บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 152 Lurid Stained
“หืม? เดรคเขาตัดสินใจแบบนั้นหรอ? ถ้างั้นก็แปลว่าที่นั่นมันมีอะไรน่าเป็นห่วงจริงๆ ด้วยสินะเนี่ย…”
“เรื่องนั้นฉันเองก็คงจะบอกอะไรไม่ได้เหมือนกันค่ะ เพราะว่าเดรคเขาไม่ยอมพูดอะไรเลยน่ะค่ะ”
ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่พวกนากากำลังไล่ตามชาวบ้านคนที่หนีไปอยู่นั้นเอง ทางด้านเอริกะที่นั่งฟังรายงานจากมีอาอยู่ก็ได้พูดถามลูกน้องของเธอกลับไปพร้อมกับพูดบ่นออกมาเบาๆ พลางยกมือขึ้นไปลูบปลาสเตอร์ปิดแผลบนขมับของเธอเล่นเพื่อใช้ความคิดจนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง เอริกะก็ได้พูดแผนการรับมือออกมา
“ถ้างั้นเธอก็ปล่อยให้เขาทำตามใจไปเถอะจ้ะมีอา เพราะทางด้านพวกเราเองก็ยังมีงานต้องทำกันอยู่เหมือนกันนะ”
“ทราบแล้วค่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะไปสมทบกับทีเอร่าจังก่อนแล้วก็ค่อยออกไปสำรวจจุดน่าสงสัยที่คุณเอริกะบอกเอาไว้ก็แล้วกันนะคะ”
“อื้ม ถ้าเกิดว่าพวกเธอเจออะไรที่นั่นก็ติดต่อกลับมาหาฉันก่อนแล้วก็พยายามห้ามๆ ทีเอร่าจังเขาเอาไว้ด้วยก็แล้วกั—”
ตู้มมม!!
“อุ้ย…”
ในขณะที่เอริกะกำลังพูดสั่งงานให้มีอาอยู่นั้นเอง อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงระเบิดดังลั่นออกมาจากเบื้องนอกห้องทำงานของเธอจนทำให้เธอสะดุ้งไปเล็กน้อยเพราะไม่ทันตั้งตัว
ส่วนทางด้านมีอาที่ได้ยินเสียงระเบิดดังลั่นผ่านเครื่องมือสื่อสารเองนั้นก็ได้พูดถามขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้สึกตกใจมากนักเพราะว่าเสียงของเอริกะที่ดังตามหลังเสียงระเบิดนั้นดูเหมือนจะไม่ได้กำลังเดือดร้อนอยู่เลยแม้แต่น้อย
“เสียงอะไรระเบิดกันล่ะคะนั่นคุณเอริกะ?”
“อ๋อ… เสียงนั่นน่าจะเป็นฝีมือของซิลเวสไม่ก็คอนแนลน่ะจ้ะ คือพอดีว่าทางวังหลวงไม่อนุญาตให้ฉันพาพวกคอนแนลกับซิลเวสออกไปเก็บข้อมูลการทดสอบที่นอกเมือง ฉันก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขอรบกวนพวกขุนนางบ้านติดๆ กันแถวๆ นี้ด้วยเสียงดังๆ สักหน่อยนึงน่ะจ้ะ”
“อย่างงั้นเองหรอคะ… แต่ว่าถึงขั้นยอมอนุญาตให้ทดสอบอาวุธในเขตตัวเมืองชั้นในแบบนี้นี่มันอย่างกับว่าพวกเขากลัวคุณเอริกะจะแอบหนีไปไหนในระหว่างที่ออกไปข้างนอกเลยนะคะนั่น…”
“แหม่~ พวกเขาจะคิดแบบนั้นก็ไม่แปลกหรอก เพราะว่าพักนี้พวกเขากวนอารมณ์ฉันมาตั้งกี่รอบแล้วล่ะ~ ป่านนี้เรื่องพวกนั้นน่าจะไปถึงหูคณะตัวตลกเบื้องบนเข้าให้แล้วล่ะมั้ง~”
ถึงแม้ว่าเอริกะจะพูดบ่นออกมาเสียงน้ำเสียงร่าเริงแต่ว่าสีหน้าของเธอกลับเป็นรอยยิ้มเย็นๆ แทน ซึ่งทางด้านมีอาที่เคยอาศัยอยู่กับเอริกะมาตั้งแต่ยังเด็กนั้นก็เหมือนจะรับรู้ได้ว่าตอนนี้เอริกะกำลังรู้สึกยังไงอยู่ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดบ่นออกมาด้วยเช่นเดียวกัน
“คุณเอริกะคงจะหมายถึงเรื่องที่ว่าพวกเขาจะลงโทษนากาคุงแบบไม่รู้จักเวล่ำเวลานั่นจนไดเอน่าจังต้องออกมารับหน้าให้แทนนั่นสินะคะ…”
“อันนั้นมันก็ใช่ แต่ว่านอกจากนั้นแล้วยังมีอีกหลายเรื่องชนิดที่ว่าต่อให้ฉันพูดทั้งวันก็ยังไม่หมดหรอกจ้ะ”
“ฮะฮะ ถ้าเป็นพวกจากทางวังหลวงแบบนั้นล่ะก็ฉันก็ไม่แปลกใจนักหรอกค่ะ”
“ใช่มั้ยล่ะ~ แต่นี่ก็ยังดีนะที่พวกเขายังไม่รู้ว่าฉันยังตัดความสัมพันธ์กับพวกเขาไม่ได้ในเร็วๆ นี้น่ะ ถ้าเกิดพวกเขารู้ขึ้นมาล่ะก็มีหวังฉันได้โดนเอาเปรียบแย่เลย~”
“ท่านผู้ใหญ่บ้าน!! เกิดเรื่องแล้วครับ!! เรื่องใหญ่ด้วยครับ!!”
ในขณะที่ทางด้านเอริกะและมีอากำลังพูดคุยกะหนุงกะหนิงกันอยู่นั้น ทางด้านรีซาน่าที่วิ่งนำนากาตามชายวัยกลางคนผมสีดำไปยังหมู่บ้านของเขานั้นก็ได้เผยสีหน้ายุ่งยากใจขึ้นมา เมื่อพวกเธอได้เห็นเขาวิ่งส่งเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกหายเข้าไปภายในเขตหมู่บ้านโดยที่พวกเขายังไม่ทันจะได้พูดอธิบายอะไร
ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็ได้ทำให้รีซาน่าหยุดฝีเท้าของเธอลงก่อนที่เธอจะหันกลับมาพูดบอกพวกนากาด้วยน้ำเสียงเบาๆ
“เอาเป็นว่าพวกเราอย่าเพิ่งตามเขาเข้าไปน่าจะดีกว่านะคะ…”
“แบบนั้นมันจะดีหรอ…? ถ้าขืนไม่รีบเข้าไปอธิบายให้พวกเขาฟังเดี๋ยวพวกเขาก็เข้าใจผิดกันหมดหรอกนะ…”
โมโกะที่ได้ยินคำพูดของรีซาน่านั้นได้หยุดฝีเท้าของเธอลงด้วยเช่นกันและเอ่ยปากพูดถามรีซาน่าขึ้นมา
แต่ว่ายังไม่ทันที่รีซาน่าจะได้พูดตอบอะไรกลับไป ทางด้านนากาที่มีอีฟขี่หลังอยู่ก็ได้บุ้ยหน้าไปทางด้านทางเข้าหมู่บ้านที่ในขณะที่ได้มีกลุ่มของชาวบ้านจำนวนหนึ่งมายืนออกันจับจ้องรีซาน่าอยู่ด้วยท่าทีหวาดกลัวเสียแล้ว
“คงจะไม่ทันแล้วล่ะมั้งโมโกะ ดูนั่นสิ…”
“ผมสีน้ำเงินออกฟ้าๆ กับเขาสีดำแบบนั้นนั่นมันยัยเด็กต้องสาปไม่ใช่เรอะ?”
“ไหนหัวหน้าหมู่บ้านบอกว่ายัยนั่นโดนท่านเทพมังกรลงโทษไปแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมถึงกลับมาที่นี่ได้ล่ะ…”
“อย่าไปมองมันนะลูก เดี๋ยวก็ติดคำสาปไปอีกคนหรอก”
ภาพและเสียงพึมพำเบาๆ ที่ดังออกมาจากกลุ่มชาวบ้านเบื้องหน้านั้นได้ทำให้โมโกะต้องขมวดคิ้วของเธอเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันไปพูดถามรีซาน่าที่เป็นต้นเหตุของเรื่องขึ้นมา
“แค่การที่เธอเคยหลงเข้าไปในเขตหวงห้ามนี่มันถึงกับทำให้พวกเขาต้องรังเกียจเธอขนาดนั้นเลยหรือไงน่ะ?”
“นั่นสิ… แบบนี้มันออกจะเกินไปหน่อยแล้วหรือเปล่า?”
ก๊อก… ก๊อก…
คำพูดของโมโกะนั่นได้ทำให้นากาเอ่ยปากพูดสนับสนุนขึ้นมาด้วยอีกคน แต่ถึงอย่างนั้น ก่อนที่รีซาน่าหรือว่าจะมีใครได้พูดอะไรออกมา ก็ได้มีเสียงของไม้เท้าอันหนึ่งดังขึ้นมาจากทางเบื้องหลังของกลุ่มชาวบ้านก่อนที่จะปรากฏร่างของชายชราผมหงอกขาวผู้ที่จำเป็นต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงร่างกายเอาไว้ กับร่างของหญิงสาวผมสีขาวยาวสลวยที่มีเขาสัตว์สีขาวยาวโค้งงอไปทางด้านหลังแตกต่างกับมนุษย์ที่มีเขาคนอื่นๆ ที่มักจะเป็นเขาสัตว์สีดำเสียมากกว่าที่กำลังเดินตรงมาทางพวกเขา
“ท่านผู้ใหญ่บ้าน!!”
การปรากฏตัวของชายชราและหญิงสาวผมสีขาวที่สะพายดาบขนาดใหญ่เอาไว้บนแผ่นหลังนั้นได้ทำให้เหล่าชาวบ้านดูโล่งใจขึ้นมามาก ซึ่งชายชราผู้ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านนั้นก็ได้พยักหน้าให้กับเหล่าชาวบ้านเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินตรงมาอยู่เบื้องหน้าฝูงชนเพื่อจ้องมองไปทางด้านรีซาน่าอย่างเงียบๆ อยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ยังมีหน้าจะกลับมาที่นี่อีกนะรีซาน่า…”
“นี่ตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านยังเป็นของคุณอยู่อีกหรอคะเนี่ย…?”
คำพูดของชายชรานั้นได้ทำให้รีซาน่าที่ปกติแล้วจะเป็นคนที่พูดจาสุภาพและดูไม่ค่อยจะสู้คนสักเท่าไหร่นักขมวดคิ้วแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรออกมาเหมือนกับว่าเธอไม่ชอบหน้าเขาอย่างแรง
ซึ่งการที่รีซาน่าแสดงออกอย่างนั้นก็ได้ทำให้ชายแก่กระแทกไม้เท้าของเขาลงกับผืนดินอย่างแรงด้วยความไม่พอใจพร้อมกับตวาดขึ้นเสียงกลับมาใส่เด็กสาว
ตึ้ง!
“พูดอย่างกับว่าแกหวังจะให้เป็นคนอื่นอย่างงั้นล่ะยัยเด็กต้องสาปเอ๊ย!!”
“…….”
ท่าทีฉุนเฉียวไม่พอใจของชายแก่ผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านนั้นได้ทำให้เหล่าชาวบ้านเผยสีหน้าสะใจออกมา ราวกับว่าพวกเขากำลังรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องหวาดกลัวรีซาน่าถ้าเกิดว่ามีหัวหน้าหมู่บ้านของพวกเขาอยู่ตรงนี้ด้วย ในขณะที่ทางด้านหัวหน้าหมู่บ้านนั้นก็ได้จ้องมองตรงไปทางรีซาน่าก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“ไหนแกลองบอกเหตุผลมาสิว่าทำไมถึงแกถึงกลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่งแบบนี้ยัยปิศาจ!”
ชายแก่หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยปากพูดขึ้นมาแบบไม่มีความเกรงกลัวหรือว่าเกรงใจในตัวรีซาน่าที่เขาขนานนามเธอว่ายัยปิศาจ หรือไม่ก็ยัยเด็กต้องสาปเลยแม้แต่น้อย ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งนั้นก็คงจะเป็นเพราะตัวตนของหญิงสาวผมสีขาวสะพายดาบยักษ์ผู้ที่มีเขาสัตว์สีขาวบนศีรษะที่กำลังยืนคุ้มกันอยู่เบื้องหลังของเขานั่นเอง
แต่ว่าก่อนที่รีซาน่าจะได้เอ่ยปากพูดอะไรกลับไป นากาที่ทนยืนฟังคำพูดดูหมิ่นเหยียดหยามของชายแก่เบื้องหน้ามาได้สักพักหนึ่งแล้วก็ได้ชักดาบเปื้อนเลือด เฟเบิ้ล ดรีมเมอร์ ของเขาออกมาและพูดโพล่งเถียงกลับไปโดยที่ไม่มีใครทันได้คาดคิด
“พอได้แล้ว!! คำก็ปิศาจอีกคำก็เด็กต้องสาป ต่อให้นายจะเป็นผู้ใหญ่บ้านก็เถอะ แต่ว่าเล่นมาว่าร้ายเพื่อนฉันแบบนี้ฉันไม่ยอมปล่อยไปเฉยๆ หรอกนะ!!”
“ห–หวา ด–เดี๋ยวก่อนสิคะนากาคุง!”
การกระทำของนากานั้นได้ทำให้รีซาน่าต้องรีบร้องห้ามขึ้นมาในทันที เพราะถึงแม้ว่าเธอจะปะทะฝีปากกับชายแก่หัวหน้าหมู่บ้านอยู่ก็ตาม แต่ว่าเธอก็ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปปะทะอาวุธกับอีกฝ่ายตรงๆ แบบนั้น
แต่ถึงอย่างนั้นการกระทำของนากาก็กลับเหมือนจะทำให้ชายแก่รู้สึกเสียหน้า เขาจึงหันไปจ้องมองนากาด้วยสายตาดุร้ายก่อนจะตวาดขึ้นเสียงขึ้นมาอีกครั้ง
“หา—!? แล้วเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบแกคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาขึ้นเสียงกับผู้หลักผู้ใหญ่แบบนี้หา!?”
“พูดแบบนี้มันหาเรื่องกันนี่หว่าไอ้แก่!!”
คำพูดจาเชิงดูถูกของชายแก่นั้นเหมือนจะทำให้นากาตัดสินใจไปแล้วว่าเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ความเคารพชายแก่ไร้มารยาทคนนี้ เขาจึงขึ้นเสียงเถียงกลับไปแบบไม่มีการยอมกัน
ซึ่งการกระทำของนากานั้นก็ได้ทำให้หญิงสาวผู้มีเขาสีขาวที่ดูเหมือนว่าจะเป็นคนคุ้มกันของชายแก่ตัดสินใจที่จะเอื้อมมือไปจับด้ามดาบใหญ่ที่เธอสะพายเอาไว้เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเช่นเดียวกันจนทำให้ชาวบ้านคนหนึ่งต้องรีบพูดบอกชายแก่เกี่ยวกับเรื่องการแต่งกายของพวกผู้มาเยือนเบื้องหน้าก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะได้เกิดการปะทะกันด้วยอาวุธขึ้นมา
“ด–เดี๋ยวก่อนครับท่านผู้ใหญ่บ้าน… ผมคิดว่าชุดแบบนั้นมันน่าจะเป็นชุดเครื่องแบบของโรงเรียนหลวงรีมินัสนะครับ… ถ้าเกิดว่าพวกเขาเป็นอะไรไปขึ้นมาพวกเราอาจจะมีปัญหากับเมืองรีมินัสก็ได้นะครับ…”
“…………”
คำพูดของชาวบ้านคนนั้นได้ทำให้ชายแก่ชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นไปห้ามคนคุ้มกันสาวข้างกาย แล้วจึงหรี่ตาจ้องมองพวกนากาด้วยสายตาไม่ชอบใจและพูดบ่นออกมาเบาๆ
“พวกเมืองรีมินัสงั้นหรอ… ชิ… ทำไมเจ้าเมืองนอกรีตพรรค์นั้นถึงได้กลายเป็นเมืองหลวงไปได้กัน… เอาเป็นว่าถ้าพวกแกอยากเข้ามาก็เข้ามา… เตรียมบ้านพักสำหรับแขกให้พวกเขา! แต่สำหรับยัยเด็กต้องสาปนั่นไม่ว่ายังไงก็ห้ามไม่ให้มันเข้าไปข้างในหมู่บ้านเด็ดขาด ไม่อย่างงั้นท่านเทพมังกรต้องไม่พอใจมากแน่ๆ เข้าใจมั้ย!!”
“ข…เข้าใจแล้วครับ!”
หลังจากที่ชายแก่หัวหน้าหมู่บ้านพูดสั่งออกมาเสร็จแล้วเขาก็หันหลังกลับเดินจากไปในทันทีโดยทิ้งหญิงสาวคนคุ้มกันที่กำลังยืนกอดอกจ้องมองพวกนากาไม่วางตาเอาไว้เบื้องหลัง
ส่วนทางด้านชาวบ้านคนที่ถูกพูดสั่งงานขึ้นมา หรือก็คือชายผมสีดำวัยกลางคนที่บังเอิญไปเจอกับพวกนากาที่ค่ายพักนั้นก็ได้หันไปทางด้านพวกนากาและเอ่ยปากพูดขึ้นมา ด้วยท่าทีที่อย่างน้อยก็ดูเป็นมิตรกว่าหัวหน้าหมู่บ้านของเขามาก
“ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหล่ะ ถ้าเกิดว่าพวกเธออยากจะเข้าไปข้างในหมู่บ้านล่ะก็เดี๋ยวฉันจะนำทางไปที่บ้านพักให้เอง… แต่ว่าสำหรับเด็กต้องส— เอ่อ… สำหรับรีซาน่าคงจะเข้าไปข้างในหมู่บ้านไม่ได้หรอกนะ…”
“หา? แล้วทำไมรีซาน่าเขาถึงจะ—”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะนากาคุง! เดี๋ยวฉันกลับไปรอตรงที่แค้มป์หินถล่มก่อนก็ได้ค่ะ ส่วนนากาคุงพาโมโกะกับอีฟจังเขาเข้าไปหาข้อมูลข้างในก่อนเลยก็ได้ เพราะถ้าเกิดว่านากาคุงดึงดันจะพาฉันเข้าไปด้วยให้ได้มันอาจจะทำให้คุณหัวหน้าหมู่บ้านเขาไม่พอใจจนไม่ยอมให้ข้อมูลอะไรเลยก็ได้นะคะ”
“ก็ถ้าเธอว่าอย่างงั้นล่ะก็นะ…”
รีซาน่าพูดอธิบายออกมาให้นากาฟังจนเขาพอจะใจเย็นลงได้บ้าง ในขณะที่ทางด้านโมโกะนั้นก็ได้เอ่ยปากพูดถามรีซาน่าขึ้นมา
“แล้วเรื่องที่เธอเคยพูดก่อนหน้านี้ล่ะ…?”
“เรื่องของฉันกับหมู่บ้านเอาไว้หลังจากที่เราได้ข้อมูลของอาจารย์อารอนแล้วก็ได้ค่ะ ตอนนี้พวกเราต้องเรียงลำดับความสำคัญให้ถูกก่อนนะคะ”
รีซาน่าพูดตอบโมโกะกลับไปอย่างมีหลักการจนทำให้นากาต้องเบิ่งตามองเด็กสาวร่างใหญ่ด้วยความแปลกใจ เพราะว่าโดยปกติแล้วรีซาน่ามักจะเป็นฝ่ายผู้ตามที่รอให้คนอื่นๆ ตัดสินใจอะไรไปก่อนแล้วจึงค่อยทำตามสิ่งที่คนอื่นบอกมาอยู่เสมอๆ แต่ว่าครั้งนี้เธอกลับสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดแบบที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยๆ และกลายเป็นเขาเองที่เลือดร้อนจนเกือบจะตัดสินใจพลาดไปเสียอย่างงั้น
“ถ้ารีซาน่าเขาว่างั้นก็เอาตามนั้นก่อนเถอะโมโกะ เพราะถ้าเกิดว่าเราดึงดันจะจัดการเรื่องของรีซาน่าเขาเลยเราก็อาจจะพลาดข้อมูลของอารอนไปจริงๆ ก็ได้นะ”
นากาที่ใจเย็นลงมากแล้วได้คิดตามคำพูดเมื่อสักครู่ของรีซาน่าและเอ่ยปากพูดสนับสนุนขึ้นมาด้วยอีกคนหนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันไปมองทางด้านอีฟที่ดูเหมือนว่าจะกำลังจ้องมองตรงไปยังส่วนลึกของหมู่บ้านอยู่ด้วยท่าทีสนอกสนใจแล้วจึงจูงมือเด็กสาวไปฝากเอาไว้กับรีซาน่าก่อน
“แต่ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันขอฝากอีฟเอาไว้กับเธอในช่วงที่พวกฉันเข้าไปข้างในหมู่บ้านหน่อยสิรีซาน่า”
“นั่นสินะ… ถ้าเกิดว่าอีฟเขาเผลอไปทำอะไรเสียมารยาทเข้า เดี๋ยวไม่รู้ว่า ‘คุณผู้ใหญ่บ้าน’ ของเธอนั่นจะหาเรื่องไล่พวกเราออกมาหรือเปล่าเหมือนกัน”
คำพูดของนากานั้นได้ทำให้โมโกะที่ดูเหมือนว่าจะมีความคิดเดียวกันอยู่พูดสนับสนุนขึ้นมา ซึ่งทางด้านรีซาน่าเองนั้นก็มีความคิดที่จะช่วยเพื่อนๆ ของเธอทั้งสองคนดูแลอีฟในยามที่จำเป็นอยู่แล้ว เธอจึงยินยอมที่จะรับฝากอีฟเอาไว้ก่อนแบบไม่อิดออด
“ถ้าทั้งสองคนว่าอย่างงั้นก็ได้อยู่แล้วล่ะค่ะ เอาล่ะ พวกเรากลับไปที่เต็นท์กันก่อนก็แล้วกันนะจ๊ะอีฟจัง จะว่าไปเรายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นา เดี๋ยวพี่จะสอนวิธีทำเนื้อย่างกองไฟให้เองเนอะ~”
“……!”
อีฟที่ได้ยินสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นชื่ออาหารนั้นได้ละความสนใจออกมาจากส่วนลึกของหมู่บ้านเพื่อหันไปมองรีซาน่าพร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นมาอมเอาไว้เหมือนกับว่าเธอกำลังรู้สึกหิวแล้ว
ซึ่งทางด้านรีซาน่านั้นก็ได้เดินพาอีฟย้อนกลับไปในเส้นทางที่พวกเธอวิ่งมากัน โดยในระหว่างทางนั้นอีฟก็ได้หันกลับมามองเข้าไปด้านในหมู่บ้านเป็นระยะๆ เหมือนกับว่าเธอกำลังให้ความสนใจในอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างในนั้นจนกระทั่งพวกเธอลับสายตาไป
ส่วนทางด้านชายวัยกลางคนผมสีดำที่เห็นว่ารีซาน่ายอมเดินจากไปแต่โดยดีแล้วนั้นก็ได้มีท่าทีที่ดูโล่งใจขึ้นมามากก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดแนะนำตัวเองขึ้นมา
“พวกเธอคงจะมีธุระอะไรกับหมู่บ้านนี้สินะถึงได้ดั้งด้นมาจนถึงที่นี่น่ะ… ฉันชื่อว่า เบรนสัน ส่วนผู้หญิงคนนั้นชื่อว่า เดรค เป็นคนที่ได้รับเลือกจากท่านเทพเจ้ามังกรให้มาทำหน้าที่ปกป้องหมู่บ้านน่ะ”
หลังจากที่ชายวัยกลางคนผมสีดำแนะนำตัวเองว่าชื่อ เบรนสัน เสร็จแล้วเขาก็ได้ผายมือไปทางด้านผู้หญิงผมสีขาวนัยน์ตาสีแดงที่มีเขาสัตว์สีขาวอยู่บนศีรษะและพูดแนะนำตัวให้อีกฝ่ายที่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ยอมพูดจาขึ้นมา
ซึ่งชื่อของหญิงสาวที่มีชื่อเหมือนกันกับ เดรค ชายหนุ่มผมสีขาวตาสีแดงร่างใหญ่ที่เพิ่งจะขับรถมาส่งพวกเขาที่ผืนป่าทางเข้าหมู่บ้านนั้นก็ได้ทำให้ทั้งนากาและโมโกะชะงักไปเล็กน้อยด้วยความแปลกใจก่อนที่นากาที่อารมณ์ขึ้นอยู่เมื่อสักครู่นี้จะเอ่ยปากพูดแนะนำตัวกลับไปแทนโมโกะที่ดูเหมือนว่าจะยังคงกังวลอยู่ว่าบาดแผลไฟไหม้ของเธอจะทำให้คนอื่นรังเกียจหรือเปล่า
“ผมนากามูระครับ แต่จะเรียกว่านากาเฉยๆ เลยก็ได้ ส่วนทางด้านนี้เพื่อนของผมเองชื่อว่าโมโกะ”
“อ่า… ยินดีที่ได้รู้จัก เอาเป็นว่าพวกเธอตามฉันมาก่อนสิ เดี๋ยวจะพาไปที่บ้านพักให้”
“เอ่อ… แบบนั้นมันจะดีหรอครับ?”
นากาที่ได้ยินคำชวนของเบรนสันนั้นได้แสดงท่าทีลังเลออกมาเล็กน้อย เพราะเขาไม่มั่นใจนักว่าชาวบ้านคนอื่นๆ จะรู้สึกยังไงกับการที่มีคนนอกย่างกรายเข้าไปในหมู่บ้านแบบนั้น ซึ่งทางด้านเบรนสันนั้นก็เหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่นากาต้องการจะสื่อ เขาจึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาตรงๆ
“ถ้าเป็นพวกเธอล่ะก็ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพอคนอื่นๆ เห็นพวกเธออยู่กับฉันพวกเขาก็เข้าใจได้เองล่ะว่าพวกเธอเป็นแขกน่ะ เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
หลังจากที่เบรนสันพูดตอบกลับมาจนเสร็จแล้วเขาก็ออกเดินนำพวกนากาและโมโกะรวมถึงหญิงสาวที่มีชื่อว่าเดรคตรงผ่านลานกว้างที่มีกองไฟกองใหญ่ถูกจุดเอาไว้ราวกับว่ามันเป็นลานน้ำพุกลางเมืองอย่างไรอย่างนั้น
ซึ่งในระหว่างที่พวกนากาเดินตรงเข้าไปด้านในส่วนลึกของหมู่บ้านนั้น เขาก็ได้สังเกตเห็นว่าพวกชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นเพศไหนหรือว่าวัยใดต่างก็มีเขาสัตว์สีดำประดับอยู่บนศีรษะกันทั้งนั้น โดยไม่มีคนที่มีลักษณะเหมือนกับมนุษย์ธรรมดา หรือว่าพวกคนที่มีหูสัตว์รวมอยู่ด้วยเลยแม้แต่น้อย
แต่ว่าก่อนที่นากาจะได้เอ่ยปากพูดถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมา เบรนสันที่เดินนำหน้าพวกเขาอยู่ก็ได้เดินตรงไปที่บ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ไม่ห่างไปจากกองไฟอันเป็นจุดศูนย์กลางของหมู่บ้านมากนักก่อนที่เขาจะนั่งลงไปบนเก้าอี้ตัวเล็กที่ตั้งอยู่ด้านหน้าบ้านหลังที่ว่าพร้อมกับพูดบ่นพึมพำออกมาเบาๆ
“เฮ้อ… คราวนี้ก็จัดการเตรียมเรื่องเปิดทางเข้าหมู่บ้านไม่เสร็จเร็จอีกจนได้… ว่าแต่ไหนลองว่าธุระที่พวกเธอมีกับหมู่บ้านของพวกเราออกมาสิ ดูๆ แล้วคงจะไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องการบ้านของทางโรงเรียนหรือว่าอะไรแบบนั้นหรอกสินะ เพราะไม่งั้นพวกเธอก็คงจะไปหาข้อมูลจากหมู่บ้านที่มันเข้าถึงได้ง่ายๆ ไปแล้วใช่มั้ยล่ะ”
“เอ่อ….”
การที่อยู่ๆ เบรนสันก็ได้หยุดเท้าลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่งแถมยังทำตัวตามสบายเสียเต็มที่ราวกับว่าเป็นผู้ใหญ่ใจดีแตกต่างจากท่าทีเกร็งๆ ในตอนที่เขาอยู่กับหัวหน้าหมู่บ้านหรือว่าท่าทีหวาดกลัวตอนที่เขาเจอกับรีซาน่าในเขตหินถล่มนั้นถึงกับทำให้นากาทำตัวไม่ถูก ซึ่งนั่นก็ทำให้เบรนสันที่เห็นแบบนั้นได้เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะผายมือไปยังชุดโต๊ะเก้าอี้ของเขาและพูดอธิบายออกมาให้นากาฟัง
“เชิญนั่งตามสบายเลย บ้านหลังนี้เป็นบ้านของฉันเอง ก็ในเมื่อท่านหัวหน้าหมู่บ้านบอกให้ฉันเป็นคนรับแขก ฉันก็ไม่รู้จะพาแขกไปรับรองที่ไหนเหมือนกันล่ะนะ”
“ข..ขอบคุณค่ะ”
“ว่าแต่คุณเบรนสันดูเหมือนจะไม่รังเกียจพวกผมเลยนะครับเนี่ย ผมเห็นพวกชาวบ้านคนอื่นๆ ทำท่าทางแบบนั้นก็นึกว่าเขาจะไม่ชอบคนนอกซะอีก”
ในขณะที่โมโกะได้เอ่ยปากพูดขอบคุณกลับไปเบาๆ ทางด้านนากาที่เห็นว่าชายวัยกลางคนเบื้องหน้ามีท่าทีเป็นมิตรก็เริ่มที่จะแสดงความเป็นมิตรกลับไปบ้างด้วยการเริ่มต้นชวนอีกฝ่ายพูดคุยขึ้นมา ถึงแม้ว่าคำถามของเขาจะทำให้หญิงสาวผู้มีเส้นผมและเขาสัตว์สีขาวที่ถูกเรียกว่าเดรคขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจก็ตาม
แต่ถึงอย่างนั้น ทางด้านเบรนสันก็กลับไม่มีท่าทีว่าจะไม่พอใจกับคำพูดของนากาเลยแม้แต่น้อยอีกทั้งยังพูดอธิบายออกมาให้นากาฟังอีกด้วย
“เอาจริงๆ ที่พวกเขา… รวมถึงฉันด้วย มีท่าทีแบบนั้นกันมันเป็นเพราะเรื่องของรีซาน่าน่ะ… ก็ก่อนที่เด็กคนนั้นจะถูกขับไล่ออกไปเขาดันก่อเรื่องใหญ่ขนาดนั้นนี่นา… เฮ้อ… แต่เรื่องนั้นเอาไว้คุยกันทีหลังดีกว่า พวกเธอลองบอกมาสิว่ามีธุระอะไรกับหมู่บ้านแห่งนี้น่ะ ถ้าฉันตอบได้ฉันจะตอบให้เอง”
“ถ้าคุณเบรนสันว่าแบบนั้นงั้นผมจะขอถามตรงๆ เลยก็แล้วกันนะครับ ที่หมู่บ้านนี้เคยมีผู้ชายผมสีขาวตาสีแดงที่น่าจะแต่งตัวคล้ายกับพวกนายแพทย์แวะผ่านมาบ้างหรือเปล่าน่ะครับ?”
“หืม? ผมสีขาวที่เธอว่านั่นหมายถึงขาวแบบเดรคเขาเลยน่ะนะ?”
เบรนสันที่ได้ยินคำถามของนากาได้พูดถามกลับไปด้วยความแปลกใจเหมือนกับเขาไม่คิดไม่ฝันว่าในโลกนี้จะมีคนที่มีเส้นผมสีขาวคนอื่นนอกจากหญิงสาวที่ถูกเรียกว่าเดรคอยู่อีก ซึ่งท่าทางประหลาดใจของเบรนสันนั้นก็ได้ทำให้นากาต้องพูดอธิบายออกมาให้เขาฟังเพิ่มเติมด้วยความแปลกใจไม่แพ้กัน
เพราะถ้าจะให้พูดกันจริงๆ แล้วล่ะก็ ที่เมืองรีมินัสที่เขาอาศัยอยู่เองก็มีชายหญิงผมสีขาวดวงตาสีแดงอาศัยอยู่ในเมืองนั้นอยู่หลายคน ไม่ว่าจะเป็นเดรคที่เป็นคนของเอริกะ คู่แฝดสาวอาจารย์เทียและมีอา อารอนที่พวกเขากำลังตามหาตัวกันอยู่นี่ อีฟที่มีเส้นผมสีขาวแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่ามีดวงตาสีอะไร หรือแม้แต่กระทั่งอลิซที่มีเส้นผมสีขาวกับดวงตาสีแดงอย่างถูกต้องตามแบบฉบับอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
“ก็ขาวแบบนั้นนั่นแหล่ะครับ แล้วก็ไม่มีเขาบนศีรษะด้วย ส่วนการแต่งตัวของเขาน่าจะชอบใส่เสื้อนอกแขนยาวชายเสื้อยาวสีขาวออกฟ้าๆ หน่อยน่ะครับ”
“อื้ม… ถ้าเป็นคนแบบนั้นล่ะก็ฉันยืนยันได้เลยว่าไม่เคยเห็นมาก่อนแน่ๆ … ทางด้านเธอว่ายังไงบ้างล่ะเดรค?”
“……….”
หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าเดรคนั้นทำเพียงแค่ส่ายหน้ากลับไปให้เบรนสันด้วยสีหน้านิ่งเฉยโดยไม่ได้พูดตอบอะไรเขากลับไป ซึ่งเมื่อเบรนสันเห็นแบบนั้นเขาก็ได้พยักหน้ากลับไปให้เธอเป็นเชิงว่ารับรู้แล้ว จึงค่อยหันกลับมาพูดตอบนากากลับไปอีกครั้งหนึ่ง
“ถ้าแม้แต่เดรคก็ยังว่าอย่างงั้น หมู่บ้านของพวกเราก็คงจะไม่เคยมีผู้มาเยือนคนที่เธอกำลังตามหาอยู่หรอก… ว่าแต่ทำไมพวกเธอถึงตัดสินใจจะมาตามหาเขาที่นี่ล่ะ เพราะหมู่บ้านของเราก็ไม่ได้มีชื่อเสียงเรียงนามอะไรจนจะมีคนเดินทางผ่านไปผ่านมาอยู่บ่อยๆ หรอกนะ”
“เอ่อ… มันก็แบบว่า—”
“คือพอดีว่าคนที่หายไปเขาเป็นอาจารย์ของทางโรงเรียนน่ะค่ะ…”
ในขณะที่นากากำลังจะพูดอธิบายออกมาอยู่นั้น อยู่ๆ โมโกะที่นั่งฟังอยู่เฉยๆ มาตั้งแต่แรกก็ได้ชิงพูดแทรกเพื่ออธิบายขึ้นมาจนทำให้นากาต้องหันไปเลิกคิ้วมองเธอด้วยความสงสัย
ซึ่งทางด้านโมโกะก็ได้ส่งสายตาเป็นสัญญาณบ่งบอกอะไรบางอย่างที่นากาที่รู้จักกับโมโกะมาตั้งแต่สมัยก่อนเห็นแล้วค่อนข้างจะมั่นใจว่ายัยแมวสาวตัวแสบเพื่อนของเขาคงกำลังจะวางแผนอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ เขาจึงยอมนิ่งเงียบปล่อยให้เพื่อนของตนเป็นคนจัดการเอง
“แล้วพอทางโรงเรียนรู้เรื่องที่ว่าก่อนที่อาจารย์ท่านนั้นจะหายตัวไปเขาเหมือนจะสนใจในเรื่องเทพเจ้ามังกรที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเทพที่ชาวบ้านในหมู่บ้านของคุณเบรนสันนับถือกัน ทางโรงเรียนเขาก็เลยบีบบังคับให้รีซาน่าที่มาจากหมู่บ้านแห่งนี้นำทางพวกเรามาที่นี่เพื่อที่จะตามตัวอาจารย์เขากลับไปน่ะค่ะ…”
คำพูดของโมโกะนั้นได้ทำให้นากาพอจะเข้าใจได้แล้วว่าแมวสาวหูแหว่งเพื่อนของเขาคงจะกำลังวางแผนที่จะตะล่อมถามถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรีซาน่าจากคนภายในหมู่บ้านอย่างคุณเบรนสันอยู่นั่นเอง
ซึ่งทางด้านเบรนสันที่ได้ยินชื่อของรีซาน่าดังขึ้นมานั้นก็ได้มีท่าทีเกรงๆ เล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังหวาดกลัวอยู่จนกระทั่งเขาได้ยินโมโกะบอกว่ารีซาน่าถูกทางโรงเรียนบังคับให้นำทางพวกเธอมาที่นี่นั่นเองเขาถึงได้ดูท่าทางโล่งใจขึ้นมาบ้าง
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่าเด็กคนนั้นไม่ได้คิดอยากจะกลับมาที่นี่เองสินะ ถ้าอย่างงั้นก็ดีแล้วล่ะ… เฮ้อ…”
คำพูดกับเสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกของเบรนสันนั้นได้ทำให้โมโกะเหลือบตาข้างที่ไม่ได้ถูกผ้าพันแผลปิดบังเอาไว้ไปทางนากาด้วยท่าทีถือดีเหมือนกับกำลังจะอวดฝีมือการพูดหลอกล่อของเธอ ซึ่งนั่นก็ทำให้นากาเบ้ปากเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยักไหล่กลับไปให้โมโกะเป็นเชิงสื่อว่าอยากจะทำอะไรก็ทำก็แล้วกัน และนั่นก็ทำให้โมโกะไม่รอช้าที่จะพูดถามถึงสิ่งที่เธอสนใจอยากจะรู้อยู่ขึ้นมาในทันที
“ค…คือ ถ้าเกิดคุณเนลสันไม่ว่าอะไรฉันอยากจะขอถามสักหน่อยจะได้หรือเปล่าคะว่าทำไมพวกชาวบ้านของที่นี่เขาถึงทำท่าเหมือนกับว่าจะกลัวรีซาน่ากันแบบนั้นน่ะ… คือพอดีว่าพอทางโรงเรียนรู้ว่าหนูอยู่ห้องเรียนเดียวกันกับรีซาน่าเขาแล้วก็รู้จักกับอาจารย์คนที่หายไป พวกเขาก็เลยสั่งให้พวกหนูมาด้วยกันเสียเฉยๆ เลย… แล้วพอหนูเห็นพวกชาวบ้านเขากลัวกันแบบนี้หนูก็ชักจะเริ่มกลัวๆ ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน เพราะรีซาน่าเขาก็ชอบพกขวานอันใหญ่ๆ เดินไปเดินมาแบบไม่สนใจสายตาใครเลยน่ะค่ะ…”
“อื้ม… จะว่ายังไงดีล่ะ…”
เบรนสันที่ถูกโมโกะหลอกล่อด้วยคำพูดและการแสดงท่าทีหวาดกลัวของโมโกะนั้นได้เผยสีหน้ากลัดกลุ้มใจออกมาเล็กน้อยพร้อมกับเหลือบไปมองทางด้านหญิงสาวที่ถูกเรียกว่าเดรคราวกับว่าอยากจะขออนุญาตจากเธอ
ซึ่งหญิงสาวที่ถูกเรียกว่าเดรคที่ยังคงทำหน้านิ่งๆ อยู่นั้นก็ได้ยักไหล่กลับไปให้เบรนสันเล็กน้อยเป็นเชิงว่าเธอไม่มีความเห็นอันใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และนั่นก็ทำให้เบรนสันรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะบอกว่าเธอก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้เขาเล่าเรื่องของรีซาน่าออกมานั่นเอง เขาจึงหันกลับไปหาพวกเด็กๆ และเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมานานมาแล้วออกมา
“ถ้าเดรคเขาไม่ว่าอะไรก็คงจะเล่าได้ไม่มีปัญหาล่ะมั้ง… ไหนๆ พวกเธอเองก็คงจะต้องคลุกคลีกับรีซาน่าเพราะว่าเรียนอยู่ห้องเดียวกันแล้วพวกเธอก็ควรจะต้องรู้เรื่องนี้เอาไว้ก่อนจะได้ระวังตัวกันสักหน่อย… พวกเธอเห็นตรงนั้นมั้ย ตรงชายป่าฝั่งนั้นที่มีเส้นเชือกถูกกั้นเอาไว้น่ะ”
เบรนสันพูดขึ้นมาพลางชี้นิ้วของเขาไปยังทางส่วนลึกของหมู่บ้าน ที่มีแนวป่าที่ถูกเชือกเส้นหนึ่งขึงกั้นเอาไว้ให้พวกนากาได้เห็น ซึ่งนากาที่เห็นแบบนั้นก็ได้เอ่ยปากพูดถามกลับไปด้วยความแปลกใจ เพราะว่ามันเหมือนกับเชือกกั้นอาณาเขตที่หมู่บ้านโมริโกะของเขาเองก็เคยมีมันอยู่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าเหล่านักหาของป่าอย่างครอบครัวของโมโกะหรือว่าพวกเด็กซนๆ อย่างพรีมูล่าจะไม่เคยเห็นมันอยู่ในสายตาเลยก็ตาม
“หมายถึงเชือกที่กั้นเอาไว้ไม่ให้พวกเด็กๆ เข้าไปเล่นซนในป่าน่ะหรอครับ?”
“สำหรับหมู่บ้านอื่นๆ มันก็คงจะเป็นแบบนั้นแหล่ะ แต่ว่าสำหรับหมู่บ้านของพวกเราแล้วมันเป็นเชือกที่กั้นเอาไว้เพื่อแสดงอาณาเขตหวงห้ามของหมู่บ้านน่ะ พวกท่านหัวหน้าหมู่บ้านกับกลุ่มผู้อาวุโสเคยบอกเอาไว้ว่าห้ามไม่ให้ใครข้ามเส้นเชือกนั่นเข้าไปในป่าเป็นอันขาดถ้าไม่อยากจะทำให้ท่านเทพมังกรพิโรธจนโดนสาปน่ะ…”
“เทพมังกรกับคำสาป… นั่นเป็นความเชื่อของหมู่บ้านนี้หรอคะ?”
คำพูดที่สื่อถึงตัวตนของเทพมังกรที่ดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายของอารอนนั้นได้ทำให้นากาและโมโกะต้องเหลือบไปมองหน้ากันด้วยความแปลกใจก่อนที่เด็กสาวหูแมวจะเอ่ยปากพูดตะล่อมถามขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยที่นากานั้นเลือกที่จะเงียบเสียงเอาไว้ก่อนเพราะเขารู้ตัวดีว่าเขาไม่ได้เก่งในเรื่องแบบนี้เท่ากับโมโกะ
ซึ่งคำถามของโมโกะนั้นก็ได้ทำให้หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าเดรคที่เคยมีสีหน้านิ่งเฉยขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำถามที่ดูเหมือนจะไม่ได้แสดงความเคารพนับถือเทพเจ้ามังกรมากนัก ในขณะที่ทางด้านเบรนสันที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เคร่งในเรื่องนี้มากเท่าหญิงสาวก็ได้พูดอธิบายออกมาให้พวกเด็กๆ ฟังแบบไม่ได้คิดอะไรมากนัก
“ฉันก็อยากจะบอกว่ามันเป็นแค่ความเชื่ออยู่หรอกนะ แต่ว่ามันเคยมีคำสาปเกิดขึ้นจริงๆ น่ะสิ… ถ้าจะให้พูดกันจริงๆ ล่ะก็ มันก็เป็นเรื่องของรีซาน่าเขาที่แอบเข้าไปเล่นข้างในป่านั่นจนโดนท่านเทพมังกรสาปเข้าให้นั่นล่ะ…”
“อ—เอ๋? พ…พอจะอธิบายให้พวกหนูฟังสักหน่อยจะได้หรือเปล่าคะ?”
คำพูดอธิบายของเบรนสันนั้นได้ทำให้โมโกะแสดงท่าทีตกใจออกมาอย่างสมจริงจนนากาต้องเลิกคิ้ว เพราะขนาดเขาเองก็ยังดูไม่ออกว่าเพื่อนสาวของเขาแค่แกล้งทำอยู่จริงๆ หรือเปล่า
ส่วนทางด้านเบรนสันที่ไม่ได้รู้จักกับโมโกะมาก่อนจนโดนหลอกเข้าไปจังๆ นั้นก็ได้พูดขึ้นมาต่อด้วยความเป็นห่วงในตัวเด็กหนุ่มสาวที่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับรีซาน่าที่จัดว่าเป็นตัวอันตรายของหมู่บ้านแบบนี้
“อื้ม… ก็ถ้าพวกเธอเดินเข้าไปข้างในป่านั่น— ฉันหมายถึงว่า ‘ถ้า’ พวกเธอทำน่ะนะ ไม่ได้บอกให้พวกเธอทำมันจริงๆ … พวกเธอก็จะเห็นบ้านเก่าๆ หลังนึงอยู่ตรงนั้น มันเป็นบ้านของรีซาน่ากับคุณแม่ของเธอที่ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้เพราะไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งด้วยแล้วน่ะ”
เบรนสันพูดอธิบายออกมาพลางละสายตาของจากสองหนุ่มสาวเบื้องหน้าเพื่อมองเข้าไปในเขตป่าหวงห้ามเหมือนกับว่ากำลังลำลึกความหลังอยู่ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาต่อ
“ที่จริงแล้วตระกูลของรีซาน่าเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้คนที่บุกเบิกมาตั้งหมู่บ้านในเทือกเขาแห่งนี้… ส่วนคุณแม่ของเธอเป็นหญิงสาวร่างสูงใหญ่ที่ใช้ขวานยักษ์ในมือโค่นล้มสัตว์ร้ายเพื่อปกป้องทุกคนโดยแทบจะไม่เคยต้องเสียเหงื่อแม้แต่สักหยดเดียว… แต่ถึงจะเห็นเธอมีความสามารถมากมายขนาดนั้น เธอก็กลับไม่เคยหยิ่งทะนงในความสามารถของตัวเองเลยแม้แต่น้อยแถมยังมีจิตใจอ่อนโยนโอบอ้อมอารีอีกด้วยจนใครๆ ก็นับถือเธอว่าเป็นผู้พิทักษ์ของหมู่บ้าน… ถึงขั้นที่ว่าเธอเคยเกือบจะได้รับสืบทอดตำแหน่งเป็นเดรครุ่นถัดไปเลยล่ะ”
“เอ๋ะ? ตำแหน่ง? สรุปว่าเดรคนี่ไม่ใช่ชื่อคนแต่ว่าเป็นชื่อตำแหน่งงั้นหรอครับ?”
“……….”
คำพูดของนากาที่เผลอพูดโพล่งขึ้นมานั้นได้ทำให้หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าเดรคหันไปจ้องมองเขาด้วยสีหน้านิ่งๆ และนั่นก็ทำให้เบรนสันที่เห็นแบบนั้นยิ้มพูดตอบเด็กหนุ่มที่ไม่รู้เรื่องนี้ขึ้นมาแบบไม่ถือสาหาความ
“อื้ม ที่จริงแล้วคำว่า ‘เดรค’ มันเป็นชื่อเรียกขานของตำแหน่งผู้พิทักษ์สูงสุดของหมู่บ้านและเป็นตำแหน่งของคนที่ได้รับเกียรติให้มีโอกาสได้เข้าพบท่านเทพมังกรน่ะ… แต่ดูเหมือนว่าคุณแม่ของรีซาน่ารวมถึงตัวรีซาน่าเองจะไม่เชื่อในเรื่องของท่านเทพมังกรสักเท่าไหร่ก็เลยปฏิเสธตำแหน่งนี้จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กคนนั้นโดนสาปน่ะสิ”
“โดนสาปเพราะว่าพวกเขาไม่เชื่องั้นหรอ… แบบนั้นมันจะไม่ไร้เหตุผลไปหน่อยหรอครับ?”
“นากา…! นายเงียบไปเลยนะ…!”
นากาที่พูดโพล่งออกมาอีกครั้งนั้นได้ถูกโมโกะใช้ศอกกระทุ้งเข้าใส่เพื่อเป็นการตักเตือน เพราะว่าสำหรับเธอที่ให้ความสนใจในเรื่องที่เกี่ยวกับอะไรโบราณๆ ทั้งหลายแหล่นั้นก็พอจะรู้มาบ้างว่าการลบหลู่ความเชื่อของคนอื่นนั้นเคยก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมาอย่างมากมายในโลกยุคสมัยก่อน
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านเบรนสันที่ดูเหมือนว่าจะเปิดกว้างและไม่ได้เคร่งในเรื่องของเทพเจ้ามังกรมากจนเกินไปก็ได้ส่ายหน้าไปมาก่อนที่เขาจะพูดอธิบายให้พวกเด็กๆ ฟัง
“เอาจริงๆ แล้วในตอนนั้น การไม่เชื่อถือในเรื่องของท่านเทพเจ้ามังกรมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมายนักหรอก เพราะว่าในตอนนั้นมันก็ผ่านไปนานแล้วนับตั้งแต่ที่หมู่บ้านของพวกเราถูกก่อตั้งขึ้นมา แถมท่านเทพเจ้ามังกรก็ไม่เคยปรากฏกายออกมาให้ใครคนอื่นนอกจากคนที่ดำรงตำแหน่งเดรคเห็นตัวด้วย ความศรัทธาก็เลยเริ่มจะเสื่อมถอยลงไป… จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมาน่ะ”
หลังจากที่เบรนสันพูดออกมาจนจบเขาก็เหลือบตาไปมองทางด้านเขตหวงห้ามอันเป็นสถานที่ตั้งของบ้านของรีซาน่าอยู่ด้วยสายตาหวั่นๆ ก่อนที่เขาจะหันไปมามองซ้ายมองขวาราวกับกำลังกลัวว่ารีซาน่าอาจจะแอบอยู่แถวนี้ก็ได้ แต่ว่าเมื่อเขาไม่เห็นใครเขาก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องออกมาต่อ
“ฉันยังจำเรื่องเมื่อตอนนั้นได้ดีอยู่เลย… มีอยู่คืนนึง รีซาน่าที่เป็นลูกสาวของคุณยักษ์ใจดีแอบออกไปเล่นซนข้างนอกบ้านตามปกติ แต่ไม่รู้ว่าตอนนั้นเธอคิดอะไรอยู่… หรือมันอาจจะแค่มืดจนเธอหลงทางก็ได้… แต่ไม่ว่าในตอนนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้น ผลของมันก็คือการที่รีซาน่าได้หลงเข้าไปด้านในของเขตหวงห้ามและโดนท่านเทพมังกรสาปแช่งจนทำให้พวกเราต้องขยายอาณาเขตหวงห้ามไปมากกว่าเดิมเพิ่มระงับความพิโรธของท่านเทพมังกร…”
“เอ๋ แต่นั่นมันก็หมายความว่าทางหมู่บ้านแค่เสียพื้นที่ใช้สอยไปส่วนหนึ่งเองไม่ใช่หรอคะ มันก็ไม่ได้น่าจะร้ายแรงขนาดที่ว่าต้องขับไล่ออกจากหมู่บ้านเลยไม่ใช่หรอคะ?”
“ก…ก็ถ้าเกิด…”
เบรนสันที่ได้ยินคำถามของโมโกะนั้นได้พยายามที่จะเอ่ยปากพูดตอบเด็กสาวกลับไป แต่ว่าทันใดนั้นเองเสียงของเขาก็ขาดห้วงไปด้วยใบหน้าซีดขาวที่มีเหงื่อไหลพลั่กและหอบหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนที่เขาจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากุมมืออีกข้างที่กำลังสั่นอย่างรุนแรงเอาไว้และกลั้นใจพูดออกมาต่อจนจบ
“ก็ถ้าเกิด… ถ้าเกิดฉันบอกพวกเธอว่าในคืนวันเดียวกันนั้น… ร… รีซาน่าที่เป็นแค่เด็กคนนึงได้ฆ่าแม่แท้ๆ ของตัวเองและคนที่มีตำแหน่งเดรคในตอนนั้นจนตายแล้วก็กินศพของพวกเขาจนเหลือเศษกระดูกอยู่ไม่กี่ชิ้นพวกเธอจะเชื่อฉันหรือเปล่าล่ะ…”