บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 120 Familiar Stage
“แฮ่ก…แฮ่ก… ก…ใกล้ถึงแล้ว! ขอเวลาอีกนิดนึง!!”
หลังจากที่กลุ่มของนากาที่ประกอบไปด้วย นากา อลิซ พรีมูล่า และโมโกะได้ใช้เวลาสักพักใหญ่ๆ ในการขับรถกระบะตรงบึ่งมาจากเมืองรีมินัสนั้น พวกเขาก็ได้สังเกตเห็นแนวป่าใหญ่ที่มีหมู่บ้านโมริโกะตั้งอยู่ภายในอยู่ที่ปลายสายตากันแล้ว
ซึ่งน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนแรงและเสียงหอบหายใจของโมโกะที่ดังออกมาจากห้องโดยสารนั้นก็ได้ทำให้พรีมูล่าต้องพูดถามเด็กสาวหูแมวกลับไปด้วยความเป็นห่วง เพราะถึงแม้ว่าโมโกะจะมีท่าทีเหนื่อยอ่อนขนาดนั้นแล้ว แต่ว่าความเร็วของรถกระบะที่พวกเธอโดยสารอยู่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลยแม้แต่น้อย
“นี่โมโกะจังเป็นอะไรหรือเปล่าอ่ะ เสียงของโมโกะจังฟังดูไม่ค่อยดีเลยนะ”
“ม—ไม่ต้องห่วงฉันหรอกหน่า!! เอาเวลาไปเป็นห่วงว่าที่หมู่บ้านเป็นยังไง—”
ตู้ม—
“—!?”
เสียงระเบิดดังลั่นที่ดังออกมาจากผืนป่ากว้างไกลเบื้องหน้าก่อนที่จะมีกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งออกมานั้นได้ทำให้ทุกคนชะงักไปในทันทีก่อนที่อลิซที่บาดเจ็บอยู่จะรีบยันตัวเองขึ้นมาเตรียมความพร้อมพร้อมกับตะโกนพูดสั่งโมโกะออกมา
“พวกเรามาช้าไปแล้ว— โมโกะ!!”
“ไม่ต้องเรียกก็รู้แล้วน่า!!”
บรื่นนนนนนนน!!
โมโกะที่รู้สึกเหนื่อยจนแทบขาดใจนั้นเหมือนจะมีแรงฮึดขึ้นมากะทันหันเมื่อเธอได้เห็นกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งออกมาจากป่าที่มีหมู่บ้านของเธอตั้งอยู่จนทำให้รถกระบะที่เธอเป็นคนขับเร่งความเร็วขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
แต่ว่าทันใดนั้นเองนากาที่ชะโงกหน้าขึ้นไปทางด้านบนของห้องโดยสารก็ได้แต่ต้องรีบร้องเตือนเพื่อนของตนขึ้นมาเมื่อเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ตั้งขวางอยู่กลางถนน
“มีรถม้าอยู่ข้างหน้า! รีบหลบเร็วโมโกะ!!”
“—!? เกาะไว้!!”
เอี๊ยดดดดดดดด!!
โมโกะที่สังเกตเห็นรถม้าที่จอดขวางถนนอยู่เบื้องหน้าและกลุ่มคนกลุ่มใหญ่เช่นเดียวกันได้รีบร้องบอกผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหลังในทันทีก่อนที่เธอจะรีบเบี่ยงตัวรถออกไปทางข้างจนพวกนากาแทบจะถูกเหวี่ยงจนตกจากท้ายรถกระบะแล้วจึงหยุดนิ่งลงอยู่ห่างออกไปจากรถม้าเจ้าปัญหาไม่ไกลสักเท่าไหร่นัก
“น—นั่นมัน—รถกระบะของเมืองรีมินัสนี่—!?”
อัศวินหญิงผมเปียสีชมพูที่ยืนตั้งโล่อยู่ใกล้ๆ รถม้านั้นได้หลุดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ดีๆ ก็ได้มีรถกระบะคันหนึ่งพุ่งผ่านรถม้าของพวกเธอไปด้วยความรวดเร็วก่อนจะหยุดนิ่งลงที่บริเวณห่างออกไปไม่ไกลสักเท่าไหร่นัก ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอต้องรีบร้องบอกเพื่อนของเธอที่กำลังช่วยดึงหญิงวัยกลางคนอีกคนหนึ่งขึ้นไปบนรถม้าให้เข้าไปสอบถามผู้มาใหม่ในทันที
“นิ๊กซ์ซี่จัง ฝากเธอไปลองขอร้องเจ้าของรถคันนั้นให้ช่วยพวกเราอพยพคนออกมาจากหมู่บ้านให้หน่อยสิ! ตะกี้นี้ฉันได้ยินเสียงพวกเขาร้องโวยวายอยู่เพราะงั้นไม่น่าจะใช่พวกเดียวกับศัตรูที่พวกเราเจอหรอก! ส่วนอิกนิสคุงไปช่วยพาพวกชาวบ้านขึ้นรถม้าแทนนิ๊กซ์ซี่จังที!”
“รับทราบครับ!!”
“รับทราบค่ะ!!”
หญิงสาวผมสีน้ำเงินที่มีเขาบนศีรษะและเด็กหนุ่มที่มีเส้นผมสีแดงต่างพากันพูดขานรับคำสั่งของอัศวินสาวผมชมพูด้วยความแข็งขันก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งมา
“นี่ พวกเธอบนรถคันนั้นน่ะเป็นอะไรกันหรือเปล่า!?”
หญิงสาวผมสีน้ำเงินที่ชื่อว่านิ๊กซ์ซี่นั้นได้รับร้องถามพวกนากาที่โดยสารรถกระบะคันนั้นขึ้นมาเมื่อเธอได้พบว่าในจังหวะที่รถกระบะเบี่ยงตัวหลบรถม้าของพวกเธอที่จอดอยู่กลางถนนเมื่อสักครู่นี้มันแทบจะทำให้ผู้โดยสารที่โดยสารรถคันนั้นถูกเหวี่ยงจนตกลงมา
“ผ…ผมไม่เป็นไรครับ!”
“โอ๊ย…หนูก็ยังอยู่ครบไม่มีส่วนไหนหายไปเหมือนกันค่ะ…”
นากาและพรีมูล่าที่ยังคงปลอดภัยดีอยู่นั้นได้รีบพูดตอบเจ้าของเสียงถามที่ดังขึ้นมากลับไปในขณะที่ทางด้านอลิซนั้นกลับได้แต่นอนกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวดเมื่อแรงเหวี่ยงเมื่อสักครู่นี้มันได้ทำให้หนึ่งในบาดแผลของเธอมีเลือดไหลทะลักออกมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ซึ่งเสียงที่ยังฟังดูเด็กของนากากับพรีมูล่าและชุดที่ดูเหมือนกับเครื่องแบบนักเรียนของเด็กหนุ่มสาวทั้งสองคนที่ยันตัวเองขึ้นมาจากพื้นกระบะหลังรถนั้นก็ได้ทำให้นิ๊กซ์ซี่ต้องชะงักไปด้วยความประหลาดใจ
“หะ—!? เด็กนักเรียนงั้นหรอ—”
“พ—พี่นากา… หมู่บ้านของพวกเรามัน…”
แต่ว่าเด็กนักเรียนทั้งสองคนนั้นก็กลับไม่ได้ให้ความสนใจกับเธอเลยแม้แต่น้อยเมื่อพวกเขาได้หันไปมองทางหมู่บ้านของตนเองที่ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลและได้พบว่ามันกำลังตกอยู่ท่ามกลางเปลวไฟอีกทั้งยังมีบ้านหลายหลังที่พวกเขาคุ้นเคยพังถล่มลงมาจนไม่เหลือภาพของหมู่บ้านที่แสนสงบสุขอีกต่อไป
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ! ตอนนี้พวกเธอ—”
ตู้ม!!
“อ๊ากกกกก—!?”
ในขณะที่นิ๊กซ์ซี่กำลังจะเอ่ยปากพูดขึ้นมานั้นก็ได้มีเสียงระเบิดที่ฟังดูรุนแรงเกิดขึ้นก่อนที่จะมีร่างของทหารยามเฝ้าหมู่บ้านคนหนึ่งที่พวกนากาและพรีมูล่าคุ้นหน้าคุ้นตาดีลอยปลิวกระเด็นข้ามหัวพวกเขาไปตกกระแทกพื้นและกลิ้งกระเด็นกระดอนไปตามพื้นถนนก่อนจะหยุดลงตรงจุดที่ใกล้ๆ กับจุดที่รถม้าจอดอยู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้อัศวินสาวผมชมพูต้องรีบวิ่งไปดูอาการของเขาในทันที
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ!?”
“……….”
ร่างของนายทหารยามประจำหมู่บ้านคนนั้นได้นอนนิ่งเบิ่งตากว้างโดยไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนองอะไรอีกทั้งตามร่างกายของเขาก็ปรากฏบาดแผลจากของมีคมและรอยช้ำจากการถูกกระแทกรวมถึงมีเศษไม้และรอยแผลไหม้ดำที่เกิดจากแรงระเบิดอยู่ตามตัวเต็มไปหมด จนทำให้อัศวินสาวที่เห็นแบบนั้นได้แต่ต้องเดินเข้าไปเอาฝ่ามือของเธอเลื่อนเปลือกตาของทหารยามคนนั้นให้ปิดลงอย่างอ่อนโยนแล้วจึงหันไปพูดสั่งให้เพื่อนๆ ของเธอเร่งการอพยพชาวบ้านไปมากกว่าเดิม
“ใครที่ยังขยับไหวอยู่รบกวนช่วยดึงคนอื่นขึ้นไปบนรถม้ากันด้วยค่ะ!! ทางด้านในถ้าเป็นไปได้ก็ให้พวกเด็กๆ นั่งทับไปบนตักเลยค่ะจะได้มีที่ว่างเพิ่มขึ้นอีกสักที่นึงก็ยังดี!! อิกนิสคุงโยนสัมภาระออกมาให้หมดเลยไม่ต้องไปสนใจพวกมันแล้ว!!”
“ต่อให้พวกเราโยนของทั้งหมดออกมาแล้วก็น่าจะมีที่ว่างเพิ่มได้อีกแค่คนสองคนเองนะครับ!”
“โยนมันทิ้งไปแล้วพาพวกเขาขึ้นรถไปเลยค่ะ!!”
“ได้เลยครับ!!”
โคร๊ม!!
อิกนิสที่ได้ยินคำสั่งของอัศวินสาวนั้นได้รีบปีนขึ้นไปบนรถม้าและจัดการโยนกล่องกับถุงสัมภาระของพวกเขาลงมากระแทกพื้นถนนแบบไม่ไยดีพร้อมกับรีบปีนกลับออกมาเพื่อพาตัวชาวบ้านอีกบางส่วนขึ้นไปนั่งบนรถม้าของเขา
“พวกมันมาแล้วพี่ชาย!!”
แต่ว่าก่อนที่อิกนิสจะได้ปีนกลับออกมาจากตัวรถม้านั้นก็ได้มีเสียงร้องของเด็กสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่ทางด้านหลังของตัวรถดังขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวเมื่อเธอได้เห็นร่างของใครคนหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนกับทหารยามของสี่เมืองหลวงกำลังถือดาบวิ่งตรงออกมาจากทางเข้าหมู่บ้านโดยที่ตามเสื้อผ้าของนายทหารคนนั้นได้มีเปลวไฟลุกโชนอยู่จนดูราวกับปิศาจร้ายที่ผุดออกมาจากขุมนรก
ซึ่งเสียงร้องของเด็กสาวจากหมู่บ้านโมริโกะคนที่นากาเองก็รู้จักถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนิทด้วยก็ตามทีนั้นก็ได้ทำให้นากาที่มัวแต่ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านของเขาตั้งสติได้ในทันที
“พวกแกทำอะไรกับหมู่บ้านของฉันกันหะ!?”
ปั้ง—เกร๊งงงงงง!
อาการตกตะลึงที่ถูกแปรเปลี่ยนเป็นความเกรี้ยวกราดได้ทำให้นากาตะโกนออกมาเสียงดังก่อนที่เขาจะยิงใบมีดติดโซ่สีดำออกไปจากถุงมือเพื่อที่จะได้ใช้มันพุ่งตัวเข้าไปหาทหารคนที่มีเปลวไฟลุกอยู่ตามเสื้อผ้าคนนั้นพร้อมกับเหวี่ยงดาบออกไปอย่างรุนแรง
ฟวับ—เคล๊ง!!
“……..”
“เจ้านี่มัน….”
ถึงแม้ว่านายทหารคนที่มีไฟลุกท่วมคนนั้นจะหยุดฝีเท้าลงเพื่อใช้ดาบในมือเข้ารับการโจมตีของนากาจนกระเด็นถอยไปสองสามก้าวก็ตามที แต่ว่าเขาก็ไม่ได้หลุดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดหรือว่าแสดงท่าทีแปลกใจอะไรกับการที่ใบมีดของถุงมือลาส เซอร์ไวเวอร์ของนากาสร้างรอยแตกร้าวขึ้นมากลางอากาศเลยแม้แต่น้อยพร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาเหวี่ยงดาบเข้าใส่นากาอีกครั้ง
ซึ่งนั่นก็ทำให้นากาที่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนจากกลุ่มทหารทั้งสี่คนของชายหูแมวผมสีม่วงที่พวกเขาเพิ่งจะสู้ด้วยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ได้ตัดสินใจที่จะไม่เข้าปะทะและฉวยโอกาสส่งลูกถีบเข้าใส่นายทหารคนนั้นจนกระเด็นออกไปไกลเพื่อพยายามเว้นระยะห่างออกมาก่อน
ผลัก!!
“พรีมูล่า ไปพาตัวโมโกะออกมาจากรถก่อนเร็วเข้า!”
“อ–อื้อ!”
คำพูดสั่งของนากาได้ทำให้พรีมูล่ารีบวิ่งไปเปิดประตูรถกระบะและพยายามหิ้วตัวโมโกะที่กำลังหอบหายใจอยู่ด้วยความทรมานหลังจากที่เธอฝืนใช้วิซจนเกิดขีดจำกัดเพื่อเร่งการเดินทางจนมาถึงหมู่บ้านในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงออกมาจนทำให้นิ๊กซ์ซี่ที่เห็นท่าทีทุลักทุเลของพรีมูล่าได้ตัดสินใจที่จะเข้าไปช่วยเหลือเธอ
“เดี๋ยวฉันช่วยด้วยคน!”
“นิ๊กซ์ซี่!! รีบขับรถม้าพาชาวบ้านออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลยค่ะ!!”
แต่ว่าทันใดนั้นเองก็มีเสียงร้องสั่งของอัศวินสาวผมชมพูดังขึ้นมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะวิ่งมาตั้งโล่ของเธออยู่ที่เบื้องหน้าของนากาจนทำให้นิ๊กซ์ซี่ที่เห็นแบบนั้นได้แต่ต้องรีบอุ้มตัวโมโกะขึ้นไปนอนพักที่ด้านหลังรถกระบะก่อนที่เธอจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้เห็นอลิซที่นอนกุมแผลตัวเองอยู่แล้วจึงร้องถามหัวหน้าของเธอกลับไป
“แต่ว่าตรงนี้ยังมีคนเจ็บอยู่อีกสองคนนะคะ!!”
“เดี๋ยวพวกฉันจะดูแลพวกเขาเองค่ะ! นิ๊กซ์ซี่รีบพาพวกชาวบ้านไปหลบในที่ปลอดภัยกันก่อน!!”
“เข้าใจแล้วค่ะ! ถ้างั้นระหว่างที่ฉันไม่อยู่ก็ระวังตัวด้วยนะคะคุณเรสเนอร์! ส่วนอิกนิส ถ้าเกิดว่าคุณเรสเนอร์ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาฉันเอานายตายแน่!!”
นิ๊กซ์ซี่ที่ได้ยินคำสั่งของเรสเนอร์ได้ลังเลเล็กน้อย แต่ว่าเมื่อเธอคิดดูดีๆ แล้วรถม้าของพวกเธอก็คงจะไม่สามารถบรรจุคนเจ็บเพิ่มเข้าไปได้ถึงสองคนอยู่ดีและนั่นก็ทำให้เธอได้แต่ต้องรีบหันไปตะโกนขู่เด็กหนุ่มเพื่อนร่วมงานผมสีแดงเอาไว้แล้วจึงรีบวิ่งไปกระโดดขึ้นไปคุมบังเหียนของรถม้าและขับออกไปในทันที
ส่วนทางด้านเรสเนอร์ที่ตั้งโล่อยู่ที่เบื้องหน้าของนากานั้นก็ได้พูดสอบถามเด็กหนุ่มสาวทั้งสองคนที่เธอเห็นว่าพวกเขาพกอาวุธติดตัวมากันด้วยขึ้นมา
“พวกเธอทั้งสองคนน่าจะพอต่อสู้เป็นกันบ้างงั้นสินะคะ… งั้นถ้าเป็นไปได้ฉันคงจะต้องรบกวนขอความช่วยเหลือจากพวกเธอสักหน่อยแล้วล่ะค่ะ”
“อ่า… เอาจริงๆ ต่อให้เธอคิดจะห้ามฉันก็ไม่คิดจะหนีไปหรอกนะ… แต่ว่าเจ้าพวกนี้มันเหมือนกับพวกที่รีมินัสไม่มีผิดเลยนี่นา…”
“พ–พี่นากา พวกเราต้องเข้าไปช่วยเขาดับไฟมั้ยอ่ะ…”
พรีมูล่าที่เห็นว่านายทหารคนที่มีไฟลุกท่วมได้ขยับร่างกายให้ลุกขึ้นมายืนอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ถูกลูกถีบของนากาเข้าไปได้แต่ต้องพูดถามขึ้นมาแบบไม่มั่นใจสักเท่าไหร่นัก เพราะว่านายทหารคนนั้นไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจเปลวไฟที่ลุกท่วมร่างกายของตนเองเลยแม้แต่น้อยอีกทั้งยังทำท่าเหมือนกับว่าจะพุ่งเข้ามาโจมตีพวกเธออีกครั้งหนึ่งแล้วซะด้วยซ้ำ
สวบ!!
“เหวอ—!? / ว๊าย—!?”
เสียงประหลาดๆ ที่ดังขึ้นมาในขณะที่มีแท่งน้ำแข็งปลายแหลมขนาดใหญ่พุ่งทะลวงร่างของนายทหารคนที่มีเปลวไฟลุกท่วมออกมาจากทางด้านหลังนั้นได้ทำให้สองพี่น้องหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาให้ทุกคนได้ยิน
“ถึงคุณเอริกะจะพูดแบบนั้นก็เถอะ… แต่ยังไงฉันก็คิดว่าพวกเธอไม่เหมาะกับงานแบบนี้จริงๆ นั่นแหล่ะเรสเนอร์…”
“ยังปลอดภัยอยู่สินะคะคุณนิลิม”
“จะเรียกว่าปลอดภัยมันก็คงจะได้อยู่นั่นแหล่ะจ้ะ…”
เจ้าของเสียงที่ว่านั้นก็คือหญิงสาวผมสีชมพูผู้ที่มีดวงตาสีฟ้าสว่างที่สวมใส่ชุดเดรสสีดำเปิดไหล่หรือก็คือ นิลิม หญิงสาวผมสีชมพูผู้ที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มเอริกะนั่นเอง
ซึ่งการปรากฏตัวของเจ้าของเสียงนั้นก็ได้ทำให้สองพี่น้องแห่งหมู่บ้านโมริโกะเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจก่อนที่ทันใดนั้นเองพรีมูล่าที่คิดน้อยที่สุดจะชี้ไปทางนิลิมและร้องขึ้นมาเสียงดัง
“คุณแม่นี่นา!?”
“ว่าไงจ๊ะพรีมูล่าจัง นากาคุง ไม่นึกว่าพวกเราจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้เลยนะ…”
นิลิมที่ได้ยินเสียงร้องของพรีมูล่านั้นได้ชะงักไปเล็กน้อยด้วยความคาดไม่ถึงว่าคนที่ขับรถมุ่งตรงมาจากรีมินัสเพื่อช่วยเหลือที่นี่จะเป็นคนใกล้ตัวอย่างลูกๆ ทั้งสองคนของเธอเอง ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอได้แต่ต้องรีบหาโอกาสหนีหน้าเด็กทั้งสองคนที่เธอยังไม่พร้อมจะเจอหน้าไปก่อนในทันที
“ถ้างั้นก็เดี๋ยวเอาไว้ค่อยคุยกันก็แล้วกันนะจ๊ะทั้งสองคน…”
“อ่ะ— เดี๋ยวก่อนสิคะคุณแม่!!”
ฟุ๊บ—
นิลิมที่ถูกพรีมูล่าร้องเรียกเอาไว้นั้นได้สะบัดมือเล็กน้อยเพื่อให้แท่งน้ำแข็งเปื้อนเลือดที่เธอเพิ่งจะใช้มันแทงเข้าใส่ร่างของทหารคนเมื่อสักครู่สลายหายไปพร้อมกับสร้างแท่งน้ำแข็งอันใหม่ขึ้นมาก่อนจะหันหลังและวิ่งกลับเข้าไปในหมู่บ้านโมริโกะเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ยังคงหลงเหลืออยู่อีกครั้งหนึ่งโดยทำเป็นไม่สนใจเสียงร้องเรียกของพรีมูล่าที่เป็นลูกสาวของเธอเลยแม้แต่น้อย
“คุณแม่เขาดูแลตัวเองได้แหล่ะ ตอนนี้พวกเรารีบเข้าไปช่วยคนอื่นๆ กันก่อนเถอะพรีมูล่า”
“อ—อื้อ!!”
“อ๊าก—!?”
เสียงตอบรับของพรีมูล่าได้ถูกเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของทหารยามที่กำลังวิ่งนำผู้หญิงคนหนึ่งออกมาจากหมู่บ้านกลบไป ซึ่งนั่นก็ทำให้สองพี่น้องต้องรีบหันไปดูและพบว่าที่ห่างออกไปจากคลินิกของอารอนที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าหมู่บ้านไม่ไกลสักเท่าไหร่นักได้มีทหารในชุดเกราะหนังคนหนึ่งเพิ่งจะใช้ดาบของเขาแทงเข้าใส่ทหารยามของหมู่บ้านจนล้มลงไปกองกับพื้นและกำลังง้างดาบขึ้นสูงเพื่อฟันเข้าใส่หญิงสาวที่กำลังนั่งกุมหัวตัวเองอยู่ด้วยความหวาดกลัว
ซึ่งภาพที่เห็นนั้นก็ได้ทำให้พรีมูล่ารีบเล็งปืนยาวของเธอไปทางนั้นพร้อมกับลั่นกระสุนน้ำแข็งของเธอเข้าใส่ที่กลางลำตัวของนายทหารคนนั้นอย่างแม่นยำ
ปั้ง—สวบ!!
กระสุนน้ำแข็งของพรีมูล่าได้กระแทกเข้าใส่ที่กลางลำตัวของนายทหารคนนั้นเขาเซถอยหลังไปเล็กน้อยจนเป็นโอกาสให้หญิงสาวชาวบ้านคนนั้นได้รีบวิ่งหนีออกมาจากหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
“รีบวิ่งไปหลบตรงนู้นก่อนเร็วเข้าครับ!!”
“อ–อื้อ ขอบคุณมากนะพรีมจัง นากามูระคุง!”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แล้วก็เรียกผมว่านากาเฉยๆ ก็พอแล้ว”
นากาพูดตอบหญิงสาวคนที่น้องสาวของเขาเพิ่งจะช่วยเอาไว้กลับไปและหลังจากที่เวลาผ่านไปอีกสักพักใหญ่ๆ ก็ได้มีชาวบ้านอีกบางส่วนทยอยวิ่งหนีออกมารวมกลุ่มกับพวกเขาเพื่อรอรถม้าของกลุ่มเรสเนอร์ที่น่าจะวนกลับมาในอีกไม่ช้านี้
แต่ว่าหลังจากที่เวลาผ่านไปอีกสักพักใหญ่ๆ รถม้าของพวกเรสเนอร์ก็ยังไม่ได้กลับมาจนทำให้เรสเนอร์และอิกนิสต้องหันมาปรึกษากันด้วยความเคร่งเครียด เพราะว่าในขณะนี้เหล่าชาวบ้านนับสิบคนที่มารวมกลุ่มกันเพื่อรออพยพได้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจจะเป็นที่สะดุดตาของกลุ่มผู้มาโจมตีได้แล้ว
“พวกเราจะเอายังไงกันดีคะเนี่ย… ยิ่งถ้ารอจนคนเยอะขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้พวกเราอาจจะโดนโจมตีได้ก่อนที่รถม้าจะกลับมานะคะ… อิกนิสคุงพอจะคุ้มกันพวกชาวบ้านในระหว่างเดินทางหลบหนีไหวหรือเปล่าคะ…?”
“ใครมันจะไปทำไหวล่ะครับนั่น… ถ้าเกิดโดนดักซุ่มโจมตีระหว่างทางขึ้นมาแค่ผมคนเดียวคงจะคุ้มกันชาวบ้านสิบกว่าคนแบบนี้ไม่ไหวหรอกนะครับ ตอนนี้ถ้าจะมีวิธีที่ดีที่สุดก็คงจะเป็นรถคันนั้นนั่นแหล่ะครับ…”
อิกนิกได้พูดตอบเรสเนอร์ที่เดินเข้ามาปรึกษาเขากลับไปเบาๆ พร้อมกับหันไปมองทางด้านรถกระบะของพวกนากาที่ถูกจอดอยู่ห่างออกไปไม่ไกลด้วยความเกรงใจเหมือนกับว่าไม่กล้าที่จะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเหล่าคนที่นั่งรถมาจากหนึ่งในเมืองหลวงสักเท่าไหร่นัก จนทำให้อลิซที่เริ่มจะหายเจ็บแผลจนสามารถปีนพ้นกระบะหลังรถขึ้นมาดูสถานการณ์ไหวแล้วและสบตาเข้ากับอิกนิสพอดีได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความเหนื่อยใจแล้วจึงชี้นิ้วสั่งเรสเนอร์ไปแบบไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย
“ยัยผมชมพูที่ชื่อเรสเนอร์ตรงนั้นน่ะ รีบๆ สั่งให้ลูกน้องของเธอขึ้นมาขับรถได้แล้ว! หรือว่าเจ้าเปี๊ยกนั่นหัวแดงขนาดนั้นแต่ว่าใช้วิซธาตุไฟไม่เป็นกันหะ!?”
“เอ๋ะ—เอ๋!? ข—เข้าใจแล้วค่ะ! อิกนิสคุงรีบไปบอกพวกชาวบ้านให้รีบขึ้นรถกันเร็วเข้าค่ะ!!”
“ค—ครับ ทุกคนรีบมาทางนี้เร็วเข้าครับ!!”
เรสเนอร์นั้นได้แต่ต้องชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเด็กสาวผมสีขาวสามารถเรียกชื่อของเธอได้อย่างถูกต้องทั้งๆ ที่พวกเธอไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนก่อนที่เธอจะรีบหันไปพูดสั่งเพื่อนของเธอจนทำให้อิกนิสที่ในตอนแรกก็กำลังไม่พอใจที่อลิซเรียกเขาว่าเจ้าเปี๊ยกทั้งๆ ที่ส่วนสูงของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเด็กหนุ่มผมดำที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กันเลยแม้แต่น้อยนั้นได้แต่ต้องรีบหันไปทำตามคำสั่งของเรสเนอร์ในทันที
ส่วนทางด้านอลิซเองนั้นก็ได้แอบเรียกดาบสีขาวของเธอออกมาถือเอาไว้แล้วจึงกระโดดลงมาจากหลังรถกระบะเพื่อมองดูเหล่าชาวบ้านที่มารวมตัวกันอยู่ในที่แห่งนี้แล้วจึงพูดถามเรสเนอร์ขึ้นมา
“นี่คือคนทั้งหมดในหมู่บ้านแล้วงั้นหรอ…? ดูจำนวนน้อยกว่าที่ฉันจำได้อยู่เยอะเหมือนกันนะ…”
“ก่อนหน้านี้พวกฉันพาหนีไปแล้วส่วนหนึ่งน่ะค่ะ แต่ว่าส่วนมากแล้วพวกเขาไม่ทันจะได้หนีออกมาจากหมู่บ้านกันเลยซะด้วยซ้ำเพราะว่ามันกะทันหันมาก… แถมตอนแรกพวกฉันเองก็ไม่ได้เตรียมตัวมาสำหรับภารกิจอพยพผู้คนซะด้วยซ้ำ… ที่ช่วยเหลือคนได้มากขนาดนี้ก็เป็นเพราะกองกำลังทหารรับจ้างของคุณนิลิมที่บังเอิญผ่านมาแถวนี้พอดีนั่นแหล่ะค่ะ… ถึงตอนนี้พวกเขาจะเหลืออยู่กันแค่ไม่กี่คนแล้วก็เถอะ…”
“สถานการณ์แย่กว่าที่คิดอีกงั้นสินะเนี่ย…”
แกร๊ก—แกร๊ก—
อลิซที่ได้ยินคำพูดอธิบายคร่าวๆ ของเรสเนอร์ได้เปิดใช้งานยูนิตเชสเชียร์ของเธอในทันทีเพื่อเตรียมพร้อมรับมือศัตรูคนอื่นๆ ที่อาจจะโผล่มาขัดขวางการอพยพเอาไว้ แต่ว่าทันใดนั้นเองเธอก็ได้แต่ต้องชะงักไปเมื่อมีเสียงร้องโวยวายของโมโกะดังขึ้นมาจากทางรถกระบะให้เธอได้ยิน
“มีใครเห็นคุณพ่อของหนูบ้างหรือเปล่าคะ!?”
“อ้าว นั่นหนูโมโกะไม่ใช่หรอ… เห็นคุณโมริโอะบอกว่าหนูไปเรียนต่อที่โรงเรียนในเมืองนี่นา?”
“ถ้าเป็นคุณโมริโอะล่ะก็เมื่อเช้านี้เขาเพิ่งจะมานั่งคุยกับฉันจนถึงช่วงเที่ยงแล้วก็บอกว่าจะกลับไปทำกับข้าวกินที่บ้านน่ะ”
“เดี๋ยวสิ— บ้านของคุณโมริโอะอยู่ที่แถวๆ ท้ายหมู่บ้านที่โดนระเบิดไปเป็นส่วนแรกเลยนี่!?”
“—-!?”
“เดี๋ยวก่อนสิโมโกะ!!”
โมโกะที่ได้ยินคำพูดของเหล่าชาวบ้านได้เบิ่งตากว้างด้วยความตกใจก่อนที่เธอจะรีบกระโดดลงจากหลังรถกระบะเพื่อวิ่งเข้าไปด้านในหมู่บ้านในทันทีโดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามของอลิซเลยแม้แต่น้อยจนทำให้นากาและพรีมูล่าที่ได้ยินเสียงร้องของอลิซต้องรีบเดินเข้ามาสอบถามเธอในทันที
“เกิดอะไรขึ้นน่ะอลิซ?”
“ตะกี้นี้หนูเห็นโมโกะจังเขาวิ่งเข้าไปในหมู่บ้านหรือเปล่าอ่ะ!?”
“ก็เห็นว่าพ่อของยัยนั่นยังไม่ได้ออกมาจากหมู่บ้านเลยน่ะสิ เรสเนอร์ฉันฝากเธอจัดการตรงนี้หน่อย!!”
อลิซรีบพูดตอบคำถามของสองพี่น้องกลับไปก่อนจะหันไปพูดสั่งงานกับอัศวินสาวพร้อมกับออกวิ่งเข้าไปในหมู่บ้านโดยไม่ลืมที่จะร้องเรียกนากาและพรีมูล่าให้ตามไปด้วยกัน
“นากา พรีมูล่า รีบตามยัยนั่นไปกันเร็ว!”
“อื้อ!”
นากาและพรีมูล่าที่ถูกอลิซร้องสั่งนั้นได้ออกวิ่งตามเด็กสาวผมสีขาวเข้าไปในหมู่บ้านของพวกเขาที่ตกอยู่ท่ามกลางกองเพลิงกันทันที ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขาได้พบว่าเหล่าชาวบ้านที่วิ่งหนีออกไปถึงทางเข้าได้นั้นเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น
เนื่องจากว่าเหล่าชาวบ้านจำนวนมากที่นากาและพรีมูล่าคุ้นหน้าคุ้นตาดีหรือว่ารู้จักเพียงแค่ชื่อนั้นได้นอนจมกองเลือดเพราะถูกสังหารไปจนแทบจะหมดสิ้นแล้วต่างหาก
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูเหมือนว่าจะยังคงมีความหวังให้กับเหล่าชาวบ้านผู้รอดชีวิตอยู่บ้าง เพราะว่าพวกเขายังคงได้ยินเสียงของการต่อสู้ดังแว่วมาจากหลายๆ ทิศทางอีกทั้งยังได้เห็นทหารรับจ้างบางส่วนกำลังต่อสู้กับคนที่แต่งตัวเหมือนกับทหารยามของเมืองรีมินัสแบบไม่มีผิดเพี้ยนรวมไปถึงตราสัญลักษณ์รูปประภาคารสีน้ำเงินที่ติดอยู่บนไหล่นั่นด้วย
แต่ว่าก่อนที่นากาจะได้พูดอะไรออกมาพวกเขาก็ได้วิ่งมาจนถึงส่วนท้ายหมู่บ้านที่มีบ้านเรือนอยู่เพียงไม่กี่หลัง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือบ้านของพวกเขาเองและบ้านของโมโกะที่ในขณะนี้ได้มีเปลวไฟลุกท่วมไปแทบจะทั่วทั้งหลังอีกทั้งยังพังถล่มลงมาบางส่วนจนเผยให้เห็นห้องนอนของโมโกะและห้องครัวที่สองพี่น้องคุ้นเคย
“พ…พี่นากา…. บ้านของโมโกะจังเขามัน…”
“คุณพ่อคะ!!!”
“ด–เดี๋ยวก่อนสิยัยแมวผี—”
ผลั๊ก!!
“โอ๊ย—”
เสียงของโมโกะที่ยืนนิ่งอยู่กลางถนนนั้นได้ทำให้อลิซตัดสินใจที่จะใช้ยูนิตของเธอพุ่งเข้าไปคว้าตัวโมโกะเอาไว้ก่อน แต่ว่าโมโกะที่กำลังตื่นตระหนกก็กลับสะบัดตัวหนีอย่างรุนแรงแบบไม่กลัวว่าอลิซที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วจะได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมก่อนที่เธอจะรีบวิ่งตรงไปยังบ้านของเธอในทันที
ผลัก—โคร๊ม!!
แต่ว่าก่อนที่โมโกะจะได้วิ่งไปจนถึงบ้านของตัวเองที่กำลังลุกไหม้อยู่นั้น อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงกระแทกดังลั่นดังขึ้นมาจากบ้านอีกหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กันก่อนที่จะมีร่างของนิลิมปลิวกระเด็นตามออกมาและกลิ้งตัวตั้งหลักอยู่ที่กลางถนนเบื้องหน้าของโมโกะพร้อมกับพูดบ่นออกมา
“ชิ…ประมาทไปหน่อย…”
นิลิมที่ปลิวกระเด็นออกมานั้นได้ยกแขนข้างซ้ายของตนที่หักงอไปในทิศทางที่ไม่ควรจะทำได้ขึ้นมาจ้องมองอยู่ชั่วขณะแล้วจึงหันกลับไปมองทางด้านบ้านหลังที่เธอปลิวกระเด็นออกมาที่ในขณะนี้ได้มีเด็กสาวผมสีทองที่ถือกระบองเหล็กติดไฟกำลังลากคอทหารรับจ้างที่บาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งออกมาจากภายใน
ซึ่งเมื่อเด็กสาวคนนั้นได้หันมาเห็นกลุ่มของนากาและอลิซที่สวมใส่ยูนิตเอาไว้เธอก็ได้โยนทหารรับจ้างคนที่เธอลากออกมาจากบ้านด้วยทิ้งไปแบบไม่ไยดีพร้อมกับเอ่ยปากพูดออกมา
“หัวหน้าเคยบอกว่าให้หนูระวังพวกคนของพี่เอริกะเอาไว้ถ้าไม่อยากจะเสียแผน… แต่ว่าดูๆ ไปแล้วพวกพี่ๆ ก็ไม่ได้มีฝีมือสักเท่าไหร่เลยนี่คะ”
“……”
นิลิมที่ได้ยินคำพูดของเด็กสาวผมสีทองได้ขมวดคิ้วจ้องมองเธอกลับไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาพร้อมกับสร้างแท่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ขึ้นมาภายใต้แขนเสื้อของเธออีกครั้งหนึ่งจนทำให้เด็กสาวผมสีทองที่เห็นแบบนั้นได้แสยะยิ้มออกมา
ซึ่งนั่นก็ทำให้อลิซที่เห็นว่านิลิมพลาดท่าจนได้รับบาดเจ็บไปแล้วรีบหันไปร้องสั่งนากาและพรีมูล่าในทันที
“พวกนายรีบเข้าไปช่วยนิลิมก่อนเร็วเข้า เดี๋ยวฉันจะไปช่วยโมโกะหาตัวคุณพ่อในบ้านหลังนั้นให้เอง”
“อ—อื้อ!!”
“ต—แต่พี่อลิซเองก็บาดเจ็บอยู่…”
ในขณะที่นากาพูดตอบอลิซกลับไปพร้อมกับพุ่งตัวเข้าไปหาคุณแม่ของเขานั้น ทางด้านพรีมูล่ากลับยังคงรีรอด้วยความเป็นห่วงพี่อลิซของเธอที่บอกว่าจะเข้าไปในบ้านของโมโกะที่มีไฟลุกท่วมทั้งๆ ที่ยังบาดเจ็บอยู่แบบนั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้อลิซต้องรีบขึ้นเสียงใส่เด็กสาวผมชมพูในทันที
“รีบๆ ไปได้แล้ว!! ขนาดนิลิมยังพลาดท่าไปแล้วเธอคิดว่าอย่างนากาคนเดียวจะรับมือยัยเด็กนั่นได้ไหวหรือไง!?”
“ค—ค่ะ!!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของอลิซเธอก็ได้รีบวิ่งเข้าไปหาโมโกะอีกครั้งหนึ่งก่อนที่ทั้งสองคนจะรีบวิ่งหายเข้าไปในบ้านของโมโกะที่กำลังลุกเป็นทะเลเพลิงจนทำให้พรีมูล่าได้แต่ต้องรีบวิ่งไปสมทบกับพี่ชายและคุณแม่ของเธอ
“พรีมูล่าสร้างโล่ให้พี่ที เสร็จแล้วเธอหาจังหวะช่วยยิงสนับสนุนให้พี่กับคุณแม่หน่อย”
“อื้อ!!”
นากาที่เห็นว่าเด็กสาวผมสีทองไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยนั้นได้รีบแปลงสภาพถุงมือที่มีกลไกยิงมีดโซ่ให้กลับคืนเป็นถุงมือหนังติดคริสตัลวิซสีขาวและร้องขอโล่น้ำแข็งจากพรีมูล่าขึ้นมาก่อนที่เขาจะพุ่งตัวเข้าไปหาเด็กสาวผมสีทองที่ใช้ไม้กระบองเหล็กติดไฟเป็นอาวุธในทันที
“ย๊ากกกกกก!!”
“นากาคุง—!?”
“ฮื้ม~ ดูเหมือนว่าจะยังมีคนที่คิดจะสู้อยู่งั้นสินะ!”
เคล๊ง!!
เด็กสาวผมสีทองที่เห็นว่านากาเป็นคนพุ่งเข้ามาหาเธอเองได้หวดไม้กระบอกเหล็กของเธอเข้าปะทะกับใบดาบเปื้อนเลือดเฟเบิ้ล ดรีมเมอร์อย่างรวดเร็วก่อนที่เธอจะเหลือบไปมองทางด้านหลังเล็กน้อยพร้อมกับร้องตะโกนเข้าไปด้านในตัวบ้านที่เธอเพิ่งจะเดินออกมา
“แต่ว่าจะปล่อยให้พวกพี่สาวคนอื่นๆ ยืนดูเฉยๆ แบบนี้ก็คงจะเสียมารยาทแย่สินะ… เอ้า! พวกแกน่ะหยุดอู้งานกันได้แล้ว!!”
เสียงร้องเรียกของเด็กสาวผมสีทองได้ทำให้ร่างของทหารสองคนที่แต่งตัวเหมือนกับทหารยามของเมืองรีมินัสใช้แขนยันตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากพื้นทั้งๆ ที่มีลิ่มน้ำแข็งขนาดใหญ่ปักคาอยู่บนอกคนละสองสามแท่งก่อนที่ทหารทั้งสองคนนั้นจะออกตัวพุ่งเข้าไปหานิลิมและพรีมูล่าที่ยืนอยู่กลางถนนจนทำให้นิลิมต้องรีบพูดเตือนพรีมูล่าขึ้นมา
“ถึงจะเห็นพวกเขามีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์ก็เถอะแต่ว่าพวกเขาก็ไม่ใช่สักทีเดียวหรอกจ้ะ… เพราะงั้นจัดการให้เต็มที่ได้เลยนะพรีมูล่าจัง”
“ค—ค่ะ!!”
ปัง—เพล้ง!!
พรีมูล่าที่ได้ยินคำพูดของคุณแม่ของเธอได้ลั่นไกส่งกระสุนน้ำแข็งเข้ากระแทกที่กลางศีรษะของทหารนายหนึ่งอย่างแม่นยำจนทำให้เขาหงายหลังล้มลงไปในขณะที่ทางด้านนิลิมนั้นก็ได้พุ่งตัวเข้าไปเข้าปะทะกับทหารอีกคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ส่วนทางด้านนากาที่กำลังต่อสู้กับเด็กสาวผมสีทองนั้นก็ได้ใช้จังหวะที่เด็กสาวละความสนใจไปจากเขาเพื่อหันไปมองดูการต่อสู้ของสองสาวในการเหวี่ยงดาบของเขาเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรุนแรง
เคล๊ง!!
แต่ทว่าเด็กสาวผมสีทองก็กลับสามารถขยับไม้กระบองเหล็กของเธอกลับเข้ามารับดาบของนากาได้อย่างไม่ยากลำบากอะไรนักแถมยังออกแรงหวดจนดาบของเขาแทบจะปลิวกระเด็นกลับมาอีกต่างหากจนทำให้นากาที่รู้สึกคุ้นเคยกับท่าทางการโจมตีอย่างป่าเถื่อนแบบนี้อย่างบอกไม่ถูกได้แต่ต้องพูดพึมพำออกมาด้วยความประหลาดใจ
“วิธีการโจมตีแบบนี้มัน…”