บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 23
ตู้ม!!!
“เสียงอะไรน่ะ!?”
ในขณะที่นากากับพรรคพวกกำลังนั่งมองดูพรีมูล่ากำลังโดนอลิซสั่งสอนเพราะว่าเธอกดกระดิ่งเล่นรัวๆ อยู่นั้นเอง จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาทำให้พวกเขารีบวิ่งออกมานอกตัวบ้านเพื่อมองหาที่มาของเสียงระเบิดนั้นในทันที
แต่ว่าพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาค้นหาเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าทันทีที่ก้าวขาพ้นประตูบ้านมา พวกเขาก็เห็นหอคอยของปราสาทใจกลางเมืองที่แหว่งเป็นรูและมีควันสีดำจำนวนมากพวยพุ่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“ปราสาทมัน… คุณเอริกะยังไม่กลับมาจากที่นั่นเลยไม่ใช่หรอครับ!?”
“ใจเย็นๆ ก่อนสิคอนแนล! เข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนั้นมีแต่จะโดนลูกหลงเพิ่มนะ!”
แน่นอนว่าทันทีที่คอนแนลเห็นแบบนั้น เขาก็ร้องออกมาพร้อมทำท่าจะออกตัววิ่งไป จนทำให้อลิซต้องรีบจับตัวเขาเพื่อห้ามเอาไว้ซะก่อน
“แต่คุณเอริกะเขาอยู่ข้างในนั้นนะครับ! ปล่อยผม—”
ตู้ม!!
ในขณะที่คอนแนลกำลังตะโกนสวนอลิซกลับมานั้นเองก็ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่ควันสีดำซึ่งกำลังพวยพุ่งออกมาจากรูที่หอคอยนั้นจะทะลักออกมามากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
“พรีมูล่า! โมโกะ! จับตัวนากาเอาไว้เร็ว!!”
เมื่อเห็นแบบนั้นอลิซก็ก็รีบตะโกนสั่งเพื่อนสาวทั้งสองคนของเธอออกมาในทันทีโดยไม่ต้องหันไปมองทางด้านนากาซะด้วยซ้ำ เพราะถึงแม้ว่าเธอกับเขาจะเพิ่งพบกันได้ไม่นานแต่ว่าเธอก็ดูออกว่าเขานั้นมีนิสัยชอบช่วยเหลือคนอื่นมากขนาดไหน
ทันทีที่ได้ยินอลิซพูดออกมาแบบนั้น ทั้งสองก็หันกลับไปมองนากาที่ควรจะยืนอยู่ข้างหลังในทันที ก่อนจะพบว่าเขานั้นได้หายไปจากที่เดิมซะแล้ว
และเมื่อทั้งคู่กวาดตามองหาเขา พวกเธอก็พบว่านากานั้นกำลังพยายามที่จะปีนกำแพงบ้านเพื่อออกไปยังหอคอยนั้นอยู่ ทำให้พวกเธอรีบวิ่งตามไปดึงตัวเขาลงมาและช่วยกันล็อกแขนของนากาไว้คนละข้างในทันที
“หยุดเลยนะนากา!! / พี่นากาหยุ๊ดดดด!!”
“พวกนายทั้งคู่ใจเย็นลงก่อนสิ!!”
“ปล่อยฉัน!! / ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!!”
“ด—เดี๋ยว อย่าสะบัดสินากา—!?”
ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ
ในตอนที่ทุกอย่างกำลังชุลมุนวุ่นวายอยู่นั้นเอง เครื่องสื่อสารอันแรกที่นากาใส่เอาไว้ในหูตั้งแต่เมื่อเช้าก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมา ทำให้นากาที่กำลังพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากสองสาวชะงักไป ก่อนที่จะถูกแรงของพวกเธอที่หยุดมือไม่ทันกระชากจนล้มลงไปกองกับพื้น
“แค่ก! แค่ก! ฮัลโหลๆ มีใครได้ยินมั้ย! เอริ! มีอา! เดรค! นากา! ถ้าได้ยินแล้วตอบด้วย!!”
ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงของเอริกะไอค๊อกแค๊กดังขึ้นมาจากเครื่องสื่อสาร ซึ่งมันก็พอจะทำให้นากาโล่งใจขึ้นมาได้บ้างเมื่อเขาได้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นยังคงปลอดภัยอยู่ ก่อนที่เขาจะรีบถามถึงสถานการณ์ของอีกฝ่ายขึ้นมาในทันที
“เอริกะเธออยู่ที่หอคอยนั่นใช่มั้ย!? เกิดอะไรขึ้นข้างในนั้นน่ะ!”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน! ตอนนี้นายมองเห็นตรงจุดที่เกิดระเบิดเมื่อกี้หรือเปล่า!? ถ้าฉันจำไม่ผิดโมโกะกับพรีมูล่าใช้ปืนเป็นอาวุธใช่มั้ย!? ไปตามพวกเธอมาเดี๋ยวนี้เลย!!”
แต่ว่าเอริกะก็บอกปัดคำถามของเขาไปและพูดสั่งเขาออกมาอย่างรีบร้อน ทำให้นากาที่ได้ยินแบบนั้นรีบหันไปตะโกนสั่งพรีมูล่าออกมาในทันที
“พรีมูล่า! เอาปืนของเธอออกมาเร็วเข้า!”
“อ—เอ๋ะ—!? อื้อ!!!”
พรีมูล่าส่งเสียงออกมาอย่างสงสัย แต่ว่าเธอก็รีบหยิบปืนยาวประจำตัวที่เธอสะพายไว้ด้านหลังออกมาถือไว้ตามคำสั่งของพี่ชายในทันที
ส่วนทางด้านโมโกะเมื่อเธอได้ยินว่าจำเป็นต้องใช้ปืนนั้น เธอก็กระดิกหูของเธอและส่ายหางไปมาอย่างร่าเริงก่อนที่จะแอบย่องกลับไปเข้าในบ้านเพื่อที่จะหยิบปืนกลเบาของเธอออกมาบ้างในทันที
หมับ
“ว๊าย!?”
แต่ว่าการกระทำของเธอนั้นก็ไม่รอดพ้นสายตาของอลิซที่จับตามองดูเธอตั้งแต่ได้ยินคำว่าปืนหลุดออกมาจากปากของนากาแล้ว เธอจึงได้คว้าจับไปที่หางของโมโกะและดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ๆ พร้อมพูดใส่โมโกะออกมา
“สภาพแบบนั้นอยู่เฉยๆ ไปเลย!”
ในขณะที่ทางนากาที่เงียบไปเพื่อฟังคำสั่งต่อไปของเอริกะอยู่สักพักก็ได้พูดสั่งพรีมูล่าออกมาตามที่เอริกะบอกเขาผ่านเครื่องสื่อสาร
“พรีมูล่า! ถ้าเธอเห็นอะไรพุ่งออกมาจากรูนั่นก็ยิงมันให้ร่วงได้เลย!”
“เอ๋!? หนูยิงได้จริงๆ หรอ!”
พรีมูล่าที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็ทำตาเป็นประกาย ก่อนที่จะรีบดึงลูกเลื่อนปืนในมือของเธอเพื่อดันกระสุนจากซองกระสุนเข้าใส่ลำกล้องปืนอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอจึงยกมันขึ้นมาเล็งไปทางรูบนหอคอยนั้นในทันที
นากาที่เห็นพรีมูล่ามีท่าทีตื่นเต้นหลังจากได้รับอนุญาตให้ยิงอะไรก็ตามที่ออกมาจากรูนั่นได้ เขาก็ทำหน้าเจือนๆ ไปเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยปากถามเธออกมา
“นี่เธอไม่คิดจะลังเลสั—–”
ตู้ม!!!
ยังไม่ทันที่นากาจะได้พูดจบก็เกิดการระเบิดขึ้นที่หอคอยอีกครั้งหนึ่ง พร้อมๆ กับที่มีอะไรบางอย่างกระเด็นตามแรงระเบิดออกมา ซึ่งด้วยระยะที่ไกลเกินไปทำให้พวกเขามองได้ไม่ชัดนักว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ว่าทันใดนั้นเองพรีมูล่าก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงลังเล
“น…นั่นมัน… คนหรือเปล่าน่ะพี่นากา…? จะให้หนูยิงเขาจริงๆ หรอ?”
เมื่อนากาได้ยินน้องสาวของเขาพูดมาแบบนั้น เขาก็รีบเพ่งตาดูสิ่งที่กระเด็นออกมาอย่างแรงนั้นดูให้ชัดๆ ก่อนที่จะพบว่ามันมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์อย่างที่น้องสาวของเขาพูดขึ้นมาจริงๆ ทำให้เขาเอ่ยปากถามเอริกะผ่านเครื่องสื่อสารขึ้นมาอีกทีหนึ่งอย่างไม่มั่นใจนัก
“อ…เอริกะ…?”
“ยิงให้ร่วงลงมาเลย!!”
แต่ว่าเอริกะก็ได้รีบตะโกนสวนเขาขึ้นมาเสียงดัง ทำให้นากาที่ได้ยินแบบนั้นก็จนปัญญาได้แต่หันมาพยักหน้าให้กับพรีมูล่าเป็นสัญญาณให้เธอยิงมันในทันที
ปั้ง!!
พรีมูล่าคำนวณวิถีการตกของเป้าหมายด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่จะเล็งล้ำหน้าเป้าหมายไปเล็กน้อยและลั่นไกปืนในมือของเธอทำให้กระสุนน้ำแข็งพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่ว่าทันใดนั้นเองกลับมีประกายไฟสีเขียวส่องสว่างขึ้นมาจากเอวของร่างที่กำลังลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศนั้น ก่อนที่ร่างนั้นจะหยุดชะงักและสะบัดตัวเองหมุนติ้วออกไปจากวิถีเดิมทำให้กระสุนน้ำแข็งที่พรีมูล่าเล็งดักไว้เบื้องหน้านั้นพลาดเป้าไปอย่างเฉียดฉิว
ซึ่งเมื่อพวกเขาลองเพ่งมองดูดีๆ ก็พบว่าร่างที่กำลังลอยเป๋ไปมากลางอากาศนั้นมีอุปกรณ์บางอย่างติดไว้ที่เอวของเขา ซึ่งมันกำลังพ่นไฟสีเขียวอ่อนออกมาเล็กน้อย
ร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นดูเหมือนจะรู้ตัวว่าเพิ่งรอดจากการถูกยิงตกไปได้อย่างเฉียดฉิว เพราะว่าเขากำลังหันซ้ายหันขวาพยายามมองหาคนที่ลอบยิงเขาอยู่
“ยิงอีกทีสิพรีมูล่า!!”
“อื้ม!”
นากาที่เห็นท่าทางของอีกฝ่ายเหมือนว่าจะยังมองหาคนที่ลอบยิงไม่เจอนั้นเขาก็ได้สั่งให้พรีมูล่ายิงเข้าใส่ร่างกำลังลอยไปมาอยู่กลางอากาศนั้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพรีมูล่าก็พยักหน้าให้เขาและลั่นไกออกไปอย่างรวดเร็ว
ปั้ง!!
แต่ว่ากระสุนนัดที่สองของเธอก็พลาดเป้าเช่นกันเมื่อร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นกลับลดความสูงลงอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตาเมื่อไฟที่ถูกพ่นออกมาด้วยอุปกรณ์ที่เอวของเขานั้นได้ดับลงไป พร้อมๆ กับที่พวกนากาเหมือนจะได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจดังแว่วมา
แต่ทว่าก่อนที่ร่างนั้นจะตกลงกระแทกกับพื้น อุปกรณ์ที่เอวของเขาก็ได้พ่นไฟสีเขียวออกมาอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ร่างของเขาค่อยๆ ลอยขึ้นกลางอากาศและกลับเข้าสู่ความสูงเดิม“ตั้งใจยิงหน่อยสิพรีมูล่า!!”
“พี่นากามาลองยิงเองมั้ยอ่ะ!! เขาลอยเป๋ไปเป๋มาแบบนั้นจะให้หนูยิงยังไงล่ะ! แล้วตะกี้นี้อยู่ดีๆ เขาก็ร่วงไปแบบนั้นด้วยใครจะไปยิงโดนอ่ะ!!”
เมื่อพรีมูล่าที่กำลังขึ้นลำกล้องกระสุนนัดต่อไปอยู่ได้ยินพี่ชายของตนว่ามาแบบนั้น เธอก็หยุดมือลงและหันกลับมายืนเถียงกับพี่ชายของเธอโดยไม่ได้สนใจร่างที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศอยู่นั้นอีกต่อไป
ร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศซึ่งบังเอิญรอดมาจากกระสุนของพรีมูล่าไปได้อย่างเฉียดฉิวถึงสองครั้งด้วยกันนั้นได้หันมามองทางพวกเขาก่อนที่จะลอยเซไปเซมาเข้ามาหาอย่างช้าๆ
ซึ่งเมื่อร่างนั้นได้เข้ามาใกล้ถึงระยะหนึ่ง เขาก็ยื่นมือออกมาเบื้องหน้าก่อนที่เกราะแขนของเขาซึ่งรูปร่างใหญ่กว่าเกราะแขนปกติมากจะเลื่อนเปิดออก และตรงส่วนที่เปิดออกมานั้นก็เผยให้เห็นปากกระบอกปืนซึ่งถูกซ่อนเอาไว้ด้านในก่อนที่มันจะเรืองแสงสีเขียวออกมา
วิ๊ง— ปั้งปั้งปั้งปั้ง—!!
ทันใดนั้นเองก็ได้มีกระสุนวิซสีเขียวขนาดใหญ่พอๆ กับฝ่ามือถูกยิงออกมาอย่างต่อเนื่องและพุ่งโค้งลงใส่พวกนากาอย่างรวดเร็ว
ซึ่งทันทีที่นากาเห็นแบบนั้นเขาก็รีบวิ่งออกมาด้านหน้าของทุกคนก่อนที่จะยื่นแขนของเขาออกมาเบื้องหน้าโดยหันทางหลังมือของเขาออกไป
“พรีมูล่าส่งวิซมาเร็ว!!”
“ห–เหะ!?”
แต่ว่าพรีมูล่าซึ่งเจอของแปลกประหลาดที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนก็กลับหันมามองหน้าของเขาด้วยท่าทีมึนๆ งงๆ จนทำให้คอนแนลที่เห็นแบบนั้นรีบพูดออกมาในทันที
“ถ้าแค่วิซล่ะก็ใช้ของผมก็ได้นะครับ!”
หลังจากที่คอนแนลพูดจบเขาก็กระแทกโล่ของเขาลงกับพื้นให้มันตั้งตระหง่านป้องกันอลิซและโมโกะที่อยู่ใกล้ๆ
ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งมายืนอยู่เคียงข้างนากาและปลดปล่อยพลังวิซธาตุน้ำของเขาออกมาอาบร่างของนากาไปทั้งตัวในทันทีเนื่องจากว่าเขาไม่รู้ว่านากานั้นต้องการที่จะให้เขาส่งพลังวิซไปที่ตรงไหนกันแน่
และทันทีที่พลังวิซธาตุน้ำของเขาได้สัมผัสเข้ากับถุงมือของนากาที่ยื่นออกไปเบื้องหน้านั้นแผ่นคริสตัลที่ติดอยู่กับถุงมือก็ได้เรืองแสงสีขาวออกมา ก่อนที่มันจะควบแน่นพลังวิซธาตุน้ำของคอนแนลที่ยังคงถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องก่อให้เกิดสายน้ำพวยพุ่งออกมาจากรอบๆ ตัวคริสตัลในทันที
ฟู่ววววววว!!
คอนแนลที่เห็นว่าพลังวิซของเขากำลังทำปฏิกิริยากับถุงมือที่นากาสวมใส่อยู่ เขาก็ส่งพลังเข้าไปที่ถุงมือของนากาเพียงอย่างเดียวในทันทีและทำให้แผ่นคริสตัลนั้นได้รับวิซเข้าไปเป็นปริมาณที่มากขึ้นกว่าเดิม
และมันก็ได้ปล่อยสายน้ำออกมาเป็นจำนวนมากจนทำให้มันกลายเป็นเหมือนกับแผ่นน้ำที่กำลังไหลออกจากจุดศูนย์กลางอย่างรุนแรง
แต่โล่น้ำของพวกเขานั้นไม่ได้รับกระสุนเข้าไปโดยตรง เพราะว่าเมื่อกระสุนของอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาตกกระทบกับมันและพยายามที่จะเจาะทะลุเข้ามานั้น มันก็จะโดนมวลน้ำที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างต่อเนื่องผลักออกไปจนหลุดจากวิถีเดิมและตกกระทบกับพื้น
ซึ่งพอกระสุนสีเขียวเหล่านั้นกระทบกับพื้นมันก็ได้แตกออกมาเป็นสะเก็ดไฟสีเขียวจำนวนมากกระเด็นไปทุกทิศทาง จนทำให้พื้นดินบริเวณนั้นถูกระเบิดเป็นหลุมขนาดเล็กๆ กระจายไปทั่ว
และเมื่อทุกอย่างสงบลง คอนแนลก็ได้เงยหน้าขึ้นไปมองคนที่กำลังลอยตัวอยู่บนฟ้าด้วยอุปกรณ์บางอย่างนั้นก่อนที่เขาจะร้องออกมาด้วยความประหลาดใจในทันที
“คุณเวก้า!?”
“…คอนแนล!?”
เวก้าที่เห็นคอนแนลกำลังยืนอยู่ในกลุ่มของคนที่เพิ่งจะลอบยิงเขาไปถึงสองครั้งนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจเช่นกัน ก่อนที่เขาจะรีบทำให้ปืนลับที่ติดอยู่บนเกราะแขนของเขาหดกลับลงไปซ่อนอยู่เหมือนเดิม และรีบโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อที่จะทำให้ตัวเขาพุ่งข้ามหัวพวกนากาไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวก่อนสิครับคุณเวก้า!! ทำไมคุณถึ—–”
ปั้ง!!
คอนแนลที่เห็นว่าเวก้านั้นเป็นคนที่หลบหนีออกมาจากหอคอยที่ถูกระเบิดก็พยายามที่จะร้องเรียกเขาเอาไว้ก่อน แต่ว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจนจบก็ได้มีเสียงของกระสุนน้ำแข็งนัดที่สามของพรีมูล่าดังขึ้นมาซะก่อน
เพล้ง!!
“ไงล่ะ! เห็นรึยังพี่นากา! เมื่อกี้นี้เขาแค่โชคดีหลบได้เท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าหนูยิงไม่แม่นสักหน่อยอ่ะ!!”
ซึ่งคราวนี้เธอยิงเข้าใส่เวก้าที่กำลังบินจากไปได้อย่างแม่นยำแถมยังร้องอวดออกมาให้พี่ชายของเธอฟังอีกต่างหาก จนทำให้คอนแนลที่เห็นแบบนั้นได้แต่กะพริบตามองเธอด้วยสีหน้ายากที่จะบรรยาย
เวก้าที่ถูกพรีมูล่าลอบยิงเป็นครั้งที่สามนั้นก็พลิกตัวกลับมาทางเธอด้วยท่าทางหงุดหงิด ก่อนที่เขาจะยื่นมือออกมาข้างหน้าและเปิดปืนลับในเกราะแขนออกมาอีกครั้ง
แต่ว่าอยู่ดีๆ เขาก็รู้สึกว่าร่างของเขากำลังลดระดับความสูงลงเล็กน้อย ทำให้เขาเหลือบตาไปมองอุปกรณ์พ่นไฟที่ติดอยู่ตรงเอวและพบว่าที่ข้างหนึ่งของมันนั้นถูกน้ำแข็งเกาะเอาไว้จนทำให้อุปกรณ์ข้างนั้นแทบจะไม่พ่นไฟออกมาเลย
“…น้ำแข็ง? กระสุนเมื่อกี้นี้งั้นหรอ!?”
เวก้าที่เห็นแบบนั้นเขาก็เลิกความคิดที่จะยิงสวนกลับและรีบบินทิ้งระยะห่างหนีไปทางส่วนเหนือของเมืองอย่างรวดเร็ว
ปั้ง!!
กระสุนน้ำแข็งอีกนัดหนึ่งของพรีมูล่าถูกยิงไล่หลังตามเขาไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่าก็เป็นโชคดีของเขาเมื่ออุปกรณ์ข้างที่ถูกน้ำแข็งเกาะนั้นพ่นไฟออกมาได้ไม่สม่ำเสมอ จนทำให้ตัวเขาสะบัดไปทางด้านขวาจนกระสุนน้ำแข็งของพรีมูล่าที่น่าจะโดนเข้าที่กลางหลังกลับพุ่งเฉี่ยวแขนของเขาไปแทน
ปิ๊บ
“ทำได้ดีมากพรีมูล่า! ถึงเขาจะโชคดีหลบนัดสุดท้ายนั่นได้ก็เถอะ ไม่งั้นคงจะร่วงลงม— แค่ก! แค่ก!”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงของเอริกะดังขึ้นมาจากเครื่องสื่อสารของทุกคน ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะยังอยู่ที่หอคอยนั้นและมองดูพวกเขาที่พยายามจะสกัดเวก้าเอาไว้จึงได้สำลักควันไฟออกมาก่อนที่จะได้พูดจบ
“ใช่มั้ยล่า~ เรื่องยิงปืนเนี่ยหนูเก่งจะตายไป ขนาดโมโกะยังสู้ไม่ได้เลยนะ ถ้าไม่ใช่นายเวก้าอะไรนั่นโชคดีละก็หนูยิงไม่มีทางยิงพลา— เอ๋~? พี่นากา ทำไมหนูกดแล้วมันไม่มีเสียงดังออกมาอ่ะ?”
พรีมูล่าที่ได้ยินคำชมนั้นก็ไม่เกรงใจที่จะยืดอกพูดอวดความสามารถของตนออกมา แต่ว่าในขณะที่เธอพูดอวดไปได้สักพักเธอก็รู้ตัวขึ้นมาว่าตอนที่เธอกดเครื่องสื่อสารเพื่อพูดกับเอริกะไปเมื่อสักครู่นั้นมันไม่ได้ส่งเสียงสัญญาณอะไรออกมา ทำให้นากาที่เพิ่งนึกขึ้นได้พูดอธิบายออกมาอย่างรวดเร็ว
“อ้อ… อันที่พวกเธอได้ไปเห็นเอริกะบอกว่ามันคุยกันเองได้แค่สี่เครื่องน่ะ เพราะงั้นเลยติดต่อไปหาเอริกะเขาไม่ได้ล่ะมั้งนะ”
“เอ๋~~~ งี้ก็มีแต่พี่นากาที่คุยกับพี่เอริกะเขาได้สิ …ขี้โกงอ่ะ! ขอหนูคุยบ้างสิ!”
เมื่อพรีมูล่าได้ยินแบบนั้นเธอก็ร้องโวยวายออกมาทันทีก่อนที่จะเดินเข้าไปพยายามแย่งเครื่องสื่อสารของนากามาลองใช้ดูโดยไม่สนใจว่านากากำลังติดต่อกลับไปหาเอริกะอยู่เลยแม้แต่น้อย
“เอริกะ นี่เธอยังอยู่บนหอคอยนั่นอยู่อีกหรอไงน่ะ? ไม่ใช่ว่ามันไฟไหม้อยู่หรือไง รีบๆ ออกม—- โอ๊ย! นี่พรีมูล่าอย่าดึงสิ”
“พวกเธอนี่ร่าเริงกันดีจังนะ เพิ่งจะสู้เสร็– แค่ก! แค่ก! อ๊ะ… เหมือนว่าพวกคนในนี้จะรู้ตัวกันได้สักทีว่าเกิดเรื่องขึ้นนะ …เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะติดต่อกลับไปละกันนะ”
เอริกะพูดขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะสำลักควันออกมาอีกครั้ง และตามมาด้วยเสียงโวยวายของผู้คนจำนวนมากดังลอดผ่านเข้ามาในเครื่องสื่อสาร ทำให้เธอพูดนินทาออกมาด้วยเสียงที่เบาลง ก่อนที่เสียงเอะอะโวยวายนั้นจะดังขึ้นเรื่อยๆ จนพวกเขาจับใจความอะไรไม่ได้อีกต่อไป
หลังจากเวลาผ่านไปสักพักเสียงโวยวายนั้นก็เริ่มที่จะเบาลงเรื่อยๆ ก่อนที่จะเงียบลงไปเหมือนกับว่าเธอปลีกตัวออกมาจากจุดเกิดเหตุได้แล้ว และหลังจากนั้นไม่นานเอริกะก็ได้พูดผ่านเครื่องสื่อสารออกมาให้ได้ยินอีกครั้ง
“แล้วนี่ตกลงว่าคนที่หนีไปนั่นเป็นเวก้าอย่างที่ฉันคิดเอาไว้หรือเปล่า?”
“หืม… นี่เธอรู้ได้ยังไงว่าคนคนนั้นคือเวก้าน่ะ? อยู่ตั้งไกลขนาดนั้นเนี่ยนะ?”
นากาที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็ถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะว่ากว่าพวกเขาจะเห็นหน้าของคนที่บินหนีไปได้ชัดๆ ก็เรียกได้ว่าคนคนนั้นได้บินหนีออกมาจากหอคอยค่อนข้างไกลมากทีเดียว และจากมุมที่เอริกะเฝ้าดูอยู่นั้นไม่น่าจะมองเห็นหน้าของเขาได้ด้วยซ้ำไป
“เธอถามกลับมาแบบนี้ก็คงจะเป็นเวก้าจริงๆ ด้วยสินะ… ตอนแรกฉันก็ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่หรอก แต่ว่าตอนอยู่ข้างในปราสาทมีคนบอกฉันว่าเห็นเวก้ากำลังยืนรอฉันอยู่ที่หน้าห้องน่ะ”
นากาที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างโล่งอกและลองถามเอริกะเกี่ยวกับห้องทำงานของเธอ
“โชคดีนะที่เกิดระเบิดขึ้นมาก่อนน่ะ ไม่งั้นไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามาทำอะไรเธอหรือเปล่า… แล้วนี่สรุปว่าตรงนั้นเป็นห้องทำงานของเธอจริงๆ หรอน่ะ?”
“เอาจริงๆ ฉันเรียกชอบเรียกมันว่าห้องเก็บของมากกว่านะ… แต่ว่าถ้าเอาเป็นชื่อหรูๆ ที่พวกเขาตั้งไว้ให้มันจะชื่อว่า ‘ห้องเก็บอุปกรณ์รุ่นต้นแบบของเอริกะ ซิกมอร์ ห้องที่หนึ่ง’ น่ะ…”
เอริกะพูดอธิบายออกมาก่อนที่จะมีเสียงฝีเท้าจำนวนมากดังแทรกผ่านเครื่องสื่อสารขึ้นมาและตามด้วยเสียงแตกตื่นโวยว่ากำลังมีไฟไหม้ให้รีบหนีออกไป ทำให้เธอต้องเงียบลงรอให้ฝูงคนพวกนั้นเดินผ่านเธอไปก่อน
“แล้วทีนี้เวลาพวกเขาเห็นฉันสร้างอะไรขึ้นมาได้ก็บอกว่าจะเอาไปหาคนทดสอบดู แต่สุดท้ายก็เอามากองๆ รวมกันไว้ในห้องนั้นนั่นแหละ… จริงด้วย! ถ้าฉันมองดูไม่ผิดเหมือนว่าอลิซจะตื่นแล้วใช่มั้ย?”
“หืม..ก็ใช่นะ ก่อนหน้านี้เธอกำลังดูแลโมโกะที่สู้กับเวก้าจนหมดแรงที่หน้าบ้านของเธออยู่น่ะ …แต่ว่าตอนนี้ท่าทางเหมือนกำลังตั้งสมาธิทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ มีอะไรหรือเปล่า?”
นากาที่ได้ยินเอริกะถามหาอลิซก็ถือโอกาสนี้บอกให้รู้ว่าพวกเขาได้เจอกับเวก้าก่อนที่เขาจะได้เข้าไปในวังหลวงและระเบิดห้องเก็บของของเธอทิ้ง พลางหันไปมองอลิซที่กำลังยืนนิ่งหลับตาถือดาบของเธอซึ่งกำลังเรืองแสงสีขาวออกมาอยู่
“หน้าบ้านฉันงั้นหรอ? เอาเถอะ… ฝากเธอบอกอลิซเขาว่าถ้าเป็นไปได้ลองแกะรอยพลังวิซของพรีมูล่าที่ยิงโดนอุปกรณ์นั่นไปหน่อย บินไปกลางอากาศแบบนั้นน่าจะพอตามรอยได้อยู่นะ”
“เอ่อ…. อลิซเขาทำอะไรแบบนั้นได้ด้วยหรอ? …เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะบอกเธอให้ละกันนะ —-นี่พรีมูล่าอย่าซนสิ!”
นากาตอบกลับไป ในขณะที่เขาพยายามดึงตัวพรีมูล่าที่กำลังเดินเข้าไปเอานิ้วจิ้มอลิซดูหลังจากเธอเห็นว่าอีกฝ่ายยืนหลับตานิ่งไปสักพักแล้ว ทำให้เธอหันกลับมาและยื่นหน้าเขามาใกล้เครื่องสื่อสารในหูของเขาเพื่อพยายามที่จะพูดกับเอริกะแทน
“นี่พี่เอริกะ เจ้าเครื่องที่คุณเวก้าอะไรนั่นเขาใช้มันคืออะไรหรอ? ใช่ของที่พี่เอริกะสร้างมาหรือเปล่าอ่ะ? ขอหนูลองใช้หน่อยได้มั้ยอ่ะ?”
“อืม… จริงๆ แล้วทางวังเขาไม่อยากให้คนรู้สักเท่าไหร่ แต่ว่าพวกเธอเป็นคนของฉันแล้วคงจะบอกได้ล่ะมั้ง…”
เอริกะที่ได้ยินพรีมูล่าถามมาแบบนั้นเธอก็ได้พูดออกมาอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจสักเท่าไหร่ ก่อนที่เธอจะพูดอธิบายถึงตัวตนของเจ้าอุปกรณ์นั่นออกมา
“เครื่องที่พวกเธอเห็นมีชื่อว่า Prototype Lower Part Type F ver.W เป็นอุปกรณ์วิซธาตุลมที่ฉันสร้างขึ้นมาน่ะ พวกวังหลวงเอาไปจากฉันได้สักพักแล้ว แต่ว่าดูเหมือนว่ามันจะโดนโยนมาเก็บไว้ในห้องเก็บของเพราะว่าไม่มีอัศวินคนไหนยอมทดลองลองใช้มันดูน่ะ”
“ห–หา—? …โปโตอะไรนะ???”
“ขอภาษาคนหน่อยค่า~ พี่เอริก่าา~~”
“เอ่อ… ผมเข้าใจแค่ที่ว่าไม่มีคนยอมลองใช้มันแค่นั้นเองครับ…”
ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนต่างก็สับสนเป็นเสียงเดียวกัน เมื่อเอริกะเอ่ยชื่อของอุปกรณ์ชิ้นนั้นออกมาทั้งยวง
“ถ้าจะให้อธิบายแบบละเอียดตอนนี้คงจะไม่ไหวหรอกนะ… ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ ก็เอาเป็นว่ามันเป็นภาษาโบราณน่ะ โปรโตไทป์ แปลว่าอุปกรณ์รุ่นทดลอง พาร์ทเป็นคำเรียกสั้นๆ ของอุปกรณ์จำพวกนี้ แล้วพอเอาพาร์ทมากกว่าหนึ่งชิ้นมารวมกันจะเรียกว่ายูนิต ส่วนโลเวอร์ นั่นหมายถึงส่วนล่าง แล้วก็มีตัวอักษรด้านหลังกำกับไว้ว่าเป็นประเภทบินกับสำหรับธาตุลม
พอเอามารวมๆ กันแล้วจะออกมาเป็นอุปกรณ์ส่วนล่างประเภทการบินรุ่นทดลองสำหรับธาตุลมน่ะ สั้นๆ ก็ราวๆ นี้ล่ะ พอจะเข้าใจมั้ยพริมจัง?”
“แหะ? พี่เอริกะบอกว่าอะไรนะ?”
หลังจากที่เอริกะได้อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ แต่ว่ายาวเหยียดจบไปนั้น พรีมูล่าที่เหมือนว่าจะละความสนใจไปตั้งแต่มีคำศัพท์ตัวแรกที่เธอไม่เข้าใจดังมาให้ได้ยินก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงมึนๆ เหมือนไม่เข้าใจว่าเอริกะเรียกชื่อของเธอขึ้นมาทำไม ก็ทำให้เอริกะพยายามหาทางอธิบายแบบบ้านๆ ที่สุดเท่าที่เธอจะคิดได้ออกมาอีกที
“…เอาเป็นว่ามันคืออุปกรณ์ที่ทำให้คนใช้วิซธาตุลมสามารถบินได้ละกันนะ”
“อ๋อ ที่ติดอยู่ตรงเอวของเวก้านั่นงั้นสินะ!”
ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาพอจะเข้าใจขึ้นมาบ้าง แต่ว่าพรีมูล่านั้นก็ยังทำหน้ามึนๆ ออกมาอยู่ดี แล้วจึงละความสนใจก่อนที่จะเดินไปเอานิ้วจิ้มอลิซเล่นอีกครั้งหนึ่ง
“แต่เหมือนว่าฉันจะได้ยินเธอพูดอะไรราวๆ ว่าส่วนล่าง แล้วก็เอาพร้า…หรืออะไรสักอย่างนั่นมารวมกันด้วยนี่? หมายความว่ายังมีส่วนอื่นอยู่อีกงั้นหรอ?”
“ถ้าเป็นตอนนี้คงต้องบอกว่าเคยมีอยู่มากกว่าแล้วล่ะ แต่เวก้าเขาอาจจะหาไม่เจอ หรือไม่ก็ไม่มีเวลาใส่มากกว่า เพราะตอนที่ฉันไปถึงพาร์ทส่วนอื่นๆ ก็พังกระจุยกระจายเพราะแรงระเบิดไปแล้วน่ะ”
“ตกลงว่าเรื่องทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของคุณเวก้าจริงๆ หรอครับเนี่ย…”
“ถ้าเป็นเรื่องที่คฤหาสน์ฉันยังบอกอะไรไม่ได้เหมือนกัน แต่ว่าที่แน่ๆ ก็คือเวก้าเขาสนใจการทดลองแล้วก็อุปกรณ์ที่ฉันสร้างมาสักพักแล้ว แถมตอนนี้เขายังฉกอุปกรณ์ของฉันไปด้วย ถึงฉันจะไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่แต่ว่าก็คงต้องหาทางเอามันกลับคืนมาล่ะนะ”
“…หืม? ทำไมเธอไม่ปล่อยให้ทางวังเป็นคนจัดการเรื่องนี้ไปเองล่ะ ไม่ใช่ว่าพวกเขาเป็นคนยึดของพวกนั้นไปจากเธอหรอกหรอ น่าจะเป็นความผิดของพวกนั้นเองสิที่ปล่อยมีคนมาขโมยไปได้น่ะ”
นากาที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมาเพราะเขาเห็นว่าในเมื่อทางวังยึดของพวกนั้นไปจากเอริกะแถมยังปล่อยให้มีคนขโมยมันออกไปได้ เขาก็ไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นที่เอริกะจะต้องเป็นคนลงแรงเองเลยแม้แต่น้อย
“แหม… ถ้าทางวังเขามีความรับผิดชอบขนาดนั้นก็ดีน่ะสิ แต่นี่เวก้าเขาเล่นระเบิดหอคอยจนเป็นรูซะแบบนั้น แถมยังใส่อุปกรณ์รุ่นต้นแบบออกไปบินเล่นอีกต่างหาก ฉันว่าตอนนี้ทางวังคงจะกำลังโบ้ยกันไปมาโยนความผิดให้กันไม่หวาดไม่ไหวเลยล่ะ”
เอริกะพูดอธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงจนเขาได้แต่กะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดเล่นหรือว่าพูดจริงกันแน่ ก่อนที่เธอจะพูดถามคอนแนลออกมาว่าเขาจะทำยังไงต่อไป ในเมื่อเวก้าที่เป็นหัวหน้าของเขานั้นเพิ่งจะก่อเรื่องใหญ่ไปหมาดๆ
“แล้วนายจะเอายังไงล่ะคอนแนลคุง? ฉันขอยืมแรงนายช่วยพวกนากาไล่ตามเวก้าเขาไปจะได้หรือเปล่า? เพราะตอนนี้พวกเอริกับคนอื่นๆ กำลังงานมัดตัวกันอยู่เลยล่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ! ผมเองก็มีเรื่องอยากจะถามคุณเวก้าเขาเหมือนกัน เพราะงั้นถ้าคุณเอริกะต้องการให้ผมช่วยละก็บอกมาได้เลยครับ!”
คอนแนลตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น เพราะถึงแม้ว่าเวก้าจะเป็นเจ้านายของเขาและอาจจะเป็นคู่แข่งของเอริกะ แต่ว่าในคราวนี้นั้นเขาไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเวก้าเลยแม้แต่น้อย
เพราะว่าการที่เวก้าได้ทำลายห้องเก็บอุปกรณ์รุ่นต้นแบบไปแบบนี้นั้น เขาก็เชื่อว่าถึงแม้เอริกะจะยังมีท่าทีสบายๆ อยู่แต่ว่าเธอนั้นก็คงรู้สึกเสียใจมากแน่ๆ ที่อุปกรณ์ของเธอถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก
แถมการที่มีสิ่งประดิษฐ์ถูกทำลายไปเยอะแบบนี้ มันอาจจะทำให้ความก้าวหน้าของเมืองรีมินัสที่เขาอาศัยอยู่นี้ได้ชะลอตัวลงไปเป็นเวลาหลายสิบปีเลยด้วยซ้ำ
“เข้าใจแล้วล่ะ ขอบใจมากนะคอนแนล”
“ว๊ายยย!”
ทันทีที่เอริกะพูดตอบกลับคอนแนลมาจบนั้น จู่ๆ ก็ได้มีเสียงร้องของพรีมูล่าที่ดังขึ้นมาอย่างตกใจดึงความสนใจของพวกเขาไปซะก่อน ซึ่งเมื่อพวกเขาหันไปนั้นก็พบว่าสามสาวนั้นกำลังยืนรวมกลุ่มกันอยู่
โดยมีอลิซที่กำลังใช้มือของเธอบีบหน้าของพรีมูล่าเอาไว้อย่างแรงเพราะว่าพรีมูล่าเข้ามาใช้นิ้วจิ้มเธอตลอดเวลาที่เธอกำลังตั้งสมาธิอยู่ โดยที่ข้างๆ นั้นก็มีโมโกะที่กำลังพยายามห้ามอลิซเอาไว้
แต่ว่าเมื่อเธอเห็นนากาและคอนแนลทำท่าทางเหมือนกับว่าคุยกับเอริกะเสร็จแล้วนั้น เธอก็หันมาพูดกับพวกเขาโดยปล่อยให้อลิซบี้หน้าของพรีมูล่าไป
“ตกลงกันเสร็จแล้วสินะ? อลิซเขาบอกว่าสัมผัสได้ถึงวิซธาตุน้ำแข็งของพรีมูล่าลากเป็นทางยาวอยู่บนอากาศน่ะ แต่ว่าร่องรอยพวกนี้มันอยู่ได้ไม่นานนัก ถ้าอยากจะตามไปก็ต้องรีบกันแล้ว”
“เอริกะ! อลิซบอกว่าเจอร่องรอยของเวก้าแล้วน่ะ ให้พวกฉันตามไปเลยมั้ย?”
นากาที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบพูดให้เอริกะได้ยินเนื่องจากว่าโมโกะนั้นยืนอยู่ห่างเกินไปที่จะทำให้เสียงของเธอลอดเข้ามาในเครื่องสื่อสารในหูเขาได้ ซึ่งเอริกะก็รีบพูดถามออกมาก่อนในทันที
“ถ้างั้นพวกเธอยังไหวกันอยู่หรือเปล่า? มันคงจะอีกสักพักก่อนที่ฉันจะออกไปจากวังหลวงได้น่ะ เลยน่าจะต้องให้พวกเธอรีบตามเขาไปกันก่อนแล้วล่ะ”
“ไหวอยู่แล้วล่ะ! / ยังไหวครับ! / บู๊~! / ได้เลยค่ะ~!”
ทั้งสี่ได้ขานตอบรับออกมาพร้อมกันโดยมีพรีมูล่าที่ส่งเสียงประหลาดๆ ออกมาแทนเนื่องจากเธอกำลังถูกอลิซบีบหน้าเอาไว้อยู่
“เดี๋ยวก่อน!!”
แต่ว่าทันใดนั้นอลิซก็ได้รีบตะโกนขัดขึ้นมาก่อนที่จะปล่อยมือออกจากหน้าของพรีมูล่าและเข้าไปจับไหล่ของโมโกะเอาไว้
“นากาน่ะสบายๆ อยู่แล้ว ส่วนคอนแนลก็ยังมีพลังเหลืออยู่เยอะ แต่โมโกะ! เธอเพิ่งจะฝืนใช้วิซจนหมดแรงตอนสู้กับเวก้าที่หน้าบ้านไปไม่ใช่หรือไงหะ!”
“เอ๋~!? จริงหรอโมโกะจัง?”
“ค—ใครหมดแรงกัน! ฉันยังไหวอยู่หน่า!!”
แน่นอนว่าโมโกะที่โดนอลิซแฉออกมาต่อหน้าทุกคนนั้นเธอก็รีบปฏิเสธออกมาเสียงดังจนเสียงของเธอลอดผ่านไปถึงเอริกะ ซึ่งพอทุกคนดูจากท่าทีของเธอแล้วก็พอจะทำให้พวกเขารู้ได้ว่าสิ่งที่อลิซพูดนั้นมีโอกาสที่จะเป็นความจริงอยู่มากทีเดียว
“ถ้างั้นพรีมูล่ากับโมโกะ พวกเธอสองคนอยู่เฝ้าระวังที่บ้านของฉันแทนดีกว่า ถ้าฟังจากที่อลิซพูดออกมามันหมายความว่าก่อนหน้านี้เวก้าเขามีเป้าหมายอยู่ที่บ้านของฉันเหมือนกัน ฉันคิดว่าทิ้งคนอยู่เฝ้าเอาไว้หน่อยก็ดีเผื่อว่าเวก้าเขาอาจจะวนกลับมาที่บ้านของฉันอีกรอบน่ะ ฉันยังไม่อยากให้บ้านฉันระเบิดไปเหมือนกับห้องเก็บของนั่นหรอกนะ”
ซึ่งเอริกะนั้นก็ได้หาข้ออ้างขึ้นมาเพื่อที่จะให้โมโกะได้นอนพักอยู่ที่บ้านแทนที่จะออกคำสั่งบังคับเธอออกไปตรงๆ ราวกับรู้อยู่แล้วว่าถ้าเธอสั่งให้โมโกะไปนอนพักนั้น เธอจะไม่มีวันทำตามคำสั่งดีๆ อย่างแน่นอน
“ตกลงมั้ยโมโกะจัง? พริมจัง?”
“…ถ้าเธอว่างั้นก็ได้แหละ”
“หนูได้อยู่เฉยๆ ที่บ้านด้วยล่ะ~ พี่นากา~”
ซึ่งพอโมโกะได้ยินแบบนั้นเธอก็ยังทำท่าเหมือนจะไม่เต็มใจนัก แต่ว่าก็ยอมตกลงแต่โดยดี เพราะจริงๆ แล้วตอนนี้เธอก็รู้สึกอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่พรีมูล่านั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แถมยังอวดให้พี่ชายของเธอที่จะต้องออกไปวิ่งตามหาตัวเวก้าฟังอีกต่างหาก
“ว่าแต่เอริ—”
“ท่านเอริกะ! มาหลบอยู่ที่นี่เองสินะคะ!!”
“เฮ้อ… โดนเจอตัวจนได้แล้วสิ….”
แต่ยังไม่ทันที่นากาจะได้เอ่ยปากถามเสร็จ อยู่ดีๆ ก็ได้มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งร้องเรียกเอริกะดังลั่นออกมาจากทางฝั่งของเธอให้พวกเขาได้ยิน ก่อนจะตามด้วยเสียงบ่นอย่างเหนื่อยหน่ายของเอริกะดังตามออกมา
“นายท่านออกคำสั่งมาว่าให้ท่านเอริกะไปตรวจดูความเสียหายของห้องเก็บอุปกรณ์ แล้วก็เก็บกู้อุปกรณ์ต้นแบบกับข้อมูลทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่เดี๋ยวนี้เลยค่ะ เสร็จแล้วก็ให้ทำรายงานไปส่งนายท่านด้วยตัวเองโดยเร็วที่สุดค่ะ”
“ถ้าพวกเธออยากให้ฉันเข้าไปในห้องนั้น งั้นก็รีบๆ ไปดับไฟให้เสร็จสักทีสิ หรือว่าคิดจะให้ฉันลุยฝ่—– เฮ้อ… เอาเถอะ ก็สมกับเป็นที่นี่ดีล่ะนะ ใช้เวลาเท่านี้รวบรวมคนมาดับไฟได้ก็เรียกว่าเร็วแล้วล่ะ …เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะรีบไปก็แล้วกัน”
“ฉ—ฉันจะรีบไปรายงานให้หัวหน้าทราบเพื่อขอกำลังเสริมเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!!”
เอริกะที่เหมือนจะเหลืออดกับความล่าช้าและระบบสั่งการในวังนี้เต็มทนและกำลังจะต่อว่าสาวใช้คนนั้นออกมาก็ได้หยุดปากเอาไว้ก่อน เมื่อเธอเห็นว่าบ่นกับลูกน้องตัวเล็กๆ แบบนี้ไปก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร เธอจึงปัดมือไล่สาวใช้คนนั้นไปก่อน
“น่าจะได้ยินกันแล้วนะ ท่าทางว่าฉันคงจะกลับไปไม่ได้อีกสักพักใหญ่เลยล่ะ แถมเวก้าเขายังเลือกระเบิดได้ถูกห้องอีกต่างหาก ถึงจะไม่รู้ว่าจงใจหรือเปล่าแต่ว่าเล่นทำห้องเก็บผลงานของฉันระเบิดไปแบบนี้
ฉันเองก็คงต้องรีบไปหาหลักฐานยืนยันว่าไม่ใช่ฝีมือฉันก่อนล่ะ ไม่งั้นมีหวังเบื้องบนได้ลากคอฉันไปเข้าห้องสอบสวนแน่ พวกนายคงต้องตามเวก้าไปกันเองแล้วล่ะ ระวังตัวกันด้วยนะ”
เอริกะบ่นออกมาซะยืดยาวก่อนที่จะพูดเตือนพวกเขาออกมาด้วยความเป็นห่วง เพราะว่าคราวนี้ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาเธอก็ไม่มีกำลังเสริมจะส่งไปช่วยพวกเขาได้จริงๆ แล้วเนื่องจากว่าทีมอื่นๆ ของเอริกะนั้นต่างก็ติดธุระกันหมด เลยทำให้เหลือเพียงทีมของพวกนากาที่เธอเพิ่งรับเข้ามาได้เมื่อวานนี้เพียงทีมเดียวเท่านั้น
“อ–อ่า เหนื่อยหน่อยนะเธอน่ะ”
“เรื่องของคุณเวก้าเดี๋ยวผมจัดการให้เอง! คุณเอริกะไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ!!”
แน่นอนว่าเมื่อคอนแนลได้ยินแบบนั้นเขาก็พูดยืนยันออกมาอย่างหนักแน่นเพื่อที่จะให้เอริกะรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่ว่าเขาก็ถูกอลิซเดินเข้ามาตีไหล่ของเขาอย่างแรง
เพี๊ยะ!
“นายต้องพูดว่า ‘พวกผม’ ไม่ใช่หรือไงน่ะ คอนแนล…?”
“นายพูดเหมือนจะไปคนเดียวแบบนี้ฉันไม่ยอมหรอกนะ ถึงจะแค่ชั่วคราวแต่ตอนนี้พวกเราก็เป็นทีมเดียวกันแล้วไม่ใช่หรือไง?”
ซึ่งพอคอนแนลได้ยินแบบนั้น เขาก็ยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าให้กับทั้งสองคนก่อนที่เขาจะรีบแก้คำพูดของตัวเองและบอกเอริกะไปอีกครั้งหนึ่ง
“ฮะฮะ…นั่นสินะครับ ก็ตามนั้นแหละครับคุณเอริกะ เดี๋ยวเรื่องคุณเวก้าปล่อยให้พวกผมจัดการเถอะครับ!”
“อื้มๆ ถ้างั้นฉันขอไปรายงานตัวกับพวกเบื้องบนก่อนละกัน พวกนั้นยิ่งรออะไรไม่เป็นอยู่แล้วด้วย พวกเธอก็ระวังตัวกันด้วยล่ะ!”
เอริกะพูดตอบทุกคนกลับมาพร้อมกับตัดสายการติดต่อไปในทันที ก่อนที่อลิซซึ่งถือดาบที่กำลังเรืองแสงของเธออยู่นั้นจะรีบเดินนำออกไปตามร่องรอยพลังที่เธอสัมผัสได้
“รีบไปกันได้แล้ว! ถ้าเกิดช้ากว่านี้ต่อให้เป็นฉันก็ตามร่องรอยวิซของพรีมูล่าไม่เจอหรอกนะ!!”
“เข้าใจแล้วครับ!!”
“อื้อ!! ฝากดูแลบ้านกับพรีมูล่าด้วยนะโมโกะ!!”
“เอ๋ะ— แต่คนที่ดูแลโมโกะจังมันต้องเป็นหนูไม่ใช่หร๊อ!? พี่นาก๊าาา!”
แน่นอนว่านากานั้นก็ไม่อยู่รอฟังเสียงโวยวายของพรีมูล่า และรีบวิ่งตามหลังคอนแนลกับอลิซไปทางทิศเหนือในทันที
ซึ่งในระหว่างที่พวกเขาวิ่งตามอลิซออกมาถึงตัวเมืองชั้นนอกนั้น พวกเขาก็พบกับชาวเมืองจำนวนมากกำลังยืนจับกลุ่มกระซิบกระซาบกันพลางชี้ไปทางวังหลวงซึ่งมีหอคอยที่ถูกระเบิดเป็นรูและกำลังลุกไหม้อยู่
‘ไฟไหม้ปราสาทหรอ!?’
‘หนูเห็นคนบินได้จริงๆ นะ! ทำไมแม่ไม่เชื่อหนูล่ะ!!’
‘เฮ้อ.. พวกคนในนั้นทำอะไรแปลกๆ กันอีกแล้วสิเนี่ย’
“ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ซะแล้วมั้งเนี่ย…”
“แน่นอนอยู่แล้วละครับ ถึงปกติจะมีควันดำลอยออกมาบ่อยๆ เพราะฝีมือของคุณเอริกะเขาก็เถอะ แต่ว่าไม่เคยเกิดการระเบิดแบบนี้ขึ้นมาก่อนเลยนะครับ แถมดูเหมือนจะมีคนเห็นคุณเวก้าบินผ่านไปอีก พวกเขาจะตกใจกันขนาดนี้ก็ไม่แปลกหรอกครับ”
คอนแนลที่เห็นนากาพูดออกมาแบบนั้นเขาก็ตอบกลับมาพลางมองไปทางทหารยามที่กำลังพยายามตอบคำถามของชาวบ้านที่กำลังแตกตื่นอย่างระมัดระวัง ทั้งๆ ที่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับรายงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“แถมปกติที่นี่ก็ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรแบบนี้เกิดขึ้นอยู่แล้วด้วย พวกทหารยามเขาก็เก่งเหมือนกันนะครับที่ทำให้ประชาชนยังสงบได้แบบนี้เนี่ย”
“หรืออีกความหมายนึงก็คือว่าปิดข่าวกันได้เก่งมากสินะ จนประชาชนคิดว่าที่ผ่านมาไม่เคยเรื่องอะไรเกิดขึ้นน่ะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ! ผมหมายความว่าในหมู่เมืองหลวงน่ะ เมืองรีมินัสของเราสงบสุขที่สุดแล้วต่างหาก!”
แน่นอนว่าเมื่อคอนแนลได้ยินอลิซพูดออกมาแบบนั้นเขาก็รีบเถียงกลับไปในทันที ซึ่งอลิซก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะรู้เรื่องอะไรอยู่แล้วจึงได้ตอบปัดเขากลับไปสั้นๆ
“หึ… ถ้านายว่าอย่างงั้นก็เอาตามนั้นละกัน…”
ก่อนที่เธอจะพาพวกเขาวิ่งออกมาถึงป้อมยามทางทิศเหนือของเมือง ซึ่งเป็นที่ๆ นากาเคยมาแล้วก่อนหน้านี้ ในตอนที่เขากำลังจะเดินทางไปยังคฤหาสน์ของเวก้าเมื่อตอนเช้านั่นเอง
“ชิ… ไม่มีร่องรอยให้ตามต่อแล้ว…”
อลิซบ่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเธอไม่สามารถสัมผัสกระแสวิซของพรีมูล่าได้อีก หลังจากที่มันมุ่งตรงมาสิ้นสุดอยู่ที่ประตูทางเข้าเมืองนี้ ทำให้เธอหลับตาลงตั้งสมาธิพยายามหาร่องรอยของมันอีกครั้งหนึ่ง
ในขณะที่ทางด้านนากาที่ไม่มีความสามารถแบบเดียวกับอลิซนั้นเขาก็พยายามมองหาไปรอบๆ เผื่อว่าจะเจอร่องรอยทางกายภาพบ้าง ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาสะดุดตาเข้ากับร่างร่างหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ด้านในสวนหน้าคฤหาสน์ของเวก้าเข้าพอดี
“เดี๋ยวนะ ที่สวนของคฤหาสน์นั่นมีคนยืนอยู่รึเปล่า?”
อลิซที่ได้ยินแบบนั้นก็ลืมตาขึ้นมาเพื่อมองดูตามที่นากาบอก และพบเข้ากับร่างเล็กๆ นั้นเข้าจริงๆ ทำให้เธอเอ่ยปากถามนากาออกมา
“ไหนนายบอกว่าไม่มีใครเหลืออยู่ที่คฤหาสน์นั่นแล้วไม่ใช่หรอ…?”
“พวกเราลองเข้าไปถามกันดูเถอะครับ เผื่อว่าเขาอาจจะเห็นคุณเวก้าบินผ่านมาทางนี้ก็ได้”
ซึ่งทันทีที่คอนแนลพูดออกมาเขาก็รีบวิ่งนำไปทางตัวคฤหาสน์ในทันที จนทำให้อลิซกับนากาต้องรีบวิ่งตามหลังเขาไปอย่างไม่มีทางเลือก
และเมื่อพวกเขาวิ่งผ่านประตูรั้วที่ถูกเปิดทิ้งไว้เข้าไปในคฤหาสน์ นากาก็พบว่าร่างๆ เล็กๆ ที่พวกเขาเห็นจากที่ไกลๆ นั้นก็คือเด็กผู้หญิงผมสีเทานัยน์ตาสีฟ้าในชุดเดรสสีขาว ที่นากาเผลอชนเข้าเมื่อตอนกลางวันนั้นเอง ซึ่งเธอกำลังยืนอยู่กลางสวนและมองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังเฝ้าระวังอะไรบางอย่างอยู่
“นี่เธอ! พอจะเห็นผู้ชายผมน้ำตาลติดอุปกรณ์แปลกๆ บินผ่านแถวนี้บ้างมั้ยครั–”
“—!? อันตราย!! พวกพี่รีบหนีไปเร็ว!!”
“!?”
ปั้งปั้ง!!