บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 111 Immediate Measure
ครืน….
“หืม…?”
ในขณะเดียวกันกับที่เกิดเหตุระเบิดขึ้นมาที่หน้าประตูเมืองนั้นเอง เหล่าเด็กนักเรียนผู้มีหูสัตว์บางคนในห้องเรียนของปีการศึกษาชั้นปลายห้องที่สามเองก็ได้กระดิกหูของพวกเขาและหันไปมองทางด้านหน้าต่างเล็กน้อยด้วยความสงสัย ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงโมโกะที่นั่งฟังคำบรรยายของอาจารย์โซจิอยู่ด้วยความตั้งใจที่ถูกเสียงระเบิดที่ดังแว่วขึ้นมาเบาๆ นั้นดึงดูดความสนใจไปด้วย
“พวกนายได้ยินเสียงอะไรบ้างหรือเปล่าน่ะนากา คอนแนล?”
“หืม? ผมไม่เห็นจะได้ยินเสียงอะไรเลยนะครับโมโกะ”
“ทางฉันนอกจากเสียงของอาจารย์โซจิที่พูดประโยคภาษาโบราณยาวๆ เหมือนกับกำลังร่ายเวทมนตร์คาถาอะไรสักอย่างอยู่นี่ก็ไม่ได้ยินอะไรเหมือนกันนะ…”
คอนแนลและนากาที่ได้ยินคำถามของโมโกะได้ผลัดกันกระซิบตอบเธอกลับไปทีละคนจนทำให้โมโกะที่ได้ยินแบบนั้นได้แต่คิดว่าตัวเองคงจะหูฝาดไปเองและหันกลับไปตั้งใจฟังบทเรียนอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงฝีเท้าที่รีบร้อนวิ่งมาตามระเบียงทางเดินดังขึ้นมาให้ทุกคนได้ยิน
ตึกตึกตึก ครืดดด—
“สถานการณ์ฉุกเฉินค่ะอาจารย์โซจิ! รบกวนช่วยอพยพพวกเด็กนักเรียนไปที่สนามหญ้าด้วยค่ะ!”
“สถานการณ์ฉุกเฉินแบบที่ท่านผู้อำนวยการเคยบอกเอาไว้น่ะหรอครับ…?”
คำพูดของอาจารย์อายะที่โผล่มาร้องสั่งด้วยความรีบร้อนก่อนที่เธอจะรีบวิ่งไปแจ้งข่าวให้กับห้องเรียนอื่นๆ โดยที่ไม่ได้อยู่เฝ้ารอคำตอบรับจากอาจารย์โซจินั้นได้ทำให้อาจารย์โซจิหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันกลับมาพูดสั่งเหล่านักเรียนที่เริ่มจะหันไปพูดพึมพำกันด้วยความตื่นตระหนกกันแล้ว
“เอาล่ะ นักเรียนทุกคนรบกวนช่วยลุกขึ้นยืนแล้วก็ตั้งแถวเดินตามอาจารย์ไปที่สนามหญ้ากันด้วย”
ท่าทีใจเย็นของอาจารย์โซจินั้นทำให้เหล่าเด็กนักเรียนพอจะรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้บ้างและค่อยๆ ทยอยลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อต่อแถวเดินตามเขาลงจากอาคารเรียนเพื่อไปยังบริเวณสนามหญ้ากัน
ซึ่งในทันทีที่นากาเดินพ้นออกมาจากเขตอาคารเรียนและได้พบกับการตั้งแถวของเด็กนักเรียนจำนวนมากเหมือนกับที่เกิดขึ้นเมื่อวันแรกของการเปิดเรียนนั้นเขาก็ได้แต่ต้องพูดถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย…”
“ข้างนอกโรงเรียนน่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาล่ะมั้ง เพราะว่าเมื่อกี้นี้ฉันได้ยินเสียงเหมือนกับว่ามีอะไรระเบิดดังแว่วมาด้วยล่ะ”
“เอ๋? จริงหรอโมโกะจัง หนูไม่เห็นจะได้ยินอะไรเลยอ่ะ”
“หมายถึงที่โมโกะหันมาถามพวกผมเมื่อกี้นี้น่ะหรอครับ? แต่เอาจริงๆ ผมว่าตอนนั้นผมไม่เห็นจะได้ยินอะไรเลยนะครับ”
พรีมูล่าที่ได้ยินคำพูดของโมโกะได้ยื่นหน้าออกมาพูดถามเธอกลับไปด้วยความสงสัย ในขณะที่ทางด้านคอนแนลที่ไม่ได้ยินเสียงระเบิดหรือว่าเสียงอะไรดังขึ้นมาในระหว่างคาบเรียนเลยนั้นก็ได้แต่ต้องพูดถามกลับไปแบบไม่มั่นใจนักจนทำให้โมโกะต้องหันไปขอคำยืนยันจากซิลเวสที่มีหูแมวเหมือนกันกับเธอแทน
“ก็หูของพวกนายรับเสียงได้ไม่ดีเหมือนกับหูของฉันนี่เพราะงั้นจะไม่ได้ยินก็ไม่แปลกหรอก ว่าแต่ซิลเวสเองก็น่าจะได้ยินเหมือนกันไม่ใช่หรอเสียงนั่นน่ะ”
“เอ๋ะ? หนูก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ เพราะว่าตอนก่อนที่อาจารย์อายะจะโผล่มาหนูกำลังเล่นกับพริมจังเขาอยู่อ่ะค่ะ แฮะๆ”
คำตอบของซิลเวสนั้นได้ทำให้นากาหันไปหรี่ตาจ้องมองน้องสาวของตนในทันทีจนทำให้พรีมูล่าได้แต่ต้องหันหนีไปทางอื่นพร้อมกับพยายามผิวปากออกมาจนเกิดเป็นเสียงประหลาดๆ
และในขณะที่นากากำลังคิดที่จะเข้าไปดึงแก้มพรีมูล่าเพื่อเป็นการทำโทษที่เธอไม่ตั้งใจเรียนอยู่นั้น ทางด้านเซซิลก็ได้หันไปหันมาเพื่อมองสำรวจดูรอบๆ และได้พบว่ามายะที่เมื่อสักครู่นี้ยังเดินตามติดเธอไม่ปล่อยได้หายตัวไปตั้งแต่ตอนไหนแล้วก็ไม่ทราบได้
“มายะล่ะ…?”
“ฮิฮิฮิ…”
“……”
เสียงหัวเราะของพิเน๊ะที่ดังขึ้นมาแทนมายะที่หายตัวไปแล้วได้แต่ทำให้เซซิลต้องเหลือบไปมองเด็กสาวประหลาดหัวเหลืองแซมเขียวเล็กน้อยและตัดสินใจที่จะไม่พูดตอบอะไรกลับไปก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองนากาที่กำลังดึงแก้มของพรีมูล่าจนยืดอยู่แทน
และหลังจากที่เวลาผ่านไปอีกสักพักหนึ่งก็ได้มีเด็กนักเรียนบางส่วนสังเกตเห็นไดเอน่าที่มีเหงื่อท่วมตัวจากการที่เธอต้องช่วยอาจารย์อายะวิ่งไปแจ้งข่าวให้อาจารย์ท่านต่างๆ อพยพนักเรียนออกมาจากอาคารเรียนเดินกำลังเดินออกมาจากอาคารเรียนพร้อมกับอุปกรณ์ขยายเสียงในมือจนทำให้เสียงพูดคุยที่ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งสนามหญ้าค่อยๆ เงียบลงไป
ซึ่งเมื่อไดเอน่าเห็นว่าเหล่าเด็กนักเรียนอยู่ในความสงบกันแล้วเธอจึงได้ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อเม็ดเล็กๆ บนใบหน้าของเธอแล้วจึงยกอุปกรณ์ขยายเสียงขึ้นมาเพื่อพูดประกาศถึงสาเหตุของการที่เธอได้เรียกเด็กนักเรียนและคณะอาจารย์ออกมารวมตัวกันที่สนามหญ้าแห่งนี้ขึ้นมา
“อะแฮ่ม ถ้าอย่างงั้นฉันจะขอเข้าเรื่องเลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาก็แล้วกันนะ เมื่อสักครู่นี้มีเหตุก่อการร้ายเกิดขึ้นที่บริเวณหน้าประตูเมืองทางทิศใต้จนทำให้พวกทหารยามที่เฝ้าประตูทิศนั้นอยู่ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ท่านผู้อำนวยการก็เลยตัดสินใจที่จะอพยพเด็กนักเรียนทุกคนออกมาจากอาคารเรียนกันก่อนเผื่อว่าพวกผู้ก่อการร้ายอาจจะมีเป้าหมายอยู่ที่โรงเรียนนี้ด้วยน่ะ”
‘หะ— หมายความว่าเสียงเมื่อกี้นี้มันเป็นเสียงระเบิดจริงๆ หรอน่ะ!?’
‘ที่เมืองรีมินัสเนี่ยนะ ล้อกันเล่นหรือเปล่าน่ะ!?’
‘ถ้าเกิดว่ามีคนมาโจมตีแบบนี้พวกเราหลบอยู่ในอาคารเรียนจะไม่ปลอดภัยกว่าหรอคะประธาน!?’
“สำหรับเรื่องความปลอดภัยนี่พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะ เพราะว่าตอนนี้อาจารย์ทุกท่านได้กระจายตัวกันออกไปคอยคุ้มกันความปลอดภัยให้กับพวกเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้วล่ะ”
ไดเอน่าพูดอธิบายขึ้นมาพร้อมกับชี้นิ้วไปทางด้านบนของกำแพงโรงเรียนที่ในขณะนี้ได้มีเหล่าคณะอาจารย์มากหน้าหลายตากำลังยืนเว้นระยะห่างกันไปจนครอบคลุมไปทั่วทั้งกำแพงโรงเรียน
ซึ่งในหมู่คณะอาจารย์เหล่านั้นเองก็มีอาจารย์บางท่านที่กลุ่มของนากาหรือว่าพวกอัลเบิร์ต ซิลเวส เซซิลและรีซาน่าคุ้นหน้าคุ้นตาดีอย่างเช่นอาจารย์โซจิที่สวมใส่ถุงมือสีดำเอาไว้ในมือทั้งสองข้างและกำลังหันกลับมาส่งรอยยิ้มอุ่นใจให้กับเหล่านักเรียนที่หันขึ้นมามอง
และนอกจากอาจารย์โซจิแล้วก็ยังมีอาจารย์เทียที่เป็นฝาแฝดของมีอาที่มีท่าทีกล้าๆ กลัวๆ กำลังหันซ้ายหันขวาไปมาโดยที่ในมือของเธอได้กำก้อนคริสตัลสีขาวและสีแดงเอาไว้ข้างละก้อน และที่ห่างออกไปจากอาจารย์เทียไม่ไกลสักเท่าไหร่นักพวกเขาก็ยังสังเกตเห็นเอริซาเบธที่ปักอาวุธของเธอที่มีลักษณะเหมือนกับใบมีดสีดำขนาดยักษ์ที่มีด้ามจับอยู่ตรงกลางไว้กับพื้นข้างกายถึงสองอันด้วยกันและกำลังเพ่งตามองขึ้นไปด้านบนท้องฟ้าอยู่ด้วยท่าทีเคร่งเครียดแบบที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“ได้เห็นแบบนี้แล้วพวกเธอเองก็น่าจะพออุ่นใจขึ้นมาได้บ้างแล้วใช่มั้ยล่ะว่าคงจะไม่มีใครสามารถบุกเข้ามาได้โดยที่พวกอาจารย์ไม่รู้ตัวก่อนน่ะจ้ะ…”
คำพูดของไดเอน่าพอจะทำให้เหล่าเด็กนักเรียนที่กำลังตื่นตระหนกกันอยู่สงบใจลงไปกันได้บ้างเพราะพวกเขาเองก็รู้ดีว่าคณะอาจารย์แต่ละท่านเป็นบุคลากรมากความสามารถที่ทางโรงเรียนได้สรรหามาเพื่อส่งมอบความรู้ให้กับพวกเขาโดยเฉพาะ
“แล้วทีนี้ก็นอกจากเรื่องของความปลอดภัยแล้ว สาเหตุที่ทางโรงเรียนเรียกให้ทุกคนมารวมตัวกันนี่ก็เพื่อที่จะได้แจ้งให้ทราบว่าทางโรงเรียนได้ตัดสินใจที่จะให้ความร่วมมือกับทางกองทัพเพื่อช่วยเฝ้าระวังเหตุก่อการร้ายหรือว่าการโจมตีอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตด้วยเช่นกัน”
‘ร่วมมือกับกองทัพเนี่ยนะ!? พวกฉันไม่ได้มาเรียนที่นี่เพื่อเป็นทหารให้กับเมืองอื่นนะเฮ้ย!’
‘นั่นสิ! พวกฉันไม่ได้เป็นประชาชนของเมืองรีมินัสซะด้วยซ้ำทำไมจะต้องมาทำงานรับใช้เมืองนี้กันด้วยเล่า!?’
คำพูดของไดเอน่าได้ทำให้เกิดเสียงพึมพำออกมาในหมู่นักเรียนขึ้นมาอีกครั้งในทันที และเสียงโวยวายที่ดังที่สุดนั้นก็เป็นเสียงของอากิและริวโตะที่เคยมาหาเรื่องเซซิลในโรงอาหารที่ดังมาจากทางแถวของนักเรียนปีการศึกษาชั้นปลายห้องที่หนึ่งนั่นเอง
ซึ่งการโวยวายของอากิและริวโต๊ะนั้นก็ได้แต่ทำให้น๊อกซ์ที่อยู่กลุ่มเดียวกับพวกเขาต้องพูดเตือนขึ้นมาพร้อมกับใช้โอกาสนี้สอบถามไดเอน่าเพิ่มเติมไปด้วย
“พวกนายทั้งสองคนเงียบลงก่อนเถอะ… ว่าแต่ที่คุณประธานนักเรียนพูดถึงเมื่อกี้นี้นี่หมายความว่าจะให้พวกเด็กนักเรียนไปช่วยทหารของเมืองทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยงั้นหรอครับ แล้วมีเงื่อนไขอะไรยังไงบ้างหรือเปล่า?”
“ใช่แล้วจ๊ะ แต่เอาจริงๆ แล้วทางโรงเรียนก็ไม่ได้บังคับให้นักเรียนทุกคนไปทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรอกนะ ให้คิดซะว่าท่านผู้อำนวยการเขาคิดที่จะจัดตั้งชมรมพิเศษขึ้นมาให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมก็แล้วกัน ซึ่งงานของ… อื้ม… ใช้ชื่อชั่วคราวว่า ‘ชมรมรักษาความปลอดภัย’ ไปก่อนก็แล้วกันนะ… ซึ่งงานของชมรมรักษาความปลอดภัยนี่จะถูกส่งมาจากวังหลวงและได้รับการคัดกรองมาจากท่านผู้อำนวยการและคณะอาจารย์ก่อนที่จะมาแจกจ่ายให้กับนักเรียนที่สนใจน่ะจ้ะ”
“หมายความว่ามันจะคล้ายๆ กับการที่พวกเราได้ไปทดลองทำงานให้กับทางวังหลวงงั้นหรอครับ!?”
คำตอบของไดเอน่านั้นได้ทำให้นักเรียนชายอีกคนที่อยู่ในแถวติดกับห้องเรียนที่หนึ่งยกมือขึ้นมาพูดถามไดเอน่ากลับไปในทันที เพราะว่าการที่เด็กนักเรียนจะได้มีโอกาสทำงานให้กับทางวังหลวงนั้นไม่ค่อยจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งสักเท่าไหร่นัก และถ้าเกิดว่าพวกเขาสามารถสร้างผลงานจนเข้าตาเหล่าขุนนางจากทางวังได้มันก็หมายความว่าพวกเขาอาจจะมีโอกาสได้รับว่าจ้างจากทางวังหลังเรียนจบแล้วอีกด้วย
“เรื่องนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับทางวังเขานั่นแหล่ะจ้ะ แต่ว่างานตรวจตรากำแพงเมืองครั้งนี้เป็นคำขอที่ได้รับอนุมัติจากวังหลวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วอีกอย่างนึงทางเมืองเองก็ยังมีค่าเสียเวลาให้กับนักเรียนที่สนใจจะรับงานอีกด้วย”
“หืม…?”
คอนแนลที่ได้ยินคำพูดอธิบายจากไดเอน่านั้นได้เลิกคิ้วพร้อมกับส่งเสียงออกมาเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจจนทำให้นากาที่ยืนอยู่ติดกับเขาได้แต่ต้องหันไปมองดูเพื่อนอัศวินของเขาด้วยความสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าน่ะคอนแนล?”
“เอ่อ… คือว่าเรื่องที่คุณไดเอน่าพูดมามัน… อ่ะ— ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่ว่าปกติแล้วทางวังเขาไม่ค่อยจะทำอะไรแบบนั้นสักเท่าไหร่ผมก็เลยแปลกใจเฉยๆ น่ะครับ …เอาไว้เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันนะครับนากา”
คอนแนลที่กำลังจะพูดตอบคำถามของนากากลับไปนั้นได้ชะงักไปเล็กน้อยและรีบลดเสียงลงเมื่อเขาได้พบว่าเพื่อนร่วมชั้นบางคนได้หันมามองทางเขาที่ถึงแม้ว่าจะยังคงเป็นเด็กนักเรียนอยู่แต่ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัศวินของทางวังไปแล้วด้วยความสนอกสนใจว่าเขาจะมีความคิดเห็นอย่างไรกับสิ่งที่ไดเอน่าพูดขึ้นมา
ซึ่งท่าทีแปลกๆ ของคอนแนลนั้นก็ได้ทำเพื่อนร่วมชั้นบางคนรู้สึกติดใจสงสัยอยู่บ้าง แต่ว่าก่อนที่พวกเขาจะได้พูดถามอะไรอัศวินหนุ่มขึ้นมาก็ได้มีเสียงของอาจารย์อายะและอาจารย์โนลที่ไม่ได้ประจำการอยู่ทางด้านบนกำแพงด้วยดังขึ้นมาจากทางประตูโรงเรียนด้วยน้ำเสียงรีบร้อนจนทำให้ทุกคนละความสนใจไปจากคอนแนลเข้าซะก่อน
“ขอทางหน่อยค่ะ!! / หลบทางหน่อยครับนักเรียน!!”
น้ำเสียงร้อนรนของอาจารย์ทั้งสองคนนั้นได้ทำให้เหล่าเด็กนักเรียนทุกคนหันไปมองทางด้านประตูโรงเรียนกันในทันทีและได้พบว่าอาจารย์ทั้งสองท่านกำลังช่วยกันแบกเปลสีขาวที่มีร่างโชกเลือดของใครบางคนที่มีเศษเหล็กสีดำสองสามชิ้นปักคาอยู่บนร่างกายตรงไปทางห้องพยาบาลด้วยความรีบร้อน
ซึ่งในทันทีที่พรีมูล่าได้เห็นร่างที่นอนอยู่บนเปลนั้นเธอก็ได้แต่ต้องหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ
“เดี๋ยวสิพี่นากา— นั่นมันพี่อลิซไม่ใช่หรอ!?”
“หะ–!? เดี๋ยวฉันมาแป๊บนะ ฝากพวกนายเฝ้าพรีมูล่าเอาไว้ให้หน่อยสิ!!”
“เดี๋ยวก่อนสิครับนากา! / หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะพรีมูล่า!”
คอนแนลที่ได้ยินคำพูดของนากาได้รีบพุ่งตัวเข้าไปกระแทกนากาให้ล้มลงไปกองกับพื้นและล็อกตัวเขาเอาไว้ในทันทีเพราะเขามั่นใจว่าถ้าทำเพียงแค่คว้าแขนของนากาเอาไว้เขาคงจะหยุดอีกฝ่ายเอาไว้ไม่อยู่อย่างแน่นอน ส่วนทางด้านโมโกะที่ถูกนากาสั่งให้เฝ้าพรีมูล่าเอาไว้เองก็ได้แต่ต้องรีบเข้าไปล็อกแขนทั้งสองข้างของพรีมูล่าเอาไว้ด้วยเช่นกัน
“ทำอะไรของนายเนี่ยคอนแนล!? ฉันจะไปดูอาการของอลิซเขา!!”
“ปล่อยหนูนะโมโกะจัง! หนูจะไปดูพี่อลิซเขา!!”
“ใจเย็นก่อนสิครับนากา เข้าไปตอนนี้ก็มีแต่จะเกะกะอาจารย์อารอนเขาเปล่าๆ นะครับ!!”
“ทั้งสองคนใจเย็นกันก่อนสิ ที่อยู่ในห้องพยาบาลนั่นคืออารอนเลยนะ ถ้าเกิดว่าพวกนายเข้าไปเกะกะก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรอว่าจะโดนอะไรบ้างน่ะ!”
“อ่ะ—”
คำขู่ของโมโกะนั้นถึงกับทำให้สองพี่น้องชะงักไปและหยุดดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการจับกุมในทันที เพราะพวกเขาเองก็รู้ดีว่าอารอนเป็นนายแพทย์ที่ฝีมือดีมากคนหนึ่ง อีกทั้งนายแพทย์หนุ่มผมสีขาวคนนั้นเองก็ยังไม่เคยปรานีคนที่คิดจะเข้าไปขัดขวางหรือว่าก่อกวนการรักษาอีกด้วย
และในขณะเดียวกันทางด้านไดเอน่าเองที่เห็นว่าเหล่านักเรียนเริ่มที่จะแตกตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ได้เห็นอาการบาดเจ็บของอาจารย์อลิซเข้าไปก็ได้ตัดสินใจที่จะพูดอธิบายขึ้นมาเพื่อดึงความสนใจของทุกคนออกไปจากทางห้องพยาบาลที่อารอนเพิ่งจะเปิดประตูออกมารับร่างของอลิซเข้าไปทำการรักษาทางด้านใน
“อะแฮ่ม—! มันก็อย่างที่พวกเธอเห็นอาจารย์อลิซถูกพาตัวไปรักษาเมื่อสักครู่นี้ ถึงแม้ว่าทางเมืองและทางโรงเรียนจะเตรียมพร้อมอะไรหลายๆ อย่างเอาไว้ให้ แต่ว่ามันก็ยังเป็นงานเฝ้าระวังที่มีอันตรายมากอยู่ดี เพราะเหตุนี้ทางโรงเรียนถึงได้ไม่บังคับให้นักเรียนทุกคนเข้าร่วมแต่ว่าเป็นขอความร่วมมือด้วยความสมัครใจแทน… แล้วก็สำหรับวันนี้ทางโรงเรียนจะทำการยกเลิกคาบเรียนในช่วงเช้าก่อนเวลาเนื่องจากสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะงั้นถ้าเกิดใครไม่สนใจที่จะเข้าร่วมก็สามารถแยกย้ายไปทานอาหารกลางวันหรือว่าไปทำกิจกรรมชมรมได้เลยจ้ะ”
ไดเอน่าพูดขึ้นมาพร้อมกับผายมือไปทางด้านโรงอาหารจนทำให้มีเด็กนักเรียนบางส่วนที่ไม่มีความคิดที่จะเข้าร่วมด้วยแน่ๆ เดินแตกแถวออกไปเป็นจำนวนมาก ในขณะที่นักเรียนบางส่วนที่ยังคงยืนอยู่ที่สนามหญ้าเองก็ได้หันไปพูดคุยปรึกษากันเหมือนกับยังคงตัดสินใจกันไม่ได้ว่าจะเข้าร่วมดีหรือไม่
เพราะถึงแม้ว่าโอกาสที่จะได้แสดงฝีมือให้ทางวังหลวงเห็นนั้นจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ จนพวกเขาไม่อยากจะพลาดโอกาสนี้ไป แต่ว่าพวกเขาก็ค่อนข้างจะเป็นกังวลขึ้นมาหลังจากที่ได้เห็นอาการบาดเจ็บของอาจารย์อลิซเข้าไปว่าตัวเองอาจจะต้องลงเอยแบบเดียวกันด้วยเช่นกันจนทำให้ไดเอน่าที่สังเกตเห็นแบบนั้นได้ตัดสินใจที่จะพูดอธิบายขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“สำหรับใครที่ไม่มั่นใจในฝีมือของตัวเองแต่ว่าอยากจะให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียนก็ไม่ต้องกังวลไปนะจ้ะ เพราะว่าเดี๋ยวทางฉันและคณะอาจารย์จะจัดหาหน้าที่ที่เหมาะสมให้กับทุกคนเองจ้ะ แล้วอีกอย่างนึงพวกเธอเองก็ไม่ต้องกลัวว่าทางโรงเรียนจะจดชื่อนักเรียนที่ไม่ให้ความร่วมมือไปทำโทษทีหลังด้วยเพราะว่างานนี้ขอแค่นักเรียนที่สมัครใจล้วนๆ จ้ะ”
คำพูดของไดเอน่านั้นได้ทำให้เหล่าเด็กนักเรียนอีกจำนวนมากตัดสินใจที่จะเดินออกจากสนามหญ้าไปจนเหลือจำนวนนักเรียนอยู่อีกเพียงแค่หลักสิบคนเท่านั้น อีกทั้งนักเรียนจำนวนเกินกว่าครึ่งที่เหลืออยู่เองก็ยังคงมีท่าทีลังเลอยู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้ไดเอน่ารู้สึกทั้งโล่งใจและกังวลใจในเวลาเดียวกัน เพราะถึงแม้ว่าเธอจะต้องการให้มีนักเรียนมาร่วมด้วยเยอะๆ แต่ว่าเธอเองก็กลัวว่าพวกเขาเหล่านั้นอาจจะได้รับบาดเจ็บขึ้นมาในระหว่างการปฏิบัติภารกิจก็ได้
ซึ่งท่าทีสองจิตสองใจของไดเอน่านั้นก็ได้ทำให้อัลเบิร์ตได้ตัดสินใจที่จะยกมือขึ้นเพื่อขออนุญาตพูดถามขึ้นมาในทันที
“ถ้าเกิดว่าพวกผมยังตัดสินใจตอนนี้ไม่ได้จะต้องทำยังไงครับ?”
“เรื่องนั้นก็ไม่เป็นไรเหมือนกันจ้ะ ฉันเข้าใจว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ลำบาก เพราะฉะนั้นถ้าหากมีใครที่ยังลังเลอยู่ก็สามารถเก็บไปคิดก่อนแล้วค่อยมาแจ้งความประสงค์ขอเข้าร่วมที่สภานักเรียนทีหลังก็ได้ หรือว่าใครที่เข้าร่วมไปแล้วแต่อยากถอนตัวก็ทำได้ทุกเมื่อเหมือนกันจ้ะ”
“เข้าใจแล้วครับ… เอาล่ะพวกแกได้ยินกันแล้วใช่มั้ย! ถ้ายังตัดสินใจตอนนี้ไม่ได้ก็เก็บไปคิดก่อนสักวันสองวันแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้! ส่วนคนที่มั่นใจแล้วก็มายืนเรียงกันตรงนี้ให้เป็นระเบียบหน่อยจะได้เห็นชัดๆ ว่ามีกี่คนแล้ว!”
คำตอบและคำพูดสั่งของอัลเบิร์ตได้ทำให้เด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งเดินมาตั้งแถวกันอยู่ที่ใกล้ๆ กับไดเอน่าในทันที ในขณะที่เด็กนักเรียนคนอื่นๆ ที่ยังลังเลอยู่ก็ได้ใช้เวลาอีกสักพักหนึ่งในการตัดสินใจและเลือกที่จะเดินไปรวมกลุ่มตรงหน้าไดเอน่าหรือไม่ก็เดินแยกออกไปทางโรงอาหารและอาคารเรียนตามแต่สิ่งที่พวกเขาเลือกกัน
และหลังจากที่เวลาผ่านไปอีกสักพักใหญ่ๆ จนไม่เหลือเด็กนักเรียนที่ยังตัดสินใจไม่ได้อยู่อีกแล้วพวกเขาก็ได้พบว่ามีนักเรียนเพียงแค่ประมาณห้าสิบคนเท่านั้นจากเหล่าเด็กนักเรียนนับพันคนที่ยินยอมให้ความร่วมมือ
ส่วนทางด้านกลุ่มของพวกนากาที่ประกอบไปด้วยตัวนากาเอง คอนแนล พรีมูล่า โมโกะ เซซิล ซิลเวส และพิเน๊ะที่เดินตามมาห่างๆ โดยไม่ทราบสาเหตุนั้นก็กลับไม่ได้เข้าไปร่วมกลุ่มตั้งแถวหรือว่าแยกย้ายกันไปทานข้าวกลางวันแต่ว่ากลับแยกตัวออกมายืนอยู่ริมสนามหญ้าทางฝั่งห้องพยาบาลด้วยความลำบากใจ
“แล้วพวกเราจะเอายังไงดีอ่ะพี่นากา”
“เรื่องที่ไดเอน่าพูดมามันก็ฟังดูน่ากังวลจริงๆ นั่นแหล่ะ… แต่ตอนนี้พี่เป็นห่วงอลิซที่โดนแบกเข้าห้องพยาบาลไปมากกว่าน่ะ”
“นั่นสิ ส่วนทางด้านฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะเข้าร่วมด้วยดีหรือเปล่าเหมือนกัน…”
ในขณะที่นากาและโมโกะพูดตอบพรีมูล่ากลับไปแบบไม่มั่นใจสักเท่าไหร่นักนั้น ทางด้านซิลเวสที่เหมือนว่าจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วแต่ว่ายังรู้สึกเกรงใจพี่ๆ และเพื่อนของเธอที่มีท่าทีสนใจจะเข้าร่วมอยู่ก็ได้ยกขึ้นมาเพื่อเรียกความสนใจจากทุกคน
“เอ่อ…ถ้าเกิดว่าหนูขอไม่เข้าร่วมด้วยพวกพี่ๆ กับพริมจังจะว่าอะไรมั้ยอ่ะ…”
“เอ๋~!? ทำไมอ่ะซิลจัง!?”
“ก็หนูกลัวนี่นา… ก่อนหน้านี้ที่หนูสู้กับพี่คอนแนลหนูยังสู้ไม่ได้เลยนะ… แล้วนี่จะให้หนูไปสู้กับใครก็ไม่รู้แบบนี้นี่หนูไม่เอาด้วยหรอก…”
“งื้อ~”
คำตอบของซิลเวสนั้นได้ทำให้พรีมูล่าพองแก้มของตัวเองในทันที แต่ถึงอย่างนั้นเด็กสาวผมชมพูก็ไม่ได้พูดต่อว่าอะไรเพื่อนของเธอออกมา เพราะว่าที่จริงแล้วตัวเธอเองก็แอบรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างเช่นกันหลังจากที่ได้เห็นอาการบาดเจ็บของอลิซเข้าไปแบบนั้น
ซึ่งท่าทางของสองสาวผู้เป็นน้องสาวของทุกคนนั้นก็ได้ทำให้คอนแนลตัดสินใจที่จะเสนอทางออกขึ้นมาเฉพาะหน้าก่อนในทันที
“ถ้างั้นเอาแบบนี้มั้ยล่ะครับ เดี๋ยวพวกนากาแวะไปดูอาการของอลิซกันก่อน ส่วนทางด้านผมจะไปบอกคุณไดเอน่าเขาให้ว่ากลุ่มของเราจะขอไปดูอาการของอลิซเขาให้หายห่วงก่อนแล้วจะค่อยไปปรึกษากันอีกทีว่าจะเอายังไงน่ะครับ”
“เอ๋~? แล้วพี่คอนแนลจะไม่ไปเยี่ยมพี่อลิซด้วยกันหรอ?”
“พอดีว่าผมมีเรื่องที่จะต้องไปสอบถามคุณไดเอน่าเขาก่อนน่ะครับ”
“เกี่ยวกับเรื่องที่นายรู้สึกแปลกใจตอนที่อยู่ในสนามหญ้านั่นสินะ… เอาเป็นว่าตอนนี้ก็เอาตามนั้นไปก่อนก็แล้วกัน ส่วนซิลเวสเธอจะไม่เข้าร่วมด้วยก็ไม่เป็นไรนะเพราะว่าทางด้านพวกฉันเองก็ยังตัดสินใจกันไม่ได้เลยน่ะ”
นากาที่ได้ยินแบบนั้นได้พยักหน้าพูดตอบคอนแนลกลับไปก่อนที่เขาจะหันไปพูดปลอบซิลเวสที่ยังคงยืนทำหน้าจ๋อยอยู่เพราะกลัวว่าเธอจะโดนคนอื่นๆ ดุที่ไม่ยอมเข้าร่วมด้วยจนทำให้ซิลเวสเงยหน้าขึ้นมาพูดตอบด้วยความอารมณ์ดี
“อื้อ ถ้างั้นเดี๋ยวหนูขอตัวไปกินข้าวกลางวันก่อนเลยก็แล้วกันนะ”
“…ฉันไปด้วย”
“ฮิฮิฮิ~”
เสียงหัวเราะของพิเน๊ะที่ดังขึ้นมาในขณะที่เธอเดินตามซิลเวสและเซซิลไปทางโรงอาหารนั้นถึงกับทำให้ทุกคนสะดุ้งไปเล็กน้อยเพราะพวกเขาลืมไปแล้วว่าเธอแอบเดินตามมาฟังพวกเขาคุยปรึกษากันด้วย
และเมื่อนากาได้เห็นว่าทุกคนตกลงกันได้แล้วเขาก็ไม่รอช้าที่จะออกเดินไปทางห้องพยาบาลเพื่อดูอาการของอลิซในทันที
“ถ้างั้นเดี๋ยวพวกฉันขอตัวไปดูอาการของอลิซก่อนก็แล้วกันนะคอนแนล ฝากบอกไดเอน่าเขาด้วยล่ะว่าพวกฉันขอเวลาคุยกันเองก่อนน่ะ”
“อ่ะ— พี่นาการอหนูด้วยสิ!!”
ครืดดดดดดด
“พี่อลิซอาการเป็นยังไงบ้างอ่ะ!?”
“…ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าเสียงดังในห้องพยาบาลน่ะ”
“โอ๊ยๆๆ ขอโทษค่าาา”
ในทันทีที่พวกเขามาถึงห้องพยาบาล พรีมูล่าที่รีบวิ่งแซงนากาไปเลื่อนเปิดประตูก็ได้ถูกอารอนในชุดที่เปื้อนเลือดเล็กน้อยดึงแก้มจนยืดเป็นการต้อนรับในทันที ในขณะที่ทางด้านหลังของอารอนเองก็มีซึบากิและคาร์เทียร์ที่กำลังแย่งกันเก็บกวาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ใช้แล้วกันอยู่อย่างขยันขันแข็ง
“แหะๆ ต้องขอโทษแทนพรีมูล่าเขาด้วยนะอารอน… แล้วนี่อลิซเขาเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“ก็พ้นขีดอันตรายแล้ว… แต่ว่ายังไม่ฟื้นเพราะว่าเสียเลือดมากแล้วก็ผลจากยาที่ฉันฉีดให้น่ะ… ถ้าเกิดว่าพวกเธอจะเข้าไปดูอาการใกล้ๆ ฉันก็ไม่ว่าหรอกแต่ว่าอย่าส่งเสียงดังกันล่ะ… ส่วนเธอน่ะยืนรออยู่ตรงนี้นี่เลยยัยตัวแสบ…”
“เอ๋!? ไหงงั้นอ่ะ!?”
“ให้ตายสิ… ก็เธอเล่นส่งเสียงดังแบบนั้นนั่นแหล่ะอารอนเขาถึงไม่อนุญาตให้เยี่ยมน่ะ”
“บู่ววววววว!!”
พรีมูล่าที่ถูกต่อว่าเพราะว่าเธอส่งเสียงดังนั้นได้เป่าปากตอบพี่ชายของเธอกลับไปด้วยเสียงที่ดังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเสียงโวยวายของเธอเลยแม้แต่น้อยพร้อมกับทำเป็นเนียนเดินตามหลังนากากับโมโกะเข้าไปหาอลิซด้วยจนทำให้อารอนได้แต่ต้องถอนหายใจออกมาและยื่นมือไปคว้าหัวทุยๆ ของเด็กสาวหัวชมพูเอาไว้
“เฮ้อ… จะไปไหน…”
“แอ๋~~~ พี่นากา โมโกะจัง ช่วยหนูด้วยยยย!”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือของพรีมูล่าได้ถูกนากาและโมโกะทำเป็นเมินไปโดยสิ้นเชิงและเดินแทรกตัวผ่านผ้าม่านที่ปิดล้อมเตียงตรงกลางห้องเอาไว้เข้าไปภายใน และนั่นก็ทำให้นากาและโมโกะได้พบกับหญิงสาวผมสีแดงทรงทวินเทลที่ทั้งสองคนไม่ได้พบเจอมาสักพักหนึ่งแล้วเข้า
“เอริกะ…? เธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะเนี่ย?”
“อ้าว ว่าไงนากาคุง โมโกะจัง ฉันก็นึกว่าฉันหูแว่วได้ยินเสียงพริมจังเขาโวยวายไปเองซะอีกนะเนี่ย พวกเธอมาเยี่ยมอลิซเขากันหรอ?”
“ก็ตอนที่ตั้งแถวกันอยู่พอตานี่เห็นอลิซเขาโดนหามเข้ามาก็เลยลากพวกฉันมาเยี่ยมกันเนี่ยแหล่ะ”
โมโกะที่เดินตามหลังนากาเข้ามาและได้ยินคำถามของเอริกะเข้าพอดีได้ชิงพูดตอบกลับไปพร้อมกับชะโงกหน้าไปมองดูอลิซที่ถูกผ้าพันแผลพันเอาไว้เต็มตัวด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้นากาที่เธอเพิ่งจะพูดกัดเขาไปเมื่อสักครู่นี้เลยแม้แต่น้อย
ซึ่งคำพูดและท่าท่างของโมโกะนั้นก็ทำให้เอริกะอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วจึงพูดอธิบายอาการของอลิซให้ทั้งสองคนฟัง
“ถึงถ้าดูผ่านๆ แล้วอาการของอลิซเขาจะดูสาหัสก็เถอะนะ แต่ว่าจากที่ฉันกับอารอนตรวจอาการให้แล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอะไรสักเท่าไหร่หรอก เดี๋ยวอีกสักสามสี่ชั่วโมงก็น่าจะฟื้นแล้วล่ะ”
“งั้นก็คงจะเหลือแค่รองั้นสินะ… ว่าแต่เธอจะต้องรีบไปไหนหรือเปล่าน่ะเอริกะ ฉันมีเรื่องอะไรอยากจะถามเธอสักหน่อยนึงน่ะ”
“นายอยากจะถามฉันเกี่ยวกับสาเหตุที่อลิซได้รับบาดเจ็บขนาดนี้แล้วก็เรื่องที่ว่าทำไมไดเอน่าจังถึงมาประกาศรับสมัครนักเรียนไปทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้นใช่มั้ยล่ะ?”
“เอ๋ะ–? อ–อื้มมันก็ใช่นั่นแหล่ะ เพราะว่าปกติแล้วเรื่องการรักษาความปลอดภัยของเมืองมันไม่น่าจะเป็นเรื่องที่จะให้นักเรียนเข้าไปยุ่งกันเลยนี่”
นากาที่ในตอนแรกต้องการจะสอบถามเอริกะเกี่ยวกับเรื่องของอุปกรณ์สื่อสารขนาดเล็กว่าทำไมมันถึงทำให้เขาสามารถติดต่อกับพาเทียซ์ที่มีตัวตนอยู่ในความฝันของเขาได้นั้นได้แต่ต้องพยักหน้ากลับไปให้เธอเพราะเขาเองก็คิดที่จะสอบถามเอริกะเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่เหมือนกัน
ซึ่งคำตอบรับของนากานั้นก็ได้ทำให้เอริกะยื่นมือไปลูบหัวของอลิซที่นอนสลบไม่ได้สติเล็กน้อยก้อนที่ทันใดนั้นเองอารอนจะปล่อยมือของเขาที่จับหัวของพรีมูล่าเอาไว้อยู่ออกเพื่อเอ่ยปากชวนเด็กๆ ทั้งสองคนของเขาออกไปด้านนอกเพื่อที่จะให้เอริกะได้มีสถานที่พูดอธิบายให้พวกนากาฟังโดยไม่ต้องกังวลเรื่องของคนนอกอย่างซึบากิมากนัก
“อื้ม… เอาล่ะซึบากิ… คาร์เทียร์… พวกเรารีบออกไปกินข้าวกลางวันกันตอนที่ยังมีเวลาอยู่ก่อนน่าจะดีกว่านะ…”
“เอ๋ะ? ตอนนี้เลยหรอคะ? เอาสิคะ!”
ซึบากิที่มีท่าทีแปลกใจเล็กน้อยกับคำชวนกะทันหันของอารอนนั้นได้รีบพยักหน้าตอบอารอนกลับไปในทันที ในขณะที่ทางด้านคาร์เทียร์นั้นก็กลับชำเลืองมองไปทางเตียงของอลิซที่มีผ้าม่านคลุมอยู่เล็กน้อยแล้วจึงพูดถามพี่อารอนของเธอกลับไป
“แต่ถ้าพวกเราออกไปกันหมดแล้วแบบนี้ใครจะอยู่เฝ้าพี่อลิซล่ะคะ?”
“ตอนนี้อาการของอลิซเขาพ้นขีดอันตรายแล้วล่ะ… แล้วไหนๆ เอริกะก็ยังว่างอยู่… พวกเรารีบออกไปกินข้าวให้เสร็จแล้วกลับมาเฝ้าก่อนที่เอริกะเขาจะกลับไปกันก่อนน่าจะดีกว่านะ… ไม่งั้นพวกเธอคนนึงอาจจะต้องอยู่เฝ้าห้องพยาบาลคนเดียวก็ได้น่ะ…”
“อ่ะ— ถ้างั้นก็รีบไปกันเถอะค่ะพี่อารอน”
คาร์เทียร์ที่ได้ยินคำอธิบายของอารอนนั้นได้รีบพยักหน้ากลับไปให้เขาและดันหลังเขาให้เดินออกไปจากห้องพยาบาลในทันทีที่เห็นซึบากิทำท่าเหมือนกับว่าจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
ส่วนทางด้านพรีมูล่าที่ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้คนเดียวนั้นก็ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปดูอาการของอลิซบนเตียงที่ถูกผ้าม่านคลุมเอาไว้ในทันที
“อ่ะ— พี่เอริกะนี่นา สวัสดีค่ะ~”
“สวัสดีจ้ะ ว่าแต่นี่อารอนเขาก็รู้งานดีเหมือนกันนะเนี่ย… ถ้างั้นพวกเธอมามุงกันตรงนี้หน่อยสิฉันจะได้ให้พวกเธอดูสิ่งที่เกิดขึ้นน่ะ”
เอริกะกล่าวทักทายพรีมูล่ากลับไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะถอดแว่นที่เธอสวมใส่เอาไว้ออกมาและวางตั้งมันเอาไว้กับพื้นโดยปล่อยให้ขาแว่นทั้งสองอันชี้ไปทางด้านบนอันเป็นลักษณะการวางที่ดูไม่เป็นมิตรต่อการดูแลรักษาแว่นตาเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งในขณะที่โมโกะผู้ที่มีคุณพ่อสวมใส่แว่นตาเห็นแบบนั้นและกำลังจะเอ่ยปากเตือนออกมา ตัวขาแว่นทั้งสองข้างของเอริกะก็ได้ยิงลำแสงเส้นเล็กๆ หลากหลายสีสันออกมาตัดกันจนเกิดเป็นภาพเคลื่อนไหวของเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทางด้านหน้าประตูเมืองเมื่อสักครู่นี้ขึ้นมา
“โหดร้าย…”
“ล—เละไปหมดเลยอ่ะ–”