บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 137 Strict Directive
“ด–เดี๋ยวก่อนสิครับ—!!”
เอเว่นที่ถูกอาจารย์เทียดึงหน้ากากผ้าออกจนทำให้รอยแผลเป็นที่เขาพยายามจะปกปิดเอาไว้ถูกเปิดเผยออกมาให้คนอื่นเห็นได้พยายามที่จะยกแขนขึ้นมาปิดบังใบหน้าครึ่งล่างของตนเองเอาไว้และหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความลนลาน และนั่นก็ทำให้อาจารย์เทียที่มีท่าทีดุๆ อยู่เมื่อสักครู่สะดุ้งไปเล็กน้อยและพูดตอบกลับไปด้วยท่าทีตะกุกตะกักตามแบบของเธอ
“ผ…ผิดกฎ… ห้ามใส่…ค่ะ…”
“ก็ตามที่อาจารย์เทียเขาว่ามานั่นแหล่ะ ไหนๆ นายก็เป็นอัศวินระดับสูงแล้วทั้งทีก็ต้องทำตามกฎระเบียบให้มันเคร่งครัดใช่มั้ยล่ะ”
หลังจากที่สิ้นเสียงตะกุกตะกักของอาจารย์เทียไปแล้ว ทางด้านอลิซเองก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหยาะๆ ที่เธอไม่คิดจะปกปิดเลยแม้แต่น้อยจนทำให้เอเว่นต้องรีบพูดเถียงกลับไปเพื่อพยายามขอหน้ากากผ้าของเขากลับคืนมาจากอาจารย์เทีย
“ต—แต่ไม่ใช่ว่าเด็กนักเรียนคนนั้นเขาก็ใส่อะไรปิดหน้าปิดตาเหมือนกันไม่ใช่หรอครับอาจารย์อลิซ!?”
“……..”
คำพูดของเอเว่นที่พูดขึ้นมาพร้อมกับชี้นิ้วไปยังโมโกะที่พันผ้าพันแผลไปเกินครึ่งหัวนั้นถึงกับทำให้อลิซคิ้วกระตุกก่อนที่เธอจะแหกปากพูดตอกพ่อหนุ่มอัศวินกลับไป
“นี่นายไม่เห็นหรือไงว่านั่นมันคือผ้าพันแผลน่ะหะ!? คนสติดีๆ ที่ไหนเขาจะเอาผ้าพันแผลมาพันเล่นทั้งๆ ที่ไม่ได้บาดเจ็บกันเล่า!?”
“ล… แล้วเขาก็… เป็น…เด็กนักเรียนด้วย… ค่ะ…”
อาจารย์เทียที่เห็นว่าอลิซมีท่าทีของขึ้นได้พยายามที่จะช่วยพูดขึ้นมาด้วยอีกคน แต่แล้วเมื่อเธอได้เห็นท่าทีตื่นตระหนกของเอเว่นที่พยายามจะซ่อนแผลเป็นของเขาอย่างสุดชีวิตแล้วเธอก็ได้แต่ต้องเบียดตัวเองเข้าไปหาอลิซเหมือนกับไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
“อ…อาจารย์อลิซ… ช่วยพูด…หน่อย…”
“มาขอให้ฉันช่วยทั้งๆ ที่เธอเป็นคนดึงหน้ากากของหมอนั่นออกมาเองเนี่ยนะ…? เอาเถอะ…”
อลิซที่อยู่ดีๆ ก็ถูกดันออกไปอยู่เบื้องหน้าแทบจะถอนหายใจออกมากับท่าทีของเพื่อนร่วมอาชีพของเธอและหันไปจ้องมองเอเว่นด้วยสายตาดุๆ แบบที่เธอมักจะแสดงออกก่อนจะพูดอธิบายออกมาให้อีกฝ่ายฟังด้วยท่าทีที่ดูเหมือนกับอาจารย์กำลังสั่งสอนลูกศิษย์ไม่มีผิดเพี้ยน
“นายน่ะเป็นถึงอัศวินระดับสูงที่พวกเด็กๆ ใฝ่ฝันอยากจะเป็นกันเลยไม่ใช่หรือไง ถ้างั้นก็หัดทำตัวให้เป็นแบบอย่างสำหรับพวกเด็กๆ ซะบ้างสิ ถ้าเด็กคนที่นายคิดจะใช้เป็นข้ออ้างเมื่อกี้นี้เห็นว่าขนาดพวกอัศวินระดับสูงอย่างนายยังอายกับแผลเป็นของตัวเองแล้วเด็กคนนั้นจะกล้ายอมรับแผลไฟไหม้ของตัวเองได้ยังไงกันหะ”
“เอ่อ… มันก็…ฟังดูมีเหตุผลจริงๆ นั่นแหล่ะครับ…”
คำพูดของอลิซได้ทำให้เอเว่นต้องหันกลับไปมองทางด้านโมโกะที่ถูกคนอื่นๆ รุมสอบถามอาการกันอยู่เล็กน้อย เพราะถ้าเกิดว่าเบื้องหลังผ้าพันแผลที่พันไปเกินครึ่งหัวของเด็กคนนั้นเป็นบาดแผลไฟไหม้จริงๆ ล่ะก็สภาพของเธอหลังจากที่บาดแผลหายจนกลายเป็นแผลเป็นไปแล้วมันก็คงจะไม่น่าดูยิ่งกว่ารอยแผลเป็นกรีดแทงจำนวนมากบนใบหน้าครึ่งล่างของเขาอย่างแน่นอน
แต่ถึงอย่างนั้นท่าทีของเอเว่นก็ยังคงดูลังเลกับการที่เขาจะต้องเปิดเผยแผลเป็นให้คนอื่นเห็นอยู่ดี ทำให้อลิซที่ถึงแม้ว่าจะดูเป็นคนดุๆ และหงุดหงิดตลอดเวลาแต่ว่าที่จริงแล้วกลับใจดีผิดคาดอดไม่ได้ที่จะต้องพูดขึ้นมาต่อ
“แล้วก็นะ ที่พวกฉันต้องยึดหน้ากากของนายมานี่มันเพราะว่ามันผิดกฎของโรงเรียนเฉยๆ เพราะงั้นถ้าเกิดว่านายอยู่นอกเขตโรงเรียนแล้วนึกอยากจะใส่หน้ากากอะไรมันก็เรื่องของนายเลย”
“ถ…ถ้าเกิดว่ามันเป็นกฎมันก็คงจะช่วยไม่ได้แหล่ะครับ”
“………”
ท่าทางของเอเว่นที่ดูเหมือนจะยอมรับได้ถ้าเกิดว่ามันเป็นกฎที่อัศวินอย่างเขาต้องปฏิบัติตามนั้นถึงกับทำให้อลิซต้องแอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ เพราะเมื่อสักครู่นี้ที่เธอยกเรื่องของโมโกะขึ้นมาพ่อหนุ่มอัศวินนี่ยังคงมีท่าทีลังเลอยู่เลยแท้ๆ แต่ว่าเมื่อเธอพูดย้ำว่ามันเป็นกฎของทางโรงเรียนขึ้นมาเขาก็กลับดูเหมือนจะยอมรับมันได้หน้าตาเฉย และนั่นก็ทำให้อลิซอดไม่ได้ที่จะพูดออกไปด้วยความหงุดหงิด
“เอาเป็นว่าถ้าเกิดนายมีปัญหาอะไรกับการต้องโชว์แผลนั่นมากนักงั้นก็ลองไปขออนุญาตจากผู้อำนวยการเอาเองละกัน”
“ท—ท่านผู้อำนวยการคนนั้นนั่นน่ะหรอครับ— ม…ไม่ไหวหรอกครับนั่น!! ถ—ถ้าจะให้ผมไปเข้าพบท่านผู้อำนวยการล่ะก็ผมยอมให้ยึดหน้ากากไปดีๆ เลยก็ได้! ถ้ายังไงก็ต้องขออภัยที่ผมเผลอทำผิดกฎไปด้วยนะครับอาจารย์อลิซ อาจารย์เทีย!!”
“อ…อื้อ… ไม่เป็นไร…”
ท่าทีลนลานของเอเว่นนั้นถึงกับทำให้อาจารย์เทียผงะไปด้วยความตกใจ ในขณะที่ทางด้านคอนแนลที่ยืนฟังอยู่ด้วยเองก็มีท่าทีโล่งใจที่ท่านพี่ชายของเขาเหมือนจะตกลงยอมทำตามกฎของโรงเรียนได้โดยไม่มีปัญหาอะไรมากนัก
ส่วนทางด้านอลิซที่เห็นว่าแผนการกลั่นแกล้งพ่อหนุ่มอัศวินที่ตามประกบเธอมาตั้งแต่เช้าประสบผลสำเร็จแล้วแถมยังอาจจะช่วยให้โมโกะรู้สึกเกลียดแผลเป็นของตัวเองน้อยลงได้ด้วยก็ได้หันไปพูดสอบถามอาจารย์เทียที่บังเอิญโผล่มาได้จังหวะตอนที่เธอจะกำลังวางแผนจะจัดการเอเว่นพอดีขึ้นมา
“ว่าแต่อาจารย์เทียมีธุระอะไรหรือเปล่า วันนี้คาบเรียนของห้องสามเป็นของฉันทั้งวันเลยไม่ใช่หรอ”
“อ…อื้อ…”
เทียที่ได้ยินอลิซพูดสอบถามขึ้นมาได้นึกขึ้นได้ถึงสาเหตุที่เธอคิดจะมาดักรออลิซก่อนจะถึงคาบเรียนแรกแบบนี้ และนั่นก็ทำให้เธอเดินเข้าไปกระซิบบอกอลิซเกี่ยวกับเรื่องของทางโรงเรียนที่ไม่ควรจะให้คนนอกได้ยินให้เธอได้ฟัง
“ค…คือว่า… ไดเอน่าจัง… เขาขอมาว่า…”
“หืม? มันก็ได้อยู่หรอก แต่ไม่ใช่ว่าเคนซากิคนนั้นเขาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากแพนเทร่าหรอกหรอ”
“ห…เห็นบอกว่า…คุณเอริกะ อ…อนุญาตแล้ว…”
“อ่าหะ… ถ้างั้นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอกมั้ง งั้นที่เหลือก็แค่จะเอาใครมาสู้ด้วยดี…”
อลิซพูดพึมพำออกมาเบาๆ และกวาดตามองเหล่าเด็กนักเรียนห้องสามที่เริ่มจะมารวมกลุ่มกันรอบๆ นากาและโมโกะมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่จะใกล้เวลาเริ่มเรียนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นก็คงจะเป็นเพราะว่ามีคนแอบออกไปประกาศให้เพื่อนๆ ในห้องรู้ว่าทั้งสองคนเริ่มกลับมาเรียนแล้วจนทำให้ทุกคนรีบมาสอบถามพวกเขาทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วงนั่นเอง
และนั่นก็ทำให้เธอได้พบเข้ากับเขาทุยๆ ของเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มดอว์นจนน่าจะจำเป็นต้องใช้ยูนิตในเร็วๆ นี้ด้วยเช่นกัน เธอจึงได้เอ่ยปากร้องเรียกอีกฝ่ายขึ้นมา
“รีซาน่า ออกมานี่หน่อยสิ!”
หลังจากที่อลิซใช้เวลาอีกสักพักหนึ่งในการสวมใส่ยูนิตสำหรับการบันทึกภาพของเธอและรอจนกระทั่งคาบเรียนแรกของวันจันทร์เริ่มต้นขึ้น เธอก็ได้เดินนำรีซาน่าและ เคนซากิ เด็กนักเรียนชายผมสีเบจที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากเมืองแพนเทร่าให้เดินตามเธอไปยังสนามหญ้าเพื่อเริ่มต้นการสอบของเด็กนักเรียนหนึ่งคู่ของห้องสามเหมือนกับที่เธอทำเป็นประจำในทุกเช้าวันจันทร์
และในขณะที่เธอกำลังจับตาดูการสอบของรีซาน่าและเคนซากิอยู่นั้นเอง ที่ด้านหลังของเธอก็มีเสียงพูดทักทายจากเด็กสาวสองคนที่เพิ่งจะเดินออกมาจากอาคารเรียนดังขึ้นมาให้เธอได้ยิน
“สวัสดีค่ะ อาจารย์อลิซ”
“ส…สวัสดีค่ะ”
“ไดเอน่ากับมายะเองหรอ… พวกเธอเป็นยังไงกันบ้างล่ะ?”
เจ้าของเสียงที่เอ่ยปากพูดทักทายอลิซขึ้นมานั้นก็คือไดเอน่าที่ได้รับการปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำแล้วกับมายะที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอนั่นเอง ซึ่งถึงแม้ว่าอลิซจะสังเกตเห็นว่าไดเอน่าที่ปกติแล้วจะสวมใส่เครื่องประดับเพียงแค่โบว์ติดคริสตัลวิซธาตุลมได้สวมใส่สายรัดข้อมือสีดำขนาดใหญ่ไว้ที่ข้อมือทั้งสองข้างเพื่อปกปิดอะไรบางอย่างแล้วก็ตาม แต่ว่าเธอก็ตัดสินใจที่จะพูดสอบถามเกี่ยวกับเรื่องทั่วๆ ไปขึ้นมาแทน
ซึ่งคำถามของอลิซก็ได้ทำให้ไดเอน่าเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยและพูดตอบกลับไปตรงๆ แบบไม่คิดอะไรมาก
“ก็ดีกว่าตอนที่ติดธุระจนไม่ได้ออกมาข้างนอกเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่เยอะเหมือนกันนะคะ อย่างน้อยๆ อากาศข้างนอกนี่ก็ดีกว่าข้างในนั้นแน่ๆ แล้วล่ะค่ะ~ ฮ่า~”
“มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรอไง…”
“แหม่~ อาจารย์อลิซนี่ก็พูดซะไม่ให้ฉันได้เล่นต่อเลยนะคะ~ ไม่เห็นจะต้องจริงจังอะไรตลอดเวลาแบบนั้นเลยนี่นา~”
“ก็นะ…”
อลิซที่ได้ยินคำพูดของไดเอน่าได้ยักไหล่กลับไปให้ประธานนักเรียนสาวที่ดูเหมือนว่าจะติดเล่นมากกว่าเดิมเล็กน้อยเนื่องจากเพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาจากการขังเดี่ยวด้วยท่าทีไม่ใส่ใจอะไรมากนัก ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นก็อาจจะเป็นเพราะว่าเธอกำลังจดจ่ออยู่กับการดูการสอบของเด็กนักเรียนทั้งสองคนที่ต่อสู้อยู่ตรงใจกลางสนามหญ้าอยู่ก็เป็นได้
แต่ถึงอย่างนั้น ก่อนที่ไดเอน่าจะได้พูดชวนอลิซคุยอะไรขึ้นมาอีกก็ได้มีเสียงของเอเว่นดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของพวกเธอเข้าเสียก่อน
“อาจารย์อลิซ กระดาษเพิ่มอีกเท่านี้พอแล้วหรือเปล่าครับ?”
“ชิ… กลับมาซะแล้วแฮะ…”
“หืม?”
เสียงของชายหนุ่มที่ไดเอน่าไม่คุ้นเคยนั้นได้ทำให้เธอหันกลับไปมองทางด้านหลังและพบเข้ากับชายหนุ่มในชุดเกราะอัศวินที่กำลังแบกลังกระดาษกองสูงท่วมหัวเดินตรงเข้ามาทางนี้ และนั่นก็ทำให้เอเว่นที่สังเกตเห็นว่ามีคนเพิ่มขึ้นมามากกว่าก่อนที่เขาจะถูกอลิซสั่งให้ไปเอากระดาษมาเพิ่มตัดสินใจที่จะพูดทักทายขึ้นมา
“สวัสดีครั—”
“—–!?”
ในขณะที่เอเว่นกำลังจะเอ่ยปากพูดทักทายขึ้นมาทั้งเอง มายะที่มัวแต่อยู่กับไดเอน่าจนไม่ได้ไปที่ห้องเรียนในช่วงเช้าและไม่รู้ว่าตอนนี้อลิซกำลังถูกทางวังหลวงส่งคนมาเฝ้าจับตาเอาไว้ก็ได้สะดุ้งเฮือกกับการพบเจอกับคนที่เธอไม่รู้จักและรีบหลบไปซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังไดเอน่าอย่างรวดเร็ว และนั่นก็ทำให้เอเว่นชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดถามอลิซขึ้นมาอย่างหวาดๆ
“เอ่อ… นี่ผมเผลอทำอะไรผิดกฎไปอีกแล้วหรือเปล่าครับเนี่ย?”
“มายะเขาก็เป็นแบบนั้นนั่นแหล่ะ ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก”
“ง–งั้นหรอครับ…”
คำตอบแบบขอไปทีของอลิซที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการบันทึกผลการสอบนั้นได้ทำให้เอเว่นตัดสินใจวางกล่องกระดาษลงที่ข้างๆ เธอและขยับตัวไปมาแบบลุกลี้ลุกลนเนื่องจากความไม่ชินที่ไม่มีหน้ากากผ้าปิดบังรอยแผลเป็นของเขาเอาไว้
ส่วนทางด้านไดเอน่านั้นก็ได้มองดูเอเว่นด้วยความสนใจ เพราะว่าเมื่อเช้านี้เธอถูกมายะเกาะติดจนแทบจะไม่ได้มีเวลามาอ่านรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนในช่วงที่เธอไม่อยู่เลยแม้แต่น้อย
“หืมมมมม~?”
“ด..เดี๋ยวสิ.. ด…ด.ด.ด.ไดเอน่าจัง….”
การที่ไดเอน่าเดินเข้าไปใกล้เอเว่นนั้นก็ได้ทำให้มายะที่เกาะอยู่ข้างหลังเธอต้องพยายามร้องห้ามปรามขึ้นมาด้วยความหวาดผวา แต่ถึงอย่างนั้นไดเอน่าก็กลับให้ความสนใจในตัวของเอเว่นอยู่จนไม่ได้สนใจเสียงร้องห้ามของมายะเลยแม้แต่น้อย และนั่นก็ทำให้มายะต้องผละออกจากไดเอน่าที่เดินเข้าไปใกล้ๆ เอเว่นเพื่อหันไปหลบอยู่ด้านหลังของอลิซที่ยืนอยู่ห่างจากพ่อหนุ่มอัศวินมากกว่าแทน
“หืมมม…. พี่ชายนี่มาจากวังหลวงงั้นสินะเนี่ย… แถมดูแล้วก็ท่าทางว่าจะเป็นศิษย์เก่าของที่นี่ด้วยใช่มั้ยเอ่ย?”
“ดูออกด้วยหรอครับ?”
“ก็ถ้าใส่ชุดอัศวินแบบนี้ก็ต้องมาจากวังหลวงอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ~ แล้วในเมื่อทางวังคิดจะส่งคนเข้ามาทั้งที พวกศิษย์เก่าที่คุ้นเคยกับโรงเรียนอยู่แล้วก็คงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด… เพราะว่าพวกเขาคงจะไม่อยากให้คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเผลอไปทำอะไรให้ท่านผู้อำนวยการคนนั้นโมโหจนไปทำให้วังหลวงวุ่นวายอีกรอบหรอกจริงมั้ย~”
คำพูดของไดเอน่านั้นได้ทำให้เอเว่นชะงักไปเล็กน้อย เพราะถึงแม้ว่าถ้าฟังผ่านๆ แล้วมันจะเป็นคำพูดหยอกเล่นก็ตามที แต่ถ้าคิดอีกแง่หนึ่งมันก็อาจจะเป็นคำเตือนว่าถ้าเขาเผลอทำอะไรผิดพลาดไปมันอาจจะทำให้ท่านผู้อำนวยการคนนั้นขุ่นเคืองขึ้นมาจนออกโรงเองก็เป็นได้
แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่เอเว่นจะได้พูดอะไรออกมา ทางด้านอลิซที่เห็นว่าบรรยากาศชักจะเริ่มตึงเครียดก็ได้เอ่ยปากพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน
“อย่าไปแหย่เจ้าหมอนั่นมากนักสิไดเอน่า ถ้าเกิดว่าเขาเอาไปรายงานขึ้นมาเดี๋ยวเธอก็โดนรวบตัวไปอีกรอบหรอก”
“ร–เรื่องพูดเล่นกับแบบนี้ใครเขาจะเอาไปรายงานเป็นจริงเป็นจังกันล่ะครับ!? อาจารย์อลิซอย่าพูดให้เด็กนักเรียนเข้าใจผิดสิ! …ว่าแต่คุณหนูคนนี้คงจะเป็นคุณหนูไดเอน่าจากตระกูลเซมฟิร่าที่เป็นประธานนักเรียนอยู่ในตอนนี้สินะครับ?”
“ใช่แล้วค่ะ~ ถ้าเกิดว่าพี่ชายมีธุระในโรงเรียนล่ะก็ ยังไงก็พยายามรักษากฎสำหรับผู้มาติดต่อของทางโรงเรียนเอาไว้ด้วยก็แล้วกันนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะถูกพวกอาจารย์เขาเข้ามาดุเอาได้นะ~”
“แหะๆ … เรื่องนั้นคงจะไม่ทันแล้วล่ะครับ”
เอเว่นที่เผลอทำผิดกฎจนถูกต่อว่าไปแล้วเมื่อช่วงเช้าได้ชำเลืองมองไปยังอาจารย์เทียที่ยังคงยึดหน้ากากผ้าของเขาเอาไว้กับตัว ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาได้พบว่านอกจากอาจารย์เทียและเด็กนักเรียนห้องสามที่ได้รับอนุญาตให้ออกมารับชมการสอบแล้วที่ระเบียงใกล้ๆ กันนั้นก็ยังคงมีเด็กนักเรียนหญิงจากห้องอื่นหรืออาจจะรวมถึงเด็กนักเรียนหญิงจากชั้นปีอื่นอีกหลายกลุ่มออกมาส่งเสียงให้กำลังใจเคนซากิที่เป็นคู่สอบของรีซาน่าอยู่อีกด้วย
“สู้เขานะเคนซากิคุง!!”
“เคนซากิคุงที่กำลังสู้อยู่แบบนี้ก็ดูดีเหมือนกันนะ…”
“ถ้าเกิดยัยเขาทุยนั่นทำให้เคนซากิคุงของฉันบาดเจ็บขึ้นมานะ—!!”
“เอ่อ…. ตรงนั้นมันอะไรกันล่ะครับนั่น…?”
ท่าทีวี๊ดว๊ายของเหล่าเด็กนักเรียนสาวจากห้องเรียนต่างๆ นั้นได้ทำให้เอเว่นต้องเอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยท่าทีประหลาดๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้อลิซต้องเหลือบตาขึ้นไปมองเหล่าเด็กนักเรียนจากห้องอื่นและชั้นเรียนอื่นเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“ก็ดูเหมือนว่าหมอนี่จะมีแฟนคลับอยู่เยอะพอสมควรเลยนี่นะ… ไดเอน่า ฝากจัดการที”
“ค่า~ ถ้างั้นขอเวลาสักครู่นะคะ”
ไดเอน่าขานตอบอลิซกลับไปก่อนที่เธอจะชี้นิ้วไปยังหนึ่งในประตูห้องที่อยู่บนชั้นสามแล้วจึงใช้วิซของเธอรวบรวมมวลอากาศเพื่อยิงกระสุนลมนัดเล็กๆ ออกไปใส่มันจนเกิดเสียงกระแทกดังขึ้นมาเบาๆ และหลังจากนั้นไม่นานตัวประตูบานนั้นก็ได้ถูกเลื่อนเปิดออกก่อนที่จะมีร่างของ เรมิเลีย เด็กสาวผมสีดำที่เป็นหนึ่งในสมาชิกสภานักเรียนชะโงกหน้าออกมาหันซ้ายหันขวา
“…….”
และหลังจากที่เรมิเลียสังเกตเห็นไดเอน่าที่กำลังยืนอยู่ที่ข้างสนามหญ้าและกำลังชี้นิ้วตรงไปยังเหล่าเด็กนักเรียนหญิงแล้วเธอก็ได้พยักหน้ากลับมาให้ไดเอน่าทีหนึ่งแล้วจึงเดินตรงไปไล่เด็กนักเรียนเหล่านั้นกลับไปภายในห้องเรียนจนเสียงร้องเชียร์ของพวกเธอเงียบลงไปอย่างรวดเร็ว
“จัดการเรียบร้อยแล้วค่ะอาจารย์อลิซ~”
“เด็กนักเรียนผมดำคนนั้นเขาดูออกด้วยหรอครับนั่นว่าคุณหนูไดเอน่าสั่งอะไรไปน่ะ?”
“ก็เรมิเลียเขาโดนฉันเรียกตัวแบบนี้ตั้งหลายครั้งแล้วนี่นา แล้วทีนี้พอออกมาเห็นฉันชี้ไปที่พวกเด็กนักเรียนที่กำลังทำเสียงดังอยู่ก็น่าจะรู้อยู่แล้วล่ะว่าฉันคิดจะขอให้ไปทำอะไรน่ะ”
ไดเอน่าพูดตอบเอเว่นกลับไปพร้อมกับโบกมือให้เรมิเลียที่กำลังเดินกลับเข้าไปในห้องที่เธอเดินออกมาเล็กน้อยและหลังจากนั้นเธอจึงหันไปพูดสอบถามอลิซเกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัยในการสอบขึ้นมา
“ว่าแต่ในเมื่ออาจารย์อารอนไม่อยู่แล้วแบบนี้ ทางด้านทีมพยาบาลเป็นยังไงกันบ้างล่ะคะอาจารย์อลิซ?”
“นู่นไง…”
อลิซที่ได้ยินคำถามของไดเอน่าได้ชี้นิ้วไปทางด้านหนึ่งของสนามให้ไดเอน่าได้เห็นคาร์เทียร์ที่กำลังให้อีฟที่กอดกล่องพยาบาลเอาไว้ในอ้อมแขนนั่งตักหลบแดดอยู่ภายใต้ร่มขนาดใหญ่เหมือนกับที่ใช้กันบนชายหาด ซึ่งนั่นก็ทำให้ไดเอน่าที่ยังไม่ได้รู้เรื่องที่ว่าพวกนาการับเลี้ยงอีฟเอาไว้และพามาฝากที่ห้องพยาบาลในวันเรียนต้องพูดถามขึ้นมา
“ทีมพยาบาลมีแค่คาร์เทียร์จังคนเดียวจะพอหรอคะ… แล้วเด็กคนนั้นเป็นใครกันล่ะคะนั่น”
“ก็ไม่พออยู่แล้วน่ะสิ… แต่ว่าคงจะรอจนกว่าจะหาครูพยาบาลคนใหม่มาก่อนไม่ได้หรอกนะ เพราะเธอก็เห็นแล้วนี่ว่าการที่ต้องมารอทำตามตารางเรียนแบบนี้มันก็ทำให้เตรียมการได้ไม่ทันอยู่แล้วน่ะ”
“นั่นสินะคะ… ถ้างั้นมายะจังไปช่วยทางทีมพยาบาลหน่อยสิ เธอน่าจะรู้จักกับคาร์เทียร์จังเขาอยู่แล้วนี่นา”
“อ..เอ๋—!? ฉ…ฉันหรอคะ–!?”
คำสั่งของไดเอน่าได้ทำให้มายะสะดุ้งเฮือกหันไปมองทางด้านเด็กสาวผมเทาและผมขาวด้วยท่าทางตื่นตกใจ เพราะว่าจริงๆ แล้วเธอก็แทบจะไม่ได้รู้จักกับคาร์เทียร์เลยแม้แต่น้อยและเคยเพียงแค่เอาเอกสารที่เกี่ยวกับห้องพยาบาลไปส่งให้อีกฝ่ายเท่านั้น แล้วนี่ยังไม่นับว่าบนตักของอีกฝ่ายมีเด็กผู้หญิงที่เธอไม่รู้จักโผล่มาด้วยอีกคนหนึ่ง
“ใช่แล้วจ้ะ ถ้างั้นก็ฝากด้วยนะจ๊ะมายะจัง~ เดี๋ยวเอาไว้ฉันคุยกับอาจารย์อลิซเกี่ยวกับเรื่องยูนิตของคุณเอริกะเสร็จแล้วจะตามไปช่วยเธอก็ละกันนะ~”
“ค…ค่ะ… ร…รับทราบแล้วค่ะ…”
คำพูดยืนยันของไดเอน่าถึงกับทำให้มายะคอตกก่อนที่เธอจะค่อยๆ เดินลากขาเข้าไปหาคาร์เทียร์และอีฟ และนั่นก็ทำให้อีฟที่สามารถสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ละความสนใจออกมาจากภาพการต่อสู้ของพวกรีซาน่าเบื้องหน้าจนคาร์เทียร์ที่นั่งกอดเธออยู่ต้องพูดถามขึ้นมา
“หืม? มีอะไรหรออีฟ จะไม่ดูพวกพี่รีซาน่าเขาสู้แล้วหรอ?”
“…..!”
ในขณะที่คาร์เทียร์กำลังพูดสอบถามอีฟขึ้นมาอยู่นั้นเอง เด็กสาวผู้ที่ไม่ยอมลืมตาก็ได้แกว่งมือไปทางมายะที่เดินเข้ามาใกล้อย่างเงียบๆ ราวกับว่าอยากจะจับปลายผมทรงทวินเทลสีม่วงของอีกฝ่ายที่กำลังพลิ้วไหวไปตามสายลมเอาไว้ และนั่นก็ทำให้มายะถึงกับสะดุ้งเฮือกและรีบถอยกรูดกลับไปในทันที
“อี๊—!?”
“อ่ะ พี่มายะนี่นา สวัสดีค่ะ”
เสียงร้องด้วยความหวาดผวาของมายะได้ทำให้คาร์เทียร์หันไปทางนั้นและพบเข้ากับมายะที่กำลังยืนตัวสั่นพยายามมองซ้ายมองขวาหาที่หลบอยู่และเอ่ยปากทักทายอีกฝ่ายไป
ซึ่งเสียงร้องทักของคาร์เทียร์ก็ได้ทำให้มายะที่ไม่สามารถหาที่หลบให้เธอไปแอบได้ท่ามกลางสนามหญ้าแห่งนี้ชะงักนิ่งตัวแข็งไปสักพักหนึ่งแล้วจึงเอ่ยปากพูดตอบกลับมาด้วยแววตาที่มีน้ำตาคลอ
“อ…อ..อื้อ…ม.ม…มา…ช่วย..น่ะ…”
“งั้นหรอคะ ถ้างั้นก็รบกวนพี่มายะด้วยแล้วนะกันคะ ถ้ายังไงตอนนี้ก็มานั่งด้วยกันก่อนสิคะเพราะท่าทางว่าพี่รีซาน่าเขาจะยังไม่ได้เสียท่าเร็วๆ นี้หรอกค่ะ”
“อ..อ..อื้อ…”
มายะพยักหน้าพูดตอบคาร์เทียร์กลับไปพร้อมกับเดินเข้าไปใต้ร่มเงาของร่มคันใหญ่ แต่ถึงอย่างงั้นเธอก็ยืนอยู่ที่ส่วนปลายของร่มเพียงเท่านั้นจนทำให้คาร์เทียร์ที่ดูเหมือนจะรู้ว่าอีกฝ่ายกลัวคนแปลกหน้ารวบมือของอีฟที่พยายามจะคว้าปลายผมของมายะเอาไว้ก่อนเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น
“….?”
และนั่นก็ทำให้อีฟที่ถูกรวบมือเอาไว้หันกลับมามองหน้าของคาร์เทียร์ด้วยความสงสัยก่อนที่เธอจะหันกลับไปโบกมือไปมาให้กับมายะเป็นการทักทายแบบที่คาร์เทียร์สอนเธอเมื่อเช้านี้แทน จนทำให้มายะที่เห็นแบบนั้นพอจะคาดเดาได้ว่าเด็กสาวกำลังพยายามทักทายเธอนั่นเอง
“ส…สวัสดีจ้ะ….”
“….!!”
คำพูดทักทายของมายะได้ทำให้อีฟมีท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาและยกมืออีกข้างหนึ่งของเธอขึ้นมาโบกไปมาเพิ่มด้วยจนทำให้คาร์เทียร์ต้องยกมือขึ้นไปลูบหัวของเด็กสาวเพื่อให้เธอสงบลงก่อน
“คิกคิก ถึงอีฟเขาจะพูดไม่ได้แต่ดูแล้วเขาน่าจะอยากบอกว่ายินดีที่ได้รู้จักน่ะค่ะ”
“ง…งั้นเองหรอจ๊ะ… ย…ยินดีที่ได้รู้จักนะ…จ๊ะ…อีฟ…”
“…..!”
คำพูดของมายะได้ทำให้อีฟที่สงบกลับไปแล้วยกมือเล็กๆ ของเธอขึ้นมาโบกไปมาอีกครั้งหนึ่งจนทำให้คาร์เทียร์ที่เพิ่งจะห้ามปรามอีฟได้สำเร็จถึงกับต้องส่ายหน้าไปมาเบาๆ
ส่วนทางด้านไดเอน่าที่บอกว่าจะไปคุยกับอลิซแต่ว่าแอบมองมาทางด้านมายะอยู่นั้นก็ได้แอบยิ้มให้กับมายะที่ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างเปิดใจให้กับอีฟที่มีนิสัยเหมือนกับเด็กเล็กมากกว่าคนอื่นพอสมควร
ซึ่งท่าทางของไดเอน่านั้นก็ได้ทำให้อลิซที่ยืนอยู่ข้างๆ กันอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาบ้าง
“ฉันก็นึกว่าเธอจะมาเพื่อดูฝีมือของเคนซากิที่เธอขอให้ฉันลัดคิวมาให้ก่อนซะอีกนะ…”
“แหม่~ เรื่องของเคนซากินี่ฉันเองก็อยากรู้อยู่เหมือนกันนั่นแหล่ะค่ะ แต่ว่าเรื่องที่มายะจังยอมเอ่ยปากพูดกับคนอื่นขึ้นมาด้วยตัวเองนี่มันไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยๆ นะคะ~”
“พอได้เห็นแบบนั้นแล้วก็สงสัยเหมือนกันนะว่าทำไมนิสัยถึงต่างกับคนพี่ได้ขนาดนั้นน่ะ…”
“ฮะฮะ ก็นั่นสินะคะ~ แล้วอาจารย์อลิซคิดว่ายังบ้างไงล่ะคะ เรื่องของเคนซากิคุงเนี่ย…”
ไดเอน่าหัวเราะแห้งๆ ออกมาให้กับคำพูดของอลิซก่อนที่เธอจะหันกลับไปพูดถึงการต่อสู้เบื้องหน้าที่ดูแล้วเหมือนจะเป็นการวิ่งไล่จับซะมากกว่าขึ้นมา เนื่องจากว่าตั้งแต่ที่เริ่มต้นการสอบมานั้นรีซาน่าได้เป็นฝ่ายไล่ต้อนเคนซากิด้วยขวานศึกขนาดใหญ่ของเธอมาตลอดโดยไม่มีวี่แววว่าเขาจะมีโอกาสได้โต้กลับเลยแม้แต่น้อย
“ก็ไม่รู้สิ… ดูแล้วเหมือนว่าเคนซากิจะไม่ได้คิดจะสู้กับรีซาน่าจริงๆ จังๆ สักเท่าไหร่จนฉันดูไม่ออกว่าหมอนั่นมีฝีมือขนาดไหนกันแน่… แต่ถ้าดูจากการที่หมอนั่นหลบการโจมตีของรีซาน่าได้เรื่อยๆ แบบไม่ลำบากอะไรมากขนาดนั้นก็น่าจะพอมีฝีมืออยู่บ้าง… อย่างน้อยๆ ก็น่าจะระดับเดียวกับนากาหรือไม่ก็เนลล่ะมั้ง”
“ถ้าระดับเดียวกับนากาคุงหรือว่าเนลคุงแบบนั้นล่ะก็มันไม่ใช่ระดับพอจะมีฝีมืออยู่บ้างแล้วนะคะ… ถ้างั้นก็คงจะมีความเป็นได้ว่าเขาอาจจะไม่ใช่เด็กนักเรียนธรรมดาๆ ที่ทางเมืองแพนเทร่าส่งมาแลกเปลี่ยนกับทางเราอย่างที่เห็นจริงๆ ก็ได้งั้นสินะคะ”
“หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะว่าหมอนั่นฝีมือดีแบบนั้น ทางเมืองแพนเทร่าก็เลยส่งมาเพื่อที่จะได้ไม่ขายหน้าเมืองอื่นเฉยๆ ก็ได้ล่ะมั้ง… เธอเองก็รู้นี่ว่าแต่ละเมืองเขาห่วงหน้าห่วงตาตัวเองกันขนาดไหนน่ะ”
“ก็นั่นสินะคะ… งั้นก็คงได้แต่หวังว่าเคนซากิคุงเขาจะไม่ได้เป็นแบบที่ฉันกังวลก็แล้วกันนะคะ…”