บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 108 Valedictory Gift
ในช่วงกลางดึกของคืนวันเดียวกันนั้น ที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือห่างไปจากเมืองรีมินัสหลายสิบกิโลเมตรเองก็มีร่างของเซซิเรียกำลังยืนเงยหน้ามองดูดวงดาวที่เปล่งประกายระยิบระยับบนฟากฟ้าอยู่อย่างเงียบๆ โดยที่ด้านหลังของเธอเองก็มีหอกคริสตัลสีเขียวเล่มหนึ่งกำลังลอยหมุนวนอยู่อย่างช้าๆ โดยชี้ปลายแหลมของมันไปทางด้านบน
และหลังจากที่เวลาผ่านไปอีกสักพักใหญ่ๆ เซซิเรียก็ได้เพ่งตามองไปยังดวงดาวสีแดงดวงหนึ่งก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาและชี้นิ้วไปที่มัน
“เจอตัวล่ะ…!!”
ฟุ๊บ—!!
ในทันทีที่สิ้นเสียงของเซซิเรีย หอกคริสตัลสีเขียวที่ลอยตัวอยู่ด้านหลังของเธอก็พุ่งแหวกอากาศขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูงก่อนที่ดวงดาวสีแดงดวงเล็กๆ บนฟากฟ้าจะอับแสงลงไปและมีร่างของหญิงสาวผมสีดำคนหนึ่งร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรง
พลั๊ก!
“ใช่จริงๆ ด้วยสินะ…”
เซซิเรียเอ่ยปากพูดขึ้นมาเบาๆ เมื่อเธอได้พบว่าร่างของหญิงสาวที่ร่วงหล่นลงมานั้นสวมใส่เครื่องแบบสาวใช้สีดำและมีหน้ากากสีขาวไร้ลวดลายบดบังใบหน้าเอาไว้ ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอตัดสินใจที่จะติดต่อไปหาเอริกะผ่านทางเครื่องสื่อสารขนาดเล็กที่เธอสวมใส่เอาไว้ในทันที
ปิ๊บ
“เอริกะ ทางฝังฉันมีแฟรี่ปีกแดงคนนึงบินตรวจตราอยู่ ฉันคิดว่าน่าจะมีฐานปฏิบัติการของพวกนั้นอยู่ใกล้ๆ แถวนี้แน่ๆ แล้วล่ะ”
“หะ? ถ้าพวกนั้นเริ่มปล่อยระดับสีแดงออกมาบินกันเล่นแบบนี้นี่มันก็หมายความว่าพวกเรารู้ตัวกันช้าเกินไปแล้วไม่ใช่หรือไง!? แล้วนี่พวกนั้นเขาวางแผนอะไรอยู่ถึงไปตั้งฐานที่แถวนั้นกันเนี่ย…”
“จะให้ฉันลองไปสำรวจดูมั้ยล่ะ?”
“ถึงฉันจะไม่อยากให้ทำแบบนั้นสักเท่าไหร่ก็เถอะ… แต่ว่าถ้าจะมีใครที่พอจะเข้าไปสืบข้อมูลแถวฐานของพวกนั้นได้ก็คงจะมีแต่เธอล่ะมั้ง… เอาเป็นว่าระวังตัวด้วยก็แล้วกันนะเซซิเรีย”
“อื้ม เข้าใจแล้ว”
เซซิเรียพูดตอบเอริกะกลับไปก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปใกล้ร่างของสาวใช้ผมสีดำที่นอนแน่นิ่งอยู่ท่ามกลางกองเลือดที่ไหลรินออกมาจากร่างกายและเอื้อมมือไปดึงเอาหอกคริสตัลของเธอออกมาจากหน้าอกของอีกฝ่ายพร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้นมาเบาๆ
“…ขอโทษนะ —หือ?”
ในขณะที่เซซิเรียกำลังก้มหน้าลงต่ำอยู่นั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเส้นแสงสีส้มที่พุ่งตัวออกมาจากยอดเขาที่อยู่ใกล้ๆ กันและพุ่งตรงมายังบริเวณนี้ด้วยความรวดเร็ว ซึ่งนั่นก็ทำให้เซซิเรียต้องรีบวิ่งไปหลบอยู่บริเวณใต้ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ กันในทันทีพร้อมกับเอื้อมมือไปกดเครื่องสื่อสารเพื่อติดต่อไปหาเอริกะอีกครั้งหนึ่ง
ปิ๊บ
“เอริกะ ดูเหมือนว่าแถวนี้จะมีแฟรี่สีส้มอยู่ด้วยล่ะ”
“สีส้ม…? นี่อย่าบอกนะว่าเธอเพิ่งจะจัดการโดรนสีแดงที่เธอพูดถึงก่อนหน้านี้ไปน่ะ? เอาเถอะ… จัดการตามที่เธอเห็นสมควรได้เลย แต่ยังไงก็คิดเผื่อถึงสถานการณ์ที่ว่าอาจจะมีระดับที่สูงกว่านั้นประจำการอยู่แถวนั้นด้วยละกัน”
“นั่นสินะ… แต่ยังไงก็คงจะต้องกำจัดเขาทิ้งไปก่อนเพื่อความปลอดภัยก็แล้วกัน…”
เซซิเรียที่ได้ยินคำเตือนของเอริกะได้แอบชะโงกหน้าขึ้นไปมองดูดวงแสงสีส้มที่กำลังบินวนไปมาอยู่เล็กน้อยก่อนที่เธอจะปล่อยมือออกจากหอกคริสตัลของตนจนทำให้มันลอยหมุนวนอยู่กลางอากาศพร้อมกับจับจ้องไปทางดวงแสงสีส้มแบบไม่วางตา
“……”
แต่ว่าเวลาก็ผ่านไปอีกสักพักหนึ่งโดยที่หอกคริสตัลสีเขียวของเธอไม่ได้พุ่งออกไปจัดการสังหารสาวใช้สวมหน้ากากที่มีปีกแสงสีส้มบนแผ่นหลังราวกับว่าเธอไม่สามารถที่จะตัดสินใจสังหารอีกฝ่ายได้
“ถ้าเกิดว่าเธอลำบากใจ เธอจะปล่อยให้โดรนสีส้มนั่นบินเล่นอยู่ข้างบนนั้นแล้วแอบลอบเข้าไปในฐานของพวกนั้นเลยก็ได้นะ เพราะต่อให้เธอจะจัดการเขาได้ทันก่อนที่เขาจะได้มีโอกาสส่งสัญญาณเตือนก็เถอะแต่ว่าเดี๋ยวพวกนั้นก็จะส่งโดรนคนอื่นมาเพิ่มอีกอยู่ดี เพราะงั้นบางทีการที่เธอจะปล่อยให้เขาบินหาลูกน้องที่หายไปอยู่อย่างงั้นมันก็อาจจะดีกว่าก็ได้”
“นั่นสินะ… ถ้าเกิดว่ามีแฟรี่สีส้มกับสีแดงหายไปติดๆ กันตั้งสองคนแบบนั้นเดี๋ยวมีหวังพวกนั้นได้ส่งออกมาทั้งกองทัพแน่ๆ ล่ะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะหาโอกาสแอบลอบเข้าไปดูด้านในโดยที่พยายามจะไม่ฆ่าใครเพิ่มก็แล้วกันไม่งั้นเดี๋ยวแผนจะล่มซะก่อน…”
“จ้าๆ เพราะยังไงตอนนี้เธอก็ยังไม่พร้อมที่จะสู้กับพวกเขาทั้งกองทัพอยู่แล้วนี่นะ~”
“ฮึ่ม… จะพูดอะไรก็พูดไปก็แล้วกัน อย่าให้ถึงทีฉันบ้างล่ะ”
เซซิเรียที่ได้ยินคำพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียนของเอริกะได้แต่พ่นลมออกมาทางจมูกและคาดโทษอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนด้วยท่าทีเหมือนกับว่าไม่พอใจนัก เพราะดูท่าทางว่าเอริกะจะรู้ได้ว่าที่จริงแล้วเธอก็แค่ใจอ่อนไม่อยากจะฆ่าเหล่าแฟรี่ปีกแสงที่เอริกะเรียกพวกเขาว่าโดรนสีต่างๆ สักเท่าไหร่นัก
“หือ… เดี๋ยวก่อนนะ…”
แต่ว่าในขณะที่เซซิเรียกำลังจะยกมือขึ้นมากดที่เครื่องสื่อสารเพื่อตัดการติดต่อนั้น อยู่ๆ แฟรี่ปีกสีส้มก็ได้บินพุ่งลงมาสู่พื้นดินไม่ห่างไปจากจุดที่เซซิเรียแอบหลบอยู่สักเท่าไหร่นัก เผยให้เห็นร่างกายของอีกฝ่ายที่แต่งตัวด้วยเครื่องแบบสาวใช้และสวมใส่หน้ากากสีขาวไร้ลวดลายเอาไว้แบบเดียวกับแฟรี่สีแดงที่เซซิเรียเพิ่งจะจัดการไปเมื่อสักครู่นี้จนทำให้เซซิเรียต้องรีบแอบหลบไปอีกทางหนึ่งในทันที
ตึกตึกตึก….
และในขณะที่เซซิเรียกำลังแอบดูการกระทำของสาวใช้ที่มีปีกแสงสีส้มบนแผ่นหลังคนนั้นอยู่นั้นก็ได้มีร่างเล็กๆ ของเด็กสาวผมยาวสีดำที่ชี้โด่เด่ไปมาเหมือนกับว่าเธอไม่รู้จักการหวีผมเดินออกมาจากแนวต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ กันและเดินตรงเข้าไปหาสาวใช้คนนั้นด้วยท่าทางอารมณ์ดี
ซึ่งเซซิเรียที่ได้เห็นผมยาวสีดำยุ่งๆ ของอีกฝ่ายกับนัยน์ตาสีเหลืองรวมถึงเสื้อกาวน์สีขาวขนาดใหญ่เกินตัวที่สวมทับเสื้อสีดำกับกระโปรงสีแดงเอาไว้นั้นก็ถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นหนึ่งในคนที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี
“นั่นมัน—นัวร์ไม่ใช่หรอ!?”
“หะ—!? เธอหมายถึงยัยนัวร์คนนั้นนั่นน่ะนะ!? นี่พี่ของยัยนั่นโผล่มาด้วยหรือเปล่า!? ถ้าพี่ของยัยนั่นไม่อยู่ด้วยล่ะก็เธอรีบจัดการยัยนั่นก่อนเดี๋ยวนี้เลยนะเซซิเรียไม่งั้นมีหวังได้มีค—!!”
“ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้วล่ะหน่า!!”
ฟุ๊บ—!
เซซิเรียที่ได้ยินเสียงร้องของเอริกะที่แทบจะเป็นการกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกแบบที่ไม่ค่อยจะได้ยินบ่อยๆ นั้นได้รีบพูดตอบอีกฝ่ายกลับไปและเหวี่ยงหอกคริสตัลของเธอเข้าใส่ร่างของเด็กสาวผมสีดำในชุดเสื้อกาวน์ในทันทีพร้อมกับสร้างหอกคริสตัลเล่มใหม่ออกมาเตรียมพร้อมที่จะส่งมันพุ่งเข้าใส่เด็กสาวผมสีดำอีกเล่มหนึ่งราวกับไม่คิดที่จะปล่อยให้เธอรอดชีวิตไปจากที่นี่ได้
ซึ่งเสียงพูดตอบของเซซิเรียที่ดังไม่ใช่น้อยนั้นก็ได้ทำให้เด็กสาวผมสีดำในชุดเสื้อกาวน์หันมาทางเซซิเรียพร้อมกับยกมือขึ้นโบกทักทายเธอเหมือนกับไม่สนใจว่าจะมีหอกคริสตัลกำลังพุ่งเข้าใส่เลยแม้แต่น้อย
“คิกคิกคิก ยังใจร้อนเหมือนเดิมเลยนะเธอน่ะ~”
ตึกตึกตึกตึก—เคล๊ง!!!
“—!?”
ในชั่วขณะที่หอกคริสตัลของเซซิเรียกำลังจะพุ่งทะลุร่างของเด็กสาวผมสีดำที่ชื่อว่านัวร์เข้าไปนั้นอยู่ๆ ก็ได้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาก่อนที่ทันใดนั้นเองหอกคริสตัลสีเขียวของเซซิเรียจะถูกทุบจนปลิวกระเด็นออกไปจากวิถีเดิมด้วยไม้กระบองเหล็กในมือของเด็กสาวผมสีทองที่มีอายุราวๆ สิบสองปีอีกคนหนึ่ง
“ไม่เป็นอะไรนะคะพี่นัวร์!?”
“คิกคิก ถึงเธอจะไม่จำเป็นต้องเข้ามากันให้แบบนั้น แต่ยังไงก็ขอบใจที่อุตส่าห์เป็นห่วงนะจ๊ะซัมเมอร์”
“ขอโทษที่ขัดคำสั่งนะคะพี่นัวร์ แต่ว่าหนูคงจะปล่อยให้มีคนมาทำร้ายครอบครัวของหนูต่อหน้ากันแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ!!”
“น่าๆ ไม่ต้องคิดมากหรอก~ ว่าแต่ไหนๆ ซัมเมอร์ก็วิ่งออกมาแบบนี้แล้วถ้างั้นก็ลองเข้าไปเล่นกับพี่เซซิเรียเขาสักหน่อยสิ แล้วเดี๋ยวพี่จะได้สั่งให้พวกพี่ๆ แฟรี่เขาไปเก็บร่างของเพื่อนๆ กลับมาซ่อมกันน่ะ”
“ค่ะ!”
ซัมเมอร์พยักหน้าตอบเด็กสาวผมดำที่ชื่อว่านัวร์กลับไปด้วยความแข็งขันก่อนที่เธอจะหยิบเอาตลับโลหะทรงวงกลมมาประกอบเข้าไปที่ปลายด้ามจับของไม้กระบองเหล็กของเธอและส่งวิซเข้าไปใส่มันจนทำให้ตัวกระบองเหล็กเริ่มที่จะแผ่ความร้อนออกมาและในที่สุดก็มีเปลวไฟสีแดงลุกโชนขึ้นมาที่รอบๆ กระบองเหล็กของเธอ
พรึ๊บ
“วิธีการใช้วิซแบบเมืองซายูกิงั้นหรอ… ถ้าเกิดว่าเธอใช้วิซได้มันก็หมายความว่าเธอเป็นคนของที่นี่ไม่ใช่หรือไง!? ทำไมเธอถึงไปเข้าร่วมกับกลุ่มของคนที่คิดจะทำลายโลกของเธอนั่นล่ะ!?”
“คิกคิกคิก…”
“—!?”
เสียงหัวเราะคิกคักและรอยยิ้มบ้าคลั่งชวนขนหัวลุกของเด็กสาวผมสีทองนั้นถึงกับทำให้เซซิเรียต้องเขม่นมองไปทางนัวร์ด้วยแววตาดุร้ายในทันที เพราะถึงแม้ว่าเป้าหมายของพวกเธอจะอยู่คนละฝั่งกันอย่างชัดเจน แต่ว่าจริงๆ แล้วการต่อสู้ของพวกเธอมันก็ถูกกำหนดเอาไว้ด้วยข้อกำหนดอันเบาบางที่ทั้งสองฝ่ายเรียกมันว่า ‘คำสัญญา’ อยู่ต่างหาก
“เฮ้~ อย่ามองมาทางฉันด้วยสีหน้าน่ากลัวแบบนั้นสิเซซิเรียจัง~ ถึงถ้าเกิดว่าเป็นสมัยก่อนฉันอาจจะสนใจอยากจับยัยหนูนี่มาทดลองอยู่บ้างก็เถอะ แต่ว่าตอนนี้ฉันแค่ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กตามที่เขาสั่งมาจริงๆ นะ~”
“คิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดของคนอย่างเธองั้นหร—”
เคล๊ง!!
แต่ว่าก่อนที่เซซิเรียจะได้เอ่ยปากพูดจนเสร็จนั้น ซัมเมอร์ก็ได้พุ่งตัวเข้ามาใช้ไม้กระบองเหล็กติดไฟของเธอฟาดเข้าใส่เซซิเรียในแนวขวางจนทำให้เซซิเรียต้องรีบหยุดพูดลงเพื่อใช้หอกคริสตัลของเธอเข้ารับมือเด็กสาวผมทองในทันที
ซึ่งเสียงพูดของเซซิเรียที่ขาดหายไปกลางคันพร้อมกับเสียงปะทะอาวุธที่ดังแทรกขึ้นมานั้นก็ได้ทำให้เอริกะที่ยังคงอยู่ในสายสื่อสารต้องรีบเอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“เซซิเรียเกิดอะไรขึ้น!? ต้องการให้ฉันส่งกำลังเสริมไปหรือเปล่า!?”
“อย่า!! ตอนนี้มีคนของที่นี่ที่อาจจะถูกยัยนัวร์นั่นควบคุมอยู่ด้วย! ถ้าเกิดเธอไม่อยากให้มีใครโดนลูกหลงไปเพิ่มก็อย่าคิดจะส่งใครมาที่นี่เด็ดขาด!!”
“หะ— แต่โปรเจคของยัยนั่นมันถูกยกเลิกไปตั้งแต่— เข้าใจล่ะ! งั้นเดี๋ยวฉันจะรีบสั่งให้ทีมที่อยู่บริเวณนั้นเตรียมช่องทางหลบหนีเอาไว้ให้ก็ละกัน!! ถ้ายังไงก็ระวังตัวเองด้วยนะเซซิเรีย!!”
ปิ๊บ—
หลังจากที่เอริกะเอ่ยปากพูดเสร็จแล้วเธอก็รีบตัดสายการสื่อสารไปในทันทีเหมือนกับว่าเธอต้องการที่จะให้เซซิเรียได้มีสมาธิในการต่อสู้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ทางนัวร์ที่ไม่ได้ยินเสียงของเอริกะจากเครื่องสื่อสารนั้นก็ดูเหมือนว่าจะสามารถคาดเดาจากท่าทีของเซซิเรียได้เธอจึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยท่าทีอารมณ์ดี
“แหม่~ ฉันก็บอกอยู่นี่ไงว่าฉันไม่ได้จับซัมเมอร์เขาไปทดลองน่ะ นี่ซัมเมอร์อุตส่าห์เขาทำได้ขนาดนี้โดยที่ฉันไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่งด้วยสักนิดเดียวเลยนะเพราะงั้นอย่างน้อยเธอก็พูดชมเด็กคนนี้สักหน่อยสิ~ อ่ะ— แต่ถ้าเกิดว่าเป็นยัยเอริกะนั่นจะสงสัยก็ไม่แปลกอะไรสักเท่าไหร่ล่ะมั้ง~”
คำพูดของนัวร์นั้นได้ทำให้เซซิเรียเหลือบสายตาไปจ้องมองอีกฝ่ายอย่างดุร้าย เพราะไม่ว่าเธอจะคิดยังไงเด็กสาวอายุเพียงแค่สิบกว่าปีอย่างซัมเมอร์ก็ไม่น่าจะมีความสามารถระดับนี้ได้เลยแม้แต่น้อย และนั่นก็คงจะไม่พ้นเป็นเพราะว่านัวร์ได้ยื่นมือเข้ามายุ่งอะไรบางอย่างกับเด็กคนนี้อย่างแน่นอน
“คิกคิกคิก… ถึงหนูจะไม่รู้ว่าพี่สาวคือพี่เซซิเรียคนเดียวกับพวกเซซิเรียที่หัวหน้าเขาพูดถึงหรือเปล่าก็เถอะ แต่ว่าเล่นมาพยายามทำร้ายครอบครัวของหนูต่อหน้ากันแบบนี้หนูก็คงจะต้องลงมือสั่งสอนพี่สาวแทนหัวหน้าเขาแล้วล่ะ!!”
“ยัยเด็กนี่—!!”
เก๊ง—!! เคล๊ง—เคล๊ง—!!
“แล้วก็ถ้าเกิดว่าพี่สาวคือพี่เซซิเรียคนนั้นจริงๆ ล่ะก็… พี่สาวก็น่าจะเป็นคนที่เข้าใจว่าทำไมหัวหน้าเขาถึงต้องทำแบบนี้ได้ดีที่สุดไม่ใช่หรือไงคะ!?”
“—!?”
คำพูดของซัมเมอร์นั้นถึงกับทำให้เซซิเรียหยุดชะงักไปชั่วขณะก่อนที่เธอจะกัดฟันแน่นและเหวี่ยงด้ามหอกเข้าใส่เด็กสาวผมสีทองอย่างรุนแรง
ผลั๊ก!!
“โอ๊ย—!?”
ซัมเมอร์ที่ถูกด้ามหอกกระแทกเข้าใส่นั้นถึงกับปลิวกระเด็นกลิ้งไปหยุดอยู่ใกล้ๆ กับนัวร์ที่ยืนยิ้มมองดูการต่อสู้อยู่อย่างเงียบๆ ก่อนที่ทันใดนั้นเองที่อากาศเหนือหัวของเซซิเรียจะมีก้อนคริสตัลสีเขียวขนาดเล็กๆ ปรากฏขึ้นมากลางอากาศและก่อตัวจนกลายเป็นหอกคริสตัลอีกสี่เล่มที่หันปลายแหลมชี้ไปทางเด็กสาวทั้งสองคน
“ถึงฉันจะไม่อยากฆ่าใครถ้าเกิดว่ามันไม่จำเป็น… แต่ถ้าเกิดว่าเธอถูกนัวร์ทดลองไปแล้วจริงๆ แล้วล่ะก็ฉันเองก็คงจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องกำจัดเธอทิ้งเหมือนกัน!!”
ปั้ง—ปั้ง—ปั้ง—ปั้ง—
ทันทีที่สิ้นเสียงของเซซิเรีย หอกคริสตัลทั้งสี่เล่มของเธอก็พุ่งเข้าใส่เด็กสาวทั้งสองคนอย่างรวดเร็วและรุนแรงราวด้วยความเร็วที่แทบจะมองตามไม่ทันจนเกิดแหวกอากาศดังขึ้นมาอย่างรุนแรง ซึ่งความเร็วของพวกมันนั้นก็ทำให้ดูราวกับว่าความเร็วของหอกของเธอในตอนที่เธอสู้กับนากาและเซซิลที่หน้าปราสาทกราวิทัสนั้นเธอได้ยั้งมือเต็มที่เพื่อไม่ให้พวกเด็กๆ นักเรียนอย่างพวกเขาได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอย่างไรอย่างนั้น
และความเร็วของหอกคริสตัลทั้งสองอันที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาใส่ซัมเมอร์นั้นก็ได้แต่ทำให้เด็กสาวเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจเพราะเธอรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่สามารถรับมือหอกคริสตัลทั้งสองอันที่พุ่งตรงเข้าใส่กลางศีรษะและกลางลำตัวของเธอได้อย่างแน่นอน ในขณะที่ทางด้านนัวร์นั้นก็กลับยืนยิ้มนิ่งอยู่กับที่เหมือนกับว่าเธอไม่เห็นหอกคริสตัลอีกสองอันที่เหลือที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาใส่เธออยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
เคล๊ง—เคล๊ง—
ในขณะที่ซัมเมอร์กำลังจะหลับตาลงด้วยความคับแค้นใจที่ตัวเองต้องมาตายทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แก้แค้นให้กับคุณพ่อของเธอที่ถูกทางเมืองกราวิทัสป้ายความผิดและจับตัวไปประหารต่อหน้าต่อตาของเธออยู่นั้น อยู่ๆ หอกคริสตัลทั้งสองอันที่กำลังจะพุ่งเข้ามาเสียบร่างของเธอก็ถูกเส้นแสงสีเงินตวัดผ่านพร้อมๆ กันจนมันแตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ซึ่งที่มาของเส้นแสงสีเงินนั้นก็มาจากดาบคาตานะในมือของเด็กสาวในชุดผ้าคลุมสีดำที่โผล่มายืนขวางหน้าของเธอเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้นั่นเอง
สวบ—สวบ—!!
“อุ—!?”
เสียงของอะไรบางอย่างที่เสียบลงบนพื้นผิวนิ่มๆ และเสียงร้องเบาๆ ของนัวร์ที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังนั้นได้ทำให้ซัมเมอร์ละความสนใจไปจากเด็กสาวในชุดผ้าคลุมสีดำที่เหล่าแฟรี่สาวใช้เรียกเธอคนนี้กันว่าหัวหน้าไปมองทางด้านหลังในทันที ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอได้พบกับนัวร์ที่ถูกหอกคริสตัลของเซซิเรียพุ่งทะลุบริเวณศีรษะและไหล่จนเป็นรูกลวงขนาดใหญ่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น
“พี่นัวร์คะ!?”
“คิกคิกคิก เธอนี่พอเห็นหน้าฉันแล้วก็ชอบทำอะไรรุนแรงใส่กันแบบนี้จังเลยน้า~ ฉันไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะซัมเมอร์ แต่ถ้าเป็นไปได้เธอก็ช่วยพาร่างของฉันกลับไปที่ฐานให้หน่อยก็จะเป็นพระคุณมากเลยจ้ะ เพราะว่าพอเหลือตาแค่ข้างเดียวแบบนี้มันก็เดินลำบากเอาเรื่องเลยล่ะ”
นัวร์ที่ศีรษะบริเวณเบ้าตาถูกทะลวงเป็นรูกลวงจนสามารถมองทะลุเห็นไปทางด้านหลังได้อีกทั้งหัวไหล่ข้างหนึ่งของเธอเองก็ห้อยแกว่งไปมาเหมือนกับจะหลุดออกมาให้ได้ได้ยันตัวเองขึ้นมานั่งและใช้แขนข้างที่ไม่บาดเจ็บของเธอจับแขนข้างที่ห้อยอยู่ขึ้นมาโบกให้กับเซซิเรียเหมือนกับไม่รู้จักความเจ็บปวดพร้อมกับเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากซัมเมอร์ออกมา จนทำให้ซัมเมอร์ที่ได้ยินแบบนั้นได้แต่ต้องเหลือบไปมองทางด้านเด็กสาวในชุดผ้าคลุมที่ยืนนิ่งเงียบจ้องมองเซซิเรียอยู่เบื้องหลังเล็กน้อย
“ต—แต่ว่าหัวหน้าเขา…”
“ไปช่วยนัวร์ซะซัมเมอร์…”
“ร—รับทราบค่ะ!!”
ซัมเมอร์ที่ได้ยินแบบนั้นได้รีบพยักหน้าตอบเด็กสาวในชุดผ้าคลุมกลับไปก่อนที่เธอจะดับเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่บนกระบองเหล็กของเธอลงและรีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงนัวร์เดินหายเข้าแนวต้นไม้ไป
ในขณะที่ทางด้านเซซิเรียนั้นก็ทำได้เพียงแค่แอบเหลือบตามองไล่หลังเด็กสาวทั้งสองคนไป เพราะถึงแม้ว่าเธอจะต้องการจัดการกับเด็กสาวทั้งสองคนแต่ว่าเธอเองก็รู้ตัวดีว่าต่อหน้าเด็กสาวในชุดผ้าคลุมสีดำเบื้องหน้าที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อปกป้องเด็กสาวผมสีทองคนนั้นความพยายามในโจมตีของเธอก็คงจะไม่ประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน
และในขณะที่เซซิเรียกำลังจ้องมองเด็กสาวในชุดผ้าคลุมสีดำด้วยความเคร่งเครียดอยู่นั้น อยู่ๆ เด็กสาวในชุดผ้าคลุมก็กลับสลายดาบคาตานะในมือของเธอให้กลายเป็นละอองแสงหายไปพร้อมกับเอ่ยปากถามเซซิเรียขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เรื่องทั้งหมดที่เธอกับเอริกะกำลังพยายามทำอยู่นั่น… มันเป็นเพราะคำสัญญาที่เธอเคยมอบไว้ให้กับฉันเมื่อตอนนั้นหรอ…”
“…!”
“ถ้าเกิดว่ามันเป็นเพราะคำสัญญานั่นล่ะก็… เธอไม่จำเป็นต้องลำบากพยายามมาหยุดพวกฉันเอาไว้หรอกนะ… เพราะตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว…”
แกร๊ก—
“…อย่างนั้นเองสินะ”
คำพูดของเด็กสาวในชุดผ้าคลุมที่ดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบาแต่ว่าสามารถได้ยินได้อย่างชัดเจนนั้นได้ทำให้เซซิเรียก้มหน้าลงต่ำและกำหมัดแน่นจนหอกคริสตัลที่เธอถือเอาไว้ในมือถึงกับเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมา
และหลังจากที่เวลาผ่านไปพักใหญ่ท่ามกลางความเงียบงันภายใต้ท้องฟ้าที่ประดับไปด้วยดวงดาวระยิบระยับเซซิเรียก็ได้เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งด้วยแววตาแน่วแน่พร้อมกับยกหอกคริสตัลในมือของเธอชี้ตรงไปยังเด็กสาวในชุดผ้าคลุมอีกครั้งหนึ่ง
“ถ้าเกิดว่าทุกสิ่งและทุกอย่างของเธอมันเปลี่ยนไปจนไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนกับเมื่อก่อนได้แล้วจริงๆ ล่ะก็… ถ้างั้นฉันก็จะเป็นคนทำลายมันลงไปเอง!!”
“…ถึงแม้ว่านั่นมันอาจจะเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับที่พวกเอริกะต้องการ… หรือว่าเป็นการปล่อยให้เหล่ามนุษย์บนดวงดาวที่แสนสกปรกใบนี้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกมันได้แตะต้องต่อไปน่ะหรอ…?”
“เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่รู้… แล้วฉันเองก็ไม่สนหรอกนะว่าสิ่งที่ฉันต้องการมันจะตรงข้ามกับสิ่งที่เอริกะหรือว่านิลิมต้องการจนพวกเราต้องแตกหักกันหรือเปล่า แต่ว่าต่อให้จะเหลือฉันแค่ตัวคนเดียวฉันก็จะยังทำมันต่อไป… แล้วฉันจะเป็นคนเอาโลกใบใหม่ที่พวกเราเคยสัญญากันเอาไว้นั่นมาให้เธอดูเอง!!”
“หึ… ถ้างั้นฉันก็ขอให้ความเชื่อมั่นของเธอมันสามารถพาเธอไปถึงจุดหมายที่หวังเอาไว้ให้ได้ก็แล้วกัน…”
ร่างในชุดผ้าคลุมที่เห็นเซซิเรียเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นและแววตาที่มั่นคงนั้นได้ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมาพร้อมกับล้วงเอาแท่งโลหะสี่เหลี่ยมขนาดเล็กๆ อันหนึ่งออกมาโยนให้กับเซซิเรีย
ฟวับ—
“—!?”
เซซิเรียที่เห็นว่าเด็กสาวในชุดผ้าคลุมโยนสิ่งของบางอย่างมาทางตนนั้นได้รีบผละมือข้างหนึ่งออกจากหอกคริสตัลและยื่นมือไปคว้ามันเอาไว้กลางอากาศโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอรู้ดีว่าถ้าหากเด็กสาวในชุดผ้าคลุมต้องการที่จะสังหารเธอล่ะก็ อีกฝ่ายไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ลูกเล่นอย่างการแกล้งทำเป็นโยนของให้เธอรับเอาไว้เลยแม้แต่สักนิดเดียว
“นี่มัน… ตัวเก็บข้อมูล?”
“ในนั้นมีสถานที่ที่พวกฉันวางแผนจะโจมตีเป็นที่ต่อไปบันทึกเอาไว้อยู่… ถ้าเกิดว่าเธอเอาไปให้เอริกะเขาดูรายนั้นก็น่าจะหาวิธีดูข้อมูลด้านในได้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ…”
“ทำไมเธอถึง…”
“เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่มนุษย์คนหนึ่งจะยึดมั่นในคำสัญญาและยืนหยัดพยายามจะทำให้มันเป็นจริงเหมือนกับเธอ… เพราะงั้นถึงมันจะดูโง่เขลาและเปล่าประโยชน์สักแค่ไหน… แต่ว่าความพยายามและความกล้าหาญเหล่านั้นมันก็ไม่สมควรที่จะถูกมองข้ามจริงมั้ยล่ะ…”
ในขณะที่เด็กสาวในชุดผ้าคลุมกำลังเอ่ยปากพูดอยู่นั้นความมืดมิดผิดธรรมชาติภายใต้ผ้าคลุมของเธอก็เบาบางลงชั่วขณะจนเผยให้เห็นโครงหน้าของเด็กสาวที่มีรอยยิ้มบางๆ ประดับเอาไว้อยู่บนใบหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้เซซิเรียลดหอกคริสตัลในมือของเธอลงพร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้นมาอย่างมีความหวัง
“ถ้างั้นพวกเรา—”
“แต่ไม่ว่ายังไงเป้าหมายของพวกฉันก็จะยังคงเหมือนเดิม… โลกที่ผิดพลาดใบนี้จะต้องถูกทำลาย… ไม่ว่าคนที่จะพยายามปกป้องมันจะเป็นเธอ เอริกะ หรือว่าต่อให้จะเป็นเขาคนนั้นก็ตาม…”
“ด—เดี๋ยว— อย่าเพิ่งไป!!”
“อย่าทำให้ฉันผิดหวังซะล่ะ…เซซิเรีย…”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเด็กสาวในชุดผ้าคลุมร่างกายของเธอก็หายวับไปในชั่วพริบตาราวกับว่าสิ่งที่เซซิเรียพูดคุยด้วยเมื่อสักครู่นี้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้เซซิเรียได้แต่ต้องยกตัวเก็บข้อมูลที่เป็นแท่งสี่เหลี่ยมที่อีกฝ่ายโยนมาให้เธอเมื่อสักครู่ขึ้นมาจ้องมองมันอยู่อย่างเงียบๆ สักพักใหญ่ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนเบื้องบนที่ประดับด้วยหมู่ดาวแพรวพราวระยิบระยับและเอื้อมมือไปกดที่เครื่องสื่อสารเพื่อติดต่อหาเอริกะอีกครั้งหนึ่ง
ปิ๊บ
“เป็นไงบ้างเซซิเรีย!? ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า”
“เอริกะ เธอแจ้งให้หน่วยทุกหน่วยที่เธอมีให้เตรียมความพร้อมเอาไว้ซะ พวกเราเหลือเวลากันอีกไม่มากแล้ว”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ที่คฤหาสน์ตระกูลรีวิซที่เอริกะยกให้พวกนากามาอยู่อาศัยเองก็ได้มีเสียงเคาะประตูห้องนอนของนากาดังขึ้นมาก่อนที่จะมีเสียงพูดสอบถามของโมโกะดังขึ้นมาจากภายนอกห้องนอนของเด็กหนุ่มผมดำผู้เป็นเจ้าของห้อง
“นากา นายหลับไปหรือยัง?”
“หืม? โมโกะหรอ มีอะไรหรือเปล่า เข้ามานั่งด้านในก่อนสิ อ่ะ—”
นากาที่ได้ยินคำขออนุญาตจากโมโกะได้ลุกขึ้นจากโต๊ะเขียนหนังสือที่เขากำลังนั่งทำการบ้านของเอริซาเบธอยู่เพื่อเดินไปเปิดประตูห้องและเชิญเธอเข้าไปด้านใน แต่ว่าในทันทีที่เขาได้เห็นโมโกะที่อยู่ในชุดนอนสีชมพูอ่อน รวมถึงเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ยังไม่แห้งสนิทดีเหมือนกับว่าเธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ อีกทั้งยังปล่อยยาวโดยไม่ได้มัดเอาไว้เหมือนกับที่เธอทำเป็นประจำและยังมีผ้าขนหนูผืนเล็กวางแปะคลุมศีรษะและหูแมวของเธอเอาไว้นั้นนากาก็ถึงกับชะงักไปในทันทีกับภาพลักษณ์ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนของเพื่อนสาวหูแมวคนนี้
ส่วนทางด้านโมโกะเองเมื่อเธอได้พบว่านากาได้ชะงักไปและจ้องมองเธอแบบไม่วางตานั้นเธอก็ได้แต่ต้องเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและกระดิกหูแมวของตนพูดถามเขากลับไปพร้อมกับเดินไปนั่งลงบนเตียงของนากาโดยมีเด็กหนุ่มผมดำเจ้าของห้องเดินตามมานั่งข้างๆ ด้วยเช่นเดียวกัน
“มองอะไรหะ? ไม่เคยเห็นคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จหรือไง”
“ป—เปล๊า ไม่ได้มองอะไรสักหน่อย! ว่าแต่นี่เธอมีอะไรถึงมาหาฉันถึงที่ห้องนี่ล่ะ เป็นเรื่องเร่งด่วนอะไรหรือเปล่า?”
“เอ่อ… ก็ไม่เชิงนะ จะว่ายังไงดีล่ะ… คือแบบว่าช่วงนี้พวกเราไม่ค่อยจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสามคนเหมือนกับตอนอยู่ที่หมู่บ้านสักเท่าไหร่ยัยพรีมูล่าก็เลยฝากฉันมาถามว่านายเป็นยังไงบ้างน่ะ”
โมโกะที่ถูกนากาเอ่ยปากถามขึ้นมาได้ตัดสินใจที่จะพูดถามเขากลับไปโดยพยายามใช้พรีมูล่าเป็นข้ออ้าง เพราะว่าหลังจากที่ผ่านวันเปิดภาคเรียนมาเวลาช่วงบ่ายของวันเรียนเธอก็ต้องไปทำกิจกรรมชมรมที่ชมรมสำรวจซากโบราณจนถึงช่วงเย็น ในขณะที่ทางด้านนากานั้นก็เอาแต่ฝึกซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตายไม่เว้นวัน
และหลังจากที่พวกเธอกลับมาถึงคฤหาสน์แล้วนากาก็รีบกินข้าวเย็นอย่างรวดเร็วก่อนจะไปหมกตัวฝึกซ้อมต่อในห้องจนทำให้เธอแทบจะไม่ได้พูดคุยกับเขาเลยแม้แต่น้อย
“เอ๋ะ? อื้ม อื้ม… ก็ไม่ได้มีอะไรมากเป็นพิเศษนะ…”
นากาพูดตอบโมโกะกลับไปเบาๆ โดยที่ไม่ได้มีความคิดอะไรอยู่ในหัวสมองเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าบัดนี้สายตาและความคิดของเขาได้ถูกเรือนร่างของโมโกะที่ถูกบดบังเอาไว้เพียงแค่ชุดนอนสีชมพูบางเบาดึงดูดไปเสียหมด
ซึ่งถึงแม้ว่ารูปร่างและสัดส่วนของโมโกะจะไม่ได้จัดว่าเจริญเติบโตเกินวัยไปมากแบบพรีมูล่าผู้ที่เป็นน้องสาวของเขา แต่ว่าร่างกายของโมโกะในยามนี้ก็กลับดูน่าดึงดูดมากกว่าที่เขาจำได้ในช่วงเวลาที่เธอใส่ชุดนอนตัวเดียวกันนี้ในตอนที่พวกเขายังอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านโมริโกะมาก
และด้วยความที่มันเป็นชุดนอนตัวเก่าที่โมโกะสวมใส่มาตั้งแต่สมัยยังอยู่ที่หมู่บ้าน มันก็เลยทำให้ในเวลานี้ชุดนอนของเธอถูกดันขึ้นไปจนเผยให้เห็นหน้าท้องและเนินอกขาวเนียนเป็นบางส่วนเนื่องจากร่างกายที่เจริญเติบโตขึ้นของอีกฝ่าย
“—-ด้เตรียมของขวัญอะไรเอาไว้หรือยังล่ะ? …นากา? นี่นายฟังฉันพูดอยู่หรือเปล่าเนี่ยหะ?”
“ห—หะ? ว่าไง? เมื่อกี้นี้เธอถามฉันว่าอะไรนะ?”
เสียงร้องเรียกของโมโกะได้ทำให้นากาหลุดออกมาจากภวังค์และรีบละสายตาออกมาจากผิวกายขาวผ่องของอีกฝ่ายในทันที ซึ่งท่าทีเหม่อลอยของนากานั้นก็ได้ทำให้โมโกะเลิกติ้วด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยปากถามเขาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“เมื่อกี้นี้ฉันถามว่านายได้เตรียมของขวัญเอาไว้ให้ยัยนั่นแล้วหรือยัง… นี่นายง่วงจนเบลอแล้วหรือไงน่ะ”
“เอ๋ะ? ของขวัญ?”
“ก็ของขวัญวันเกิดของยัยพรีมูล่านั่นไง อีกแค่อาทิตย์เดียวก็จะถึงวันที่ยุ่งยากที่สุดประจำปีอยู่แล้วนะนั่น”
“หา? เดี๋ยวนะ— ไม่ใช่ว่าวันนี้มันเพิ่งจะวันที่—”
“ทำท่าทางแบบนี้นี่เหมือนว่านายจะฝึกฝนจนเสียสติมากกว่าง่วงจนเบลอแล้วล่ะมั้งเนี่ย… ว่าแต่นี่อย่าบอกนะว่านายลืมวันเกิดของน้องสาวของตัวเองน่ะ?”
โมโกะที่เห็นท่าทีตื่นตระหนกของนากาได้เอียงตัวเข้าไปใช้หัวของเธอดันเข้าใส่นากาไปทีหนึ่งด้วยท่าทีเหมือนกับลูกแมวตัวน้อยๆ ในขณะที่ทางด้านนากานั้นก็แทบจะตาเหลือกไปกับวันเกิดของพรีมูล่าที่กำลังจะใกล้เข้ามาถึง
“ให้ตายสิ… สองสัปดาห์ที่ผ่านมานี่ฉันก็มัวแต่ฝึกจนลืมไปซะสนิทเลย… ว่าแต่นี่ยัยพรีมูล่าก็จะโตขึ้นอีกปีนึงแล้วหรอเนี่ย เวลามันก็ผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ…”
“นายนี่ก็พูดจาอย่างกับคนแก่ไปได้ นี่ปีนี้คุณปู่นากามูระอายุกี่ขวบแล้วคะเนี่ย?”
“พูดมากน่า! แล้วก็เรียกฉันว่านากาเฉยๆ ก็พอแล้ว!”
โมโกะที่ถูกนากาพูดต่อว่าใส่นั้นได้หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย เพราะว่านากานั้นไม่เคยชอบให้ใครเรียกชื่อเต็มของเขาเลยแม้แต่น้อย และเมื่อโมโกะหัวเราะออกมาจนพอใจแล้วเธอก็เอื้อมมือไปคว้าเอาหมอนของนากามาวางไว้ข้างหลังและล้มตัวลงไปนอนแผ่แบบไม่เกรงใจเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อยอีกทั้งยังพูดถามเขาขึ้นมาต่ออีกด้วย
“ว่าแต่แล้วนี่พวกเราจะเอายังไงกับวันเกิดของพรีมูล่ากันดีล่ะ มีใครคนไหนรู้เรื่องวันเกิดของยัยนั่นอีกหรือเปล่า?”
“ก็ถ้านอกจากพวกเรากับอารอนแล้วก็น่าจะมีเอริกะกับเอริซาเบธล่ะมั้งที่ได้เห็นวันเกิดในเอกสารสมัครเรียนของพรีมูล่า…น่ะ…”
นากาที่หันกลับไปพูดตอบโมโกะถึงกับหัวตื้อตันไปชั่วขณะเมื่อเขาได้พบว่าบัดนี้เสื้อนอนสีชมพูของโมโกะได้พลิกไปทางด้านบนจนเผยให้เห็นผิวกายขาวเนียนบริเวณหน้าท้องของเธอไปจนถึงช่วงเหนือสะดือเล็กน้อย ในขณะที่ทางด้านตัวโมโกะเองที่มัวแต่คิดถึงเรื่องแผนการอะไรบางอย่างก็กลับไม่ได้รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าเอาคนที่รู้แล้วแน่ๆ ก็มีคอนแนลเพิ่มอีกคนนึงแล้วล่ะ เพราะเมื่อกี้นี้ฉันเพิ่งจะแอบไปบอกเขามาก่อนจะไปอาบน้ำน่ะ”
“หือ… อย่าบอกนะว่าเธอคิดจะเซอร์ไพรส์ยัยนั่นถ้าเกิดว่ายัยนั่นลืมวันเกิดของตัวเองไปแล้วน่ะ?”
“ก็ดูท่าทางแล้วว่ายัยนั่นจะสนุกกับโรงเรียนจนลืมเรื่องวันเกิดของตัวเองไปแล้วนี่ เพราะงั้นเราก็ใช้โอกาสนี้ทำเป็นเงียบๆ ไว้ก่อนก็น่าจะสนุกดีเหมือนกัน”
คำพูดของโมโกะนั้นได้ทำให้ภาพของพรีมูล่าที่กำลังสนุกสุดเหวี่ยงกับการสุมหัวกับซิลเวสเพื่อหาเรื่องแกล้งคนอื่นผุดขึ้นมาในหัวของนากาในทันทีจนทำให้เขาได้แต่หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“ฮะฮะ… ถ้าเป็นยัยพรีมูล่าก็อาจจะเป็นไปได้อยู่ล่ะมั้ง… อ่ะ—!?”
“หือ…? มีอะไรหรือเปล่าน่ะนากา?”
“ป—เปล่านี่… ต—แต่ฉันว่าเธอลุกขึ้นมานั่งดีๆ ก่อนดีกว่าล่ะมั้ง…”
“หืม? ทำไมล่ะ ฉันว่าเตียงของนายเองก็นอนสบายดี… ว๊าย!!?”
โมโกะที่ถูกนากาพูดแนะนำขึ้นมาได้หลุดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเธอได้สังเกตเห็นสภาพชุดนอนของตัวเองที่หลุดลุ่ยจากการนอนกลิ้งเล่นไปมาบนเตียงของนากาและรีบผุดลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับคว้าเอาผ้าห่มของนากาขึ้นมาคลุมตัวเองเอาไว้ด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“น—น—-นายห—เห็….”
“อ่ะ!! ดึกป่านนี้แล้วหรอเนี่ย!! ถ้ายังไงเดี๋ยวขอฉันไปอาบน้ำเตรียมตัวนอนก่อนก็แล้วกันนะ!! เธอเองก็รีบๆ กลับห้องไปนอนได้แล้วล่ะโมโกะ!!”
ปั้ง!!
ในขณะที่โมโกะกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างออกมาอยู่นั้น อยู่นากาก็ได้พูดขึ้นมาเสียงดังก่อนที่เขาจะรีบลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปในทันทีโดยปล่อยให้โมโกะที่หน้าแดงก่ำนั่งขดตัวอยู่ในห้องได้มีเวลาจัดการเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งนั่นก็ทำให้โมโกะที่ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหน้าได้แต่พูดพึมพัมออกมาเบาๆ
“ม…หมอนั่นเองก็สนใจเรื่องอะไรแบบนี้เหมือนกันงั้นสินะ…”
“เฮ้ยยยย นอกจากการบ้านของเอริแล้วยังมีของอาจารย์โซจิกับของอาจารย์อายะอีกด้วยนี่หว่า!!”
แต่ยังไม่ทันที่จะสิ้นเสียงพึมพำของโมโกะ อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงแหกปากร้องของนากาดังแว่วๆ ออกมาจากภายนอกห้องให้เธอได้ยิน ซึ่งนั่นก็ทำให้โมโกะได้แต่ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับพูดบ่นออกมาอีกครั้ง
“เด็กน้อยชะมัด…”