บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 984: แท่นเกิดใหม่
ตอนที่ 984: แท่นเกิดใหม่
ภูเขาน้ำเต้าเซียน
มันปกคลุมด้วยหมอกสีขาวจาง ๆ ตลอดทั้งปี และถูกตั้งชื่อตามรูปลักษณ์ที่ดูเหมือนน้ำเต้ายักษ์นี้
ในพิภพยมราชฝังวิถี ภูเขาน้ำเต้าเซียนหาใช่พื้นที่ต้องห้ามร้ายแรงไม่
ทว่าตลอดมาแต่บรรพกาล น้อยคนนักจะรู้ว่าหนึ่งในสถานที่ต้องห้ามในตำนาน ‘แท่นเกิดใหม่’ ตั้งอยู่บนภูเขาน้ำเต้าเซียน
รัตติกาลมืดมนเยี่ยงหมึก
บนยอดภูเขาน้ำเต้าเซียน
สภาพแวดล้อมมีแต่โขดหินกระจัดกระจาย ไร้หย่อมหญ้าเติบโต ชั้นหมอกบางสีเงินขาวปกคลุมเยี่ยงผืนผ้าโปร่ง ไม่จางหายแม้ในสายลมกลางเขาโบกพัด
จันทร์เพ็ญเรืองรองเหนือฟ้าถูกบดบังด้วยเมฆดำทมิฬ บริเวณโดยรอบเงียบสงัดอย่างน่าประหลาด
“ไฉนบรรยากาศที่นี่จึงชวนให้ตระหนกหน่อย ๆ เยี่ยงนี้นะ”
ยมบาลยืนบนยอดเขา ใบหน้างามชดช้อยดุจหยกดั่งกระเบื้องเคลือบปรากฏสีหน้าจริงจัง
“เพราะในตำนานโบราณ กระทั่งผีร้ายมวลมารอันป่าเถื่อนที่สุดยังมิอาจเข้าใกล้สถานที่นี่ หาไม่ พวกมันจะประสบหายนะอย่างไรเล่า”
ซูอี้ผู้ยืนอีกฝั่งกล่าวอย่างเอ้อระเหย “ยามแรกที่ข้ามาถึง ข้าบาดเจ็บสาหัส ติดอยู่ที่นี่เกือบเก้าวัน ไม่เพียงร่างกายสาหัส กระทั่งวิญญาณยังแทบถูกสลายหาย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ยมบาลสาวก็อดที่จะตกใจไม่ได้
ในอดีตชาติ ซูอี้คือปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินผู้เป็นหนึ่งเหนือสวรรค์ค้ำโลกามาหลายต่อหลายปี ถูกถือเป็นผู้ฝึกดาบอันดับหนึ่งในขอบเขตจักรพรรดิ
ทว่า ตัวตนเช่นเขายังเกือบตายที่นี่ นางจึงจินตนาการถึงความน่ากลัวของที่นี่ได้ไม่ยาก
“ที่แห่งนี้… ซ่อนความร้ายกาจใดไว้กัน?”
หญิงสาวอดถามไม่ได้
“นั่นคือพลังการเกิดใหม่ประหลาดที่มีต้นกำเนิดจากวัฏสงสาร ไม่ว่าการฝึกฝนจะต่ำต้อยหรือสูงส่งเพียงใด ขอเพียงถูกอำนาจเช่นนี้เข้า ทั้งการฝึกฝน แก่นชีวิต พลังชีพ จิตวิญญาณ… ทุกอย่างล้วนถูกแบ่งแยกลบทิ้งไป”
ซูอี้กล่าวโดยไม่ลังเล “นี่คือสิ่งที่กล่าวขานกันว่า ‘ยามเวียนวัฏสงสาร ยามเกิดมินำพา ยามตายมินำไป’ ทว่าพลังกฎเวียนวัฏสงสารเหล่านี้เสียหาย จนเหลือเพียงส่วนเดียวเท่านั้น มันจึงมิอาจทำให้ผู้ใดเข้าสู่วัฏสงสารเกิดใหม่ได้”
แววตาของยมบาลสาวแปรเปลี่ยน ร่างสูงสะโอดสะองอันภาคภูมินั้นหนาวเยือกเล็กน้อย
“เหตุที่สหายเต๋าพาข้ามาที่นี่ เจ้าตั้งใจใช้ประโยชน์จากกฎเวียนวัฏสงสารที่นี่เพื่อจัดการกับข้าหรือ?”
ยมบาลกล่าวยิ้ม ๆ
เพียงแค่ว่า รอยยิ้มนั้นฝืนเล็กน้อย
ซูอี้หัวเราะ “เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าไม่ต้องใช้พลังเช่นนี้มารับมือร่างแยกของเจ้าหรอก”
สีหน้าของยมบาลสาวแข็งค้างเล็กน้อย ใบหน้างดงามของนางดูดีขึ้น
นางหรือจะไม่ได้ยินคำสบประมาทในวาจาของซูอี้?
ทว่านางกลับถอนใจอย่างโล่งอก
ขอเพียงซูอี้ไม่ได้คิดร้ายก็พอแล้ว
ซูอี้เดินตรงไปยังบริเวณที่มีศิลาแปลก ๆ กระจายอยู่ท่ามกลางม่านหมอก ศิลาแต่ละชิ้นล้วนมีรูปร่างพิสดาร
หากมองลงมาจากบนฟ้าได้ จะเห็นว่าศิลาอันกระจัดกระจายนี้เรียงตัวกันเป็นวังวนประหลาด
ใจกลางวังวนเป็นหลุมแอ่ง
เมื่อเห็นการกระทำของซูอี้ นางก็อดสงสัยมิได้ และขยับกายจะเข้าไปดู
ทว่าซูอี้กลับกล่าวขึ้นมาโดยไม่หันมอง “เจ้าควรอยู่กับที่ อย่าขยับไปไหน หาไม่ ข้าไม่อาจช่วยเจ้าได้นะ”
ร่างของยมบาลสาวแข็งค้าง เรียวขาบางดุจหยกของนางที่เตรียมก้าวออกไปชักกลับ
แม้นางจะยังไม่ได้สัมผัสถึงอันตราย แต่บรรยากาศอันเงียบสงัดอย่างน่าประหลาดทั่วบริเวณนี้ทำให้นางพรั่นพรึง
กอปรกับ ‘กฎเวียนวัฏสงสาร’ อันน่าหวาดกลัวที่ซูอี้ว่า ยมบาลสาวจึงไม่กล้ากระทำการสุ่มสี่สุ่มห้า
ซูอี้เงยหน้าขึ้นมองฟ้า จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิบนศิลาก้อนหนึ่งข้างหลุมแอ่ง สะบัดโบกแขนเสื้อ
ท่ามกลางกลุ่มแสงสีตระการ เมล็ดพันธุ์แห่งคังชิงปรากฏขึ้น แล้วก็ถูกซูอี้ส่งให้ยมบาลซึ่งอยู่ห่างออกไป
“ฝากหน่อย”
ซูอี้กล่าวลอย ๆ
ดวงตาของยมบาลสาวฉายแววรำคาญใจ คนผู้นี้… ใช้นางหรือ!?
นางกล่าวอย่างเย็นชา “นี่คือพลังต้นกำเนิดแห่งโลกกว้าง ไม่ห่วงหรือว่ายามเจ้าพิสูจน์เต๋า ข้าจะฉวยโอกาสฮุบสมบัตินี้ไป?”
ชายแขนเสื้อซูอี้สะโบกบัดต่อเนื่อง ทั้งดาบเมฆาแดง ค้อนทุบเซียน ตราประทับพุทธะเป็นตาย กระสวยพรางสวรรค์ โคมไฟเก้ามังกร เกราะสวรรค์แสงเงิน และสมบัติอื่น ๆ ต่างปรากฏขึ้นทีละอย่าง
“เจ้าจะลองก็ได้”
ซูอี้กล่าวพลางส่งสมบัติเหล่านี้แก่ยมบาลสาว “และสมบัติเหล่านี้ ฝากเจ้าไว้ก่อน”
“?”
เริ่มตั้งแต่ยามใดกันที่คนผู้นี้วางตัวเป็นใหญ่ ใช้นางเป็นเบี้ยเป็นบ่าว?
โดยเฉพาะเมื่อนางเห็นท่าทางผ่อนคลายเยือกเย็นของซูอี้ ความรำคาญใจอันมิอาจบรรยายก็ทะลักเข้ามาในใจของยมบาล
นางกัดฟันถลึงตามองซูอี้อย่างดุร้าย ทว่าท้ายที่สุดนางก็กลั้นใจฝืนรับสมบัติเหล่านั้นมาอย่างจริงใจ
ซูอี้ยังโยนน้ำเต้าหยกสามชุ่นไปให้นางด้วย “ข้าแนะนำเจ้าว่าอย่าพยายามเคลื่อนสมบัตินี้ หาไม่ เจ้าจะเจ็บตัว”
ยมบาลสาวขุ่นเคืองมากขึ้นทุกขณะ
ทว่า ยามนิ้วเรียวดุจหยกของนางสัมผัสน้ำเต้าหยกสามชุ่น หัวใจของนางยังคงสั่นไหวเล็กน้อย เป็นสมบัติอันน่าอัศจรรย์เสียนี่กระไร!
มันใสกระจ่างดุจแกะสลักจากหยกเขียว แม้จะไม่อาจสัมผัสถึงปราณพิเศษอันใด แต่เมื่อถือไว้ในมือ ยมบาลสาวก็สัมผัสชัดเจนได้ว่าในน้ำเต้าซุกซ่อนคมดาบอันน่าสะพรึงกลัวไว้ ซึ่งทำให้นางสัมผัสได้ถึงอันตรายถึงตายโดยสัญชาตญาณ!
‘นี่หรือคือดาบของคนผู้นี้ในอดีตชาติ น่าอัศจรรย์โดยแท้…’
ยมบาลรำพึงในใจ
ก่อนหน้านี้ นางเคยได้เห็นซูอี้ใช้สมบัตินี้โจมตีฮั่วเหยาสาหัส ไม่อาจต่อต้านใด ๆ ได้
นางยังเคยได้ยินเสียงครวญจากดาบนี้ลอย ๆ มา ซึ่งทำให้หัวใจของนางสะท้านบีบตัวอย่างไม่อาจบรรยาย
“ข้าไม่รู้เลยว่าอำนาจที่แท้จริงของสมบัตินี้จะแข็งแกร่งได้เพียงไหน”
ในขณะที่ยมบาลกำลังฟุ้งซ่าน ซูอี้ซึ่งอยู่ไกลออกไปก็ได้โยนสัมภาระของเขา รวมไปถึงสมบัติที่เก็บไว้ สารพัดยันต์ลับและอื่น ๆ ออกมาเพิ่มเติม
“สหายเต๋า เจ้ามีสมบัติและโอสถที่ต้องใช้รับมือภัยพิบัติแล้วหรือไม่?”
ยมบาลสาวอดถามไม่มิได้
นางพบว่าดูเหมือนซูอี้จะนำสมบัติทั้งตัวออกมา โดยไม่เหลือสิ่งใดไว้เลย
“ไม่ต้องหรอก”
ซูอี้ส่ายหน้าเล็กน้อย
คิ้วของยมบาลขมวดหากัน ไม่ต้องใช้หรือ?
ยามเมื่อผู้ฝึกตนในโลกหล้าก้าวสู่การเป็นจักรพรรดิ ใครบ้างไม่ต้องตระเตรียมโอสถและสมบัติป้องกัน?
ขุมกำลังสูงสุดบางแห่งยังกระทั่งส่งสัตว์ประหลาดเฒ่ากลุ่มหนึ่งมาช่วยสลายภัยพิบัติเลย!
แต่ซูอี้กลับทำตรงข้ามกัน เขาทิ้งของนอกกายไปเสียสิ้น!
สิ่งนี้ผิดปกติอย่างไม่ต้องสงสัย
ซูอี้ได้เริ่มลงมือแล้ว
เขานั่งขัดสมาธิบนโขดหิน สองมือประทับตราลงไปในอากาศ
ฮึ่ม!
ท่ามกลางแสงสว่างเรืองรอง สองมือสิบนิ้วของซูอี้ส่งสายโลหิตสอดประสานกันราวตราหมึกฉวัดเฉวียนใต้พู่กัน
ในพริบตาเดียวก็ปรากฏลวดลายลึกลับวาดขึ้นจากเลือด
ภาพนี้ดึงความสนใจของยมบาลสาวได้ทันที
ทว่าก่อนที่นางจะได้เห็นลวดลายโลหิตนั้นชัด ๆ ทั้งภูเขาน้ำเต้าเซียนก็สะเทือนรุนแรง จากนั้นก็เกิดเสียงคำรามจากในภูเขา
เป็นเสียงคำรามเลือนลั่นสะท้านภพ ราวกลองที่รัวลงมาจากชั้นสรวงสวรรค์
ดวงจันทราเหนือนภาซึ่งเดิมถูกชั้นเมฆาบดบังพลันระเบิดแสงสว่างพร่างพราวราวภาพฝัน แปรเปลี่ยนเป็นสายรุ้งกระจ่างจรัสทอดลงบนลวดลายสีเลือดตรงหน้าซูอี้
ยามนั้นเอง ลวดลายสีเลือดดูจะถูกปกคลุมด้วยรัศมีศักดิ์สิทธิ์ เจิดจรัสพราวแสง ทำให้ร่างของซูอี้ดูเลือนราง
หัวใจของยมบาลสาวสั่นไหว ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง
นับแต่ยามที่นางเข้าสู่ภูมิมืดมิด นางก็เห็นแล้วว่าดวงจันทร์อันเจิดจรัสแขวนสูงเหนือฟากฟ้าคือกฎต้นกำเนิดแห่งภูมิมืดมิด
ทว่านางไม่คาดเลย ว่าซูอี้จะสามารถยืมอำนาจสูงสุดเช่นนี้ได้ด้วย!
นี่ไม่ต่างจากการยืม ‘อำนาจสวรรค์’ เลย!
ตู้ม!
ซูอี้กดฝ่ามือลง และลวดลายโลหิตอันเปล่งประกายก็ค่อย ๆ จมลงไปในแอ่งหลุม
มองลงมาจากฟ้า ศิลารูปทรงประหลาดที่ซูอี้อยู่นั้นเรียงรายเป็นรูปวังวน โดยมีหลุมแอ่งเป็นใจกลางวังวน
ทว่าหากมองจากไกล ๆ จะพบว่าแอ่งนี้คือ ‘ปากน้ำเต้า’ ของภูเขาน้ำเต้าเซียน!
เมื่อลวดลายสีแดงสดอาบพลังต้นกำเนิดแห่งภูมิมืดมิดร่วงลงมา มันก็เป็นเหมือนกุญแจเปิดปากน้ำเต้าอันถูกผนึกแสนนาน
และจากนั้น…
ตู้ม!
ภูเขาน้ำเต้าเซียนสั่นไหว อำนาจลี้ลับเกินใดเทียบแผ่ออกมาราวกระแสน้ำ แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นกระเพื่อมสีเทาปกคลุมทั่วบริเวณในรัศมีหลายพันจั้ง!
ขณะเดียวกัน แอ่งตรงหน้าซูอี้ก็ปริแตก แสงโกลาหลสีเทาพุ่งทะยานสู่นภา
บริเวณในรัศมีพันจั้งนี้พลันถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศเคร่งขรึมจริงจังอย่างมิอาจบรรยาย อำนาจกฎยิ่งใหญ่ไร้ประมาณพวยพุ่งอบอวล
ร่างบอบบางของยมบาลสาวสั่นระริกอย่างเกินควบคุม
ยามนี้ นางรู้สึกเพียงความอกสั่นขวัญแขวน ลนลานและต่ำต้อยเยี่ยงมดตัวหนึ่ง
ราวกับหากนางกล้าบุ่มบ่ามทำการใด ๆ พลังแห่งกฎสีเทานี้จะสามารถป่นนางเป็นผง ลบนางจากโลกได้อย่างง่ายดาย!!
“นี่… คือกฎเวียนวัฏสงสารที่เจ้านั่นว่าหรือ?”
ยมบาลสาวตะลึงงัน
นางออกอาละวาดบนแดนดินมาแสนนาน เป็นที่เคารพยำเกรงโดยผู้ฝึกตนนับร้อยพันล้าน ถูกดินแดนปรภพมองเป็นมหาศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ ความรู้และประสบการณ์เหนือธรรมดาเกินใดเทียบ
ทว่ายามนี้ นางรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงอย่างแท้จริง!
ตู้ม!
เมื่อแสงสว่างวาบขึ้น นางก็พบว่าที่แอ่งหลุมตรงหน้าซูอี้ ปรากฏแท่นเต๋าหยกดำยกตัวขึ้นทีละน้อย
ท้ายที่สุด ยามแท่นหยกดำเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา ยมบาลก็ต้องตะลึงค้าง
นี่มันสมบัติใดกัน?
แท่นหยกนี้สูงเก้าจั้ง รูปร่างคล้ายเสากลม และพื้นผิวดุจหยกดำนั้นสลักลวดลายวิถีประหลาดอันมิอาจเข้าใจไว้นับไม่ถ้วน
พลังกฎสีเทากระเพื่อมดุจคลื่นน้ำไม่รู้จบรอบแท่นหยก เพิ่มบรรยากาศลึกลับกดดันหัวใจผู้คน
เมื่อดวงตาของยมบาลสาวทอดมองยังลวดลายวิถีหนาแน่นบนพื้นผิวแท่นหยก นางก็รู้สึกเหมือนวิญญาณของตนจมลงไปในธารมืดมิดไร้จุดจบ คลื่นแรงถาโถมดุจร่องรอยการผันเปลี่ยนกาลเวลา ชิ้นส่วนประวัติศาสตร์ล่องลอยผลุบโผล่ สรรพชีวิตนับไม่ถ้วนเกิดแก่เจ็บตายวนเวียน
หญิงสาวมองเห็นว่า ณ สุดปลายธารอันยาวไกลเป็นหุบเหวอันกว้างใหญ่ กำลังดูดกลืนกระแสเวลา และกลืนกินประวัติศาสตร์และความเป็นความตายของสรรพชีวิต…
จากนั้น มันก็เข้ามาใกล้นาง…
“เฮอะ!”
ทันใดนั้น วจีวิถีสายหนึ่งก็ระเบิดขึ้นในใจของยมบาล ร่างของนางสั่นสะท้าน วิญญาณถูกปลุกตื่นทันควัน
ทว่าใบหน้างดงามดุจหยกของนางซีดขาว ร่างอรชรชุ่มด้วยเหงื่อกาฬ สีหน้าแววตาเปี่ยมความหวาดผวาตื่นตระหนก นางพึมพำอย่างใจลอย “นี่… นี่คือ…”
ไกลออกไป ซูอี้ผู้นั่งขัดสมาธิอยู่บนโขดหินพยักหน้า “ใช่ นี่คือเคล็ดเวียนวัฏสงสารบางส่วน”
Comments for chapter "ตอนที่ 984: แท่นเกิดใหม่"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
Marcus
ตอนที่ 983 หายไปครับ