บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 138 Dubious Affiliate
“ย๊าาาาก!!”
“โอ๊ะ—”
ตึ้ง!!
ในขณะที่ทางด้านอลิซและไดเอน่ากำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง ที่ทางด้านสนามหญ้าเองก็ได้มีเสียงของรีซาน่าที่ออกแรงเหวี่ยงขวานศึกขนาดใหญ่ของเธอเข้าใส่เด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนเคนซากิดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง และตามมาด้วยเสียงขวานของเธอที่จามเข้าใส่หน้าดินจนเกิดหลุมบ่อขนาดย่อมๆ ขึ้นมาอีกหลุมหนึ่งเมื่อเด็กหนุ่มที่เป็นเป้าหมายของเธอสามารถเอี้ยวตัวหลบได้อย่างฉิวเฉียดเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบได้ อีกทั้งตัวเขาเองก็ยังเอ่ยปากพูดเตือนขึ้นมาด้วยท่าทีสบายๆ อีกด้วย
“รีซาน่าจังเล่นเหวี่ยงของใหญ่ๆ แบบนั้นไปมา ระวังเดี๋ยวจะหมดแรงไปก่อนซะหรอกนะครับ~”
“ยังจะมีหน้ามาห่วงฉันอีกหรือไงกันคะ— ฮึ้บ—!! ถ้าเป็นห่วงว่าฉันจะหมดแรงจริงๆ ล่ะก็รีบๆ เข้ามาสู้กันจริงๆ จังๆ ได้แล้วค่ะ! คิดว่าฉันดูไม่ออกหรือไงคะว่าคุณจงใจออมมืออยู่น่ะ!!”
“หว๊า ดูออกด้วยหรอครับเนี่ย~ ผมว่าผมตั้งใจจะหลบให้ดูเฉียดๆ ที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วเชียวนะ~ แต่ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะครับ”
เคนซากิที่เห็นว่ารีซาน่าดึงขวานศึกที่จมหายไปในหน้าดินกว่าครึ่งเล่มขึ้นมาได้โดยดูเหมือนแทบจะไม่ต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อยเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบได้พูดตอบเธอกลับไปด้วยท่าทีสบายๆ และเปลี่ยนแผนการจากการที่จะรอให้รีซาน่าหมดแรงไปเองที่ดูแล้วไม่น่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ไปเป็นการชักปืนพกสีดำที่มีรังกระสุนทรงกระบอกอยู่ที่ตรงกลางตัวปืนออกมาพร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้นมาต่อ
“ถ้าเป็นไปได้ผมเองก็ไม่อยากจะหันอาวุธเข้าใส่เพื่อนแบบนี้เลยนะครับ แล้วยิ่งเป็นสาวสวยแบบนี้แล้วด้วย~”
“ปืนลูกโม่งั้นหรอคะ…? ฉันนึกว่าของแบบนั้นจะเหลืออยู่แค่ในหนังสือเรียนแล้วซะอีกนะคะเนี่ย”
ถึงแม้ว่ารีซาน่าจะได้ยินคำพูดหยอกของเคนซากิเข้าไปแล้วแต่ว่าเธอก็กลับให้ความสนใจแต่ในตัวอาวุธของอีกฝ่ายซะมากกว่า
เพราะถึงแม้ว่าปืนลูกโม่นั้นจะมีพลังทำลายต่อนัดที่จัดว่ารุนแรงว่าปืนพกประเภทอื่นๆ เนื่องจากว่าตัวกระสุนสามารถรองรับปริมาณวิซได้มากกว่า อีกทั้งมันยังสามารถลั่นกระสุนได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ แต่ว่าตัวตลับกระสุนมาตรฐานของมันก็กลับสามารถบรรจุกระสุนได้เพียงแค่หกนัดเท่านั้นจนทำให้ผู้คนในสมัยนี้หันไปใช้ปืนพกสมัยใหม่ที่มีซองกระสุนเป็นตลับคริสตัลที่มีกระสุนมากกว่าและสามารถยิงได้อย่างต่อเนื่องมากกว่าแทน
“อ่ะ รีซาน่าจังรู้จักมันด้วยหรอครับเนี่ย เอาจริงๆ แล้วมันเป็นของเด็ดประจำเมืองแพนเทร่าของผมเลยนะครับ แต่น่าเสียดายไปหน่อยที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะเหลือใครที่คิดจะใช้มันสักเท่าไหร่แล้วก็เถอะ”
เคนซากิพูดตอบรีซาน่ากลับไปด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร พร้อมกับใช้วิซของเขาควบคุมเม็ดกระสุนวิซที่มีลักษณะเหมือนกับทรงกระบอกสีเหลืองทองให้ลอยออกมาจากด้านในกระเป๋าก่อนที่เขาจะกดไปที่ปุ่มเล็กๆ ที่ด้านข้างของตัวปืนจนทำให้ส่วนของตลับกระสุนปืนถูกดีดออกมาทางด้านข้าง
ซึ่งเคนซากิก็ได้สะบัดปืนของเขาเข้าใส่กระสุนทั้งหกนัดที่ลอยเกาะกลุ่มกันอยู่กลางอากาศอย่างแม่นยำแล้วจึงสะบัดตัวปืนอีกครั้งหนึ่งเพื่อเก็บตลับกระสุนกลับเข้าที่เดิมด้วยท่าทีสบายๆ
“เอาล่ะ เท่านี้ก็เรียบร้อย~”
“ลูกเล่นใช้ได้เหมือนกันนี่คะ แต่ที่คุณมีเวลาบรรจุกระสุนสบายๆ แบบนี้ได้มันเป็นเพราะฉันยอมปล่อยให้คุณทำต่างหากล่ะคะ!”
รีซาน่าที่เผลอปล่อยให้เคนซากิได้มีเวลาบรรจุกระสุนจนเสร็จนั้นได้พูดแก้ตัวออกมาเสียงดังทั้งๆ ที่ยังไม่มีใครจะได้พูดอะไรซะด้วยซ้ำก่อนที่เธอจะพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายพร้อมกับขวานศึกในมืออีกครั้งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ซึ่นนั่นก็ทำให้เคนซากิเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะตามน้ำไปกับเธอด้วย
“เห ถ้าแบบนั้นผมก็คงจะต้องขอขอบคุณรีซาน่าจังแล้วสินะครับเนี่ย ขอบคุณนะครับ~”
“อ—เอ๋ะ— อ…อ่า ไม่เป็นไรค—”
รีซาน่าที่ได้รับคำขอบคุณแบบที่เธอไม่ได้คาดเอาไว้นั้นได้เผลอชะงักฝีเท้าที่กำลังพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายลงและค้อมหัวเพื่อพูดตอบกลับไปด้วยความเคยตัว แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่รีซาน่าจะได้พูดออกมาจนจบเธอก็สังเกตเห็นว่าในบัดนี้เคนซากิได้หันปืนลูกโม่สีดำในมือของเขาตรงมาที่เธอแล้วโดยที่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นเลยซะด้วยซ้ำ
“เหวอ—”
ปั้ง!!
เคร๊ง!!
ถึงแม้ว่ารีซาน่าจะแทบไม่ทันได้ตั้งตัวก็ตามแต่ว่าเธอก็ยังสามารถที่จะสะบัดขวานศึกของเธอออกมาปัดป้องตัวเองจากกระสุนวิซสีเหลืองของเคนซากิได้ทัน ซึ่งนั่นก็ทำให้เคนซากิถึงกับต้องเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความแปลกใจ
“โอ๊ะ…หลบทันด้วยแฮะ”
“เล่นทีเผลอแบบนี้มันขี้โกงนะคะคุณเคนซากิ!”
“แหม่ ก็ใครเขาสอนให้รีซาน่าจังเผลอแบบนั้นต่อหน้าคู่ต่อสู้กันล่ะครับ ใช้ไม่ได้เลยน๊า~”
“ลูกเล่นแบบนั้นใช้กับฉันได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหล่ะค่ะ!!”
รีซาน่าที่ได้ยินเคนซากิพูดตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกวนๆ นั้นได้ขึ้นเสียงกลับไปใส่อีกฝ่ายและอัดพลังวิซธาตุไฟของเธอเข้าใส่ตัวขวานศึกในมือจนทำให้ตัวใบขวานของเธอเปลี่ยนไปเป็นสีแดงเนื่องจากความร้อนที่พุ่งสูงขึ้น
ซึ่งรีซาน่าก็ได้ควงขวานศึกในมือของเธอไปมาอย่างรวดเร็วจนมันแทบจะกลายเป็นวงกลมสีแดงและพุ่งเข้าใส่เคนซากิตรงๆ จนทำให้เขาต้องเอ่ยปากพูดขึ้นมาพร้อมกับกระโดดเว้นระยะห่างออกไปทางด้านหลัง
“โอ๋ะโอ๋ น่ากลัวจังเลย~”
“คิดจะหนีไปไหนกันคะ!?”
ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!
“เหวอ~ ใจเย็นๆ สิครับรีซาน่าจัง!”
แต่ถึงแม้ว่าเมื่อดูผ่านๆ แล้วเคนซากิจะดูเหมือนถูกรีซาน่ากดดันจนต้องถอยร่นไปด้านหลังอย่างต่อเนื่องและไม่มีเวลาได้ยิงปืนสวนกลับเลยก็ตามที แต่ว่าถ้ามองดูให้ดีๆ แล้วทุกคนก็จะกลับได้พบว่าเคนซากินั้นยังคงหลบหลีกใบขวานสีแดงของรีซาน่าได้อย่าง ‘เฉียดฉิว’ ไม่ต่างกับตอนแรกเลยแม้แต่น้อยจนทำให้เด็กสาวทั้งสองคนที่จับตาดูการสอบครั้งนี้อยู่อดไม่ได้ที่จะต้องพูดขึ้นมา
“หืม…”
“ดูเหมือนว่าเคนซากิคุงเขาจะไม่ได้คิดเอาจริงเอาจังกับการสอบนี่มาตั้งแต่แรกแล้วนะคะเนี่ย”
“เฮ้อ… ให้ตายสิ…”
คำพูดของไดเอน่าที่ดูเหมือนว่าจะสังเกตเห็นการกระทำของเคนซากิเหมือนกับเธอแล้วได้ทำให้อลิซต้องถอนหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาต่อ
“ถ้าหมอนั่นเอาแต่เล่นแบบนี้ต่อให้สอบต่อไปก็คงจะไม่มีประโยชน์สักเท่าไหร่แล้วล่ะมั้ง”
“เพราะในเมื่อเคนซากิคุงเขาไม่ยอมเอาจริงแบบนี้คุณเอริกะก็คงจะเตรียมยูนิตที่เหมาะสมให้ไม่ได้สินะคะ แถมยังจะทำให้ผลการประเมินของทางฝั่งรีซาน่าเขาคลาดเคลื่อนไปอีกต่างหาก”
“ทางฝั่งรีซาน่านั่นน่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอก เท่าที่ดูแล้วก็มีจุดเด่นที่การโจมตีที่รุนแรงกับมีความสามารถในการป้องกันตัวทีเผลอได้พอสมควรอยู่ จะเสียก็ตรงที่แทบจะไม่รู้จักการพลิกแพลงอะไรเลยจนต่อให้จะเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เคนซากิก็น่าจะหลบได้ง่ายๆ แล้วก็ถูกจับทางได้จนแพ้ไปนั่นล่ะ
“ต่างกับทางด้านเคนซากิคุงที่มัวแต่เล่นจนดูไม่ออกเลยสินะคะ จนกระทั่งตอนนี้ฉันก็ยังเห็นเขาเอาแต่หลบขวานของรีซาน่าแบบเล่นๆ อยู่เลย”
“อื้ม…”
อลิซพยักหน้าตอบไดเอน่ากลับไปสั้นๆ และยกปากกาในมือขึ้นมาเกาหัวตัวเองเล็กน้อย ส่วนทางด้านไดเอน่าเองก็ได้ละความสนใจไปจากการต่อสู้เบื้องหน้าด้วยเช่นกัน เพราะดูท่าทางแล้วว่าพวกเธอคงจะประเมินอะไรเคนซากิไม่ได้มากนัก เธอจึงได้หันไปกระซิบพูดถามเรื่องงานของเอริกะที่เธอพลาดไปในช่วงสามสี่วันนี้ขึ้นมา
“แล้วเรื่องยูนิตของคนที่ได้รับการทดสอบไปแล้วไปถึงไหนแล้วล่ะคะ หลังจากการทดสอบครั้งแรกเสร็จไปนี่มันก็ผ่านมาตั้งนานแล้วนะคะ”
“ของคอนแนลกับซิลเวสที่เป็นคู่แรกน่ะเสร็จแล้ว เพราะงั้นก็เหลือแค่รอว่าสองคนนั้นจะได้ทดลองใช้จริงๆ ตอนไหนเท่านั้นล่ะ แล้วก็เห็นว่าเอริกะเขากำลังออกแบบยูนิตชนิดใหม่ออกมาเพิ่มอีกด้วย ท่าทางว่าอีกไม่กี่วันก็น่าจะเรียกฉันไปลองใช้มันดูแล้วล่ะมั้ง”
“สภาพของอาจารย์อลิซแบบนี้จะไหวหรอคะนั่— เฮ้อ ถ้างั้นก็เอาเป็นว่าถ้าอยากจะให้คอนแนลคุงกับซิลเวสจังไปทดลองใช้ยูนิตเมื่อไหร่ก็แจ้งมาได้เลยก็แล้วกันนะคะ”
ในขณะที่ไดเอน่ากำลังจะพูดถามอลิซขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงอยู่นั้นเองเธอก็ได้ชะงักไปกับแววตาดุๆ ที่อลิซสะบัดมาทางเธอ ซึ่งนั่นก็ทำให้ไดเอน่าได้แต่ต้องถอนหายใจออกมากับเรื่องความดื้อของเด็กสาวผมขาวที่ทำหน้าที่เป็นอาจารย์คนนี้ เพราะว่าเธอเองก็พอจะรู้ถึงเรื่องชื่อเสียงในการฝืนตัวเองของอีกฝ่ายที่แทบจะเรียกได้ว่าต่อให้มัดอลิซเอาไว้กับเตียงเพื่อให้พักผ่อนจนกว่าจะหายแต่เธอก็คงจะยังแอบหนีออกไปทำงานได้อยู่ดี
“เฮ้อ… แต่ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนะคะว่าทำไมคุณเอริกะถึงได้เลือกที่จะมอบยูนิตพวกนี้ให้กับเด็กนักเรียนไม่ใช่พวกทหารรับจ้างหรือว่าพวกอัศวินที่ต่อสู้กันเก่งอยู่แล้วน่ะ…”
“มันก็อย่างที่เอริกะพูดเอาไว้นั่นล่ะ… ว่าพวกเธอมีพรสวรรค์แล้วก็เป็นคนที่จะต้องแบกรับอนาคตที่แท้จริงของโลกใบนี้เอาไว้น่ะ”
“ค่าๆ แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่น่าจะถึงขั้นต้องบรรจุเป็นวิชาบังคับให้ทุกคนมาเข้ารับการทดสอบเลยนี่คะ เพราะว่ามันก็ไม่ใช่เด็กนักเรียนทุกคนนะคะที่จะต่อสู้เป็นหรือว่าชอบในการต่อสู้อย่างพวกเนลคุงหรือว่าพวกนากาคุงน่ะ แถมยังไม่ใช่ทุกคนด้วยที่จะยอมรับความสูญเสียได้เหมือนอย่างโมโกะจังเขาน่ะค่ะ…”
ไดเอน่าพูดถามอลิซขึ้นมาพลางเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าสีครามเบื้องบนด้วยแววตาเศร้าสร้อย เพราะว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นเธอเองก็มีส่วนผิดอยู่ด้วยเช่นกันที่เป็นคนยอมให้พวกนากากลับไปที่หมู่บ้านแบบนั้น ซึ่งท่าทางของไดเอน่านั้นก็ได้ทำให้อลิซต้องเหลือบไปมองเด็กสาวด้วยสายตาเห็นใจ
“ที่เธอพูดมามันก็ไม่ผิด… แต่ที่เอริกะทำไปนั่นก็เพื่อที่จะให้พวกเขาได้มีตัวเลือก… ถ้าเกิดว่าพวกเขาเลือกที่จะสู้ พวกเขาก็จะได้มีพลังที่จำเป็นจะต้องใช้ในช่วงเวลาที่คนที่ควรจะทำหน้าที่นั้นไม่สามารถพึ่งพาได้แบบนี้…”
“หรือถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือหมายถึงในช่วงเวลาแบบนี้นั่นแหล่ะ งั้นสินะคะ…”
“อื้ม…”
อลิซพูดตอบไดเอน่ากลับไปและหันกลับไปมองดูทางด้านเคนซากิที่ถูกรีซาน่าไล่ตอนไปจนเกือบจะถึงขอบสนามอีกฝั่งหนึ่งอยู่แล้วแล้วจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาต่อ
“ที่เหลือฉันก็หวังว่าพวกเธอจะสามารถหาทางออกจากโลกที่ผิดพลาดนี่ได้ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึงล่ะนะ…”
ปั้ง!!
หลังจากที่อลิซเอ่ยปากพูดพึมพำออกมาจนจบนั้นเอง ทางด้านเคนซากิที่ดูเหมือนว่าจะเล่นมากพอแล้วก็ได้ลั่นกระสุนวิซออกมาจากปืนลูกโม่ของเขาเป็นนัดที่สอง ซึ่งในคราวนี้มันเป็นกระสุนวิซสีเขียวแตกต่างจากครั้งแรกที่เป็นสีเหลือง บ่งบอกว่าเด็กหนุ่มน่าจะสามารถใช้วิซได้มากกว่าหนึ่งธาตุนั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้นตัวกระสุนของเขาก็กลับไม่ได้เฉียดเข้าใกล้ร่างของรีซาน่าผู้เป็นคู่ต่อสู้เลยแม้แต่น้อยจนทำให้รีซาน่ายิ้มออกมาและง้างขวานศึกของเธอเต็มวงแขนด้วยความย่ามใจ
“เล็งไปทางไหนกันคะ เสร็จฉันล่ะ!”
ซู่มมมม!!
“—-!?”
แต่แล้วในชั่วขณะที่รีซาน่ากำลังจะออกแรงเหวี่ยงขวานนั้นเอง กระสุนวิซสีเขียวธาตุลมของเคนซากิที่พุ่งผ่านร่างของเธอไปก็ได้ระเบิดมวลอากาศจำนวนมากออกมาจนทำให้รีซาน่าต้องยั้งขวานของเธอเอาไว้ก่อนเพื่อตั้งหลักไม่ให้ตนเองล้มกลิ้งไปกับแรงลม ในขณะที่ทางด้านเคนซากิเองก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยท่าทีโล่งใจ
“ฟู่ว~ เกือบไปๆ โชคดีเหมือนกันนะครับที่นัดนั้นเป็นกระสุนธาตุลมพอดีน่ะ”
“โชคดีงั้นหรอคะ?”
“แหม่ ก็ผมใส่กระสุนลงไปตั้งหลายธาตุนี่ครับ ถ้าเกิดว่าเมื่อกี้นี้มันออกมาเป็นธาตุอื่นล่ะก็ป่านนี้ผมคงจะโดนรีซาน่าจังฟาดใส่ไปแล้วล่ะครับ~”
เคนซากิพูดตอบรีซาน่ากลับไปพร้อมยกปืนลูกโม่ของเขาขึ้นมาเพื่อส่องดูกระสุนนัดที่เหลืออยู่ก่อนที่เขาจะดีดตัวรังกระสุนออกมาทางด้านข้างอีกครั้งหนึ่งด้วยท่าทีไม่รีบร้อนอะไรมากนักจนทำให้รีซาน่าที่เห็นแบบนั้นต้องรีบพุ่งเข้าไปเพื่อขัดขวางการบรรจุกระสุนเพิ่มเติมของเขาในทันที
“ทำเป็นเนียนเติมกระสุนอีกแล้วนะคะ! คิดว่าคราวนี้ฉันจะเผลออีกหรือไงกันคะ!!”
“โอ๊ะ—”
เคนซากิที่ได้พบว่าในคราวนี้รีซาน่าไม่ได้ยืนเฉยมองดูเขาบรรจุกระสุนเหมือนกับเมื่อคราวที่แล้วนั้นได้หลุดเสียงร้องออกมาเล็กน้อยพร้อมกับทำเป็นรีบร้อนพุ่งถอยกลับไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่วายที่จะเอ่ยปากพูดบอกรีซาน่าขึ้นมา
“เหวอ— ใจเย็นๆ สิครับรีซาน่าจัง อย่าเพิ่งผลีผลามเข้ามาแบบนี้สิครับ!”
“ใครเขาจะยอมพลาดให้คุณเคนซากิเติมกระสุนแบบสบายๆ กันละคะ!”
ฟวับ–ฟวับ–ฟวับ—
ถึงแม้ว่าเคนซากิจะพยายามถอยร่นเพื่อเว้นระยะห่างจากรีซาน่าแล้วก็ตาม แต่ก็ดูเหมือนว่าทางด้านรีซาน่าจะมีความเร็วในการพุ่งตัวมากกว่า เธอจึงสามารถเข้าใกล้เคนซากิเพื่อใช้ขวานศึกของเธอเหวี่ยงเข้าใส่คู่ต่อได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าการโจมตีของเธอจะไม่ประสบผลสำเร็จเลยก็ตามทีเนื่องจากเคนซากิยังคงสามารถหลบหลีกการโจมตีของเธอได้ทุกครั้ง
และหลังจากที่เคนซากิหลบการโจมตีต่อเนื่องของรีซาน่าไปได้สักพักหนึ่งแล้วเขาก็ได้ลั่นกระสุนสามนัดออกมาอย่างรวดเร็วด้วยจุดเด่นของปืนลูกโม่ที่สามารถลั่นไกได้อย่างต่อเนื่องถ้าหากยังมีกระสุนอยู่ในรังเพลิงและผู้ใช้มีความสามารถมากพอ
ปัง! ปัง! ปัง!
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านรีซาน่าก็กลับไม่เกรงกลัวอะไรเลยแม้แต่น้อยและอัดพลังวิซของเธอเข้าใส่ตัวขวานมากขึ้นจนมันแผ่ความร้อนที่ถึงกับทำให้อากาศรอบๆ บิดเบี้ยวออกมาพร้อมกับเหวี่ยงมันออกไปในแนวทแยงกระแทกเข้าใส่กระสุนนัดหนึ่งของเคนซากิตรงๆ
เคร๊ง!!
“—-!?”
ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็ได้ทำให้เคนซากิถึงกับชะงักไปชั่วขณะ เพราะว่าทั้งๆ ที่รีซาน่าฟันโดนกระสุนเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น แต่ว่ากระสุนวิซอีกสองนัดที่เขายิงออกไปพร้อมๆ กันนั้นก็กลับถูกเบี่ยงออกจากวิถีเดิมด้วยพลังวิซหนาแน่นแน่นที่แผ่ออกมาจากใบขวานของรีซาน่าจนพลาดเป้าไปเสียเฉยๆ บ่งบอกว่าปริมาณวิซที่รีซาน่าอัดลงไปในใบขวานของเธอนั้นหนาแน่นยิ่งกว่ากระสุนวิซทั้งสามนัดที่เขายิงออกไปเพื่อหวังจะจัดการเธอให้เสร็จในทีเดียวเสียอีก
“แค่นั้นมันไม่ได้ผลหรอกค่ะ!!”
“หยุดแค่นั้นแหล่ะ!!”
“อ่ะ—!”
แต่แล้วก่อนที่รีซาน่าจะได้เหวี่ยงขวานศึกของเธอที่ใบขวานแทบจะกลายเป็นแผ่นเหล็กสีแดงส่องแสงสว่างจ้าออกไปนั้นเองก็ได้มีเสียงร้องห้ามของอลิซดังขัดขึ้นมาก่อนจนทำให้เคนซากิที่ตกตะลึงจนเผลอชะงักฝีเท้าไปรอดตัวไปได้อย่างเฉียดฉิว
“ให้ตายสิ ถ้าเกิดไม่คิดจะจริงจังกับการสอบแบบนี้ล่ะก็นะ…”
เสียงพูดบ่นของอลิซที่ดังมาแว่วๆ ให้เคนซากิได้ยินก่อนที่เด็กสาวจะหันไปพูดคุยอะไรบางอย่างกับไดเอน่านั้นไม่ได้ทำให้ท่าทีสบายๆ ของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่ทางด้านรีซาน่านั้นก็กลับเหมือนจะทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ดีๆ การสอบก็ถูกยุติไปกลางคันเสียเฉยๆ
“เอ… แล้วแบบนี้จะนับว่าใครชนะดีล่ะคะเนี่ย?”
“ฮะฮะ นั่นสินะครับ แต่ถ้ายังไงผมขอยกรีซาน่าจังให้เป็นผู้ชนะก็แล้วกันนะครับ ก็เล่นไล่ต้อนผมซะจนมุมได้ขนาดนั้นเลยนี่นา”
“แหม่ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ทางด้านคุณเคนซากิเองก็เจ้าเล่ห์ใช่ย่อยเหมือนกันนะคะ เล่นแอบเนียนเติมกระสุนให้เห็นกันจะจะแบบนั้นน่ะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ~”
เคนซากิที่ได้ยินคำพูดต่อว่าของรีซาน่าได้ยกมือขึ้นมาเขี่ยแก้มของตัวเองด้วยท่าทีที่เหมือนกับว่าเขาได้รับคำชมไม่มีผิดจนทำให้รีซาน่าที่เห็นแบบนั้นอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาพลางเดินนำเขากลับไปรวมกลุ่มกับอลิซและไดเอน่าที่ยังคงพูดคุยอะไรบางอย่างกับไดเอน่าอยู่
“โถ่ อย่านับคำว่าเจ้าเล่ห์เป็นคำชมแบบนั้นสิคะ แต่ยังไงตอนนี้เราก็กลับไปหาอาจารย์อลิซกันก่อนเถอะค่ะ”
“อ่ะ นั่นสินะครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของรีซาน่าแล้วเคนซากิก็ได้พูดตอบกลับไปพร้อมกับควงปืนในมือของเขาเล่นก่อนจะนำมันเก็บเข้าใส่ซองปืนที่เขาคาดเอาไว้ที่เอว
ปั้ง—ฉึบ!
“เหวอ—!?”
“ว๊าย–”
แต่แล้วก่อนที่เคนซากิจะได้เสียบมันเข้าใส่ซองปืนนั้นเอง อยู่ๆ ปืนของเขาก็ได้ลั่นกระสุนอีกหนึ่งนัดที่เหลือพุ่งตรงออกไปเฉียดใบหน้าของรีซาน่าไปเพียงแค่เล็กน้อยจนทำให้รีซาน่าถึงกับสะดุ้งเฮือกและคว้าเอาขวานศึกของเธอขึ้นมาถือเอาไว้อีกครั้งและหันกลับไปจ้องมองเคนซากิด้วยท่าทีระแวดระวัง
“โอ๋ะ— ขอโทษทีครับ พอดีผมนึกว่ากระสุนมันหมดแล้วก็เลยเอามาควงเล่นน่ะครับ รีซาน่าจังไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ?”
“ม–ไม่เป็นอะไรค่ะ”
ถึงแม้ว่าในตอนแรกรีซาน่าจะมีท่าทีเหมือนกับว่าจะอยากเอาเรื่องเคนซากิก็ตามที แต่ว่าเมื่อเธอได้เห็นท่าทีขอโทษขอโพยของเคนซากิแล้วเธอก็ได้แต่นึกว่ามันคงจะเป็นอุบัติเหตุอย่างที่อีกฝ่ายพูดขึ้นมาจริงๆ แถมในขณะที่เธอกำลังสับสนอยู่นั้น ทางด้านอลิซที่ได้ยินว่ามีเสียงปืนดังขึ้นมาอีกครั้งแถมรีซาน่ายังคงถือขวานอยู่ก็ได้พูดต่อว่าทั้งสองคนออกมา
“ฉันบอกว่าให้หยุดมือได้แล้วไม่ใช่หรือไง! ถ้ายังมีแรงกันอยู่ก็รีบๆ เดินไปให้คาร์เทียร์เขาตรวจได้แล้ว!!”
“อ–อะ ค่า! ถ้างั้นวันหลังคุณเคนซากิก็ระวังๆ หน่อยก็แล้วกันนะคะ เรื่องแบบนี้มันอันตรายนะคะรู้มั้ย”
“ครับๆ ~ รอบหน้าผมจะระวังครับ~”
หลังจากที่รีซาน่าถูกอลิซพูดต่อว่าออกมาแล้วเธอก็ได้รีบพาดขวานของเธอกลับไปที่กลางหลังและวิ่งเหยาะๆ ตรงไปทางด้านมายะและคาร์เทียร์ที่นั่งกอดอีฟอยู่ที่ข้างสนามหญ้าอย่างรวดเร็ว
และนั่นก็ทำให้เธอไม่ได้เห็นสีหน้าของเคนซากิที่กำลังแสยะยิ้มอยู่ด้วยท่าทีน่ากลัวแตกต่างจากท่าทีเป็นมิตรแบบที่เขามักจะแสดงให้ทุกคนเห็นอยู่ตลอดเวลา
ตุ๊บ—เคร๊ง–!!
“—!?”
แต่แล้วในขณะที่เคนซากิกำลังแสยะยิ้มออกมาโดยที่เขาคิดว่าไม่มีใครเห็นอยู่นั้นเอง อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงของกล่องโลหะร่วงหล่นลงพื้นดังขึ้นมาจนทำให้เขาต้องรีบปรับสีหน้าให้กลับเป็นปกติและหันไปมองทางต้นเสียง ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาได้พบเข้ากับมายะที่กำลังมองตรงมาทางเขาด้วยสีหน้าหวาดผวา
แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา มายะก็ได้รีบวิ่งหนีไปทางไดเอน่าและอลิซอย่างรวดเร็วจนทำให้เคนซากิได้แต่มองไล่หลังเธอไปด้วยสายตานิ่งเฉยเย็นชา
“…..”