บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] - ตอนที่ 993: ศิษย์ที่แท้จริงทั้งเก้า
ตอนที่ 993: ศิษย์ที่แท้จริงทั้งเก้า
…………………………………………………..
ตอนที่ 993: ศิษย์ที่แท้จริงทั้งเก้า
เทือกเขาดับวิญญาณ
หนีซวง ซั่งกวนเจี๋ย และเฉิงเทียนคุนกำลังรอคอยอย่างร้อนใจ
วูบ!
ร่างของเย่ลั่วปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ
“อาจารย์อา!”
หนีซวงและคนอื่น ๆ เผยสีหน้าแปลกใจ
ทว่า ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดต่อ เย่ลั่วก็ถามขึ้น “คนอื่น ๆ ที่อยู่กับพวกเจ้าเล่า?”
“พวกเขาอพยพไปก่อนแล้วเจ้าค่ะ”
หนีซวงตอบโดยไร้ลังเล
“เฮอะ เผ่นเร็วเอาการนะ”
ซูอี้ยิ้มเยาะ ทว่าก็มิเชิงไม่พอใจ
ตัวตนในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำบางคนจากสำนักหกมหาวิถีแห่งเก้ามหาแดนดินนั้นไร้น้ำยา ต่อให้หนีไปได้ก็ไม่อาจสร้างปัญหาใด ๆ
หนีซวงอดกล่าวมิได้ว่า “อาจารย์อา คนแซ่ซูที่มาก่อนหน้านี้…”
เย่ลั่วโบกมือขัดจังหวะ “ข้าจัดการเรื่องนี้แล้ว และคนแซ่ซูที่พวกเจ้าพูดถึงนั่นน่ะ… ที่จริงแล้วก็บรรพชนเจ้านั่นแหละ!”
บรรพชน!!!
หนีซวงและคนอื่น ๆ ตกตะลึงราวถูกสายฟ้าฟาดใส่
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่ลั่วก็อดถอนใจไม่ได้ เขาเชื่อแล้วว่าพวกหนีซวงไม่รู้ถึงตัวตนของอาจารย์เขาจริง ๆ
“สิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้ พวกเจ้าอาจทำใจรับได้ยาก แต่ข้ารู้สึกว่าคงเป็นเรื่องจำเป็นหากจะให้พวกเจ้ารู้ความจริงไว้”
เย่ลั่วกล่าว จากนั้นก็เล่าถึงเรื่องที่เกิดในถ้ำสวรรค์หกวิถีก่อนหน้านี้โดยสังเขป
หลังได้ยินเช่นนี้ พวกหนีซวงต่างตะลึงค้าง เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
ที่แท้อาจารย์อาฮั่วเหยาก็เป็นคนทรยศ หลอกอาจารย์ทำลายบรรพชน!
กระทั่งอาจารย์ของพวกเขาผีหมัวยังมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นคนหลอกลวง เขาสร้างพันธมิตรเสวียนจวินขึ้นภายใต้นามบรรพชน แต่ที่จริงแล้ว เขาทรยศบรรพชน!!
ความจริงเช่นนี้ชวนใจหายอย่างไม่ต้องสงสัย
ในชั่วขณะนั้น พวกหนีซวงจะทำใจยอมรับได้เช่นไร?
“เหตุผลที่ข้าบอกเรื่องนี้กับพวกเจ้า ก็เพราะข้าไม่อยากให้พวกเจ้าถูกหลอกไม่รู้เรื่องราวเหมือนข้า แต่ขึ้นกับพวกเจ้าแล้วว่าจะตัดสินทางเดินต่อในภายหน้าเช่นไร”
เย่ลั่วกล่าวอย่างจริงจึง “ถึงอย่างไร ผีหมัวก็คืออาจารย์ของพวกเจ้า แต่อย่างไรเสีย ข้าบอกพวกเจ้าชัด ๆ ได้ว่าหากยังเลือกรับใช้ผีหมัวในภายหน้า เจ้าก็จะเป็นศัตรูของถ้ำเสวียนจวิน!”
กล่าวจบ เย่ลั่วก็จากไป
จนกระทั่งเขาหายลับไปเนิ่นนาน พวกหนีซวงจึงเพิ่งตื่นจากฝัน มองหน้ากันด้วยสีหน้ากังวลถึงผลดีผลเสีย
ในอดีต พวกเขาภาคภูมิที่ได้กราบผีหมัวเป็นอาจารย์ ภาคภูมิที่ได้เป็นศิษย์ผู้หนึ่งของถ้ำเสวียนจวิน และในใจของพวกเขาชื่นชมบรรพชนผู้เคยเป็นที่เคารพของเก้ามหาแดนดิน
ทว่ายามนี้ พวกเขาตระหนักแล้วว่าพวกตนดูจะเป็นศิษย์แห่งคนทรยศ!
“จะเป็นเช่นนี้ได้เยี่ยงไร? ต้องไม่จริงแน่ อาจารย์อาเย่ลั่วโกหกเราแหง ๆ”
เสียงของซั่งกวนเจี๋ยแหบพร่า ไม่อาจยอมรับความจริงได้
“แต่ไฉนอาจารย์อาเย่ลั่ว… ต้องโกหกเราเล่า?”
หนีซวงดูมืดหม่นลังเล “อย่าลืมเสียว่าก่อนหน้านี้ ศิษย์พี่กู้จื้อหมิงซ่อนเรื่องจากเราไว้เยอะเลยนะ!”
“คิดมากเพื่อการใด กลับไปถามอาจารย์ก็รู้แล้ว!”
เฉิงเทียนคุนว่า
“ไม่มีทาง!”
ซั่งกวนเจี๋ยและหนีซวงกล่าวโดยพร้อมเพรียง จากนั้นจึงมองหน้ากันอย่างเข้าใจความกังวล
เฉิงเทียนคุนตะลึง “ไฉนเล่า?”
“หากอาจารย์เป็นผู้ทรยศจริง เป็นไปไม่ได้เลยหากจะประกันว่าเขาจะมิทำสิ่งที่เกินคาดคิดได้”
หนีซวงสูดหายใจลึก ๆ ด้วยสีหน้าซับซ้อน “ถึงอย่างไร พันธมิตรเสวียนจวินก็ถูกตั้งขึ้นในนามบรรพชน หากสมาชิกคนอื่น ๆ ในพันธมิตรเสวียนจวินรู้ว่าอาจารย์เป็นคนทรยศ แล้วใครเล่า… จะยังรับใช้อาจารย์?”
ซั่งกวนเจี๋ยเองก็กล่าวอย่างขมขื่น “ทำนายได้เลยว่าเพื่อปกปิดความจริง อาจารย์จะไม่ปล่อยข่าวแพร่ออกไปแน่”
เฉิงเทียนคุนตัวสั่น ‘ฆ่าคนปิดปาก’ สี่คำปรากฏในใจ “งั้น… เราควรทำเช่นไร?”
เฉิงเทียนคุนอดถามไม่ได้
“หลบให้พ้นทาง มองจากวงนอก!”
ดวงตาของหนีซวงวูบไหว “จากสิ่งที่อาจารย์อาเย่ลั่วว่า ไม่ช้าก็เร็ว ท่านบรรพชนจะกลับสู่เก้ามหาแดนดิน ถึงยามนั้น ไม่ว่าอาจารย์จะเป็นคนทรยศหรือไม่ ความจริงจะกระจ่างแจ้ง!”
ซั่งกวนเจี๋ยและเฉิงเทียนคุนต่างพยักหน้าพร้อมเพรียง
นี่เป็นความคิดที่ดีจริงแท้
“แต่ว่าอาจารย์เป็นคนทรยศจริง ๆ เล่า…”
ซั่งกวนเจี๋ยอดกล่าวไม่ได้ว่า “เจ้าต้องรู้นะว่าเราแต่ละคนต่างถูกสอนมาโดยอาจารย์ และตลอดมา อาจารย์ไม่เคยประพฤติแย่ ๆ กับเราเลย”
หนีซวงและเฉิงเทียนคุนต่างเงียบไป หัวใจของพวกเขาชาวาบ ความคิดล้วนสับสนวุ่นวาย
พวกเขาชื่นชมบรรพชนของตนและเรียกตนเองว่าเป็นศิษย์ถ้ำเสวียนจวิน ทว่าอาจารย์ของพวกเขากลับน่าจะเป็นผู้ทรยศสำนัก ดังนั้นควรทำตัวเช่นไร?
ความโหดร้ายและไร้หนทางในโลกหล้าอยู่ที่จุดนี้!
…
ภายใต้ท้องนภารัตติกาล
ซูอี้เดินท่ามกลางอากาศ อาภรณ์กระเพื่อมพลิ้วชำระสิ้นฝุ่นควัน
“หากผีหมัวรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นวันนี้ ข้าเกรงว่าคงกินไม่อิ่มนอนไม่หลับเป็นแน่”
เย่ลั่วกระซิบ
เขาไม่ถือผีหมัวเป็นศิษย์พี่ใหญ่อีกต่อไป
“ยากจะกล่าวถึงการกินอยู่ แต่เขาจะไม่มีทางยอมรับว่าข้ายังมีชีวิต และต่อให้ข้าปรากฏตัวต่อหน้าเขา เขาก็จะไม่มีวันยอมรับว่าเป็นข้า”
แววตาของซูอี้ลุ่มล้ำยิ่งขึ้น
เย่ลั่วตกใจ “เพราะเหตุใดกันขอรับ?”
“พันธมิตรเสวียนจวินถูกก่อตั้งด้วยชื่อข้า หากขุมกำลังในพันธมิตรเสวียนจวินรู้ว่าผีหมัวหักหลังข้า และข้าไม่ข้องเกี่ยวอันใดจากพวกเขาเลยล่ะก็ พันธมิตรเสวียนจวินจะแตกสลายแน่แท้”
ซูอี้กล่าวอย่างเฉยเมย “ผีหมัวย่อมไม่อาจยอมรับผลกระทบเช่นนี้ได้ และเขาคงตระหนักถึงมันดี ดังนั้นในคราแรกเขาจึงมายังภูมิมืดมิดเพื่อสืบเรื่องของการเวียนวัฏสงสารของข้า”
เย่ลั่วพลันตระหนัก “ทว่าหากท่านอาจารย์กลับสู่เก้ามหาแดนดินจริง ๆ ต่อให้เขาไม่ยอมรับก็ไร้ค่า!”
ซูอี้ส่ายหน้า “อย่าประเมินศิษย์พี่ใหญ่เจ้าต่ำไปนัก เขามีจิตใจเยือกเย็นดุจทะเล เตรียมการล่วงหน้าสารพัด และข้าคิดว่าชิงลงมือก่อนดีเสียกว่าตกเป็นผู้ต้องรับการโจมตีฝ่ายเดียวนะ”
ผีหมัว!
ศิษย์เอกผู้ซึ่งเขาเชื่อใจที่สุด การวางตัวแข็งดุจเหล็ก จิตใจหนักแน่นเยี่ยงศิลา
ยามเขาทำงาน ผีหมัวนั้นละเอียดลออและเฉียบขาด เขาสร้างชื่อเสียงมากมายในเก้ามหาแดนดินมาแสนนาน ซึ่งทำให้ตัวตนบรรพกาลบางส่วนในกลุ่มเต๋าระดับสูงยังกลัวเกรงยิ่ง
และผีหมัวยังเป็นศิษย์ที่ซูอี้กังวลน้อยที่สุด
เขาไม่เคยก่อเรื่องวุ่นวาย ไม่เคยโอ้อวด ไม่เคยปากพล่อย และเป็นที่เคารพเชื่อใจของเหล่าศิษย์น้องในสำนัก
กาลก่อนสมัยที่ซูอี้ยังไม่ได้เวียนวัฏสงสาร เขาเคยให้ผีหมัวจัดการเรื่องราวในสำนักอยู่บ่อยครั้ง
และผีหมัวก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง ไม่ว่าซูอี้จะออกเดินทางนานเพียงไร ผีหมัวก็สามารถจัดการเรื่องราวสารพัดในสำนักได้อย่างเป็นระเบียบดี
การที่ศิษย์เช่นนี้เลือกทรยศ จวบจนยามนี้ ซูอี้ก็ยังรับไม่ได้
ทว่าซูอี้ก็รู้ดี ไม่ว่าผีหมัวจะเลือกทรยศเพราะเหตุใด มีปริศนาอื่นแฝงอยู่หรือไม่ เขาก็ต้องทิ้งมันไปก่อน
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ขอเพียงผีหมัวรู้ว่าเขายังมีชีวิต เขาจะพยายามทำทุกสิ่งที่เป็นไปได้เพียงกวนเรื่องให้แย่สำหรับเขา!
เย่ลั่วตกสู่ความเงียบ
เขารู้ว่าสิ่งที่อาจารย์เขาพูดคือความจริง
เพียงแค่ว่า พอคิดว่าผีหมัว บุคคลที่ตนมีสัมพันธ์อันดีด้วยที่สุดนับแต่เข้าร่วมสำนักอาจารย์กลายเป็นคนทรยศ ในใจของเย่ลั่วก็รู้สึกลนลาน
จากนั้นเย่ลั่วก็กล่าวว่า “อาจารย์ ศิษย์ผู้นี้มิได้มีเจตนาแก้ตัวให้ผีหมัว แต่ข้าสงสัยว่าเขาจะไม่ได้เลือกทรยศโดยไร้สาเหตุนะขอรับ ต้องมีเหตุผลอื่นซ่อนอยู่เป็นแน่”
ซูอี้พยักหน้ากล่าว “เรื่องใด ๆ ในโลก มีเหตุและผลของมันเสมอ และภายหน้า… ข้าจะให้โอกาสผีหมัวอธิบาย”
เย่ลั่วอดกล่าวมิได้ว่า “อาจารย์จะยกโทษให้ผีหมัวหลังรู้ความจริงหรือไม่ขอรับ?”
ซูอี้กล่าวด้วยแววจาเยือกเย็น “ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นเช่นไร ขอเพียงทรยศก็ต้องรับผลที่ตามมา!”
เย่ลั่วพยักหน้าอึ้ง ๆ
ขณะสนทนา คู่ศิษย์อาจารย์ก็เดินทางสู่ซากโบราณฝังเทวะ
ระหว่างทาง ซูอี้เองก็ได้เรียนรู้เรื่องมากมายจากคำบอกเล่าของเย่ลั่ว
ครานี้ ฮั่วเหยาและคณะของเขาเดินทางจากเก้ามหาแดนดินสู่ภูมิมืดมิดภายใต้คำสั่งของผีหมัวจริง ๆ
จากคำบอกเล่า เหตุผลเป็นเพราะผีหมัวได้รู้ข่าวการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทะเลทุกข์ และตระหนักว่าพิภพยมราชฝังวิถีจะต้องซ่อนเคล็ดเวียนวัฏสงสารเอาไว้ เขาจึงส่งฮั่วเหยาและเย่ลั่วมายังที่แห่งนี้
หลังจากพวกฮั่วเหยามาถึงภูมิมืดมิด พวกเขาก็ทราบข่าวจากกู้จื้อหมิง หนีซวงและคนอื่น ๆ ว่าพวกเขาจับตัวชายชราตาบอดผู้กลับสู่แดนบรรพชนได้ และได้ทราบเรื่องมากมายเกี่ยวกับซูอี้
จึงเกิดเป็นการล้อมสังหารในวันนี้ขึ้น
ทว่า ไม่ว่าจะเป็นเย่ลั่วหรือพวกหนีซวงล้วนแต่ถูกปิดตามาแต่ต้นจนจบ มีเพียงไม่กี่คนเช่นฮั่วเหยาและกู้จื้อหมิงที่รู้ความจริง
ในขณะเดียวกัน ซูอี้ก็ได้รู้ว่าในเก้ามหาแดนดินทุกวันนี้ นอกจากฮั่วเหยาและเย่ลั่วที่เข้าร่วมกับพันธมิตรเสวียนจวิน ยังมีศิษย์ลำดับสี่จิ่นขุยอยู่ด้วย
จากคำบอกเล่าของเย่ลั่ว ห้าร้อยปีที่ผ่านมา จิ่นขุยเก็บตัวฝึกฝน ไม่รู้เรื่องทางโลกมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงไม่อาจตัดสินได้ว่าว่าจิ่นขุยมีส่วนร่วมในการร่วมมือกับศัตรูภายนอกมาบุกรุกถ้ำเสวียนจวินหรือไม่
และถ้ำเสวียนจวินก็อยู่ในการควบคุมของชิงถังผู้เดียวตลอดมา
ตลอดห้าร้อยปีมานี้ ชิงถังสังหารศัตรูในนามของ ‘กบฏ’ เสมอมา และพวกเขาแทบทั้งหมดคือตัวตนผู้แปรพักตร์จากถ้ำเสวียนจวิน
บางคนคือศิษย์ที่ซูอี้รู้จักในอดีตชาติ รวมถึงยอดฝีมือบางคนจากพันธมิตรเสวียนจวิน!
ในสายตาเหล่าผู้ฝึกตนในเก้ามหาแดนดิน การล้างแค้นของชิงถังนั้นชี้ไปยังพันธมิตรเสวียนจวินที่ผีหมัวสร้างขึ้น
หนึ่งคือยักษ์ใหญ่อันนำโดยศิษย์เอกแห่งปรมาจารย์ดาบเสวียนจวิน และอีกฝ่ายก็นำโดยชิงถัง ศิษย์คนเล็กของปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินซึ่งยังใช้นามของ ‘ถ้ำเสวียนจวิน’
ความสามารถของทั้งคู่นับว่าพอฟัดพอเหวี่ยง!
ตลอดห้าร้อยปีที่ผ่านมา เกิดศึกนองเลือดระหว่างสองฝ่ายนับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อได้รู้เช่นนี้ ซูอี้ก็ไม่แปลกใจนัก
ผีหมัวถือชิงถังเป็นกบฏ และพยายามชิงถ้ำเสวียนจวินกลับมา
ชิงถังย่อมถือผีหมัวเป็นคนทรยศและสร้างสงครามนองเลือด
ทว่ามีอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ซูอี้ยังต้องถามอย่างงุนงง “ไม่มีสำนักอื่นอยู่ข้างชิงถังเลยหรือ?”
เย่ลั่วส่ายหน้าตอบ “ในอดีต ศิษย์พี่รองพยายามไกล่เกลี่ยความแค้นระหว่างผีหมัวกับชิงถัง เขาจึงไปยังถ้ำเสวียนจวินด้วยตนเอง แต่แล้วก็ถูกชิงถังซัดกระเด็นไป กล่าวกันว่าศิษย์พี่รองเศร้าใจเรื่องนี้มาก เขาจึงออกเดินทางแสนไกล ไม่มีผู้ใดรู้เลยขอรับว่าเขาไปหนใด”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูอี้ก็อดรำพึงไม่ได้ว่า “จะมีก็แต่ศิษย์พี่รองเจ้านั่นแหละที่ซื่อบื้อพอจะทำเรื่องเช่นนี้”
จิ่งหังนั้นใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่ชอบการรบราฆ่าฟัน เขาชอบใช้เหตุผลเข้าโน้มน้าวใจอย่างสันติเยี่ยงบัณฑิตมากกว่า
ทว่าผู้ที่มีหัวใจบริสุทธิ์ดุจหยก อ่อนโยนเมตตาเยี่ยงจิ่งหังนั้นหาได้ยากยิ่ง
นี่ยังเป็นจุดที่ซูอี้ชื่นชมและให้คุณค่าจิ่งหังที่สุด
เขาคือสุภาพบุรุษ บริสุทธิ์ดุจหยกโดยแท้จริง
“แล้วศิษย์พี่ห้าหวังเชวี่ยกับศิษย์น้องแปดไป๋อี้ของเจ้าเล่า อยู่หนใด?”
ซูอี้ถามอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นคำบอกเล่าจากศิษย์ลำดับที่เจ็ดเสวียนหนิงในมหาทวีปคังชิง หรือศิษย์ลำดับที่หกอย่างเย่ลั่ว ณ ยามนี้ ทั้งสองต่างแทบไม่พูดเกี่ยวกับหวังเชวี่ยและไป๋อี้เลย
สิ่งนี้ทำให้ซูอี้งุนงงเล็กน้อย
……….