บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 16
“อุ๊ก—”
ในตอนแรกที่นากาถูกเอริซาเบธกระชากคอเสื้อไปด้านหลังนั้นเขาได้แต่รู้สึกมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้นมากันแน่ แต่ว่าหลังจากนั้นเขาก็แทบจะก้มตัวลงไปสำรอกของที่อยู่ในกระเพาะออกมาเมื่อเอริซาเบธได้ส่งลูกไฟจำนวนหนึ่งไปจุดเชิงเทียนที่อยู่ในโถงทางเดินจนทำให้เขาได้พบเข้ากับร่างของอัศวินและสาวใช้จำนวนหนึ่งที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่ตลอดโถงทางเดินเบื้องหน้า
ซึ่งถึงแม้ว่าร่างของสาวใช้ที่นอนเกลื่อนเต็มโถงทางเดินจะดูปกติดีและแทบจะไม่มีบาดแผลภายนอกเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าทางด้านร่างของพวกอัศวินในชุดเกราะเต็มยศพวกนั้นกลับนอนเกร็งแขนขาชี้ไปกันคนละทางอย่างผิดธรรมชาติจนดูแล้วน่าสยดสยอง
“น—นั่น พ—พวกเขา—ตาย…?”
“นากาคุงรีบหยิบอาวุธออกมาได้แล้ว!!”
“ต—แต่พวกเขา—!!”
เพี๊ยะ!!
ในขณะที่นากากำลังละล่ำละลักพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักอยู่นั้นเอง เอริซาเบธที่ดูเหมือนว่าจะคุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้มากกว่าก็ได้สะบัดมือตบไปที่หน้าของนากาอย่างแรงเพื่อช่วยเรียกสติเขากลับมาเข้าเสียก่อน
“ถ้าเธอไม่อยากเป็นแบบพวกเขางั้นก็รีบตั้งสติแล้วก็ทำตามที่ฉันบอก! เข้าใจมั้ย!!”
“อ–อื้อ”
ถึงแม้ว่าวิธีการของเอริซาเบธจะไม่ค่อยน่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างสักเท่าไหร่นัก แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลเมื่อนากาที่เมื่อสักครู่นี้ยังดูตื่นตระหนกได้พยักหน้าตอบเอริซาเบธกลับไปและชักดาบเฟเบิ้ล ดรีมเมอร์ที่เขาพกติดตัวมาด้วยออกมาตามคำสั่งของเธอ
และเมื่อเอริซาเบธเห็นแบบนั้นเธอก็ได้พยักหน้าให้กับนากาและวิ่งนำเขาตรงไปตามโถงทางเดินส่วนที่เหลือเพื่อสำรวจดูร่างเหล่านั้นให้ชัดๆ ก่อนที่เธอจะต้องชะงักไปเมื่อเธอเลี้ยวที่สุดโถงทางเดินและพบเข้ากับร่างของอัศวินในชุดเกราะหนักเต็มตัวที่นอนกองอยู่ห่างออกไปไม่ไกลและตัดสินใจที่จะติดต่อไปหาเอริกะเพื่อขอกำลังเสริมแทน
“คุณเอริกะได้ยินมั้ยคะ!? ขอกำลังเสริมที่นี่เดี๋ยวนี้เลยค่ะ!!”
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!? พวกเธอโดนคุณเวก้าเขาเล่นงานงั้นหรอ!?”
“พ–พวกคนในคฤหาสน์เขาตายกันหมดแล้วเอริกะ! ทั้งพวกอัศวินทั้งพวกสาวใช้ไม่มีใครเหลือเลย!!”
เสียงของเอริกะที่นากานับว่าเป็นผู้ปกครองอีกคนหนึ่งไปแล้วนั้นเหมือนจะทำให้นากาตั้งสติขึ้นมาได้และรีบกดเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กพร้อมกับพูดรายงานเอริกะกลับไปในทันที ซึ่งนั่นก็ทำให้เอริกะที่ได้ยินเสียงตื่นตระหนกของนากาต้องรีบหันไปพูดสั่งงานกับคนอื่นๆ ที่อยู่กับเธอขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“เดรคเธอตามฉันมา!! ส่วนอลิซเธอพาโมโกะกลับไปพักที่บ้านฉันก่อนแล้วก็หาเรื่องถ่วงเวลาคอนแนลเอาไว้อย่าเพิ่งให้เขากลับไปที่คฤหาสน์ในตอนนี้เด็ดขาด!!”
“รับทราบ…”
“เฮ้อ… เอาจนได้สินะ”
“พวกฉันกำลังจะรีบไปนะ เอริ นากา พวกเธอสองคนเอาชีวิตของตัวเองเป็นหลักก่อน ห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาดนะเข้าใจมั้ย!”
“เข้าใจแล้วค่ะ! นากาคุงตามฉันมา!!”
ซู่ม—เพล้ง!!
คำสั่งของเอริกะได้ทำให้เอริซาเบธตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแผนการของเธอและใช้พลังวิซสร้างลูกไฟลูกใหญ่ขึ้นมาด้วยตะเกียงวิซในมือของเธอและส่งมันเข้าใส่หน้าต่างบานที่อยู่ใกล้ๆ กันจนมันแตกกระจายออกก่อนที่เธอจะพุ่งตัวกระโดดออกไปยืนอยู่ตรงกลางสวนที่อยู่ตรงใจกลางของคฤหาสน์และตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ในทันที
“เตรียมพร้อมเอาไว้นะนากาคุง… ถึงพวกเราจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศัตรูเลยแต่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องถ่วงเวลาเอาไว้จนกว่าคุณเอริกะกับเดรคจะมาถึงให้ได้ เพราะงั้นถ้าเธอสังเกตเห็นอะไรที่ผิดปกติหรือคิดว่าตัวเองเห็นอะไรก็ตามก็ให้รีบบอกฉันทันทีเลยนะ”
“อ่า!”
นากาพูดตอบเอริซาเบธกลับไปก่อนที่เขาจะกวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวังและพบเข้ากับร่างของอัศวินสองคนที่นอนล้มอยู่ตรงมุมหนึ่งของสวนจนทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาลอยๆ
“จะบอกว่าโชคดีดีมั้ยที่คอนแนลเขาไม่ได้กลับมาที่นี่พร้อมกับเวก้าเขาเมื่อวานนี้น่ะ…”
“ฮะฮะ… ก็นั่นสินะ…”
คำพูดของนากาได้ทำให้เอริซาเบธที่ดูเหมือนว่าจะรู้จักกับคอนแนลด้วยเช่นกันได้แต่หัวเราะแห้งๆ พูดตอบเขากลับไปก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะนิ่งเงียบเพื่อตั้งสมาธิไปกับการสังเกตหาตัวคนร้ายที่อาจจะยังคงอยู่แถวๆ นี้
แต่ว่าหลังจากที่ทั้งสองคนยืนเฝ้าระวังกันมาได้สักพักหนึ่งพวกเขาก็กลับไม่พบกับอะไรที่ผิดสังเกตหรือว่าวี่แววของใครหรือว่าอะไรเลยแม้แต่น้อยจนทำให้นากาที่พอจะใจเย็นลงมาแล้วได้ตัดสินใจที่จะพูดถามเอริซาเบธขึ้นมาเบาๆ
“เอาไงดีล่ะเอริ…? ฉันว่ามันเงียบมากเลยนะ…”
“อื้ม… คุณเอริกะคะ เมื่อกี้พวกฉันเพิ่งจะระเบิดหน้าต่างออกมาที่สวนใจกลางคฤหาสน์แต่เหมือนว่าจะไม่มีใครตามฉันออกมาเลย… จะให้พวกฉันกลับเข้าไปตามหาตัวเป้าหมายของพวกเราต่อมั้ยคะ…?”
หลังจากที่สิ้นเสียงพูดถามของเอริซาเบธนั้นทุกอย่างก็กลับไปสู่ความเงียบอีกสักพักหนึ่งก่อนที่จะมีเสียงหอบหายใจของเอริกะดังออกมาจากเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กอีกครั้ง
“ฮ่าาาฮ่าาา… ถ—ถ้าเธอคิดว่าคนร้ายไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์แล้วก็ลองเข้าไปหาตัวต่อได้เลย… แต่ไม่ว่ายังไงพวกเธอก็ห้ามแยกกันไปหาคนละทางเด็ดขาดนะเข้าใจมั้ย…!!”
เสียงของเอริกะที่ฟังดูเหนื่อยอ่อนสามารถทำให้นาการู้ได้ในทันทีว่าเอริกะคงจะกำลังออกวิ่งตรงมายังคฤหาสน์ที่พวกเขาอยู่กันอย่างสุดแรงอยู่แน่ๆ เขาจึงอดที่จะพูดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวนักประดิษฐ์ที่ดูท่าทางว่าจะไม่ค่อยชอบออกกำลังกายคนนี้ไม่ได้
“เธอไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้มั้งเอริกะ ฉันว่านอกจากฉันกับเอริแล้วที่นี่มันไม่น่าจะเหลือใครอยู่แล้วล่ะ”
“ใช่ค่ะ ขนาดฉันเองก็ยังไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ต่อให้พวกเขาจะซ่อนตัวกันเก่งขนาดไหนก็คงไม่น่าจะรอดไปจากหูของฉันได้หรอกนะคะ”
เอริซาเบธที่ได้ยินคำพูดของนากาได้พยายามที่จะช่วยพูดเกลี้ยกล่อมขึ้นมาอีกคนด้วยเช่นกันเพื่อป้องกันไม่ให้เอริกะฝืนตัวเองจนเกินไปจนทำให้เอริกะลดฝีเท้าของตัวเองลงไปเล็กน้อยก่อนจะพูดตอบพวกเขากลับมา
“ถ…ถ้าพวกเธอว่าอย่างงั้นก็เอาตามนั้นก็แล้วกัน… แต่ต่อให้พวกเธอจะคิดว่าที่นั่นปลอดภัยแล้วก็ห้ามประมาทเด็ดขาดนะเข้าใจมั้ย… เดี๋ยวอีกสักสิบกว่านาทีฉันกับเดรคก็น่าจะไปถึงแล้วล่ะ…!”
“รับทราบค่ะ! ถ้างั้นพวกเราก็กลับเข้าไปข้างในกันเถอะนากาคุง”
“อื้ม”
นากาพยักหน้าตอบเอริซาเบธกลับไปแล้วจึงกระโดดตามเธอกลับเข้าไปด้านในตัวคฤหาสน์ผ่านทางหน้าต่างบานที่พวกเขากระโดดออกมาแล้วจึงได้พบว่าเอริซาเบธที่กระโดดนำเข้ามาก่อนนั้นกำลังจัดการแงะเอาก้อนคริสตัลวิซสีแดงออกมาจากตัวตะเกียงวิซในมืออยู่
“เธอทำอะไรอยู่น่ะเอริ?”
“อ๋อ ก็แบบว่าพอเจ้าตะเกียงนี่มันมีตัวแปรธาตุติดมาอยู่ด้วยเวลาที่ฉันใช้งานมันก็เลยรู้สึกขัดๆ น่ะสิ… แบบประมาณว่าโดนเจ้าตัวแปรธาตุนี่ขวางพลังอยู่จนคุมตัวคริสตัลได้ไม่สะดวกอะไรประมาณนั้นน่ะ”
คำตอบของเอริซาเบธได้ทำให้นากาถึงกับต้องนิ่งเงียบไป เพราะว่าเขาไม่เข้าใจซะด้วยซ้ำว่าคำว่ารู้สึกขัดๆ ของหญิงสาวหูจิ้งจอกมันเป็นยังไงกันแน่
ซึ่งในขณะที่นากากำลังนิ่งเงียบอยู่นั้น ทางด้านเอริซาเบธก็ได้จัดการแงะเอาก้อนคริสตัลสีแดงออกมาจากตัวตะเกียงได้เป็นผลสำเร็จและดีดมันขึ้นไปลอยอยู่กลางอากาศก่อนที่ทันใดนั้นเองตัวคริสตัลวิซสีแดงจะมีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมาและแบ่งตัวออกเป็นลูกไฟลูกเล็กๆ จำนวนมาก
ซึ่งเอริซาเบธก็ได้ควบคุมให้ลูกไฟลูกเล็กๆ ที่แทบจะไม่ส่องสว่างอะไรเลยแม้แต่น้อยพวกนั้นให้ลอยกระจัดกระจายกันไปทั้งทางด้านหน้าและด้านหลังก่อนจะเดินตรงไปตามโถงทางเดินมืดๆ เบื้องหน้าจนทำให้นากาอดไม่ได้ที่จะพูดถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเพราะว่าความสว่างของลูกไฟพวกนั้นมันแทบจะพอๆ กับหิ่งห้อยตัวเล็กๆ เท่านั้นเอง
“ลูกไฟดวงแค่นั้นมันจะไปมองเห็นอะไรกันล่ะนั่นเอริ?”
“พวกนั้นมันแค่ตัวล่อต่างหากล่ะ~ แบบถ้าเกิดว่าเธอแอบอยู่ในที่มืดๆ แล้วเห็นมีลูกไฟลอยผ่านไปเธอก็คงจะคิดว่าที่ตรงนั้นน่าจะมีคนถือตะเกียงเดินไปเดินมาอยู่ใช่มั้ยล่ะ~”
เอริซาเบธพูดตอบนากากลับไปก่อนที่เธอจะเดินตรงไปยังประตูห้องที่ถูกแง้มทิ้งเอาไว้อยู่ใกล้ๆ กันแล้วใช้วิซของเธอส่งหนึ่งในลูกไฟเข้าไปลอยเล่นภายในห้องอยู่สักพักหนึ่ง
“เงียบสนิท… น่าจะไม่มีใครอยู่มั้ง”
เอริซาเบธพูดพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะดันประตูบานนั้นให้เปิดออกและเดินนำนากาเข้าไปด้านในพร้อมกับส่งลูกไฟจำนวนหนึ่งไปจุดเชิงเทียนที่ติดอยู่ตามกำแพงห้องจนพวกมันส่องสว่างขึ้นมา ซึ่งเมื่อนากาได้เห็นเตียงนอนและหีบเก็บของส่วนตัวที่ตั้งเรียงรายกันไปรวมถึงชั้นวางอาวุธที่ว่างเปล่าแล้วเขาก็มั่นใจได้ว่ามันคือห้องพักของเหล่าอัศวินในคฤหาสน์อย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องที่เอริซาเบธคาดการณ์เอาไว้ว่าภายในห้องนี้ไม่มีใครอยู่นั้นกลับผิดไปเสียถนัด เพราะว่าที่โต๊ะตัวยาวขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องนั้นได้มีอัศวินในชุดเกราะประดับลวดลายที่ดูหรูหรากว่าอัศวินคนอื่นอยู่เล็กน้อยกำลังนั่งฟุบหน้าทับกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่นิ่งๆ ถึงแม้ว่าร่างที่อยู่ภายใต้ชุดเกราะนั้นจะเป็นเพียงแค่ร่างที่ไร้ซึ่งลมหายใจก็ตามที
ซึ่งตัวชุดเกราะที่ดูหรูหราเล็กน้อยนั้นก็ได้ทำให้นาการู้สึกคุ้นตาเหมือนกับว่าเขาเคยเห็นอัศวินคนนี้อยู่ในหมู่อัศวินที่เวก้าพาไปคุ้ยหาเครื่องตัดกระจกที่บ้านของเอริกะเขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำออกมาเบาๆ
“ชุดเกราะแบบนั้นมัน… เหมือนเขาน่าจะชื่อว่าเดเมี่ยนที่เป็นหัวหน้าอัศวินของเวก้าหรือเปล่านะ… ให้ตายสิ นี่ในนี้ยังมีใครรอดอยู่บ้างมั้ยเนี่ย…”
นากาพูดบ่นออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปสำรวจดูร่างของหัวหน้าอัศวินใกล้ๆ เพื่อยืนยันความคิดของตน และได้พบว่ากระดาษที่อีกฝ่ายนอนทับอยู่นั้นก็คือสิ่งที่น่าจะเป็นแผนผังของตัวคฤหาสน์ที่ถูกเขียนอะไรบางอย่างเอาไว้เต็มไปหมดนั่นเอง
“นี่มัน… แผนที่งั้นหรอ เอริ ขอไฟทางนี้หน่อยสิ”
“โอ้ ถ้างั้นนากาคุงดูแผนที่นั่นไปก็แล้วกันนะ ส่วนคุณหัวหน้าอัศวินคนนี้เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง”
เอริซาเบธที่ได้ยินคำขอของนากาได้คว้าเอาเชิงเทียที่อยู่ใกล้ๆ มาส่งให้กับเขาก่อนที่เธอจะยกร่างของหัวหน้าอัศวินไปวางไว้ที่พื้นและก้มลงไปมองสำรวจดูอย่างสนอกสนใจแทน
ส่วนทางด้านนากาที่ได้รับเชิงเทียนจากเอริซาเบธไปแล้วก็ได้ใช้มันส่องดูแผนที่เบื้องหน้าและพบว่ามันถูกเขียนเอาไว้ด้วยคำต่างๆ มากมายที่มีเส้นลูกศรลากยาวไปตามโถงทางเดินต่างๆ รวมถึงตามสวนด้านหน้าและด้านหลังรวมถึงตัวเรือนกระจกที่อยู่ด้านหลังคฤหาสน์อีกด้วย
“มาร์ค โรเว่น คาซึโอะ โจนาร์ด… พวกนี้มันชื่อคนนี่… ถ้างั้นเส้นที่ลากไปลากมานี่ก็คือเส้นทางเดินตรวจตรางั้นหรอ…”
นากาที่ได้พบว่าในตัวแผนที่ได้มีชื่อของคนจำนวนมากกระจายกันไปอยู่แทบจะทั่วทั้งแผ่นกระดาษได้มองไปที่บริเวณประตูรั้วของคฤหาสน์และได้พบว่าที่ตรงนั้นมีชื่อของคอนแนลที่ถูกขีดฆ่าเอาไว้อยู่จริงๆ อีกทั้งเส้นลูกศรที่ลากถูกลากออกมาจากชื่อของคอนแนลเองก็ยังถูกเส้นที่ลากออกมาจากชื่อของอัศวินคนอื่นๆ ลากทับไปบางส่วนอีกด้วย
“ดูเหมือนจะเป็นเพราะว่าคอนแนลเขาขออยู่เฝ้าที่บ้านของเอริกะก็เลยต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันงั้นสินะ…”
“อื้มมมม ถ้าดูจากที่เขาขีดฆ่าชื่อของคอนแนลทิ้งไปแบบนี้นี่ก็น่าจะเป็นเพราะแผนถูกเปลี่ยนกะทันหันจริงๆ นั่นล่ะมั้ง”
ทันใดนั้นเองเอริซาเบธที่ละความสนใจออกจากร่างของหัวหน้าอัศวินและชะโงกหน้ามาดูแผนที่ด้วยกันกับนากาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบก็ได้พูดแสดงความคิดเห็นขึ้นมาจนทำให้นากาที่ไม่ทันรู้ตัวถึงกับสะดุ้งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดถามเธอกลับไป
“เธอตรวจดูร่างของเขาเสร็จแล้วหรอน่ะเอริ?”
“อื้ม ฉันถอดชุดเกราะของเขาออกมาดูคร่าวๆ แล้วแต่ว่าตามร่างกายเขาแทบจะไม่มีบาดแผลอะไรเลยนี่น่ะสิ จะมีก็แค่รอยไหม้อยู่บนอกตรงจุดเดียวกับที่มีรอยไหม้บนชุดเกราะน่ะ แต่ว่ารอยแผลมันดูไม่ค่อยจะเหมือนกับว่าโดนวิซธาตุไฟเล่นงานมาสักเท่าไหร่นี่สิ…”
เอริซาเบธพูดออกมาให้นากาฟังแล้วจึงชี้ไปยังรอยแผลไฟไหม้ที่ดูรุนแรงจนผิวหนังแทบจะไหม้เกรียมที่อยู่ตรงกลางอกของหัวหน้าอัศวินจนทำให้นากาที่เผลอหันไปมองดูถึงกับเบ้ปากกับภาพที่เห็น
“ว่าแต่ตอนที่เธอเข้าไปดูสาวใช้คนเมื่อกี้นี้นี่เธอเห็นว่าเขามีบาดแผลอะไรบ้างหรือเปล่าน่ะนากาคุง?”
“หือ? เท่าที่จำได้ก็ไม่น่าจะมีนะ แต่เอาจริงๆ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะว่าตอนนั้นฉันมัวแต่ตกใจอยู่น่ะ…”
นากาตอบเอริซาเบธกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่นักเพราะว่าตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นคนตายใกล้ๆ กับตัวแบบนั้น ซึ่งทางด้านเอริซาเบธเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่านากาคงจะยังไม่คุ้นชินกับเรื่องอะไรแบบนี้เธอจึงได้เดินไปหยิบเอาผ้าห่มมาจากเตียงที่อยู่ใกล้ๆ กันและนำมันมาคลุมร่างของหัวหน้าอัศวินเดเมี่ยนเอาไว้ก่อน จนทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เฮ้อ… เมื่อวานนี้เขากับเวก้ายังเพิ่งจะไปคุ้ยห้องออฟฟิศของเอริกะจนเละอยู่เลยแท้ๆ …”
“เอาน่าๆ เธออย่าเพิ่งไปคิดถึงเรื่องแบบนั้นเลยนากาคุง ไม่งั้นเดี๋ยวจะจิตตกเอาซะเปล่าๆ นะ”
“เธอดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่เลยนะเอริ… ทั้งๆ ที่ในคฤหาสน์นี่มีคนตายตั้งเยอะขนาดนี้แท้ๆ น่ะ”
ในขณะที่เอริซาเบธกำลังพยายามพูดปลอบนากาออกมาอยู่นั้นเอง นากาที่เห็นว่าเอริซาเบธยังคงทำตัวขี้เล่นอยู่เหมือนกับไม่สะทกสะท้านกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี่เลยแม้แต่น้อยก็ได้พูดขึ้นมาเบาๆ ด้วยความไม่เข้าใจ ซึ่งนั่นก็ทำให้เอริซาเบธที่ทำงานให้กับเอริกะมานานกว่าเขามากเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดตอบเด็กหนุ่มกลับไป
“ฉันก็แค่คิดว่าต่อให้เศร้าไปมันก็ทำให้พวกเขากลับมาไม่ได้น่ะ เพราะงั้นแทนที่จะเอาเวลามานั่งเศร้าสู้เอาเวลาไปสืบหาสาเหตุแล้วจับตัวคนลงมือมาลงโทษหรือว่าเอาเวลาไปช่วยเหลือคนที่ยังช่วยได้น่าจะดีกว่าน่ะ… แต่ว่ายังไงซะเรื่องแบบนี้มันก็เป็นความคิดส่วนตัวล่ะนะ คนอื่นๆ เขาจะคิดยังไงฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
หลังจากที่เอริซาเบธพูดออกมาจบแล้วเธอก็ได้ยกร่างของหัวหน้าอัศวินขึ้นมาและลากเขาไปนอนลงบนเตียงที่อยู่ใกล้ๆ กันและจับมือของเขามาประสานกันเป็นไว้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนที่เธอจะหันไปพูดถามนากาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“แล้วนี่เธอยังไหวอยู่มั้ยล่ะนากาคุง ถ้าเธอไม่ไหวแล้วพวกเราจะนั่งพักกันที่นี่จนกว่าคุณเอริกะจะมาก็ได้นะ เดี๋ยวฉันจะนั่งอยู่เป็นเพื่อนให้เอง~”
“ฉันยังไหวอยู่… พวกเราออกไปสำรวจส่วนอื่นต่อกันเถอะ เผื่อว่าจะได้หลักฐานอะไรที่มีประโยชน์เพิ่มบ้าง แล้วอีกอย่างนึงพวกเรายังไม่เจอสาวใช้ผมสีทองคนนั้นเลยใช่มั้ยล่ะ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะยังแอบอยู่ที่ไหนสักที่ก็ได้นะ”
“ฮะฮะ แต่ยังไงเธอก็อย่าตั้งความหวังเอาไว้มากก็แล้วกัน…”
“นั่นสินะ…”
นากาพยักหน้าพูดตอบเอริซาเบธกลับไป เพราะเมื่อดูจากจำนวนสาวใช้และอัศวินที่นอนเสียชีวิตอยู่เกลื่อนโถงทางเดินแล้วความหวังที่ว่าสาวใช้ผมสีทองจะยังรอดชีวิตอยู่มันก็ดูริบหรี่เสียเหลือเกิน
“อื้มมม ดูเหมือนว่าในแผนที่นี่จะมีชื่อห้องกำกับเอาไว้ด้วยสินะ ถ้างั้นเดี๋ยวพวกเราตรงไปที่ห้องของหัวหน้าสาวใช้เลยก็แล้วกัน เพราะเห็นคุณเอริกะบอกเอาไว้ว่าสายของพวกเราน่าจะเป็นระดับหัวหน้าหรืออะไรสักอย่างที่ได้ใส่ชุดสวยกว่าคนอื่นเขานี่นะ”
และในขณะที่นากากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เอริซาเบธก็ได้เสนอแผนการสำรวจขั้นต่อไปออกมาจนทำให้นากาต้องกวาดตามองดูแผนผังคฤหาสน์อยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงจิ้มไปที่ห้องที่ถูกระบุเอาไว้ว่าเป็นของหัวหน้าสาวใช้ให้เอริซาเบธดู
“ห้องของหัวหน้าสาวใช้งั้นหรอ… นี่ไง อยู่ที่ชั้นสองตรงที่ใกล้ๆ กับบันไดทางขึ้นด้านหน้าน่ะ”
“ชั้นสองหรอ? แปลกจัง… ปกติพวกคุณๆ ท่านๆ ขุนนางที่คิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าชาวบ้านเขาจะไม่ค่อยให้คนรับใช้อยู่ข้างบนชั้นสองกันหรอกนะ… แต่ก็เอาเถอะ~ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพวกเราอ้อมกลับไปทางเดิมแล้วไปขึ้นบันไดด้านหน้าก็แล้วกันจะได้ปลอยภัยๆ หน่อย”
เอริซาเบธที่ได้ยินว่าห้องนอนของหัวหน้าสาวใช้อยู่ที่ด้านบนชั้นสองแถมยังอยู่ในส่วนหน้าบ้านที่โดยปกติแล้วจะเป็นบริเวณห้องนอนของเจ้าของบ้านและครอบครัวได้แสดงความแปลกใจออกมาอย่างปิดไม่มิดก่อนที่เธอจะเสนอเส้นทางเดิมที่เธอเคยจุดเชิงเทียนจนสว่างไสวไปแล้วขึ้นมาเพื่อความปลอดภัย
และหลังจากนั้นเอริซาเบธก็ได้เดินนำนากาไปตามโถงทางเดินเส้นเดิมและเดินนำเขาขึ้นบันไดหน้าไปยังส่วนชั้นสองของตัวคฤหาสน์และตรงไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดของมัน
แกร๊ก—
“ไม่ได้ล็อกซะด้วยสิ… นากาคุงเตรียมพร้อมเอาไว้นะ”
“อื้ม”
นากาพยักหน้าตอบเอริซาเบธกลับไปพร้อมกับกำดาบในมือแน่นก่อนที่เอริซาเบธจะเปิดประตูออกอย่างรวดเร็วและส่งลูกไฟไปยังเชิงเทียนทุกอันที่เธอกวาดตามองเห็นในแวบแรกจนทำให้ห้องทั้งห้องสว่างไสวขึ้นมาในพริบตา
“……….”
ซึ่งภาพของห้องหัวหน้าสาวใช้ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้านั้นก็ถึงกับทำให้นากาและเอริซาเบธนิ่งไปในทันที เพราะว่ามันดูหรูหราถึงขนาดที่ถ้ามีใครบอกว่านี่เป็นห้องของคุณหนูชนชั้นสูงสักคนหนึ่งพวกเขาก็คงจะหลงเชื่ออย่างแน่นอน
เพราะว่านอกจากเตียงนอนขนาดใหญ่ที่มีเสาแขวนผ้าลายลูกไม้ที่ดูหรูหราที่ตั้งอยู่ตรงใจกลางห้องแล้ว ภายในห้องนอนแห่งนี้ก็ยังมีโต๊ะเครื่องสำอางติดกระจกที่ทำจากไม้เนื้อดี รวมถึงตู้เสื้อผ้ากับตู้หนังสือรวมถึงกระจกแบบเต็มตัวขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่ริมกำแพงอีกด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ทำให้นากานิ่งไปก็กลับไม่ใช่ความหรูหราที่ดูราวกับอยู่คนละโลกกับห้องนอนที่เขารู้จัก แต่ว่ากลับเป็นร่างของหญิงสาวผมสีทองในชุดสาวใช้ที่กำลังนอนประสานมือกันอยู่อย่างสงบนิ่งบนเตียงหลังใหญ่โดยไร้ซึ่งลมหายใจด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนจะประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้มเล็กๆ นั่นต่างหาก