บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 160 Dismissal
“ในเมื่อมันเป็นเช่นนั้น… ตัวเราก็ขอให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมามันจบลงไปพร้อมกับชีวิตของเจ้าเถอะนะ…”
สวบ!!
“อ—เอ๋ะ…..”
ในชั่วพริบตาที่ชิโยะเอ่ยปากพูดขึ้นมาจนจบนั้นเอง ที่มือข้างหนึ่งของเธอก็ได้ปรากฏแสงสีชมพูอ่อนขึ้นมาก่อนที่มันจะถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยเกล็ดที่มีลักษณะคล้ายกับคริสตัลวิซสีชมพูอ่อนจนเปลี่ยนสภาพจากมือเรียวสวยของหญิงสาวให้กลายเป็นกรงเล็บของสัตว์เลื้อยคลานก่อนที่เธอจะใช้มันแทงเข้าใส่ที่กลางหน้าอกของหัวหน้าหมู่บ้านและถอนกรงเล็บของเธอออกมาท่ามกลายความตกใจของทุกคน
“ห—เหวอ—!!?”
“กรี๊ดดดด—!?”
“ท่านผู้ใหญ่บ้าน!!?”
ตึกตึก…ตึกตึก…
ท่ามกลางความตกใจของเหล่าชาวบ้านนั้นเอง อยู่ๆ ทุกคนก็ได้ยินเสียงดังเป็นจังหวะดังออกมาจากอุ้งมือของชิโยะที่มีสภาพเป็นกรงเล็บสีชมพูอ่อน ซึ่งเมื่อพวกเขาได้มองสังเกตดูให้ดีๆ แล้ว พวกเขาก็ได้พบว่าสิ่งที่อยู่ภายในกรงเล็บของเธอนั้นก็คือก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งอันเป็นดวงใจของหัวหน้าหมู่บ้านที่ยังคงเต้นอยู่เป็นจังหวะตามจังหวะชีวิตของเขานั่นเอง
“ท…ท่านเทพมังกร…ท…ทำไม…”
“หน้าที่ของเจ้าจบลงแล้วเดรโค่ เวิร์มฮาร์ท… ในฐานะของเทพเจ้าของหมู่บ้านแห่งนี้ เราขอปลดเจ้าออกจากตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านนับตั้งวินาทีนี้เป็นต้นไป…”
ตุ๊บ
หลังจากที่ชิโยะเอ่ยพูดออกมาจนจบแล้วร่างของหัวหน้าหมู่บ้านก็ได้เอนตัวล้มลงไปกับพื้นด้วยท่าทีหมดสิ้นเรี่ยวแรงหลังจากที่ตัวตนของเขาได้ถูกปฏิเสธโดยเทพเจ้าที่เขานับถือมาตลอดทั้งชีวิต
และหลังจากที่ร่างของหัวหน้าหมู่บ้านล้มลงไปเรียบร้อยแล้ว ชิโยะก็ได้เหลือบตาไปมองทางด้านหญิงสาวไร้นามที่มีตำแหน่งเดรคเล็กน้อยก่อนที่เธอจะกวาดตามองเหล่าชาวบ้านและพูดถามขึ้นมาโดยยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากหัวใจของหัวหน้าหมู่บ้านที่ยังคงเต้นตุบๆ อยู่ในกรงเล็บอาบเลือดของเธอ
“แล้วพวกเจ้าคนไหนคือผู้ให้กำเนิดหรือว่าผู้ดูแลเดรคคนปัจจุบันกัน…?”
“………”
คำถามของชิโยะนั้นได้ทำให้เกิดความเงียบขึ้นมาในหมู่ชาวบ้านก่อนที่วงล้อมของพวกเขาจะเปิดออกเผยให้เห็นสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ยืนหน้าซีดกอดกันอยู่หลังแถว ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขาต้องรีบเอ่ยปากพูดแก้ตัวขึ้นมา
“พ—พวกฉันแค่ทำตามที่ผู้ใหญ่บ้านสั่งมาเองนะคะ!!”
“อ–อย่าทำอะไรพวกผมเลยนะครับ!!”
หลังจากที่คู่สามีภรรยาคู่นั้นพูดแก้ตัวขึ้นมาจนเสร็จแล้วพวกเราก็ได้ออกวิ่งหนีไปในทันทีด้วยความหวาดกลัว ซึ่งนั่นก็ทำให้ชิโยะต้องพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อยถึงแม้ว่าตัวเธอจะไม่มีท่าทีว่าจะตามพวกเขาไปก็ตามที
“ฮึ่ม…. เจ้าพวกนั้นเองสินะ… แต่ก็ช่างเถอะ… หลังจากนี้ไปคือบททดสอบของเจ้าแล้วล่ะนะเดรโค่…”
สวบ
สิ่งที่ชิโยะทำเมื่อเธอละความสนใจออกมาจากพวกชาวบ้านแล้วนั้นก็คือการที่เธอได้ใช้ปลายแหลมของกรงเล็บของเธอทิ่มแทงเข้าใส่หัวใจของหัวหน้าหมู่บ้านที่เธอยังคงถือมันเอาไว้อยู่
ตึกตึก…ตึกตึก…แกร๊ก—
ซึ่งสิ่งที่ชิโยะทำลงไปนั้นก็ได้ทำให้หัวใจของหัวหน้าหมู่บ้านที่ยังคงเต้นอยู่อย่างอ่อนแรงกระตุกเล็กน้อยก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีแท่งคริสตัลสีเหลืองพุ่งทะลุออกมาจากภายในจนหัวใจทั้งดวงฉีกขาดออกจากกัน เผยให้เห็นก้อนคริสตัลสีเหลืองขุ่นขมุกขมัวอันเป็นสัญลักษณ์ของคริสตัลวิซคุณภาพแย่นั่นเอง
“แม้แต่จะเป็นคริสตัลที่ดีก็ยังเป็นไม่ได้เลยอย่างงั้นหรือ… แต่เจ้าก็เป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะนะ… ถ้าเช่นนั้นก็คงจะต้องบอกลากันเสียแล้วล่ะ”
เพล้ง!!
ชิโยะที่ได้เห็นคริสตัลวิซคุณภาพแย่ที่งอกผุดขึ้นมาจากภายในก้อนหัวใจของหัวหน้าหมู่บ้านได้ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นไปมองอากาศที่ว่างเปล่าเบื้องหน้าและออกแรงบีบก้อนคริสตัลในมือมันจนแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ และเทมันทิ้งไปโดยไม่ได้ให้ความสนใจกับมันอีก
และหลังจากนั้นเธอก็ได้ลุกกลับขึ้นมายืนและสะบัดมือข้างที่เป็นกรงเล็บของเธอเล็กน้อยจนทำให้มันเปลี่ยนสภาพกลับไปเป็นมือเรียวสวยไร้มลทินของหญิงสาวอีกครั้งก่อนที่เธอจะต้องเอ่ยปากพูดถามขึ้นมาเมื่อได้เห็นว่ารีซาน่ากำลังจ้องมองเธออยู่แบบตาไม่กะพริบ
“จะมองเราแบบนั้นทำไมกันเล่า? ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าก็คิดจะทำแบบนี้กับเจ้าเดรโค่อยู่แล้วหรอกหรือ?”
แป๊ะ—
“โอ๊ย—”
หลังจากที่ชิโยะเอ่ยปากพูดขึ้นมาเสร็จแล้วเธอก็ได้ใช้นิ้วดีดไปที่เขาสีดำบนศีรษะของรีซาน่าไปทีหนึ่งจนทำให้เด็กสาวได้สติและรีบพูดตอบกลับไป
“ค–คือว่ามันก็ใช่นั่นแหล่ะค่ะ… แต่ฉันแค่นึกไม่ถึงว่าคุณจะใช้วิธีโหดร้ายซะขนาดนั้นเฉยๆ น่ะค่ะ…”
“โหดร้าย? เจ้าก็พูดเสียอย่างกับว่าการใช้ขวานใหญ่จามหัวของเจ้าเดรโค่เป็นวิธีที่นุ่มนวลนักอย่างนั้นล่ะ”
“แหะๆ ก็นั่นสินะคะ… ว่าแต่นี่คุณคือเทพเจ้ามังกรตนนั้นที่ทุกคนนับถือกันจริงๆ หรอคะ?”
รีซาน่าหัวเราะแห้งๆ ให้กับคำพูดยอกย้อนของชิโยะก่อนที่เธอจะพูดถามอีกฝ่ายกลับไป ซึ่งทางด้านชิโยะนั้นก็ได้พูดตอบเธอกลับมาแบบไม่ถือสาอะไรมากนัก
“ก็ใช่แล้วน่ะสิ นอกจากตัวเราแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีกหรอก ส่วนเจ้าก็คงจะเป็นเด็กน้อยที่หลงเข้าไปข้างในถ้ำของเราเมื่อหลายปีก่อนสินะ… เติบโตขึ้นมากเลยนี่นา”
ฟุ๊บ!
ชิโยะที่เอ่ยปากพูดตอบรีซาน่ากลับไปนั้นได้สร้างปีกมังกรที่ประดับไปด้วยเกล็ดคริสตัลวิซสีชมพูอ่อนขึ้นมาให้ทุกคนดูเพื่อเป็นการยืนยันคำพูดของเธอก่อนที่เธอจะยื่นมือออกไปลูบใบหน้าของรีซาน่าเบาๆ และเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“เรารู้ตัวดีว่าการเข้าไปแย่งชิงเป้าหมายของคนอื่นแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะทำ… แต่ว่าเราก็ไม่อยากจะให้เด็กน้อยที่เราเคยพบเห็นมาก่อนต้องมาแปดเปื้อนโลหิตโดยที่ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย หวังว่าเจ้าจะเข้าใจการกระทำของเรานะ…”
“มันจะไม่จำเป็นได้ยังไงล่ะคะ เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณแม่ของฉันตายเลยนะคะ…! แล้วที่ฉันกลับมาที่นี่มันก็เพื่อที่ฉันจะได้จัดการจบเรื่องทั้งหมดนี่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอยู่แล้วด้วย เพราะงั้นฉันเตรียมใจพร้อมเอาไว้อยู่แล้วล่ะค่ะ!”
คำพูดตอบกลับของรีซาน่านั้นได้ทำให้ชิโยะส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ
“ถ้าเกิดว่าเจ้าเตรียมใจพร้อมเอาไว้แล้ว… แล้วไฉนมือของเจ้าถึงได้สั่นเทาแบบนั้นกันเล่าแม่เด็กน้อย”
“……!”
คำพูดของชิโยะนั้นได้ทำให้รีซาน่าชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะยกมือที่สั่นเทาของตัวเองขึ้นมามองดูโดยมีเสียงของชิโยะเอ่ยปากพูดขึ้นมาให้รีซาน่าฟังต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“แค่เราสัมผัสได้ถึงวิซที่แสนอ่อนโยนของเจ้าเราก็รู้ได้แล้วล่ะว่าเจ้ากับเด็กน้อยเมื่อครานั้นเป็นคนเดียวกันอย่างไม่ผิดแน่… เพราะฉะนั้นเจ้าอย่าให้การลงมือคร่าชีวิตเป็นครั้งแรกของตนเป็นการกระทำเพื่อแก้แค้นเช่นนี้เลย…”
“แล้วถ้าเกิดว่ามันไม่ควรจะเป็นเรื่องนี้… แล้วมันควรจะเป็นเรื่องไหนกันล่ะคะ…?”
รีซาน่าที่ถูกแย่งชิงเป้าหมายอันดับหนึ่งตลอดชีวิตนับสิบปีของเธอไปนั้นได้ยกมืออีกข้างขึ้นมากุมมือที่สั่นเทาของเธอเอาไว้และเอ่ยปากพูดถามชิโยะผู้เป็นเทพมังกรขึ้นมาด้วยความสับสน
ซึ่งทางด้านชิโยะนั้นก็ได้ปล่อยมือออกจากใบหน้าของรีซาน่าและทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดตอบกลับไป
“อื้ม…… นั่นสินะ เราเองก็ไม่ถนัดเรื่องการคิดแทนคนอื่นแบบนั้นซะด้วยสิ… แต่ไม่ใช่ว่าตอนนี้เจ้าก็น่าจะมีคำตอบของเรื่องนั้นอยู่แล้วหรอกหรือ? เหล่าคนที่เจ้าคิดอยากจะปกป้องถึงแม้ว่ามันอาจจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของผู้อื่นก็ตามทีน่ะ”
หลังจากที่ชิโยะเอ่ยปากพูดออกมาจนจบแล้วเธอก็ได้ยืดแขนบิดขี้เกียจอีกครั้งหนึ่งจนทำให้อีฟที่เห็นแบบนั้นเดินมายืนอยู่ที่ข้างๆ เธอและยืดแขนตามบ้าง ซึ่งนั่นก็ทำให้ชิโยะอดไม่ได้ที่จะดึงร่างเล็กๆ ของอีฟมากอดเอาไว้ก่อนที่เธอจะพาอีฟเดินตรงไปช่วยนากาตรวจดูอาการของโมโกะที่นอนสลบอยู่กับพื้นไปแล้วแล้วจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“แม่หนูที่บาดเจ็บอยู่นี่ไม่ได้เป็นอะไรมากมายนักหรอก ก็แค่ใช้วิซมากเกินจนเหนื่อยแล้วก็หลับไปเท่านั้นเอง… แต่ว่าทั้งๆ ที่มีสภาพเหมือนกับแก้วที่กำลังแตกร้าวแบบนี้ก็ยังฝืนใช้วิซออกมาซะมากมายขนาดนั้นได้อีกนะ โชคดีของแม่หนูนี่มากแล้วล่ะที่ร่างกายยังรับไหวอยู่น่ะ”
“งั้นหรอ… ขอบใจมากนะชิโยะ”
“เจ้าไม่ต้องมาขอบใจเราหรอก~ หลังจากนี้เจ้าคอยประคับประคองแม่หนูนี่ให้ดีก็แล้วกัน เพราะดูแล้วว่านี่คงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่แม่หนูนี่คิดจะทำเช่นนี้หรอก แล้วหลังจากที่พวกเจ้ากลับออกไปสู่โลกภายนอกแล้ว ตัวเราก็คงจะตามไปช่วยเหลืออะไรไม่ได้อีกต่อไปด้วย”
“ฮึ่ม….”
คำพูดอธิบายของชิโยะที่กำลังพูดกับนากาอยู่นั้นได้ทำให้เดรคที่ยืนฟังอยู่ใกล้ๆ กันถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ และนั่นก็ทำให้ชิโยะต้องสะบัดตัวไปชี้ใส่หน้าเขาพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
“ถอนหายใจอะไรของเจ้ากันหะ!? ถ้ามีสิ่งใดไม่พอใจก็พูดบอกตัวเรามาตรงๆ ซะสิ!”
“……..”
ถึงแม้ว่าเดรคจะกำลังเผชิญอยู่กับความไม่พอใจของชิโยะที่เป็นเทพเจ้ามังกรก็ตาม แต่ว่าเขาก็กลับไม่มีท่าทีว่าจะแยแสเลยแม้แต่น้อยจนทำให้ชิโยะต้องร้องโวยวายใส่เขาไปอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนทางด้านนากาที่เห็นว่าเรื่องทุกอย่างเหมือนจะจบลงด้วยดีแล้วก็ได้ส่ายหน้าไปมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะออกแรงอุ้มร่างของโมโกะขึ้นมาแล้วจึงเอ่ยปากพูดบอกกับรีซาน่าไป
“ถ้างั้นฝากเธอดูแลอีฟให้หน่อยสิรีซาน่า พวกเราจะได้พาโมโกะกลับไปพักที่แค้มป์กันก่อนเลย”
“อ่ะ—เดี๋ยวก่อนค่ะนากาคุง… คือว่าขอเวลาฉันไปเยี่ยมหลุมศพของคุณแม่ก่อนจะได้หรือเปล่าคะ?”
“อ้อ… ได้สิๆ จะให้ฉันไปเป็นเพื่อนด้วยหรือเปล่าล่ะ?”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมานะคะ”
รีซาน่าพูดตอบนากากลับไปสั้นๆ ก่อนที่เธอจะเดินปลีกตัวไปยังซากบ้านของเธอที่พังถล่มลงมาเกือบหมดก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีเสียงของเบรนสันดังขึ้นมาแว่วๆ ให้นากาได้ยิน
“อ…เอ่อ… ท่านเทพมังกรครับ…”
“หืม…? มีธุระอันใดกับเราหรือ? ว่าแต่แล้วเจ้าเป็นใครมีชื่อเสียงเรียงนามอันใดกันเล่า? แล้วแผลที่แขนนั่นไปโดนสิ่งใดมากัน?”
“ผ…ผมเบรนสันครับ… ส่วนแผลนี่มันเป็นฝีมือของเดรคที่ถูกหัวหน้าหมู่บ้านสั่งให้ลงมือโจมตีผมน่ะครับ…”
“อ้อ… เป็นเช่นนั้นเองหรือ…. ว่าแต่ถ้าพูดถึงเรื่องผู้ใหญ่บ้าน นี่เจ้าผู้ใหญ่บ้านที่น่ารำคาญน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมาที่มาแนะนำตัวกับเราเมื่อสักสิบยี่สิบหรือไม่ก็สามสิบปีก่อนที่ชื่อว่าลาด้อนไปอยู่ที่ไหนเสียแล้วซะล่ะ ทำไมตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านของพวกเจ้าถึงได้กลายเป็นของเดรโค่ไปได้กัน?”
ชิโยะที่ได้ยินคำพูดของเบรนสันนั้นได้พยักหน้าให้เขากลับไปเป็นการตอบรับก่อนที่เธอจะพูดถามคำถามกลับไป ซึ่งนั่นก็ทำให้เบรนสันสะดุ้งไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเกร็งๆ อย่างระมัดระวังด้วยความกลัวว่าถ้าพูดอะไรไม่เข้าหูท่านเทพมังกรเข้าเขาอาจจะมีจุดจบไม่ต่างจากอดีตหัวหน้าหมู่บ้านที่นอนกองอยู่ตรงนั้นก็เป็นได้
“ค…คือว่าผู้ใหญ่บ้านคนก่อนเขาเสียชีวิตไปพร้อมกับคุณแม่ของรีซาน่าตอนที่โดนคำสาป—”
“ไม่มีเรื่องคำสาปอันใดทั้งนั้นนั่นแหล่ะ! ถ้าเกิดว่าจะมีคำสาปล่ะก็ มันก็คือการที่ตัวเราออกมาจากถ้ำแล้วก็ควักดวงใจมันออกมาเหมือนกับที่เราทำกับเจ้าเดรโค่นั่นเข้าใจหรือไม่!!”
“ค–ครับ!! ท่านผู้ใหญ่บ้านคนที่แล้วเขาเสียชิวิตไปเพราะฝีมือของเดรโค่พร้อมๆ กับคุณแม่ของรีซาน่าครับ!!”
คำพูดขึ้นเสียงของชิโยะนั้นได้ทำเบรนสันต้องรีบพูดตอบรับกลับไปพร้อมกับแก้ไขคำพูดของเขาในทันที และนั่นก็ทำให้ชิโยะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“ที่แท้ก็ชิงไปก่อนผู้อื่นแล้วนี่เอง… ช่างน่าเสียดายจริงๆ … ว่าแต่แล้วนี่เจ้ามีธุระอันใดถึงเอ่ยปากเรียกเราขึ้นมากันเล่า?”
“อ…เอ่อ คือว่าในเมื่อท่านผู้ใหญ่บ้านเขา…. เอ่อ…ถูกปลดออกจากตำแหน่งไปแล้วแบบนี้พวกผมควรจะต้องทำยังไงต่อหรอครับ…? เพราะปกติแล้วจะเป็นเขาที่สั่งงานให้พวกผมตามคำสั่งของท่านเทพมังกรนี่ครับ…”
“หืม…? แต่ว่าตัวเราไม่เคยสั่งให้พวกเจ้าทำสิ่งใดเลยแม้แต่สักครั้งเดียวนะ จะมีก็แค่พวกเจ้านั่นแหล่ะที่ส่งแม่หนูหัวขาวนั่นเข้ามารบกวนการนอนของเราอยู่เรื่อยๆ ทุกเดือนเพื่อขอแบ่งคริสตัลวิซจากถ้ำของเราไปไม่ใช่หรือ?”
“อ–เอ๋? ล—แล้วถ้างั้นที่ผ่านมานั่นก็—”
“เราไม่รู้หรอกนะว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอันใดอยู่ แต่ว่าที่ผ่านมาตัวเราไม่เคยเรียกร้องอะไรจากหมู่บ้านของพวกเจ้าเลยแม้แต่น้อยเลยนะ”
ชิโยะเอ่ยปากพูดตัดบทเบรนสันขึ้นมาจนทำให้เบรนสันและชาวบ้านส่วนหนึ่งต้องเหลือบตาไปมองเหล่าผู้อาวุโสของหมู่บ้านที่ยืนจับกลุ่มอยู่ใกล้ๆ กัน และนั่นก็ทำให้เหล่าผู้อาวุโสสูงวัยเหล่านั้นต่างพากันแยกย้ายหลบหนีไปในทันทีจนทำให้เบรนสันต้องรีบพูดขึ้นมา
“ด–เดี๋ยวสิครับ!? ถ้าเกิดว่าพวกท่านไปกันหมดแบบนี้พวกผมจะทำยังไงกันล่ะครับ!?”
“………”
เหล่าผู้อาวุโสของหมู่บ้านนั้นไม่ได้พูดตอบอะไรเบรนสันกลับไปและพากันแยกย้ายเดินหายเข้าไปในแนวต้นไม้กันในทันที และนั่นก็ทำให้เบรนสันและเหล่าชาวบ้านที่เหลืออยู่ต่างพากันเผยสีหน้าสับสนออกมาเหมือนกับไม่รู้ว่าพวกเขาจะต้องทำยังไงต่อไปดี
ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็ได้ทำให้ชิโยะต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจก่อนที่เธอจะพูดถามขึ้นมา
“นี่ปกติพวกเจ้าเอาแต่ทำตามคำสั่งของพวกคนแก่ใกล้หมดพลังชีวิตพวกนั้นอย่างเดียวเลยอย่างนั้นหรือ…?”
“ม…มันก็อะไรประมาณนั้นแหล่ะครับ… เพราะว่าที่ผ่านมาคนที่มีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านจะเป็นคนกำหนดแนวทางต่างๆ ให้คนอื่นๆ ทำตามน่ะครับ…”
“หืม… ถ้าเช่นนั้นทำไมเจ้าไม่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านไปเสียเองเลยเล่า?”
“อ–เอ๋!? ผมหรอครับ!?”
เบรนสันที่ได้ยินคำพูดของชิโยะนั้นได้เผลอหลุดเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจจนทำให้ชิโยะที่ได้ยินแบบนั้นต้องพูดถามกลับไปด้วยความแปลกใจกับท่าทีของเขา
“แล้วมันไม่ดีที่ตรงไหนกันหรือ? อย่างน้อยๆ มีเจ้าเป็นผู้นำหมู่บ้านก็น่าจะดีกว่าเจ้าเดรโค่หรือพวกเจ้าแก่ที่เพิ่งจะเดินหนีไปนั่นเป็นไหนๆ … ว่าแต่เจ้าไปทำสิ่งใดมาถึงได้ถูกเดรโค่สั่งให้แม่หนูนั่นโจมตีใส่ได้กันล่ะ?”
“—!!”
คำถามของชิโยะในคราวนี้นั้นได้ทำให้เบรนสันชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดตอบกลับไปตามความจริงด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“ค—คือว่าผมเป็นคนต้นคิดที่จะเปิดทางเข้าหมู่บ้านที่ท่านเทพมังกรแบ่งพลังออกมาสร้างก้อนหินขึ้นมาปิดเอาไว้น่ะครับ…”
“ก้อนหินอย่างนั้นหรือ…?”
คำตอบของเบรนสันนั้นได้ทำให้ชิโยะเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัยว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่กันแน่ แต่ทว่าก่อนที่ชิโยะจะได้พูดตอบอะไรกลับไป พวกเพื่อนๆ ของเบรนสันก็ได้พากันแย่งกันพูดอธิบายขึ้นมาให้ท่านเทพมังกรของพวกเขาได้ฟังจนฟังแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง
“ที่เบรนสันเขาคิดจะทำแบบนั้นมันเป็นเพราะพวกผมเอาแต่บ่นกันว่าการต้องเดินทางอ้อมป่าไปขายของที่เมืองหลวงมันลำบากน่ะครับ!!”
“แต่พวกเราจำเป็นจะต้องทำนะคะท่านเทพมังกร!! เพราะถึงพรของท่านจะทำให้พืชผลงอกงามก็เถอะ แต่ว่าพวกเราก็ไม่มีอุปกรณ์ดีๆ จะไปเก็บเกี่ยวมันได้อย่างเหมาะสมเลยน่ะค่ะ!”
“ท่านเทพมังกร—!!”
“พวกเจ้าพอได้แล้ว! เสียงดังโวยวายกันเสียจริง…”
“………”
เพียงแค่คำพูดเดียวของชิโยะที่ซ้ายก็มีคำว่าเทพมังกรขวาก็มีคำว่าเทพมังกรดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนเวียนหัวนั้นได้ทำให้เหล่าชาวบ้านทุกคนต่างพากันปิดปากเงียบไปกันในทันที ซึ่งนั่นก็ทำให้ชิโยะพยักหน้าเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจก่อนที่เธอจะพูดถามเบรนสันขึ้นมา
“ก้อนหินที่เจ้าพูดถึงนั่นมันหมายถึงเรื่องอะไรกันเล่า?”
“ก็ก้อนหินที่ถล่มลงมาปิดทางเข้าหมู่บ้านที่หัวหน้าหมู่บ้านบอกว่ามันเป็นพรคุ้มกันของท่านเทพมังกรน่ะสิครับ… หลังจากที่หินก้อนนั้นมันถล่มลงมาปิดทางเข้าเอาไว้มันก็ทำให้การเดินทางไปซื้อของจำเป็นที่เมืองหลวงลำบากมากขึ้นเพราะพวกเราเอารถม้าออกไปไม่ได้สักคันนึงเลยน่ะครับ…”
“หมายความว่าก้อนหินถล่มที่ว่านั่นมันกำลังสร้างความลำบากให้กับพวกเจ้าอยู่อย่างนั้นหรือ?”
“ก็… ถึงจะไม่ใช่ในเร็ววันนี้ แต่ว่าไม่ช้าก็เร็วทางหมู่บ้านคงจะเริ่มขาดแคลนเครื่องมือเครื่องใช้กับยารักษาโรคกันแล้วน่ะครับ…”
“อื้ม… ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าคิดจะทำอะไรกับกองหินถล่มนั่นก็ทำได้ตามใจเลยก็แล้วกัน เพราะยังไงตัวเราก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับก้อนหินที่ว่านั่นอยู่แล้วนี่…”
“เอ๋—?”
คำพูดของชิโยะนั้นได้ทำให้เบรนสันชะงักไปด้วยความแปลกใจในขณะที่เหล่าเพื่อนๆ ของเขาก็ได้หันไปมองหน้ากันเองด้วยความสงสัยก่อนที่พวกเขาจะหันไปมองดูร่างของชายแก่อดีตหัวหน้าหมู่บ้านที่ยังคงถูกทิ้งเอาไว้ให้นอนกองอยู่กับพื้นด้วยท่าทางเหมือนกับว่าพวกเขาจะคาดเดาอะไรได้แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่จะมีใครได้พูดอะไรออกมา ชิโยะก็ได้สะบัดนิ้วชี้ไปทางเบรนสันก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“เอาล่ะ! ถ้าอย่างนั้นเราขอแต่งตั้งเจ้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านคนต่อไปเลยก็แล้วกัน… นับตั้งแต่นี้ไปเจ้าจะต้องใช้ชื่อว่า เบรนสัน เวิร์มฮาร์ท… จงดีใจเสียเถิดที่เจ้าจะได้เป็นผู้ใหญ่บ้านคนที่สองที่ได้รับตำแหน่งจากเราโดยตรงแบบนี้น่ะ”
“ค—ครับ!! ผ—ผมจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดครับ!!”
การแต่งตั้งหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่อย่างรวบรัดแบบไม่มีพิธีใดๆ ให้มากความนั้นได้ทำให้เหล่าชาวบ้านแทบจะตั้งตัวไม่ถูกจนกระทั่งพวกเขาคิดตามคำพูดของชิโยะได้แล้วพวกเขาจึงหันไปมองเบรนสันที่ถูกเลือกจากเทพเจ้ามังกรให้ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านด้วยสายตาเคารพนับถือ
“ฮึ่ม…”
แต่แล้วในขณะที่ทุกอย่างเหมือนจะจบลงด้วยดีนั้น อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงลมหายใจหนักๆ ของเดรคดังขึ้นมาให้ชิโยะได้ยินจนทำให้เธอต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยสีหน้าไม่พอใจที่เจ้าหนุ่มเดรคคนนี้มาขัดจังหวะความสงบสุขของเธออีกแล้ว
“อะไรอีกกันเล่า!? เราก็บอกเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือว่ามีอะไรก็ให้เอ่ยปากพูดขึ้นมาตรงๆ น่ะ!”
“……..”
ถึงแม้ว่าเดรคจะได้ยินคำพูดด้วยความรำคาญใจของเทพมังกรไปแล้วก็ตาม แต่ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นก็มีเพียงแค่การบุ้ยหน้าไปทางหญิงสาวไร้ชื่อที่ถือครองตำแหน่งเดรคที่ยังคงจ้องมองเธออยู่ด้วยสายตามีความหวังราวกับจะสื่อว่าให้เธอช่วยทำอะไรสักอย่างกับอีกฝ่ายสักที
ซึ่งภาพที่ชิโยะเห็นนั้นก็ได้ทำให้เธอหลุบตาลงเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดประกาศขึ้นมาให้ทุกคนได้ยิน
“ถ้าเกิดว่าการมีตำแหน่งเดรคมันจะก่อให้เกิดปัญหาเช่นนี้ ถ้างั้นนับจากนี้ไปก็ไม่ต้องมีมันแล้ว…”
“—!?”
คำพูดของชิโยะนั้นได้ทำให้หญิงสาวไร้ชื่อผงะไปด้วยสีหน้าตื่นตกใจและทำท่าเหมือนกับว่าจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
“ด–เดี๋ยวก่อนสิค—”
“…ส่วนภาระหน้าที่ของเดรคที่เป็นคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาติดต่อกับเราในถ้ำก็ให้เอาไปรวมกับตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านได้เลย แล้วก็เรื่องเขตหวงห้ามกับคำสาปอะไรนั่นเราไม่เคยเป็นคนกำหนดหรือว่าสร้างมันขึ้นมา เพราะฉะนั้นนับจากนี้เป็นต้นไปเราขอสั่งห้ามไม่ให้พวกเจ้าแอบอ้างชื่อของเราไปกำหนดอะไรแบบนั้นอีกล่ะเข้าใจมั้ย!”
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านชิโยะก็กลับละความสนใจออกมาจากอีกฝ่ายอย่างไม่ใยดีและหันกลับไปพูดสั่งงานเบรนสันขึ้นมาจนทำให้หญิงสาวที่เคยมีตำแหน่งเป็นเดรคได้แต่ทรุดตัวลงไปนั่งอยู่กับพื้นก่อนที่เธอจะนิ่งไปด้วยท่าทีหมดอาลัยตายอยากอีกครั้งหนึ่ง
“ครับ! ผมจะไม่ล่วงเกินชื่อของท่านแบบหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนแน่นอนครับ!”
ในขณะที่ทางด้านเบรนสันนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกเป็นห่วงในตัวหญิงสาวอยู่บ้าง แต่ว่าเขาก็จำเป็นจะต้องพูดตอบรับคำสั่งของเทพมังกรประจำหมู่บ้านไปก่อนจนทำให้ชิโยะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจก่อนที่เธอจะหันไปมองทางด้านนากาที่ยังคงยืนอุ้มโมโกะที่กำลังนอนสลบเอาไว้อยู่และเอ่ยปากพูดถามเขาขึ้นมา
“แล้วนี่แม่หนูยักษ์สีฟ้ายังไม่กลับมาอีกงั้นหรือ?”
“ยักษ์สีฟ้า…? หมายถึงรีซาน่าน่ะหรอ? เมื่อกี้นี้เห็นบอกว่าจะไปดูหลุมศพคุณแม่ของเธอแล้วก็เดินหายไปทางนู้นน่ะ… ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันไปตามตัวมาให้ก็ได้ แต่ขอฝากโมโกะไว้กับนายหน่อยสิเดรค”
“ฮึ่ม…”
เดรคที่ได้ยินคำขอของนากาได้พ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อยแบบที่เขามักจะทำเป็นประจำจนทำให้นากาที่ได้มีโอกาสพบกับเดรคมาแล้วหลายครั้งนั้นพอจะดูออกได้บ้างว่านั่นคือคำตอบรับของเขา
ซึ่งนากาที่ได้รับคำตอบรับแล้วนั้นก็ได้ส่งร่างของโมโกะที่ยังคงสลบอยู่ไปให้เดรคในขณะที่ทางด้านอีฟนั้นก็ได้เดินดุ่ยๆ เข้าไปเงยหน้ามองปีกมังกรบนแผ่นหลังของชิโยะด้วยท่าทีสนอกสนใจจนทำให้หญิงสาวต้องขยับปีกของเธอตีเข้าใส่เด็กสาวเบาๆ เป็นการหยอกเล่น
ซึ่งนั่นก็ทำให้นากาที่เห็นว่ามีคนคอยดูแลโมโกะกับอีฟให้แล้วนั้นได้เดินตรงไปทางด้านกองเศษไม้ที่เคยเป็นบ้านหลังเก่าของรีซาน่ามาก่อนจนได้พบกับเพื่อนของเขาที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าป้ายหินเก่าๆ แผ่นหนึ่งอยู่
และในทันทีที่รีซาน่าได้ยินเสียงฝีเท้าของนากากำลังเดินเข้ามานั้นเธอก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองเขาจนทำให้นากาต้องเอ่ยปากพูดถามขึ้นมา
“ฉันมารบกวนเธอหรือเปล่า?”
“ไม่หรอกค่ะ นี่เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วคะเนี่ย ฉันก็มัวแต่คุยกับคุณพ่อคุณแม่เพลินไปหน่อย…”
รีซาน่าพูดตอบนากากลับไปก่อนที่เธอจะหันกลับไปมองป้ายหลุมศพเก่าๆ และเผยรอยยิ้มเศร้าๆ ออกมาจนทำให้นากาต้องพูดถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“เธอ… ไม่มีปัญหาอะไรกับการที่มันจบลงแบบนี้ใช่มั้ย?”
“หมายความว่ายังไงหรอคะ?”
“ก็แบบว่า… เห็นก่อนหน้านี้เธอบอกว่ามีธุระจะต้องจัดการในหมู่บ้านใช่มั้ยล่ะ แล้วตอนนี้มันก็ดูเหมือนว่าจะจบลงไปแล้ว เธอมีปัญหาอะไรกับการที่มันจบลงแบบนี้หรือเปล่า?”
“…ถึงตอนแรกฉันจะบอกว่าฉันตั้งใจจะมาจัดการกับเรื่องนี้ แต่ว่าจริงๆ แล้วฉันก็แค่คิดจะมาหาคำตอบดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นมาในคืนนั้นกันแน่เฉยๆ น่ะค่ะ… แต่ว่าในเมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเขาโดนท่านชิโยะที่เป็นเทพมังกรที่เขาศรัทธาจัดการไปด้วยตัวเองแบบนั้นแล้ว มันก็คงจะเป็นบทลงโทษที่เหมาะสมกับเขาแล้วเหมือนกัน…”
รีซาน่ายิ้มพูดตอบนากากลับไปเบาๆ ก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปหยิบขวานศึกของเธอขึ้นมาพาดไหล่เอาไว้และลุกขึ้นยืนก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาต่อ
“แล้วก็ถึงฉันจะบอกไม่ได้ว่าฉันพอใจแล้วกับการที่เขาถูกจัดการไปด้วยน้ำมือของคนอื่น… แต่ฉันเชื่อว่าถ้าเป็นไปได้คุณแม่ก็คงจะไม่อยากให้ฉันลงมือด้วยตัวเองเหมือนกัน… เพราะถึงคุณแม่จะชอบพูดบ่นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ภายในหมู่บ้านอยู่บ่อยๆ แต่ฉันก็รู้ดีว่าที่จริงแล้วคุณแม่รักหมู่บ้านแห่งนี้และทุกๆ คนที่อาศัยอยู่ที่นี่มากมายขนาดไหน… เพราะอย่างงั้นการที่มันจบลงแบบนี้คงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ”
“…ท่าทางว่าที่คุณเบรนสันเขาบอกว่าคุณแม่ของเธอคือคุณยักษ์ใจดีนี่เขาคงจะหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ งั้นสินะเนี่ย”
“เอ๋? คุณเบรนสันเขาพูดว่าอย่างงั้นหรอคะ? พอดีว่าเมื่อตอนที่ฉันยังเด็กอยู่ฉันไม่ค่อยจะได้สนใจเรื่องพวกนั้นสักเท่าไหร่น่ะค่ะ… ส่วนมากจะเอาแต่วิ่งเล่นซะมากกว่า…”
รีซาน่าเกาแก้มพูดตอบนากากลับไปจนทำให้นากาต้องเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“ก็ถ้าฟังจากที่คุณเบรนสันเขาพูดถึงคุณแม่ของเธอแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะได้ส่วนนั้นจากคุณแม่ของเธอไม่มากก็น้อยเลยล่ะ”
“อ–อย่างงั้นเองหรอคะ…”
คำพูดของนากานั้นได้ทำให้ใบหน้าของรีซาน่าขึ้นสีเล็กน้อยด้วยความดีใจก่อนที่เธอจะเดินนำนากากลับไปหาคนอื่นๆ ที่ยืนรออยู่แล้วจึงเอ่ยปากพูดถามทุกคนขึ้นมา
“ฉันกลับมาแล้วค่ะ ขอโทษที่ต้องให้รอนะคะ พวกเราจะกลับกันเลยมั้ยคะ?”
“เจ้าไม่ต้องคิดมากไปหรอก ว่าแต่ไหนๆ พวกเจ้าก็จะกลับไปที่พักที่นอกหมู่บ้านอยู่แล้วใช่หรือไม่? ถ้างั้นก็ฝากพวกเจ้าช่วยหิ้วยัยเดรคคนปัจจุบันที่นั่งกองอยู่ตรงนั้นไปด้วยกันหน่อยซิ”
“เอ๋? จะให้พวกฉันพาเธอไปด้วยงั้นหรอคะ?”
คำพูดของชิโยะที่กำลังตีปีกเล่นใส่อีฟนั้นได้ทำให้รีซาน่าต้องพูดถามกลับไปด้วยความประหลาดใจ ซึ่งนั่นก็ทำให้ชิโยะต้องหยุดการละเล่นของเธอก่อนเพื่อพูดตอบคำถามของเด็กสาวกลับไป
“ก็ใช่แล้วน่ะสิ ในเมื่อตัวเราประกาศยกเลิกตำแหน่งเดรคไปแล้ว มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้ยัยนั่นอยู่ที่นี่ต่อไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
“หือ? แต่ไม่ใช่ว่าเดรคคนนั้นเขาก็เป็นคนของหมู่บ้านนี้หรอกหรอน่ะ? นี่เธอคิดจะไล่เขาออกจากหมู่บ้านไปด้วยเลยหรอน่ะ?”
คำพูดของชิโยะที่ฟังดูเหมือนกับจะขับไล่ไขส่งหญิงสาวไม่ทราบชื่อผู้ที่เคยมีตำแหน่งเป็นเดรคประจำหมู่บ้านนั้นได้ทำให้นากาต้องพูดถามเธอกลับไปด้วยความแปลกใจ อีกทั้งมันยังทำให้รีซาน่าต้องพูดถามตามขึ้นมาด้วยอีกคนหนึ่ง
“นั่นสิคะ ฉันจำได้ว่ากฎการคัดเลือกเดรคมันเข้มงวดจะตายไป เพราะงั้นเขาก็น่าจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนะคะ”
“เฮ้อ… ก็เพราะว่ามันเข้มงวดเช่นนั้นน่ะสิมันถึงได้เป็นปัญหาน่ะ… เอาเป็นว่าพวกเจ้าเชื่อเราแล้วก็พายัยหนูนั่นไปด้วยกันก่อนเถิด… อย่างน้อยๆ ก็พาไปหาอะไรทานที่ที่พักของพวกเจ้าเสียก่อนก็แล้วกัน”
ชิโยะพูดตอบรีซาน่ากลับไปก่อนที่เธอจะยกตัวอีฟขึ้นมาอุ้มเอาไว้และเดินนำหน้าคนอื่นๆ ออกไปจากแนวต้นไม้เพื่อเดินตรงไปยังที่พักแรมของพวกนากา
และนั่นก็ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจาการทำตามที่เธอบอกก่อนจะพากันเคลื่อนย้ายออกจากบริเวณนี้ไปโดยมีเบรนสันที่ยืนเกาหัวอยู่ที่เดิมอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่เขาที่เพิ่งจะได้รับตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านมาสดๆ ร้อนๆ จะพูดสั่งให้คนอื่นๆ แยกย้ายกันไปจัดการเคลื่อนย้ายร่างของเดรโค่ อดีตหัวหน้าหมู่บ้านไปประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อของพวกเขา
ส่วนทางด้านพวกนากาที่เดินตามหลังชิโยะออกมาจากหมู่บ้านนั้นก็ได้พบเข้ากับชิโยะที่นั่งอยู่ข้างกองไฟตรงจุดพักแรมของพวกเขาและกำลังมองสำรวจดูถุงอาหารที่ถูกบรรจุเอาไว้ในกระเป๋าใบหนึ่งอันเป็นเสบียงอาหารที่เอริกะให้พวกเขามาอยู่ด้วยท่าทีสนอกสนใจ
“สิ่งนี้คือเสบียงอาหารสำหรับการเดินทางของยุคสมัยนี้อย่างนั้นหรือ? ต้องทำอย่างไรมันถึงจะพร้อมทานกันเล่า? เราไม่เคยเห็นอาหารลักษณะนี้มาก่อนเลยนะ”
“เธอไม่เคยเห็นก็ไม่แปลกหรอก เพราะว่าพวกฉันเองก็เพิ่งจะเคยได้เห็นมันเป็นครั้งแรกในวันนี้เหมือนกันนั่นแหล่ะ ส่งมันมานี่ก่อนสิ เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง”
นากาที่เพิ่งจะเดินมาถึงและได้รับคำถามจากชิโยะไปนั้นได้ยักไหล่กลับไปให้เธอก่อนที่เขาจะพูดอาสาที่จะจัดเตรียมกระยาหารมาถวายให้กับเทพเจ้ามังกรในร่างหญิงสาวเบื้องหน้า
ซึ่งชิโยะนั้นก็ไม่รอช้าที่จะโยนถุงอาหารในมือของเธอไปให้นากาในทันทีจนทำให้นากาต้องหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วจึงก้มลงมองดูถุงอาหารในมือก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“อื้ม… อันนี้เหมือนว่าจะเป็นสตูว์เนื้อน่ะ เธอกินได้หรือเปล่าน่ะชิโยะ?”
“ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ตัวเราทานไม่ได้อยู่แล้ว”
“อ่าหะ ถ้างั้นก็รอแป๊บนึงก็แล้วกัน”
นากาเอ่ยปากพูดตอบชิโยะกลับไปก่อนที่เขาจะเทน้ำสะอาดออกมาจากกระติกน้ำเข้าใส่ตัวถุงอาหารและพับตรงปากถุงเล็กน้อยท่ามกลางสายตาสงสัยใคร่รู้ของชิโยะ
และหลังจากที่เวลาผ่านไปอีกเพียงแค่ชั่วครู่อยู่ๆ ตรงปากถุงที่นากาจงใจเว้นว่างเอาไว้ไม่ให้มันปิดสนิทก็ได้มีไอน้ำสีขาวพวยพุ่งออกมาจนทำให้ชิโยะหลุดเสียงร้องออกมาเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ
“โอ้… นี่เจ้าทำได้อย่างไรกัน เราไม่เห็นจะสัมผัสได้ถึงการใช้วิซแม้แต่น้อยเลยนะนั่น”
“ถ้าเธอถามฉัน ฉันก็คงจะตอบได้แค่ว่าไม่รู้เหมือนกันนั่นล่ะ เพราะฉันแค่ทำตามที่เอริกะเขาเขียนเอาไว้บนถุงนั่นแหล่ะ”
“หืม… เป็นเช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นเมื่อไหร่มันถึงจะพร้อมทานกันเล่า?”
“อีกสักสองสามนาทีจนมันหยุดพ่นไอน้ำออกมาก็ได้แล้วล่ะ เสร็จแล้วที่เหลือก็แค่เปิดถุงเอาชามข้างในออกมาแล้วก็กินได้เลย อ้อ แล้วก็ระวังเรื่องความร้อนด้วยล่ะ”
นากาพูดตอบชิโยะกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับความสะดวกสบายของการเตรียมมื้ออาหารมากนัก เพราะถ้าเกิดว่ามันเป็นสิ่งของที่เอริกะให้มาล่ะก็ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรๆ มันก็คงจะเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นจนเขาเลิกคิดหาความสมเหตุสมผลจากสิ่งประดิษฐ์ของเธอไปแล้ว
ส่วนทางด้านชิโยะนั้นก็ได้จ้องมองถุงอาหารที่กำลังพ่นไอน้ำออกมาอยู่ด้วยแววตาเป็นประกายจนกระทั่งไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาเริ่มที่จะหยุดลง เธอก็ไม่รอช้าที่จะหยิบชามอาหารหอมกรุ่นภายในออกมาลิ้มลองในทันที
“อื้มมมมม อร่อยมาก!”
ท่าทางเอร็ดอร่อยของเทพเจ้ามังกรนั้นได้ทำให้นากาหลุดรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูดถามเดรค รีซาน่า และหญิงสาวไร้นามขึ้นมาบ้าง
“แล้วคนอื่นๆ จะกินอะไรกันล่ะ? เหมือนว่าจะมีสปาเกตตี พาสต้า แล้วก็สเต็กเนื้อกับมันบดอบชีสเหลืออยู่อีกน่ะ… ว่าแต่มีของดีๆ อยู่แบบนี้ทำไมถึงเอาอาหารกระป๋องวางไว้ข้างบนกันเนี่ย”
“เอ่อ… ถ้าเป็นของจากคุณเอริกะล่ะก็จะอันไหนฉันก็น่าจะทานได้ทั้งนั้นแหล่ะมั้งคะ”
“ฮึ่ม…”
ในขณะที่รีซาน่าเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยความเกรงใจเหมือนกับกลัวว่าเธอจะไปแย่งของโปรดใครเข้าหรือเปล่า ทางด้านเดรคก็กลับพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมาเหมือนกับจะบอกว่าเขาเองก็ทานอันไหนก็ได้เหมือนกัน
และนั่นก็ทำให้นากาได้แต่ยกมือขึ้นมาเกาหัวก่อนที่เขาจะหันไปมองทางด้านหญิงสาวไร้ชื่อที่ในบัดนี้ก็ไร้ซึ่งตำแหน่งเดรคของเธอไปแล้วด้วยเผื่อว่าเธอจะเอ่ยปากพูดอะไรขึ้นมาบ้าง
แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวที่เขาไม่รู้จักชื่อนั้นก็ยังคงนั่งนิ่งก้มมองพื้นดินด้วยแววตาว่างเปล่าแบบที่เธอเป็นมาตั้งแต่ถูกชิโยะประกาศยกเลิกตำแหน่งเดรคต่อหน้าราวกับว่าตัวตนของเธอเองได้สูญสลายไปตามตำแหน่งที่ว่าไปด้วยจนทำให้รีซาน่าที่เห็นแบบนั้นต้องพูดถามชิโยะที่เป็นเทพมังกรขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“จะว่าไปที่ท่านชิโยะบอกว่าการเลือกคนมารับตำแหน่งเดรคที่เข้มงวดแบบนั้นมันทำให้เกิดปัญหานี่หมายความว่ายังไงหรอคะ?”
“งั่มๆๆ เจ้าไม่ต้องมาเรียกเรานำหน้าด้วยว่าท่านเลยนะแม่หนูยักษ์สีฟ้า ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าเราไม่เตือน”
ชิโยะที่อยู่ๆ ก็ถูกรีซาน่าพูดถามขึ้นมาอย่างสุภาพนั้นได้ชี้ส้อมในมือของเธอตรงไปยังทางด้านรีซาน่าและเอ่ยปากพูดเตือนขึ้นมาก่อนที่เธอจะต้องก้มลงมองไปชามสตูว์ของเธอด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่ามันว่างเปล่าไปแล้ว
และนั่นก็ทำให้เธอได้พบเข้ากับอีฟที่กำลังนั่งอมช้อนเล็กๆ ที่เปื้อนคราบของสตูว์แสนอร่อยอยู่ในปาก บ่งบอกว่าเด็กสาวได้แอบแย่งเครื่องบรรณาการของเธอไปทานเองนั่นเองเธอจึงอดไม่ได้ที่จะดึงตัวอีฟมานั่งตักและดึงแก้มของเด็กสาวจนยืดเพื่อเป็นการเอาคืนก่อนจะพูดตอบรีซาน่ากลับไป
“ส่วนคำถามของเจ้า มันก็อย่างที่เราบอกไปว่าการคัดเลือกคนมารับตำแหน่งเดรคมันเข้มงวดมากจนเกินไป… เพราะฉะนั้นพวกเจ้าคิดว่าพวกเขาจะไปหาคนที่มีนิสัยถูกต้องตามแบบฉบับเดรคคนแรกนอกจากเจ้าบื้อหน้านิ่งนิสัยเสียคนเดียวในรอบห้าร้อยปีที่นั่งอยู่ตรงนั้นมาจากที่ไหนได้อีกกันเล่า… แล้วนี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ว่าพวกเขาจะต้องเตรียมตัวสำรองให้พร้อมรับตำแหน่งเผื่อว่าเดรคคนเก่าจะไปอะไรไปอีกด้วยนะ”
คำพูดของชิโยะนั้นได้ทำให้เดรคต้องเหลือบตาไปมองเธอด้วยท่าทีถือดีที่ไม่เหมือนกับท่าทีของคนที่มีตำแหน่งเป็นเดรคของหมู่บ้านที่จะต้องให้ความเคารพเทพเจ้ามังกรเลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้นชิโยะก็กลับไม่มีท่าทีว่าจะขุ่นเคืองกับการแสดงออกของเดรคซะราวกับว่าเธอนั้นคุ้นชินกับการที่เขามีลักษณะนิสัยแบบนี้ดีอยู่แล้ว ในขณะที่ทางด้านรีซาน่านั้นก็ได้เอ่ยปากพูดถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“เอ๋? แต่ไม่ใช่ว่าคุณชิโยะเป็นคนเลือกพวกเขามารับตำแหน่งเพราะว่าพวกเขามีนิสัยแบบนั้นหรอกหรอคะ?”
“ไม่น่าจะใช่หรอก เท่าที่ฉันดูแล้วชิโยะเขาแค่หลับอยู่ในถ้ำ—ฉันหมายถึงว่าแค่อยู่สงบๆ ในถ้ำโดยไม่ได้อยากจะยุ่งกับทางหมู่บ้านสักเท่าไหร่เลยซะด้วยซ้ำน่ะ— เดี๋ยวนะ… แต่ถ้างั้นมันก็หมายความว่า…”
คำถามของรีซาน่านั้นได้ทำให้นากาอดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่เขาจะชะงักนิ่งไปเมื่อเขาคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่างขึ้นมา
ซึ่งสิ่งที่นากาคิดขึ้นมาได้นั้นก็ได้ทำให้เขาต้องเหลือบตาไปมองเดรคและหญิงสาวไร้ชื่อเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันไปกลับไปหาชิโยะและพูดถามขึ้นมาตรงๆ
“นี่เธออย่าบอกนะว่าพวกคนในหมู่บ้านไม่ได้เลือกคนที่ผ่านการคัดเลือกให้มาเป็นเดรค แต่พวกเขาเลี้ยงเด็กให้โตขึ้นมาเป็นแบบนั้นเพื่อให้พวกเขาเข้ารับตำแหน่งเดรคโดยเฉพาะน่ะ?”
“อื้ม… ใช่แล้วล่ะ นอกจากเรื่องวิซที่ไม่สามารถควบคุมได้ว่าเด็กที่เกิดมาจะมีธาตุใดแล้ว พวกเขาก็จะควบคุมการเลี้ยงดูเด็กคนที่ถูกเลือกให้โตมามีลักษณะแบบเดียวกับเดรคที่พวกเขากำหนดเอาไว้ยังไงเล่า”
“ต–แต่จะมีพ่อแม่คนไหนยอมให้คนอื่นมากำหนดชีวิตลูกของตัวเองแบบนั้นกันล่ะ!?”
“ทำไมถึงจะไม่มีกันเล่า? เจ้าเองได้เห็นก็น่าจะรู้แล้วนี่ว่าตัวเรามีอิทธิพลกับเหล่าชาวบ้านพวกนั้นมากมายขนาดไหนน่ะ พวกเขาอาจจะคิดว่าการที่บุตรหลานของตนเองได้รับเลือกเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจก็เป็นได้… ถึงแม้ว่าตัวเราจะไม่เคยกำหนดอะไรแบบนั้นเลยก็เถอะนะ…”
ชิโยะพูดตอบนากากลับไปพลางดึงแก้มของอีฟเล่นเบาๆ ไปด้วยราวกับว่าเธออยากจะดึงความสนใจของเด็กสาวออกมาจากบทสนทนาที่กำลังดำเนินอยู่ ในขณะที่ทางด้านรีซาน่านั้นก็กลับเหมือนจะนึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เลยเอ่ยปากพูดถามชิโยะขึ้นมา
“ต…แต่ไม่ใช่ว่าผู้ใหญ่บ้านเขาก็บอกว่าคุณแม่ของฉันเคยเกือบจะได้รับเลือกให้เป็นเดรคเลยหรอกหรอคะ? แล้วคุณแม่ของฉันก็เป็นคนใจดีไม่เหมือนกั—”
“ฮึ่ม….”
คำพูดของรีซาน่าที่ดูเหมือนว่าจะพูดพาดพิงถึงตัวเดรคนั้นได้ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังสวาปามอาหารมื้อดึกของเขาอยู่ต้องพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมาจนรีซาน่าสะดุ้งไป
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านชิโยะก็ยังคงสามารถเข้าใจในสิ่งที่รีซาน่าต้องการจะสื่อได้ เธอจึงได้เริ่มต้นพูดอธิบายออกมาให้เด็กสาวร่างใหญ่ได้ฟัง
“เรื่องที่ว่าแม่ของเจ้าเป็นคนมากความสามารถนั่นมันก็เป็นเรื่องจริง แต่เรื่องที่ว่านางเคยเกือบจะได้รับเลือกให้เป็นเดรคมันเป็นแค่คำพูดที่เจ้าเดรโค่เอาไว้ใช้หลอกผู้อื่นเพียงเท่านั้น เพราะไม่ว่าอย่างไรแม่ของเจ้าก็ไม่มีวันที่จะได้รับตำแหน่งเดรคหรอก… เพราะว่านิสัยของนางต่างกับเจ้าใบ้บื้อที่นั่งหน้าโง่อยู่ข้างกายเจ้าเป็นเหรียญคนละด้านอย่างไรเล่า”
“ฮึ่ม….”
คำพูดจิกกัดของชิโยะนั้นได้ทำให้เดรคพ่นลมหายใจของเขาออกมาอีกครั้งหนึ่งก่อนที่เขาจะคว้าถุงอาหารพร้อมทานอีกถุงหนึ่งขึ้นมาเทน้ำใส่โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาจนทำให้ชิโยะได้แต่ส่ายหน้าไปมาและพูดบ่นออกมาอีกครั้ง
“เฮ้อ… ก็ตามที่พวกเจ้าเห็นนั่นแลว่าเจ้านั่นแทบจะเป็นใบ้อยู่แล้วนั่น… ถึงเอาจริงๆ จะต้องพูดว่าที่กลับมาให้เราเห็นหน้าในคราวนี้ก็ว่ามีพัฒนาการบ้างแล้วก็เถอะ เพราะในสมัยก่อนเจ้าบื้อนี่ทำตัวเงียบพอๆ กับยัยหนูที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นเลย”
ชิโยะพูดบ่นออกมาพลางชี้นิ้วไปทางหญิงสาวไร้นามอดีตผู้ดำรงตำแหน่งเดรคด้วยท่าทางเหนื่อยใจ และนั่นก็ทำให้นากาอดไม่ได้ที่จะต้องพูดถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยความสงสัย
“แต่ถ้างั้นมันจะมีพ่อแม่ที่ไหน… เอ่อ… ยอมให้คนอื่นมาฝึกลูกของตัวเองให้มีนิสัยแบบเดรคเขาด้วยหรอน่ะชิโยะ?”
“ก็ถ้าเจ้าพูดถึงพ่อแม่ที่เจ้ารู้จักและเคยเห็นมาก่อนมันก็ใช่… แต่อย่าลืมสิว่าเจ้ากำลังพูดถึงพ่อแม่ในหมู่บ้านที่ถูกเจ้าเดรโค่กับหัวหน้าหมู่บ้านรุ่นก่อนๆ เป่าหูมาว่ามันเป็นคำสั่งของเรานะ…”
ชิโยะเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เจือนไปด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาต่อ
“แล้วอีกอย่างหนึ่ง พวกเจ้าก็ได้เห็นคนที่เป็นผู้ปกครองของแม่หนูนั่นแล้วนี่… พวกเจ้าเห็นแล้วคิดว่าสามีภรรยาคู่นั้นเป็นพ่อแม่ที่แท้จริงของแม่หนูนี่หรือเปล่าล่ะ?”
“—!? / —!!”
คำพูดที่ชิโยะพูดขึ้นมาต่อนั้นได้ทำให้ทั้งนากาและรีซาน่าชะงักไปด้วยความตกใจ เพราะว่าคู่สามีภรรยาสองคนนั้นที่พวกเขาได้เห็นเพียงแค่ชั่วครู่ก่อนที่อีกฝ่ายจะวิ่งหนีไปนั้นดูแล้วไม่ได้มีหน้าตาหรือว่าสีผมที่คล้ายกับหญิงสาวไร้ชื่อเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าหญิงสาวไร้ชื่อมีเขามังกรสีขาวที่ค่อนข้างจะหายากประดับอยู่บนศีรษะแตกต่างจากพวกชาวบ้านในหมู่บ้านที่มีแต่เขาสีดำอีกด้วย
ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขาพอจะทราบได้ว่าหญิงสาวที่พวกเขายังไม่รู้จักชื่อคนนั้นอาจจะไม่ใช่คนที่เกิดขึ้นมาในหมู่บ้านแห่งนี้แต่ว่าถูกเก็บมาเลี้ยงดูให้เติบโตมารับตำแหน่งเดรคแบบที่หัวหน้าหมู่บ้านต้องการก็เป็นได้
ซึ่งเมื่อนากาคิดได้แบบนั้นเขาก็ได้เอ่ยปากพูดถามชิโยะที่เป็นเทพมังกรประจำหมู่บ้านขึ้นมาตรงๆ
“แล้วแบบนี้เราจะเอายังไงกับเขาดีล่ะชิโยะ? จะปล่อยให้กลับไปใช้ชีวิตที่หมู่บ้านมันก็คงจะไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่แล้วล่ะมั้งเนี่ย…”
“เจ้าเองก็รู้ไม่ใช่หรือ? ไม่อย่างนั้นเราจะบอกให้พวกเจ้าพาตัวแม่หนูนั่นมาด้วยทำไมกันเล่าจริงไหม? ที่จริงแล้วเรามีความคิดอยากจะขอให้พวกเจ้าพาแม่หนูนั่นกลับไปที่เมืองของพวกเจ้าด้วยจะได้หรือไม่เล่า?”
“ให้พวกฉันพากลับไปที่รีมินัสด้วยน่ะหรอ? แต่ว่าพวกฉันก็ยังมีอีฟต้องดูแลแถมยังต้องไปเรียนที่โรงเรียนอยู่ด้วยสิ…”
“นั่นสิคะ… ทางด้านฉันเองก็อาศัยอยู่ที่หอพักของทางโรงเรียนอยู่ด้วย เพราะงั้นคงจะพาคนไปอยู่ด้วยไม่ได้เหมือนกันน่ะค่ะ…”
นากาและรีซาน่าที่ได้ยินคำพูดของชิโยะนั้นได้ผลัดกันพูดตอบเธอกลับไป ซึ่งนั่นก็ทำให้ชิโยะมีท่าทีหม่นหมองลงเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้พูดบังคับอะไรพวกเขาขึ้นมา เนื่องจากเธอเองก็รู้ตัวดีว่าทั้งสองคนยังคงเป็นเพียงแค่เด็กวัยรุ่นที่ยังไม่เติบใหญ่ดีซะด้วยซ้ำ การที่เธอจะบังคับให้พวกเขามารับภาระของอีกหนึ่งชีวิตที่ไม่ใช่แม้แต่จะเป็นคนรู้จักแบบนั้นมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเสียเท่าไหร่นัก
และนั่นก็ทำให้ชิโยะไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากจะหันไปมองทางด้านเดรคที่กำลังเขมือบอาหารมื้อค่ำชามที่สามและเบ้ปากเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมา
“ถ้าเช่นนั้นปัญหานี้ก็คงจะตกเป็นของเจ้าแล้วล่ะเดรค ฝากเจ้าดูแลแม่หนูตัวสำรองนั่นสักหน่อยสิ เพราะไหนๆ พวกเจ้าก็เป็นเดรคเหมือนกันอยู่แล้วมิใช่หรือ?”
“เอ๋…?”
คำพูดของชิโยะนั้นได้ทำให้ทั้งนากาทั้งรีซาน่าต้องเหลือบไปมองเดรคอยู่ชั่วขณะด้วยความแปลกใจ เพราะว่าชายหนุ่มร่างยักษ์ที่เป็นคนแข็งกระด้างนั้นดูไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่ควรจะฝากฝังหญิงสาวที่มีสภาพดูไม่ปกติแบบนี้เอาไว้กับเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านเดรคก็กลับไม่ได้พ่นลมหายใจของเขาออกมาเหมือนกับที่เขาชอบทำเป็นประจำและหันไปมองทางด้านหญิงสาวที่ยังคงนั่งเหม่อมองพื้นดินอย่างไร้ซึ่งชีวิตชีวาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันกลับไปทางชิโยะและเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“เอาค่าใช้จ่ายมา…”
“เหอะ… ถ้างั้นก็เอาเป็นคริสตัลวิซแบบเดียวกับในห้องนอนของเราไปเหมือนเดิมก็แล้วกัน ถึงจะต้องลำบากเจ้าไปหาแลกเปลี่ยนเป็นเงินตราสักหน่อยก็เถอะ แต่แค่สักแท่งเดียวก็น่าจะพอให้เจ้าเลี้ยงดูแม่หนูนั่นไปได้สักพักใหญ่แล้วกระมั้ง”
“ตกลง…”
เดรคเอ่ยปากพูดตอบรับชิโยะกลับไปสั้นๆ จนดูไม่เหมือนกับการเจรจาเพื่อขอให้เขาช่วยรับอีกหนึ่งชีวิตไปดูแลเลยแม้แต่น้อย
แต่ทว่าในขณะที่ทุกอย่างเหมือนจะจบลงด้วยดีแล้วอยู่นั้นเอง อยู่ๆ รีซาน่าที่มักจะติดขัดเรื่องเงินๆ ทองๆ อยู่เสมอก็ได้เอ่ยปากพูดสอบถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“เอ่อ… คริสตัลที่ว่านั่นมันคืออะไรหรอคะ?”
“อ้อ… ก็หมายถึงคริสตัลวิซแบบเดียวกับที่อยู่ในถ้ำของเราอย่างไรกันเล่า เราก็ไม่เข้าใจหรอกนะ แต่ว่าเวลาพวกชาวบ้านเข้าไปขอแบ่งคริสตัลมาจากถ้ำของเรา พวกเขาจะชอบพยายามแอบหยิบคริสตัลจากส่วนที่อยู่ลึกกว่าจุดที่เราอนุญาตไปน่ะสิ สงสัยจะเป็นเพราะว่ามันบริสุทธิ์กว่าคริสตัลที่อยู่ด้านนอกกระมั้ง”
ชิโยะเอ่ยปากพูดตอบรีซาน่ากลับไปโดยไม่ได้คิดที่จะปิดบังอะไร แต่ถึงอย่างนั้นรีซาน่าก็กลับยังมีท่าทีเหมือนกับว่าไม่เข้าใจอยู่บ้างจนทำให้ชิโยะตัดสินใจที่จะนำคริสตัลอันเป็นรางวัลตอบแทนให้กับเดรคออกมาให้เธอดูตรงๆ ไปเสียเลย
“พูดไปเจ้าคงจะไม่เข้าใจสินะแม่ยักษ์น้อยสีฟ้า เอาเป็นว่าเราจะเอามันออกมาให้เจ้าดูเลยก็แล้วกัน”
แกร๊ก—
ในทันทีที่ชิโยะเอ่ยปากพูดขึ้นมาจบ เธอก็ได้ยื่นมือไปสัมผัสกับผืนดินข้างกายก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีแท่งคริสตัลสีเหลืองใสกระจ่างขนาดใหญ่เกือบเท่าท่อนแขนกำยำของเดรคงอกผุดขึ้นมาจากผืนดินจนทำให้รีซาน่าเบิ่งตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเอง เพราะว่าแท่งคริสตัลเบื้องหน้าของเธอนั้นดูบริสุทธิ์และมีคุณภาพดีกว่าคริสตัลวิซที่เธอเคยเห็นผ่านตามาตลอดทั้งชีวิตเสียอีก
“จ—เจ้านี่มัน—”
“เอ่อ… นี่มันคริสตัลใสๆ แบบที่อยู่ในห้องนอนของเธอไม่ใช่หรอน่ะชิโยะ? มันมีอะไรพิเศษขนาดนั้นเลยหรอน่ะ?”
ในขณะที่รีซาน่ากำลังตกตะลึงกับความบริสุทธิ์ของแท่งคริสตัลวิซก้อนใหญ่เบื้องหน้าของเธออยู่นั้น ทางด้านนากาที่เลิกให้ความสนใจในเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับคำว่าวิซไปตั้งแต่หลังจากที่เขาจำความได้ไม่นานเพราะว่ายังไงเขาก็ใช้งานมันไม่ได้อยู่แล้วนั้นก็ได้พูดถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
และนั่นก็ทำให้รีซาน่าที่กำลังจ้องมองคริสตัลสีเหลืองใสกระจ่างอยู่โดยไม่กะพริบตาต้องรีบพูดตอบเขากลับไป
“น–นี่มันไม่ใช่แค่มีอะไรพิเศษหรอกนะคะ! นากาคุงก็รู้ใช่มั้ยล่ะคะว่ายิ่งคริสตัลวิซมีความบริสุทธิ์มากเท่าไหร่มันก็ยิ่งโปร่งใสมากขึ้นเท่านั้นน่ะค่ะ… แล้วนี่ใสถึงขั้นมองทะลุได้เหมือนกับกระจกแบบนี้ ถ้าเกิดว่าเอาเจ้านี่ไปขายในตลาดจริงๆ ล่ะก็ฉันไม่อยากจะคิดเลยล่ะค่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้นน่ะ!”
“ขนาดนั้นเลยหรอ… แต่ก็สมกับที่เป็นคริสตัลที่ท่านเทพมังกรชิโยะให้เป็นค่าจ้างดีล่ะมั้ง”
“ฮ่า! แทนที่เจ้าจะเอาเวลามาพูดแบบนั้น สู้พวกเจ้าเอาเวลาไปคิดก่อนน่าจะดีกว่ากระมั้งว่าพวกเจ้าจะเอามันกลับไปด้วยวิธีการใดน่ะ”
ชิโยะที่ได้ยินนากาเรียกเธอว่าเทพมังกรนั้นได้หลุดเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อยกับคำพูดหยอกล้อของเด็กหนุ่มก่อนที่เธอจะพูดหยอกล้อเขากลับไปบ้าง
ซึ่งคำพูดของชิโยะนั้นก็ได้ทำให้นากาเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางนึกถึงท่าทีของชิโยะที่ทานเสบียงอาหารของพวกเขาอย่างเอร็ดอร่อยก่อนที่เขาจะหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยปากพูดตอบกลับไป
“ก็นั่นสินะ… ในเมื่อมันแท่งใหญ่ขนาดนี้ก็คงจะต้องตัดใจทิ้งเสบียงอาหารส่วนนึงไปแล้วล่ะมั้งถึงจะมีที่พอขนมันกลับไปได้น่ะ”
“อ่ะ— หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! ถ้าเกิดเจ้าคิดจะทิ้งมันจริงๆ ล่ะก็ส่งมาให้ตัวเรานี่มา!!”
คำพูดหยอกล้อเป็นครั้งที่สองของนากานั้นได้ทำให้รอยยิ้มของชิโยะชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพุ่งมือไปที่กระเป๋าบรรจุเสบียงอาหารและนำมันมาวางเอาไว้บนตักของอีฟที่นั่งอยู่บนตักของเธออีกทีหนึ่งและกอดมันแน่นจนกลายเป็นก้อนกลมๆ ด้วยท่าทีราวกับมังกรหวงไข่จนทำให้นากาหลุดเสียงหัวเราะออกมา