร่างของเขาระเบิดแสงเทวะอันยิ่งใหญ่ มือประดุจดาบ ฟันไปที่ซูอี้
ซูอี้ขับเคลื่อนน้ำเต้าหยกสามชุ่น กลิ่นอายพลังดาบเก้าคุมขังพุ่งเข้าไปในสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้
ทันใด น้ำเต้าหยกสามชุ่นส่งเสียงใสกังวานขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับเสียงสวรรค์มหาวิถีเมื่อครั้งอดีตกาลดั้งเดิม
ทว่าเสียงที่ฮั่วเหยาได้ยินนั้นดุจดั่งอัสนีสวรรค์ชั้นเก้าพิฆาตกลางจิตสัมผัสอย่างแรง ความเจ็บปวดยากจะบรรยายแผ่กระจายออกไป เจ็บจนเขาเห็นดาวขึ้นตรงหน้า ร่างกระตุกอย่างรุนแรง ใบหน้าบิดเบี้ยวตามไปด้วย
โดยไม่ทันให้ฮั่วเหยาได้ทันตั้งตัว ประกายดาบสีเขียวเรืองเปล่งออกมาจากน้ำเต้าไพลินสามชุ่นในมือของซูอี้ ด้วยการตวัดดาบเพียงครั้งเดียวนี้เอง…
ฉึบ!
พลังดาบที่ฮั่วเหยาฟันมานั้นก็แตกสลายราวกับกระดาษ
ส่วนดาบเล่มนี้ของซูอี้คล้ายกับมีอานุภาพยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน พุ่งตรงไปที่ตัวของฮั่วเหยาโดยไม่ลดแรงกำลัง
จิตวิถีของฮั่วเหยาเพิ่งสะดุ้งตื่นจากเสียงดาบอันรุนแรง เมื่อเห็นดาบเล่มนี้พุ่งเข้ามาหา เขาก็หลบโดยสัญชาตญาณ
เอื๊อก!
แขนข้างหนึ่งหลุดร่วงลงพร้อมกับเลือด ภายใต้ประกายดาบอันละเอียดอ่อน แขนข้างนั้นยังไม่ทันหล่นถึงพื้นก็สลายกลายเป็นผงธุลีปลิวหายไปพริบตา
ภายใต้ดาบเล่มนี้ของซูอี้ รอยฉีกที่มีความยาวถึงพันจั้งยังคงอยู่ค้างในอากาศไม่ยอมลับหายไป
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะพยายามหลบอย่างสุดกำลังแล้ว ทว่าก็ยังคงประมาณความน่ากลัวของพลังดาบเล่มนั้นต่ำไป แขนซ้ายถูกตัดขาด บาดแผลที่หัวไหล่ถูกภาวะดาบบดขยี้จนเหลวแหลก แขนซ้ายกลายเป็นเถ้าธุลีหายลับไป
โดยไม่รอช้า เขาใช้เคล็ดวิชามากมายจึงขับภาวะดาบอันน่ากลัวที่กำลังแทรกซึมเข้าไปในร่างออกไปจนหมด
เพียงแต่ สีหน้าของเขาขาวซีดขึ้นมาอีกครั้ง
ถึงแม้พลังของโอสถโชคเก้าสียังคงรักษาบาดแผลในตัวเขาอยู่ ทว่าดาบเล่มนี้ของซูอี้ก็สร้างบาดแผลใหญ่ให้เขาอีกครั้ง!
“ให้ตายสิ! เป็นไปไม่ได้! ด้วยกำลังของเจ้าในตอนนี้ จะใช้อานุภาพสมบัติล้ำค่าเช่นดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ได้อย่างไรกัน!?”
ฮั่วเหยาร้องตะโกนด้วยความโกรธและตกใจ
ในสายตาของเขา ซูอี้ยืนห่างออกไป ในมือของเขาถือดาบสีใสเลือนราง มีความยาวราวสามชุ่น มันเปล่งประกายแสงอันลึกลับออกมา
นั่นคือประกายของดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์!
ฮั่วเหยาเคยเห็นอานุภาพของดาบเล่มนี้เมื่อนานมากแล้ว หากว่าขับเคลื่อนเต็มกำลัง มันสามารถกลายเป็นอานุภาพดาบพุ่งขึ้นฟ้า ฉีกกระชากแผ่นฟ้า บดขยี้สรรพสิ่ง น่ากลัวจนถึงขั้นคาดไม่ถึง!
ถึงแม้สิ่งที่ซูอี้ใช้ในเวลานี้จะเป็นเพียงแค่ประกายดาบเท่านั้น ทว่าอานุภาพของมันยังคงทำให้ฮั่วเหยารู้สึกหนาวสะท้านถึงหัวใจ
เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าอาจารย์ซึ่งอยู่แค่ขอบเขตวงล้อวิญญาณจะสามารถแสดงอานุภาพดาบสามชุ่นสะบั้นหัวใจสวรรค์ได้
เพราะเขาจำคำพูดที่อาจารย์เคยกล่าวเอาไว้เมื่อนานมากแล้วได้เป็นอย่างดี อาจารย์บอกว่าแม้แต่ผู้แข็งแกร่งขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำก็ยังยากที่ใช้ดาบสามชุ่นสะบั้นหัวใจสวรรค์นี้ได้!
“ในโลกนี้ มีเรื่องที่เจ้ายังไม่รู้อีกมาก” น้ำเสียงของซูอี้ราบเรียบ
เสียงยังคงดังก้อง ทว่าเขาถือดาบฟันเข้ามาแล้ว
สวบ!
ดาบเดียวท่องสิบทิศ ขึ้นฟ้าลงนรกไม่หวาดหวั่น
กระบวนดาบนี้มาจากกระบวนเพลงดาบสุดปรีดี วาดลวดลายโดยดาบสามชุ่นสะบั้นใจสวรรค์ เพียงแค่พริบตาเดียว รอบสิบทิศพลันเกิดเงาดาบเลือนรางขึ้น เสียงดาบร้องระงม แผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลได้รับแรงกดดันที่น่ากลัวจนเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เมื่อเจอดาบเล่มนี้เข้า ฮั่วเหยาผู้ที่เมื่อครู่นี้ยังทำท่าดุดันเย่อหยิ่งจองหองถึงกับสลด เขาฝืนตัวเองผลักดันระดับวิถีอย่างสุดแรงเกิดโดยไม่เสียเวลามานั่งคิดถึงบาดแผลบนตัวอีก
ทันใด เพลิงเทวะเดือดพล่านแสงสว่างรอบตัวเขาพุ่งสู่ท้องฟ้า!
“ไป!”
ฮั่วเหยาแผดเสียงร้อง
อานุภาพของโคมไฟเก้ามังกรถูกผลักดันอย่างเต็มกำลัง เพลิงเทวะสีม่วงลุกแผดเผา กลายเป็นมังกรผงาดมีชีวิตเก้าตัว แต่ละตัวมีขนาดใหญ่โตราวกับมังกรขดรอบภูเขา มีเพลิงเทวะสีม่วงล้อมรอบ อานุภาพการทำลายล้างรุนแรงยากจะพรรณนา
ทว่า เมื่อเงาดาบสีใสนั้นแผ่กระจายออกไป
เงามังกรแท้เก้าตัวก็ถูกฆ่าอย่างง่ายดาย กลายเป็นสะเก็ดแสงระเบิดเต็มท้องฟ้า!
ฉับพลัน โคมไฟเก้ามังกรก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง บริเวณไส้โคมไฟ เกิดลวดลายประกาศิตอันแปลกประหลาดพิสดาร เป็นลวดลายประกาศิตอย่างเดียวกับที่ปรากฏบนดาบเมฆาแดงเมื่อก่อนหน้านี้
ถัดมาติด ๆ จิตวิญญาณของฮั่วเหยารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา สูญสิ้นการเชื่อมต่อกับโคมไฟเก้ามังกรอย่างสิ้นเชิง
วัตถุศักดิ์สิทธิ์ปฐมสวรรค์ชิ้นนี้กลายเป็นแสงไฟตกไปอยู่ในมือของซูอี้
ภาพเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันกระตุ้นให้ฮั่วเหยาโกรธแค้นอย่างรุนแรง
ทว่าเขายังไม่ทันได้คิดอะไรมากนัก เพราะเงาดาบเต็มท้องฟ้าเหล่านั้นกำลังปิดล้อมเขาแล้ว
“เปิด…!!”
ทันใดฮั่วเหยาก็หยิบโล่ธาตุผสานสองขั้วออกมาคลี่ม่านแสงเจิดจรัสพร่างพราวซัดออกไปอย่างแรง
สามารถมองเห็นลายวิถีปลาวิญญาณสีดำกับสีขาวปรากฏบนม่านแสงได้อย่างชัดเจน หัวท้ายของปลาทั้งสองตัวเชื่อมติดกัน หมุนตัวเป็นสองขั้วอย่างประหลาด
ทว่าต่อหน้าดาบเล่มนี้ของซูอี้ สุดท้ายม่านแสงก็ต้องอับแสง แตกระเบิดต่อหน้าฮั่วเหยาราวกับฟองสบู่แตก
ปัง!!
ท่ามกลางเสียงระเบิดที่สั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าและดิน ร่างของฮั่วเหยาพุ่งออกไปอย่างแรงราวกับลูกธนูที่ถูกยิงออกจากคันธนู
โล่ธาตุผสานสองขั้วในมือเขาปรากฏลวดลายประกาศิตอันประหลาดพิสดารเช่นกัน ทันใดมันก็หลุดกระเด็นออกจากมือเขา แล้วลอยไปอยู่ในมือของซูอี้
ฮั่วเหยายังยืนไม่มั่นก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
ดาบเมฆาแดง โคมไฟเก้ามังกร โล่ธาตุผสานสองขั้ว วัตถุศักดิ์สิทธิ์ปฐมสวรรค์ทั้งสามชิ้นนี้ถูกแย่งไปจนหมด และแต่ละครั้งที่ถูกแย่งก็ยังทำให้เขาได้รับความกระทบกระเทือนตามไปด้วย
ถึงแม้จะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ทำให้จิตวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส
และตอนนี้ยังโดนอานุภาพของดาบเล่มนี้ฟันจนตัวปลิวอีก ร่างวิถีของเขาแตกร้าว จุดที่ได้รับการสมานจากโอสถโชคเก้าสีกลับปริออกอีกครั้ง แผลเหวอะหวะจนเห็นกระดูก
แม้กระทั่งใบหน้าที่หล่อเหลาของชายหนุ่มก็ยังขาวซีดราวกับกระดาษ!
เทียบกับท่าทีหยิ่งผยองในตอนแรกแล้ว ฮั่วเหยาในเวลานี้ดูน่าสมเพชยิ่งนัก แม้กระทั่งแขนซ้ายก็ยังไม่มีเหลือ
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้… เป็นไปไม่ได้… เป็นไปไม่ได้!!”
ฮั่วเหยาแผดเสียงที่แฝงไปด้วยความตื่นตระหนกและเคียดแค้นออกมา
หน้าของเขาบิดเบี้ยวดูไม่ได้ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง ผมเผ้ายุ่งเหยิงถูกย้อมด้วยเลือด ทั้งเนื้อทั้งตัวมีกลิ่นอายของความบ้าคลั่ง
ซูอี้ที่อยู่ห่างออกไปยังคงสงบนิ่งดังเดิม ฝีเท้าของเขาไม่เคยหยุดเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ราวกับไม่รีบไม่ร้อน
ทว่าเงาดาบสีใสในมือขวานั้น ลึกลับเลือนราง สร้างอานุภาพไร้รูปร่างทำให้เขาคล้ายกับเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่ลงมาโปรดสรรพชีวิตบนโลกมนุษย์
โดยไม่ต้องพูดพล่ามอีก
ซูอี้ก็เอื้อมมือซ้ายออกไป
เกราะสวรรค์แสงเงินที่ปกคลุมบนตัวฮั่วเหยาเปล่งประกาย ลวดลายประกาศิตในแบบที่เคยปรากฏก็กลับมาปรากฏอีกครั้ง
“ไม่…! นี่เป็นของข้า! ของข้า!!!”
ฮั่วเหยาร้อนใจพยายามขับเคลื่อนพลังเพื่อรั้งเกราะสวรรค์แสงเงินไว้
ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้ผล
เมื่อลวดลายประกาศิตของสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ส่องแสง ทันใดเกราะสวรรค์แสงเงินก็หลุดออกจากตัวฮั่วเหยา กลายเป็นแสงสีเงินขนาดเท่ากับฝ่ามือมาอยู่บนฝ่ามือของซูอี้
“อาจารย์… อาจารย์ทำได้อย่างไรกัน?”
ฮั่วเหยาเลือดขึ้นตา เขาจ้องไปยังซูอี้ที่กำลังเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
เพิ่งพูดจบ เขาก็ไออย่างแรง เลือดสด ๆ ทะลักออกมาจากมุมปาก ร่างที่เคยยืดตรงกลับค่อมลง
การต่อสู้กับพลังมุ่งมั่นของผู้บวงสรวงวันแรกเมื่อครู่ก่อนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
บาดแผลยังไม่ทันหาย เขาก็ถูกซูอี้โจมตีติดต่อกันหลายครั้ง จนเป็นเหตุใดภาวะจิตใกล้จะทนรับต่อไปไม่ได้ เขาตกอยู่ในสภาพร้อนรน โกรธแค้น และตื่นตระหนก
“อยากจะรู้เช่นนั้นหรือ?” ซูอี้เอ่ยถามน้ำเสียงราบเรียบ
“อาจารย์โปรดชี้แนะด้วย!”
ฮั่วเหยาพูดช้า ๆ ทีละคำ ฟันกระทบกันจนแทบแตก
การที่ต้องพูดออกมาเช่นนี้ สำหรับเขาในตอนนี้ราวกับเป็นการเหยียดหยามสบประมาทอย่างแรง
สายตาของซูอี้มีแต่ความเย็นชา ไร้ซึ่งความรู้สึกอันใด “ข้าไม่ใช่อาจารย์ของเจ้าแล้ว แต่ขอเพียงเจ้าคุกเข่า ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะไขข้อสงสัยของเจ้า”
……….