บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 185 Trepidation
“อ่ะ อยู่ที่นี่กันจริงๆ ด้วย~”
“อาจารย์เอริมาแหน่ะครับนากา”
“หืม? เอริซาเบธงั้นหรอ…”
ในช่วงเวลาพักเที่ยงของวันเดียวกันนั้นเอง เอริซาเบธที่ถูกท่านผู้อำนวยการสั่งให้จัดการทำเอกสารและแจ้งเรื่องงานของเอริกะให้พวกเด็กๆ ทราบก็ได้เดินตรงดิ่งไปที่ด้านหน้าห้องพยาบาลทางฝั่งด้านนอกอาคารเรียนอันเป็นสถานที่ที่พวกนากาต้องมาเพื่อพาโมโกะมาเปลี่ยนแผลพันแผลเป็นประจำในทุกๆ วันก่อนที่เธอจะแจ้งเรื่องภารกิจของเอริกะให้พวกเด็กๆ ทั้งสองคนทราบจนทำให้นากาต้องพูดถามกลับไปด้วยความแปลกใจ
“สรุปสั้นๆ ก็คือว่าเอริกะจะให้พวกฉันเดินทางไปที่แพนเทร่าเพื่อช่วยงานน่ะนะ?”
“มันก็อะไรประมาณนั้นแหล่ะ~ แล้วนอกจากพวกเธอแล้วรอบนี้ก็ยังมีไดเอน่าจังกับเคนซากิคุงเขาตามไปด้วยน่ะ~”
“อ่าหะ… ทางฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก แล้วทางนายล่ะคอนแนล?”
นากาที่เคยรับปากเอริกะไปว่าถ้าเธอต้องการให้เขาไปช่วยอะไรที่แพนเทร่าก็ให้เรียกใช้งานเขาได้ตามสบายนั้นได้พยักหน้าพูดตอบเอริซาเบธกลับไปด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนที่เขาจะหันไปพูดถามคอนแนลขึ้นมา ซึ่งทางด้านคอนแนลที่เป็นทั้งนักเรียนของกลุ่มดอว์น สมาชิกกลุ่มของเอริกะ และอัศวินของทางวังหลวงพร้อมๆ กันนั้นก็ได้พูดตอบเขากลับไปแบบไม่คิดอะไรมาก
“ถ้าท่านผู้อำนวยการอนุมัติแล้วก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ว่าแต่นอกจากพวกผมแล้วยังมีคุณไดเอน่ากับคุณเคนซากิไปด้วยงั้นหรอครับ?”
“คุณประธานนักเรียนไดเอน่าจัง แล้วก็คุณนักเรียนแลกเปลี่ยนเคนซากิคุงที่อยู่ห้องเดียวกันกับพวกเธอคนนั้นนั่นแหล่ะ~”
เอริซาเบธที่ถูกพูดถามขึ้นมานั้นได้พูดตอบคอนแนลกลับไปด้วยท่าทางอารมณ์ดีพร้อมๆ กับที่เธอได้เอื้อมมือไปหยิบขนมที่พวกนากาถือเอาไว้มากินเล่นหน้าตาเฉย ส่วนทางด้านนากาที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พูดถามขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน
“แล้วคราวนี้ฉันพาอีฟไปด้วยได้หรือเปล่า?”
“ก็ถ้าพวกเธอช่วยกันดูแลอีฟเขาได้ดีเหมือนคราวที่แล้วก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกล่ะมั้ง โอ๊ะ— อันนี้อร่อยดีนะ พวกเธอไปซื้อมาจากร้านไหนเนี่ย~”
ในขณะที่ทางด้านเอริซาเบธเหมือนจะกำลังสนุกอยู่กับการลองชิมขนมที่พวกนากาหามาได้อยู่นั้น ทางด้านเจ้าของขนมอย่างนากาก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ กับคำชมของเอริซาเบธเมื่อเขานึกไปถึงเมื่อตอนที่อยู่ดีๆ อีฟก็ออกวิ่งหนีหายเข้าไปในป่าต้องห้ามของหมู่บ้านรีซาน่าเข้า ในขณะที่ทางด้านคอนแนลนั้นก็ได้พูดถามเอริซาเบธเกี่ยวกับเรื่องงานของเอริกะในคราวนี้ขึ้นมา
“ว่าแต่แทนที่คุณเอริกะจะให้พวกผมไปช่วยงานที่แพนเทร่านี่สู้ส่งอาจารย์เอริหรือว่าคุณมีอาเข้าไปเลยจะไม่ดีกว่าหรอกหรอครับ?”
“แหม่~ ก็ถ้าเกิดว่าฉันแยกร่างได้ฉันก็ว่าจะเสนอตัวเองไปตั้งแต่แรกอยู่แล้วล่ะนะ~ แต่บังเอิญว่าตอนนี้ทั้งฉันทั้งเดรคต้องมาช่วยกันนั่งผลิตยูนิตให้พวกเด็กๆ คนอื่นอยู่น่ะ ส่วนมีอาเขาตอนนี้ก็กำลังยุ่งกับการจับตัวอลิซมาพักผ่อนให้หายเจ็บก่อนอยู่นั่นแหล่ะ~”
“เออ สรุปว่านี่อลิซเขาบาดเจ็บกลับมาอีกแล้วหรอน่ะ? ไปๆ มาๆ ฉันนึกว่าอลิซเขาแค่ชอบเอาผ้าพันแผลมาพันตัวเอาไว้เฉยๆ แล้วซะอีกนะ ให้ตายสิ…”
คำพูดของเอริซาเบธนั้นได้ทำให้นากาที่สังเกตเห็นว่าอลิซถูกจับพันผ้าพันแผลแทบจะทั้งตัวอีกครั้งหนึ่งแล้วต้องพูดบ่นออกมาเบาๆ และนั่นก็ทำให้เอริซาเบธที่กำลังฉกขนมของพวกเด็กๆ มาทานเล่นอย่างสนุกปากแทบจะหลุดหัวเราะออกมา
“แหม่ ไม่แน่ว่าอลิซเขาก็อาจจะชอบแบบนั้นจริงๆ ก็ได้นะ เพราะคนอะไรจะหาเรื่องเจ็บตัวได้ตลอดเวลาแบบนั้นกันล่ะจริงมั้ย~ แต่มันก็อย่างที่ฉันบอกไปนั่นแหล่ะว่าพวกฉันไม่ว่างกันเลยสักคน เพราะงั้นคุณเอริกะเขาก็เลยเหลือคนที่จะไว้ใจมอบหมายงานนี้ให้ได้อยู่ไม่กี่คนอย่างพวกเธอเนี่ยแหล่ะ~”
“ไว้ใจได้งั้นหรอครับ… แหะๆ …”
คอนแนลที่ได้ยินคำชมของเอริซาเบธได้ยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของตัวเองด้วยท่าทีปลาบปลิ้มใจจนทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นและพอจะรู้ว่าเพื่อนของตนดูเหมือนจะมีความรู้สึกพิเศษให้กับนักประดิษฐ์สาวมากความสามารถตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้และหันกลับไปพูดถามเอริซาเบธเกี่ยวกับเรื่องงานแทน
“ว่าแต่แล้วเดี๋ยวพวกเราจะต้องเดินทางกันวันไหนล่ะ?”
“พรุ่งนี้เช้าจ้ะ”
“อ่าหะ… ถ้างั้นเดี๋ยวก็ต้อง… เดี๋ยวสิ เมื่อกี้นี้เธอว่าไงนะ?”
“ก็พรุ่งนี้เช้าเลยไง~”
“หา—!? นี่เธอกะจะไม่ให้พวกฉันเตรียมตัวอะไรเลยสักหน่อยหรือไงเนี่ย?”
ก๊อก ก๊อก
“………..”
ยังไม่ทันที่นากาจะได้ร้องโวยวายจนจบดีนั้นเองก็ได้มีเสียงเคาะกระจกดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของพวกเขาพร้อมๆ กับที่คาร์เทียร์ได้โผล่หน้าพ้นออกมาจากผ้าม่านของห้องพยาบาลด้วยสายตาดุๆ เป็นเชิงตำหนิจนทำให้นากาต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองให้อีกฝ่ายดูเพื่อเป็นการรับทราบในทันที
และหลังจากที่คาร์เทียร์ปิดผ้าม่านกลับไปแล้วนั้นเองนากาที่หันกลับไปหาเอริซาเบธก็ได้พบเข้ากับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของอีกฝ่ายที่ดูราวกับว่ากำลังกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้อยู่จนทำให้เขารู้ตัวว่าพลาดท่าให้กับการกลั่นแกล้งของเอริซาเบธเข้าเสียแล้ว
“นี่ตกลงว่าที่จริงแล้วพวกเราไม่ได้จะต้องออกเดินทางกันพรุ่งนี้เช้างั้นสินะ?”
“ก็ต้องแน่อยู่แล้วสิ เพราะว่าท่านผู้อำนวยการเขาเพิ่งจะตกลงใจอนุมัติเมื่อเช้านี้คนอื่นๆ เขาก็เลยยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรเลยน่ะ~”
“เฮ้อ… เล่นเอาผมตกใจหมดเลยนะครับ นึกว่าจะต้องออกไปทำงานติดๆ กันแล้วซะอีก”
“อย่างนายน่ะแค่ตกใจ อย่างฉันเนี่ยใจหายไปแล้วเรียบร้อยเลย เพราะตอนที่อารอนพาพวกฉันมาที่เมืองก็ทำท่าแบบเดียวกันนี้เด๊ะๆ แถมยัยจิ้งจอกนี่ก็ยังเป็นคนขับรถให้เหมือนกันอีกต่างหาก…”
นากาที่ได้ยินคำพูดด้วยความโล่งอกของคอนแนลนั้นได้พูดบ่นตามออกมาด้วยเช่นกัน และนั่นก็ทำให้เอริซาเบธที่ได้ยินแบบนั้นหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“หน่าๆ ก็ตอนนั้นมันเป็นเหตุฉุกเฉินนี่นา~ เอาเป็นว่าอีกสักสองสามวันก็น่าจะมีใครไปแจ้งพวกเธอเองนั่นแหล่ะว่าจะออกเดินทางกันวันไหนน่ะ ว่าแต่นี่คาร์เทียร์จังเขาจะทำแผลให้โมโกะเสร็จแล้วหรือยังเนี่ย ฉันอยากจะลองหลอกโมโกะเขาดูบ้างแล้วน่ะ~”
เอริซาเบธที่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีนั้นได้ชะโงกหน้าแอบลอบมองเข้าไปด้านในห้องพยาบาลผ่านทางผ้าม่านที่คาร์เทียร์ดึงกลับมาปิดไม่มิดดีก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย
“เอ…ว่าแต่ยัยหนูอีฟจอมซนของพวกเธอไปอยู่ที่ไหนซะแล้วล่ะนั่น?”
“หืม? อีฟน่ะหรอ ก็น่าจะเล่นอยู่กับซิลเวสข้างในนั้นไม่ใช่หรอ”
“ก็ที่ฉันถามนี่ก็เพราะว่าฉันไม่เห็นอีฟเขาอยู่ข้างในนี้เนี่ยแหล่ะ…”
“เอ๋ะ? หะ–?”
คำพูดของเอริซาเบธนั้นได้ทำให้นากาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจก่อนที่เขาจะดันเอริซาเบธออกไปทางด้านข้างเพื่อที่จะได้ส่องเข้าไปด้านในห้องพยาบาลดูบ้าง และนั่นก็ทำให้เขาได้พบกับโมโกะที่เปลี่ยนผ้าพันแผลชุดใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้วและกำลังพยายามที่จะทานยาอะไรบางอย่างอยู่กับคาร์เทียร์ที่กำลังทำความสะอาดและจัดเก็บอุปกรณ์ทางการแพทย์โดยไร้ซึ่งวี่แววของอีฟและซิลเวสที่ควรจะเล่นกันอยู่ในห้องพยาบาลเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งภาพที่นากาเห็นนั้นก็ทำให้เขาต้องรีบเลื่อนประตูของห้องพยาบาลให้เปิดออกและร้องถามขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกในทันที
“อีฟหายไปไหนแล้วน่ะโมโกะ!?”
“ถ้าอีฟจังล่ะก็เมื่อกี้นี้เห็นพี่ซิลเวสเขาบอกจะพาไปดูอะไรดีๆ แล้วก็หิ้วตัวไปเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ แล้วก็อย่าส่งเสียงดังในห้องพยาบาลด้วยค่ะ”
“ซิลเวสพาออกไป? บ–แบบนั้นจะไม่เป็นอะไรจริงๆ หรอนั่น?”
นากาที่ได้ยินคำตอบและคำเตือนของคาร์เทียร์นั้นไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจคำเตือนของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อยและแสดงท่าทีกลัดกลุ้มออกมาอย่างชัดเจน เพราะว่าถ้าจะให้พูดกันจริงๆ แล้ว ซิลเวสผู้เป็นน้องสาวของทุกคนนั้นก็เหมือนจะมีอายุสมองมากกว่าพรีมูล่าเพียงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น และการปล่อยให้พวกเด็กๆ แสนซนทั้งสองคนอยู่ด้วยกันโดยไม่มีใครคอยคุมเอาไว้มันก็ฟังดูไม่ค่อยจะเป็นความคิดที่ดีเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งท่าทีกลุ้มใจของนากานั้นก็ได้ทำให้คอนแนลต้องรีบพูดห้ามเอาไว้ก่อนที่เพื่อนของเขาจะได้พุ่งออกจากห้องพยาบาลเพื่อตามหาเด็กๆ ทั้งสองคนอย่างไร้จุดหมาย
“ไม่เป็นไรหรอกครับนากา ถึงจะเห็นซิลเวสเขาเป็นแบบนั้นแต่ว่าเขาก็เป็นเด็กดีอยู่นะครับ อย่างมากที่สุดก็น่าจะแค่พาอีฟไปแกล้งพวกอัลเบิร์ตเล่นนั่นแหล่ะครับ”
“ถึงนายจะบอกว่าอย่างงั้นก็เถอะ…”
“เอาน่าๆ นากาคุง นานๆ ทีปล่อยให้เด็กๆ เขาได้เล่นสนุกกันบ้างก็ได้มั้ง คุมเข้มมากๆ เข้าระวังจะโดนลูกสาวเกลียดเอานะ~”
“ใครเป็นลูกสาวใครกันหะ!?”
คำพูดของเอริซาเบธที่พูดขึ้นมานั้นได้ทำให้นากาต้องหันไปพูดเถียงกลับไปในทันที ส่วนทางด้านโมโกะที่ทานยาของเธอเสร็จแล้วนั้นก็ได้เดินเข้ามากุมมือของนากาเอาไว้เมื่อเธอเห็นว่าเขามีท่าทีกลุ้มใจที่ไม่เห็นอีฟอยู่ในสายตาแบบนั้นก่อนที่เธอจะพูดถามเอริซาเบธขึ้นมาเพื่อเป็นการเปลี่ยนเรื่อง
“ว..ว่าแต่อาจารย์เอริมีเรื่องอะไรหรือเปล่า? เห็นเมื่อกี้นี้นากาเขาโวยวายเสียงดังเลยนี่นา..”
“อ๋อ… ก็นิดหน่อยแหล่ะจ้ะ…”
เอริซาเบธที่เห็นว่าโมโกะยังคงพูดกับเธอแบบกล้าๆ กลัวๆ ไม่เหมือนกับท่าทีของเด็กสาวที่ออกจะเป็นคนมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์คุณค่าของตนเองเหมือนกับเมื่อตอนก่อนที่จะเกิดเรื่องที่หมู่บ้านโมริโกะนั้นได้ยกมือขึ้นมาเกาแก้มตัวเองเล็กน้อยก่อนที่เธอจะโยนหน้าที่ในการพูดอธิบายไปให้นากาแทน
“แต่ว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก็ให้นากาคุงเป็นคนเล่าให้ฟังเลยน่าจะดีกว่าเนอะ~”
“เธอแค่ขี้เกียจเล่าอีกรอบก็บอกมาเถอะน่า… เฮ้อ…”
นากาที่พอจะใจเย็นกับการหายตัวไปของอีฟได้แล้วนั้นได้พูดบ่นขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะแจ้งเรื่องการเดินทางไปทำงานให้เอริกะให้โมโกะได้ฟัง
ปึ้ง! ปึ้ง!
“พี่เนล~ อยู่ในนี้หรือเปล่า~”
ปึ้ง! ปึ้ง!
ในขณะที่ทางด้านนากากำลังจะเล่าเรื่องงานที่เอริกะมอบหมายมาให้พวกเขาให้โมโกะฟังอยู่นั้นเอง ทางด้านซิลเวสที่พาตัวอีฟไปเล่นอะไรสนุกๆ นั้นก็กำลังเหวี่ยงกำปั้นเล็กๆ ของเธอเข้าใส่ประตูหน้าของห้องชมรมฝึกซ้อมการต่อสู้จนเกิดเสียงดังลั่นจนทำให้เนลที่กำลังคุมการฝึกของเด็กนักเรียนคนอื่นอยู่ภายในต้องรีบเดินมาเปิดประตูให้เด็กสาวก่อนที่มันจะหลุดออกมาทั้งบาน
“รู้แล้วๆ วันหลังแค่เคาะเบาๆ ไม่ต้องทุบแรงขนาดนี้ก็ได้น่ายัยตัวแสบ แล้วนี่ไปลักพาตัวเด็กที่ไหนมาด้วยเนี่ย…?”
“นี่ก็อีฟจังที่พี่นากากับพี่โมโกะเขาพามาเล่นเป็นเพื่อนพี่คาร์เทียร์ที่ห้องพยาบาลไง~”
“เด็กคนที่ว่านาการับไปเลี้ยงนั่นน่ะหรอ… ยินดีที่ได้รู้จักก็แล้วกัน”
“…….!”
คำพูดทักทายของเนลได้ทำให้อีฟรีบโบกไม้โบกมือทักทายตอบกลับไปในทันที ซึ่งเนลที่เห็นแบบนั้นก็ได้พยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหันกลับไปหาซิลเวสและเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“ที่มานี่คือจะพาไปที่ด้านหลังล่ะสิ? ของที่เธอฝากเอาไว้ยังอยู่ที่เดิมนั่นล่ะ จำทางได้ใช่หรือเปล่า?”
“โธ่เอ๊ย ก็แค่เดินเข้าประตูด้านหลังไปเองไม่ใช่หรอพี่เนล~ ไปกันเถอะอีฟจัง~”
ซิลเวสที่ได้ยินคำถามของเนลนั้นได้ร้องโวยวายใส่เขากลับไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเดินจูงมืออีฟผ่านเหล่าเด็กนักเรียนที่กำลังฝึกใช้งานพาร์ทแขนกลติดโล่วิซเข้าไปด้านในตัวอาคารและทะลุออกประตูไปยังลานกว้างด้านหลังโรงฝึกที่ถูกใช้งานเป็นลานเก็บอุปกรณ์ขนาดย่อมๆ ก่อนที่เธอจะปล่อยมือของอีฟออกและพูดบอกเด็กสาวขึ้นมา
“รอพี่แป๊บนึงนะอีฟ เดี๋ยวพี่ไปหยิบของมาก่อน”
หลังจากที่ซิลเวสพูดบอกอีฟไปเสร็จแล้วเธอก็ได้เดินหายเข้าไปด้านหลังกองอุปกรณ์จำนวนมากโดยปล่อยให้อีฟที่ไม่มีอะไรทำได้แต่หันไปมามองดูซ้ายขวาด้วยดวงตาที่ปิดสนิทอยู่ของเธอ
“….!”
ในขณะที่อีฟกำลังมองสำรวจดูรอบๆ อยู่นั้นเอง เธอก็ได้สังเกตเห็นกระถางอิฐทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าอันหนึ่งเข้าและนั่นก็ทำให้เธอไม่รอช้าที่จะเดินตรงดิ่งเข้าไปสำรวจดูในทันที
และนั่นก็ทำให้เธอได้พบเข้ากับต้นอ่อนสีเขียวต้นเล็กๆ ที่กำลังชูยอดของมันขึ้นมาจากใจกลางกระถางเพื่อรับแสงแดดยามเที่ยงวันเข้า
“อ่ะ เจอมันซะแล้วหรออีฟจัง พี่กะว่าจะเป็นคนพามาดูแท้ๆ นะ~”
ในขณะที่อีฟกำลังมองตรงไปยังต้นอ่อนที่อยู่ในกระถางดอกไม้อยู่ด้วยท่าทีสนอกสนใจอยู่นั้นเองก็ได้มีเสียงของซิลเวสที่กำลังเดินตรงมาทางเธอพร้อมกับบัวรดน้ำและอุปกรณ์ทำสวนในมือดังขึ้นมาให้เธอได้ยิน ซึ่งซิลเวสก็ได้เดินตรงเข้ามานั่งยองๆ อยู่ที่ด้านข้างกายของอีฟก่อนที่เธอจะพูดถามเด็กสาวขึ้นมา
“เป็นไงบ้างล่ะ ชอบหรือเปล่าเอ่ย?”
“……!”
อีฟที่ถูกพูดถามขึ้นมานั้นได้หันกลับไปพยักหน้าให้กับซิลเวสสองสามทีก่อนที่เธอจะหันกลับไปจ้องมองหน่ออ่อนของเมล็ดพันธุ์ต่อไป ซึ่งอีฟก็ได้ใช้เวลาจ้องมองมันสักพักหนึ่งก่อนที่เธอจะยื่นนิ้วออกไปจิ้มมันเบาๆ
ส่วนทางด้านซิลเวสที่เห็นว่าอีฟไม่ได้ทำอะไรรุนแรงกับต้นอ่อนเบื้องหน้าเลยนั้นก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะยกบัวรดน้ำในมือขึ้นมาให้เด็กสาวได้ดู
“อีฟจังสนใจอยากจะลองรดน้ำดูบ้างมั้ยเอ่ย~?”
“……?”
คำถามของซิลเวสในคราวนี้ได้ทำให้อีฟต้องหันกลับมาเอียงคอให้อีกฝ่าย และนั่นก็ทำให้ซิลเวสที่เห็นว่าอีฟดูเหมือนจะไม่รู้จักการรดน้ำต้นไม้ไม่รอช้าที่จะสอนสิ่งใหม่ให้กับเด็กสาวในทันที
“ถือบัวรดน้ำเอาไว้อย่างนี้ แล้วก็เอียงให้น้ำมันไหลออกมาเบาๆ จนหมดก็เสร็จแล้วล่ะ ลองดูสิ~”
“….!”
อีฟที่ได้ยินคำสอนของซิลเวสนั้นได้พยักหน้ากลับไปให้อีกฝ่ายและรับเอาบัวรดน้ำมาทำตามที่อีกฝ่ายบอกในทันที ซึ่งซิลเวสก็ได้มองดูวิธีการรดน้ำต้นไม้ของอีฟอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดขึ้นมาเบาๆ
“นี่อีฟจัง… ถ้าเป็นไปได้นานๆ ทีหนูก็ช่วยมาดูแลดอกไม้นี่ให้พี่เป็นบางครั้งจะได้หรือเปล่าน่ะ…”
“……?”
น้ำเสียงของซิลเวสในคราวนี้ที่แฝงเอาไว้ด้วยความเศร้านั้นได้ทำให้มือของอีฟที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันเงยหน้ากลับขึ้นไปมองทางด้านซิลเวสด้วยความสงสัย
“เจ้าดอกไม้นี่… พี่เป็นคนสอนเพื่อนอีกคนนึงปลูกมันเองน่ะจ้ะ… จะบอกว่ามันเป็นสิ่งสุดท้ายที่พี่ได้ทำร่วมกับเพื่อนคนนั้นมันก็คงจะไม่ผิดหรอกล่ะมั้ง…”
ซิลเวสที่เห็นท่าทีสงสัยของอีฟได้พูดเล่าเรื่องที่มาของต้นอ่อนดอกไม้เบื้องหน้าให้เด็กสาวได้ฟังก่อนที่เธอจะนิ่งเงียบไปสักพักและพูดขึ้นมาพลางมองดูไปที่มือที่สั่นเทาของตัวเอง
“เพื่อนของพี่คนนั้นถูกคนไม่ดีทำร้ายน่ะจ้ะ เพราะงั้นพี่ก็เลยโกรธมากถึงขั้นอยากจะออกไปจัดการพวกเขาให้หมด… แต่ว่าหลังจากที่พี่ได้ออกไปต่อสู้จริงๆ มาเมื่อวานนี้… มันทำให้พี่ได้รู้ว่าสนามรบจริงๆ มัน… น่ากลัว… ขนาดไหนน่ะจ้ะ…”
ซิลเวสที่นึกย้อนไปถึงเมื่อตอนที่เธอผลีผลามใช้ยูนิตพุ่งออกไปเพียงคนเดียวและทำได้เพียงแค่ยืนปวดทั้งไปทั้งตัวจนขยับไม่ได้อยู่ท่ามกลางกลุ่มศัตรูที่ค่อยๆ ย่างก้าวเข้ามาเพื่อสังหารเธอโดยไม่รู้ว่าคอนแนลจะตามมาช่วยเหลือเธอได้ทันเวลาหรือไม่นั้นได้ก้มหน้าลงด้วยท่าทีหวาดกลัว
แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ทำให้เด็กสาวรู้สึกหวาดกลัวมากกว่าก็กลับเป็นการที่เธอได้รับรู้ว่าสิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์นั้นอ่อนแอและเปราะบางขนาดไหนเสียมากกว่า เพราะว่าเพียงแค่การโจมตีเพียงครั้งเดียวของเธอที่ถูกเสริมด้วยยูนิตนั้นก็ถึงกับสามารถทำให้ร่างกายของอีกฝ่ายที่ดูแล้วไม่ต่างไปจากมนุษย์ธรรมดาๆ มากนักแหลกเหลวไปได้แบบนั้น แล้วถ้าเกิดว่าศัตรูของพวกเธอเองก็สามารถทำได้อย่างเดียวกันและเป็นฝ่ายบุกเข้ามาโจมตีพวกเธอทีเผลอบ้าง มันก็อาจจะเป็นคราวของพวกเธอบ้างที่จะต้องเจอกับชะตากรรมแบบนั้นเสียเอง
“พี่ไม่อยากจะให้ใครต้องมาเจอเรื่องแบบเดียวกับเพื่อนของพี่คนนั้นที่หมู่บ้านของพวกเขาถูกคนที่มีความสามารถพอจะช่วยเหลือได้ทอดทิ้งจนเพื่อนของพี่ต้องสละตัวเองไป… พี่ไม่อยากจะให้ชีวิตของเพื่อนๆ พี่คนไหนต้องขึ้นอยู่กับพวกผู้ใหญ่ไม่ได้เรื่องพวกนั้นอีกแล้ว… เพราะงั้นพี่ก็เลยตัดสินใจว่าจะออกไปต่อสู้เพื่อทุกๆ คน…”
“……..”
“แต่ว่าพอพี่ได้ออกไปต่อสู้มาจริงๆ แล้ว… พี่ก็… พี่ก็กลัวขึ้นมาซะงั้น… ฮึก… แต่ว่าเพื่อนๆ ของพี่ทุกคนเขาก็ออกไปสู้กันหมด… พี่ก็เลยไม่อยากจะอยู่รอพวกเขาที่ออกไปแล้วไม่รู้จะกลับมาหรือเปล่า… พี่ก็อยากจะออกไปช่วยพวกเขาด้วย… แต่ว่ามันน่ากลัว….”
แปะ
“…!”
ในขณะที่ซิลเวสดูเหมือนว่าจะเริ่มตวบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่และพูดพึมพำออกมาเบาๆ ด้วยท่าทีหวาดกลัวอยู่นั้นเอง อยู่ๆ อีฟที่เห็นท่าทีหวาดกลัวของเด็กสาวข้างกายก็ได้ยกมือขึ้นไปแปะลงบนศีรษะของเด็กสาวหูแมวเบาๆ ก่อนที่จะขยับมือลูบไปมาเพื่อเป็นการปลอบใจ
ซึ่งนั่นก็ดูเหมือนจะทำให้ซิลเวสตั้งสติได้และยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาของตนเองก่อนที่เธอจะพูดบอกเด็กสาวขึ้นมา
“แหะๆ พอดีว่าช่วงนี้พี่นอนไม่ค่อยจะหลับก็เลยเผลอตัวไปหน่อยน่ะจ้ะ เอาเป็นว่าถ้าเกิดวันไหนหนูอยากแวะมาดูดอกไม้ดอกนี้อีกก็มาดูได้ทุกเมื่อเลยเนอะ”
“….!”
“ถ้างั้นพี่ขอตัวไปดูแลดอกไม้ตรงลานอเนกประสงค์ก่อนก็แล้วกันเนอะ หนูจำทางกลับไปที่ห้องพยาบาลได้มั้ยเอ่ย?”
“…….!”
อีฟที่ได้ยินคำถามของซิลเวสนั้นได้พยักหน้าถี่ๆ กลับไปให้เธอ และนั่นก็ทำให้ซิลเวสที่เห็นแบบนั้นจัดเก็บอุปกรณ์ทำสวนของเธอและรีบเดินจากไปในทันทีโดยทิ้งอีฟเอาไว้เบื้องหลังราวกับว่าเธอไม่กล้าสู้หน้าเด็กสาวหลังจากที่เผลอตัวหลุดปากระบายเรื่องน่าอับอายออกมาให้เธอฟังอย่างไรอย่างนั้น
ซึ่งทางด้านอีฟที่ถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลังและพยักหน้าตอบกลับไปว่าเธอจำทางกลับไปที่ห้องพยาบาลได้นั้นก็ได้เอียงคอเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันไปมามองซ้ายมองขวาด้วยท่าทีราวกับว่าเธอจำทางกลับออกไปจากลานกว้างที่เต็มไปด้วยกองอุปกรณ์การฝึกนี้ไม่ได้ซะด้วยซ้ำ
“ให้ตายสิ… พาน้องเขามาแล้วดันปล่อยให้เขากลับเองเฉยเลยเนี่ยนะ…”
“….!!”
ในขณะที่อีฟกำลังจะท่าเหมือนกับว่าจะเดินลึกเข้าไปด้านในลานเก็บอุปกรณ์มากขึ้นอยู่นั้นเอง อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงของเนลที่ดูเหมือนว่าจะแอบดูพวกเธอมาได้สักพักหนึ่งแล้วดังขึ้นมาจนทำให้อีฟต้องหันไปมองทางด้านต้นเสียง
ซึ่งทั้งเด็กหนุ่มเด็กสาวต่างวัยก็ได้จ้องมองกันอย่างเงียบๆ อยู่สักพักหนึ่งก่อนที่เนลจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน
“เดี๋ยวฉันพาเธอกลับไปที่ห้องพยาบาลให้เองก็แล้วกัน มาสิ”
“……..”
คำพูดของเนลได้ทำให้อีฟเอียงคอเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเดินมาจับมือของเขาเอาไว้ ซึ่งเนลก็ได้ผงกหัวเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเริ่มต้นเดินนำทางเธอกลับไปห้องพยาบาลพร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้นมาให้เด็กสาวฟังไปด้วย
“เรื่องที่ซิลเวสเขาพูดนั่นเธอไม่ต้องลำบากใจอะไรมากนักก็ได้… ความรู้สึกที่ซิลเวสพูดออกมามันก็คือราคาที่ซิลเวสของต้องจ่ายในการจับอาวุธพวกนั้นน่ะ… แล้วที่ฉันพูดว่าไม่ต้องลำบากใจนี่ฉันหมายถึงเรื่องดอกไม้ที่พรีมูล่าเป็นคนปลูกนั่นด้วย ถ้าเธอไม่อยากล่ะก็จะไม่มาก็ได้นะ”
“………”
คำพูดของเนลในคราวนี้ได้ทำให้อีฟหยุดฝีเท้าของเธอลงและหันกลับไปมองทางด้านโรงฝึกเล็กน้อยก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นไปมองเนลและส่ายหน้าให้กับเขา
ซึ่งสิ่งที่อีฟทำนั้นก็ได้ทำให้เนลเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมาก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นไปลูบศีรษะของเธอเบาๆ
“เข้าใจแล้วล่ะ… งั้นถ้าเกิดว่าเธอจะมาดูแลดอกไม้นั่นเมื่อไหร่ก็มาเคาะประตูเรียกฉันที่โรงฝึกก็ละกัน”