บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 41 Festering Wound
ในระหว่างที่นากากำลังมองสลับไปมาระหว่างร่มเก่าๆ สีดำอันนั้นกับใบหน้าของแมรี่นั่นเอง จู่ๆ ประตูทางเข้าห้องพยาบาลทางฝั่งด้านในตัวอาคารก็ถูกเปิดออกอีกครั้งและตามมาด้วยชายหนุ่มร่างเล็กผมสีขาวทรงหางม้าต่ำที่ทุกคนคุ้นหน้าคุ้นตากันดีได้เดินเข้ามาในห้องก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามคาร์เทียร์ขึ้นมา
“ฉันกลับมาแล้วคาร์เทียร์… เป็นยังไงบ้าง กล่องพวกนั้นมันหนักเกินไปหรือเปล่า…?”
“หนักแค่นี้ไม่มีปัญหาหรอกค่ะพี่อารอน! แล้วหนูก็ทำแผลให้พี่โมโกะกับพี่สาวอีกคนที่บาดเจ็บเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย! แต่ว่าพี่สาวอีกคนนึงเขากลับไปแล้วล่ะค่ะ”
“อื้อ…ขอบใจนะ…”
อารอนพูดตอบกลับไปพร้อมกับลูบหัวคาร์เทียร์ที่เดินเข้ามาตอบเขาใกล้ๆ โดยไม่ทันสังเกตเห็นนากาที่ถูกกล่องเอกสารบังซะจนมิดเลยแม้แต่น้อย
“อารอน!? นายมาทำอะไรที่นี่เนี่ยหะ!?”
“หืม…? อ๋อ พวกเธอเองหรอ…”
เมื่ออารอนที่กำลังลูบหัวของคาร์เทียอยู่ได้ยินคนเรียกชื่อของตนขึ้นมา เขาก็เงยหน้าหันไปทางต้นเสียง และพบกับนากาที่กำลังยื่นหัวออกมาจากทางด้านหลังของกล่องเอกสาร
“นายมาที่นี่ได้ยังไงน่ะอารอน? แล้วไหนยังจะพาคาร์เทียร์มาด้วยอีก?”
ซึ่งท่าทางสบายๆ ของอารอนนั้นทำให้นาการ้องถามขึ้นมาอีกครั้งในทันที เพราะว่าในความคิดของเขาการที่จะให้คาร์เทียร์ออกมาเดินเพ่นพ่านในบริเวณใกล้ๆ วังหลวงอย่างโรงเรียนรีมินัสนั้นดูแล้วจะไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่เลย
“ก็มาทางประตู…”
“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นโว๊ย!!”
“ล้อเล่นน่า… พอดีเอริซาเบธเขาถูกย้ายให้ไปสอนวิชาอื่นจนน่าจะอยู่เฝ้าห้องพยาบาลไม่ได้ทางโรงเรียนก็เลยต้องหาคนมาทำหน้าที่ตรงนี้แทนน่ะ… แล้วทีนี้เอริกะก็เลยมาขอให้ฉันช่วยรับตำแหน่งไปชั่วคราวก่อนเพราะเห็นบอกว่ามีปัญห—-”
“อาจารย์อารอนอย่าพูดเรื่องนั้นต่อหน้านักเรียนสิคะ!!”
ทันทีที่เอริซาเบธได้ยินอารอนเผลอหลุดปากพูดเรื่องอะไรสักอย่างออกมา เธอก็รีบลุกพรวดขึ้นมาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเป็นทางการในทันที
“อ่ะ…จริงด้วยสิเนอะ…”
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าน่ะ?”
“อ่า… ถ้ารายละเอียดอื่นๆ ก็ลองถามเอริกะเขาดูละกัน… แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันรับงานพิเศษเป็นอาจารย์สอนสุขศึกษากับอาจารย์ประจำห้องพยาบาลน่ะ…”
“ก็ตามนั้นแหล่ะจ้ะนากาคุงพริมจัง~ เพราะงั้นถ้าเกิดหาตัวคุณอารอนที่คลินิกไม่เจอก็ลองมาที่นี่ดูละกันเนอะ”
“อ—อื้อ / ค๊าาาา~”
นากาที่เห็นเอริซาเบธร้องห้ามเอาไว้และอารอนยังพยายามพูดตัดจบไปแบบนั้นก็พอจะคิดได้ว่านี่อาจจะเป็นเรื่องอะไรที่ทางโรงเรียนอยากจะเก็บไว้เป็นความลับ เขาจึงได้เปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นที่คาใจอยู่แทน
“จะว่าไปแล้วที่คลินิกของนายล่ะอารอน? ถ้านายไม่อยู่ที่นั่นแล้วพวกคนไข้เขาจะทำยังไงกันล่ะ?”
“ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก… ฉันให้คุณพยาบาลคอยดูแลคนป่วยอยู่ที่นั่นน่ะ… เพราะงั้นถ้าเกิดว่านายได้รับบาดเจ็บหรือเป็นอะไรขึ้นมานอกโรงเรียนจะไปให้คุณพยาบาลเขารักษาให้ที่คลินิกก็ได้…”
เมื่อนากาได้ยินว่าอารอนปล่อยให้คุณพยาบาลผลบลอนด์คนนั้นอยู่เฝ้าคลินิกแล้ว เขาก็แทบจะจินตนาการถึงสีหน้ายิ้มๆ ที่แผ่ไอเย็นออกมาจนคนไข้ทั้งหลายวิ่งหนีตายออกจากคลินิกได้แทบในจะทันที
ในขณะเดียวกันนั้นพรีมูล่าที่พยายามมองหาเด็กทารกตัวน้อยของคาร์เทียร์เพื่อที่เธอจะได้เข้าไปเล่นด้วยก็ได้เอ่ยปากถามขึ้นมาบ้าง
“เอ๋ะ? จะว่าไปแล้วเด็กน้อยของคาร์เทียร์จังไม่อยู่ด้วยหรอ? หนูอยากเล่นด้วยอ่ะ”
“ถ้าเป็นเด็กคนนั้นพี่พยาบาลเขาบอกว่าจะช่วยดูแลให้ตอนที่หนูต้องมาโรงเรียนน่ะค่ะ เห็นบอกว่าหนูยังอายุน้อยอยู่ถ้าจะให้อุ้มเด็กทารกมาเรียนด้วยคนอื่นจะมองไม่ดีเท่าไหร่… หนูก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน…”
แมรี่ที่ได้ยินพรีมูล่าพูดถึงเด็กทารกตัวน้อยของเธอขึ้นมาก็ก้มหน้าลงและทำหน้าเศร้าๆ เพราะถึงแม้ว่าร่างกายของเธอจะเป็นเด็กสาวอายุสิบห้าแล้ว แต่ว่าจิตใจของเธอก็ยังเป็นเด็กน้อยอายุแปดขวบอยู่ดี แถมที่ผ่านมาเธอยังอยู่แต่ภายในคฤหาสน์ซะเป็นส่วนมาก จนทำให้เธอไม่ค่อยเข้าใจโลกภายนอกมากสักเท่าไหร่นัก
“เอ๋— คาร์เทียร์จังก็จะเข้าเรียนที่นี่ด้วยเหมือนกันหรอ?”
“อื้ม… ถ้าเกิดอยากจะให้คาร์เทียร์ฝึกการควบคุมพลังล่ะก็ การให้เข้าเรียนในโรงเรียนนี่คงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วล่ะ… อีกอย่างนึงก็ในเมื่อฉันต้องมาประจำการอยู่ที่นี่ การที่จะให้คาร์เทียร์ฝึกใช้พลังอยู่ที่คลินิกคนเดียวก็คงจะไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ล่ะมั้ง…”
“อ—อ่า… นั่นสินะ ถ้าเกิดว่าเป็นนายต่อให้มีอะไรผิดพลาดขึ้นมาก็น่าจะรับมือได้ล่ะมั้งนะ”
นากาที่ได้ยินคำว่า ควบคุมพลัง กับชื่อของคาร์เทียร์อยู่ในประโยคเดียวกันแล้วเขาก็นึกถึงสายฟ้าขนาดใหญ่พอๆ กับหอคอยของวังหลวงที่แมรี่ระเบิดมันออกมาเพื่อหยุดเวก้าได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้สีหน้าของนากาดูซีดลงเล็กน้อย เพราะว่าพวกเขาเองก็เกือบจะเสร็จเจ้าสายฟ้าขนาดยักษ์นั่นไปเช่นเดียวกัน
“หนูขอโทษค่ะ…”
คาร์เทียร์ที่มีสีหน้าเศร้าๆ จากการที่เธอคิดถึงทารกตัวน้อยอยู่ก่อนแล้วได้พูดขึ้นมาเบาๆ แถมยังมีสีหน้าเศร้าโศกยิ่งกว่าเดิมเสียอีก เมื่อเธอเหลือบไปเห็นมือของนากาที่มีผ้าพันแผลพันปิดรอยไหม้จากกระแสไฟฟ้าในตอนที่เขาพยายามหยุดเธอที่กำลังคลุ้มคลั่งเอาไว้ จนทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นต้องรีบเข้าไปปลอบเธอในทันที
“ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า ตอนนั้นที่เธอใช้พลังออกมาก็เพื่อที่จะช่วยเหลือพวกฉันไม่ใช่หรอ?”
ซึ่งนากาที่เคยแต่ปลอบใจน้องสาวของตัวเองนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี จึงได้แต่ยกมือขึ้นมาลูบหัวของคาร์เทียร์แบบเก้ๆ กังๆ เพราะเขาไม่รู้ว่าวิธีนี้จะได้ผลเหมือนกับเวลาที่เขาปลอบใจพรีมูล่าหรือเปล่า
“อือ… อื้ม…?”
แต่ว่ายังไม่ทันที่คาร์เทียร์จะได้พูดตอบอะไรกลับไป โมโกะที่นอนอยู่บนเตียงริมกำแพงนั้นก็ได้ส่งเสียงออกมาเล็กน้อยและขยับลุกขึ้นมานั่ง ทำให้อารอนต้องรีบเดินเข้าไปตรวจดูอาการของเธอในทันที
“อื้ม… ทำแผลได้ไม่เลวนี่คาร์เทียร์…”
“ข–ขอบคุณค่ะพี่อารอน!”
“หุ…”
ทันทีที่คาร์เทียร์ได้ยินอารอนพูดชมขึ้นมาแบบนั้นเธอก็รีบเดินเข้าไปยืนข้างๆ อารอนรอให้เขาลูบหัวเธอในทันที โดยทิ้งให้นากายกมือค้างไว้กลางอากาศซะแบบนั้น ซึ่งนั่นก็ทำให้เอริซาเบธที่นั่งดูพวกเขาคุยกันอยู่เผลอหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยจนนากาต้องหันไปจ้องเธอแบบดุๆ
ส่วนทางด้านโมโกะ หลังจากที่เธอตั้งสติได้แล้วและเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ใกล้ๆ เธอก็ถามออกมาอย่างสงสัยในทันที
“อ–อารอน–!? นายมาอยู่ที่นี่ได้ไงน่ะ!?”
“ก็เข้ามาทางประ…”
อารอนที่กำลังคิดจะเล่นมุกเดิมซ้ำสองนั้นชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเขาเหลือบไปเห็นนากาที่ละสายตาจากเอริซาเบธและหันมาจ้องเขาแทน ทำให้เขาต้องรีบกลับเข้าเรื่องและพูดเตือนโมโกะขึ้นมา
“ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมากน่ะ… มีแค่แผลไฟไหม้เล็กน้อยกับแผลถลอก สักสองสามวันก็หายแล้วล่ะ… วันหน้าวันหลังอย่าซนทำอะไรแบบนี้อีกละกัน… ถ้าเกิดรักษาไม่หายจนเป็นแผลเป็นขึ้นมาเธอจะทำยังไงหือ…?”
“อ—เอ๋ะ อื้ม… เดี๋ยวสิ! จะว่าไปแล้วเรื่องการสอบล่ะ!?”
“หลังจากเธอทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้นลงไปพวกกรรมการคุมสอบก็ส่งเอริซาเบธมาบอกให้ยุติการสอบไปเลยน่ะ ที่เหลือก็แค่รอทางโรงเรียนแจ้งผลการสอบนั่นล่ะ แต่ดูท่าทางของเอริซาเบธแล้วฉันว่าคงไม่น่าเป็นห่วงสักเท่าไหร่ล่ะมั้ง”
“ง—งั้นเองหรอ…ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ…”
ถึงแม้ว่าจะได้ยินนากาพูดขึ้นมาแบบนั้นแต่ว่าโมโกะก็ยังมีท่าทีกังวลอยู่ดี เพราะว่าเธอได้ยินว่าการสอบยุติลงไปในทันทีหลังจากที่เธอก่อเรื่องขึ้นมา ทำให้นากาได้แต่เกาแก้มของตัวเองและเดินเข้าไปลูบหัวเพื่อนสาวหูแมวของเขาเบาๆ พร้อมกับพยายามขอคำยืนยันจากเอริซาเบธที่อุบเรื่องผลการสอบเอาไว้ไม่ยอมบอกพวกเขาสักที
“หน่าๆ เธอไม่ต้องเป็นห่วงอะไรไปหรอก ถ้าเกิดพวกเราไม่ผ่านจริงๆ เอริซาเบธเขาคงไม่มานั่งเล่นอยู่ตรงนี้หรอกจริงมั้ยล่ะเอริ?”
“อื้อ~ ที่ฉันลงมายุติการสอบไม่ใช่เพราะว่าเธอระเบิดตัวเองไปแบบนั้นหรอก แต่เป็นเพราะว่าพวกกรรมการเขาได้เห็นความสามารถของพวกเธอจนสามารถตัดสินใจได้แล้วน่ะ~ แถมเท่าที่ฉันดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก ถึงคะแนนด้านวิซของเธอจะไม่สูงเท่าพรีมูล่าก็เถอะนะ~”
“ช่ายยยย~ อย่างโมโกะจังน่ะชนะหนูเรื่องวิซไม่ได้หรอก~”
ทันทีที่พรีมูล่าซึ่งกำลังยืนแกล้งคาร์เทียร์ที่กำลังพยายามจัดเอกสารอยู่ได้ยินแบบนั้นเธอก็พุ่งพรวดมาทางพวกเขาและยืดอกยิ้มเยาะใส่โมโกะด้วยท่าทีกวนประสาทในทันที จนทำให้โมโกะที่คิดมากเรื่องฝีมือการต่อสู้และพลังวิซของเธออยู่แล้วกลับไปมีท่าทีจิตตกอีกครั้ง
ซึ่งนั่นก็ทำให้อารอนต้องรีบดึงแก้มของพรีมูล่าจนยืดและบิดไปบิดมาเป็นการลงโทษในทันที
“อย่าไปแหย่โมโกะเขาแบบนั้นสิ…”
“โอ๊ยๆๆๆๆ —”
ส่วนทางด้านนากาที่กำลังง้างมือกะจะเขกหัวลงโทษน้องสาวของตัวเองที่กวนประสาทคนแบบไม่ดูสถานการณ์นั้นก็ลดมือลงเพราะถูกอารอนตัดหน้าไปแล้ว ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับเอริซาเบธแทน
“จะว่าไป แล้วนี่มีอะไรพวกฉันยังต้องทำในโรงเรียนอีกหรือเปล่าน่ะเอริ? ถ้าเกิดว่าไม่มีแล้วเดี๋ยวฉันพาโมโกะเขาไปพักที่บ้านของเอริกะเขาเลยน่าจะดีกว่านะ”
“อ่ะ ก็ไม่มีอะไรแล้วนะ ถ้าพวกนายอยากกลับก็กลับกันได้เลยแหล่ะ ส่วนเรื่องผลสอบนั่น เดี๋ยวเอาไว้ให้พวกเขาทำเอกสารกันเสร็จแล้วฉันจะแจ้งไปทางคุณเอริกะอีกทีนึงละกัน ก็คิดว่าน่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพักนั่นล่ะ~”
และเมื่ออารอนได้ยินแบบนั้นเขาก็ปล่อยมือออกจากแก้มของพรีมูล่าพร้อมกับพูดขึ้นมา ก่อนที่เขาจะเดินไปช่วยคาร์เทียร์จัดเอกสารและอุปกรณ์ในกล่องที่เธอขนมาให้เข้าที่เข้าทาง
“อืม… ถ้างั้นเอาไว้หลังฉันเสร็จธุระในโรงเรียนแล้วฉันจะไปตรวจดูอาการของโมโกะให้อีกทีละกัน… เห็นเอริกะบอกว่ามีคนที่ฉันน่าจะอยากเจออยู่ในโรงเรียนนี้น่ะ.. แล้วเธอก็นัดเอาไว้ให้ฉันแล้วด้วย….”
“อ้าว นี่ซึบากิจังยังไม่มาอีกหรอคะ?”
“อื้ม… ตะกี้นี้เอริกะแวะมาบอกฉันว่าซึบากิโดนอาจารย์คนอื่นเรียกไปคุยเรื่องอะไรสักอย่างนี่ล่ะ… แล้วก็ย้ำนักย้ำหนาว่าฉันต้องไปเจอตัวซึบากิให้ได้อย่าได้คิดจะกลับไปก่อนเชียวล่ะ… ไม่รู้ว่ามีอะไรสำคัญถึงต้องย้ำกันขนาดนั้นเหมือนกันน่ะ…”
และเมื่ออารอนพูดจบเขาก็เหลือบไปมองทางประตูเล็กน้อยเหมือนกับหวังว่าคนที่ชื่อซึบากินั้นจะโผล่เข้ามาพอดี แต่ว่าเมื่อเขาละสายตากลับมามองเหล่าเด็กๆ ในห้อง เขาก็พบว่านากาได้อุ้มโมโกะเอาไว้ในอ้อมแขนเหมือนกับว่าพวกเขากำลังจะกลับกันแล้ว
“เฮ้อ… ถ้างั้นฉันฝากนายพาคาร์เทียร์กลับไปส่งที่คลินิกให้หน่อยสินากา… เพราะฉันไม่รู้ว่านักเรียนที่ชื่อซึบากินั่นเขาจะมาเมื่อไหร่น่ะ…”
“พาไปส่งที่คลินิกของนายหรอ? คนละทิศกันเลยนะนั่นน่ะ แต่ว่าก็ได้อยู่หรอก”
“เอ๋~~ แต่หนูอยากกลับพร้อมพี่อารอนนี่นา!”
ทันทีที่คาร์เทียร์ได้ยินว่าอารอนจะให้นากาพาเธอกลับบ้านไปก่อน เธอก็ร้องโวยวายออกมาในทันที ทำให้อารอนหันไปยิ้มและพูดจาหลอกล่อเธอเบาๆ
“เธออยู่กับฉันมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ… แล้วเวลาประมาณนี้เด็กคนนั้นก็น่าจะใกล้ตื่นแล้วล่ะ ถ้าเขาตื่นมาแล้วไม่เจอเธอเดี๋ยวก็เสียใจแย่หรอก…”
“—!”
เมื่อได้ยินอารอนยกเรื่องเด็กทารกคนนั้นขึ้นมาพูด คาร์เทียร์ที่กำลังงอแงอยู่นั้นก็ชะงักไปและเผยสีหน้าลังเลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เธอจะเงียบลงและยอมตกลงที่จะกลับไปยังคลินิกกับพวกนากาก่อนด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก
“ก…ก็ได้ค่ะ แต่พี่อารอนก็อย่าลืมรีบกลับมานะคะ…”
“อื้อ…ถ้าฉันเสร็จธุระแล้วเดี๋ยวฉันจะรีบกลับไปนะ…”
“สัญญาแล้วนะคะ…”
คาร์เทียร์เอ่ยปากย้ำกับอารอนอีกครั้งหนึ่งก่อนที่เธอจะยอมเดินไปรวมกลุ่มกับพวกนากาที่หน้าประตูแต่โดยดี และเมื่อนากาเห็นว่าคาร์เทียร์กับอารอนตกลงกันได้แล้ว เขาจึงค่อยเอ่ยปากบอกลาอีกสองคนที่เหลือออกมา
“งั้นเดี๋ยวพวกฉันไปก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่นะอารอน เอริซาเบธ”
“จ้า~ ไว้เจอกันใหม่นะ~”
“อื้ม…เดินทางปลอดภัยล่ะ…”
และเมื่อพวกเขาเอ่ยปากลากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกนากาก็ได้พากันเดินออกจากโรงเรียนไปทางบ้านของเอริกะและเดินเลยไปยังตัวเมืองชั้นนอกเพื่อที่จะไปส่งคาร์เทียร์ที่คลินิกกันก่อน
ซึ่งเส้นทางเดียวจากบ้านของเอริกะไปยังคลินิกของอารอนที่นาการู้นั่นก็คือเส้นทางที่เขาได้โมโกะนำทางไปเมื่อวันก่อน หรือก็คือตรงไปตามถนนเส้นหลักที่มีคนพลุกพล่านที่สุดนั่นเอง
และนั่นก็ทำให้โมโกะที่ถูกนากาอุ้มไว้ในอ้อมแขนต้องถูกสายตาของชาวเมืองจำนวนมากจ้องมองอย่างสงสัย แถมชาวเมืองบางคนที่เห็นก็หันไปพูดแซวกันเองและยังแอบหัวเราะคิกคักกันอีกด้วย
“น–นากา นายแค่ช่วยพยุงก็พอแล้วน่า ไม่เห็นต้องอุ้มกันแบบนี้เลยนี่”
“เรื่องแค่นี้เองไม่ต้องคิดมากหรอกน่า คิดซะว่าตอบแทนที่เธอช่วยหยุดเซซิลเอาไว้ให้ฉันละกัน”
“…แต่ฉันคิดนี่!!”
โมโกะที่ถูกสายตาจำนวนมากจับจ้องอยู่ได้แต่ก้มหน้างุดอย่างเขินอายและพยายามบอกให้นากาปล่อยเธอลงไปเดินเอง แต่ก็เหมือนกับว่านากานั้นจะไม่ได้เข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อเลยแม้แต่น้อย
ส่วนทางด้านพรีมูล่าเมื่อเธอได้ยินว่านากาอุ้มโมโกะในท่าเจ้าหญิงเพื่อตอบแทนที่เธอช่วยเขาเอาไว้ พรีมูล่าก็พูดขึ้นมาเผื่อว่าพี่ชายของเธอจะให้รางวัลอะไรตอบแทนสิ่งที่เธอทำบ้างในทันที
“นี่ๆ วันนี้หนูก็ช่วยโมโกะจังเขาเอาไว้เหมือนกันนะ ใช่มั้ยอ่ะ~ ใช่มั้ยๆ ~”
“อื้อ…ถึงปกติจะไม่ค่อยได้ทำอะไรแต่วันนี้เธอก็ช่วยฉันเอาไว้จริงๆ นั่นแหละ… ขอบใจนะพรีมูล่า”
“แฮะๆ~”
เมื่อโมโกะที่นานๆ ทีจะพูดชมเธอสักครั้งพูดขึ้นมาแบบนั้นก็ทำให้พรีมูล่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างอารมณ์ดี จนทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นต้องรีบพูดเตือนออกมาก่อนที่น้องสาวของเขาจะเหลิงจนได้ใจเกินไปซะก่อน เพราะถึงแม้ว่าพรีมูล่าจะยิงช่วยโมโกะเอาไว้ได้จริงๆ แต่ว่าหลังจากนั้นเธอก็ต้องวิ่งหนีรีซาน่าไปทั่วอยู่ดี
“ถึงเธอจะช่วยโมโกะเอาไว้ได้จริงๆ ก็เถอะ แต่ว่าวันหลังก็ต้องรอบคอบมากกว่านี้นะเข้าใจมั้ย!”
“ใช่… ถ้าฉันไม่ได้ร้องเตือนเอาไว้มีหวังเธอโดนรีซาน่าจัดการไปแล้วนะนั่น”
“บู๊!”
ถึงแม้ว่านากาจะไม่ได้ดุน้องสาวของเขามากสักเท่าไหร่นัก แต่ว่าเมื่อพรีมูล่าได้ยินโมโกะพูดเสริมขึ้นมาอีกคนเธอก็พองแก้มใส่ทั้งสองคนพร้อมกับส่งเสียงอย่างไม่พอใจออกมาทันที
ซึ่งนากาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปดุโมโกะที่เป็นมือวางอันดับหนึ่งเรื่องการทำอะไรเสี่ยงๆ ด้วยอีกคน
“เฮ้อ… แต่เธอเองก็ด้วยโมโกะ วันหลังอย่าทำอะไรที่ฝืนตัวเองแบบนั้นนักสิ”
“บู๊…”
“โมโกะจังอย่าเลียนแบบหนูสิ! บู๊ววววว แล้วพี่นากาเองก็เหมือนกัน!! นี่ถ้าไม่ได้แผนของหนูช่วยเอาไว้ล่ะก็ป่านนี้พวกเราคงยังต้องหลบอยู่หลังเสาหินนั่นอยู่เลยมั้ง!!”
“แต่แผนของเธอเองมันก็เสี่ยงมากเลยไม่ใช่หรอไง!? นี่ถ้าเกิดเป็นการต่อสู้จริงๆ พี่ไม่มีทางให้เธอยอมทำแผนเสี่ยงตายแบบนี้หรอกรู้มั้ย!!”
“บู๊ววววววว~ แต่พี่นากาเองก็นึกแผนการอะไรไม่ออกไม่ใช่หรองายยยย~”
ในระหว่างที่สองพี่น้องกำลังหันไปเถียงกันเองเล่นอยู่นั้น โมโกะก็ได้ซุกหน้าลงกับเสื้อของนากาและพูดพึมพัมกับตัวเองออกมาเบาๆ
“ต่อให้ฉันไม่อยู่ด้วยพวกเธอทั้งสองคนก็จัดการกันเองได้อยู่แล้วนี่…”
“เอ๊ะ? โมโกะจังพูดว่าอะไรหรือเปล่าอ่ะ? / หะ เธอว่าไงนะ?”
“เปล่า… ไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย…”
โมโกะที่รู้ตัวว่าเผลอพูดความในใจออกมาก็รีบหันไปปฏิเสธนากาและพรีมูล่าที่มัวแต่เถียงกันจนไม่ได้ฟังเสียงของเธอพลางแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่สองพี่น้องสมองตื้นตรงหน้าไม่ใช่พวกหัวไวสักเท่าไหร่นัก
ก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นคาร์เทียร์ที่กำลังยื่นมือเข้ามาลูบหัวปลอบใจเธอด้วยท่าทางเดียวกับอารอนเป๊ะๆ ทำให้เธอต้องรีบพูดห้ามขึ้นมาในทันที
“หยุดเลยนะ…”
“ค่ะ…ได้สิคะ…”
“หืม~? ได้อะไรหรอคาร์เทียร์จัง~?”
ถึงแม้ว่าคาร์เทียร์จะตอบกลับไปด้วยเสียงเบาๆ แล้วแต่ว่าพรีมูล่าที่เดินอยู่ข้างๆ เธอนั้นกลับได้ยินเข้าพอดี ทำให้เด็กสาวผมชมพูหันมาถามเธออย่างสนอกสนใจ
ซึ่งนั่นก็ทำให้คาร์เทียร์ต้องรีบหาเรื่องมาพูดเปลี่ยนประเด็น เพราะว่าเมื่อดูจากสีหน้าของโมโกะแล้วเธอคงจะไม่อยากให้ใครรู้สักเท่าไหร่นัก
“อ้ะ… เอ่อ… หนูแค่ตอบกลับพี่โมโกะน่ะค่ะ… ท่าทางว่าพี่โมโกะจะไม่อยากเข้าไปข้างในคลินิกเพราะว่าถ้าเกิดพี่พยาบาลเห็นเข้ามีหวังว่าจะโดนจับไปทำแผลใหม่แน่ๆ เลยน่ะ”
คำพูดของคาร์เทียร์นั้นทำให้ภาพของนางพยาบาลผมบลอนด์ที่กำลังทำการรักษาคนไข้ผุดขึ้นมาในหัวของทั้งสามคนในทันที
และเมื่อพวกเขาหันไปมองยังคาร์เทียร์ก็พบว่าเธอกำลังทำหน้ายิ้มๆ แบบเดียวกับคุณพยาบาลอยู่จนดูไม่ออกว่าเธอจะยอมปล่อยโมโกะไปแต่โดยดีหรือว่าจะลากเข้าไปในคลินิกด้วย
กันแน่
“เห โชคร้ายหน่อยนะโมโกะ แต่ถ้าเกิดมันจำเป็นต้องรักษาก็คงจะทำอะไรไม่ได้ล่ะนะ”
“แฮะๆ … นั่นสิน๊า เพราะขนาดหนูแค่นึกถึงสภาพที่พี่อลิซเจอพี่พยาบาลจับล็อกเมื่อตอนนั้นก็สยองแล้วอ่ะ…”
“น…นั่นสินะ…ฮะ..ฮะ…”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“อาจาร์ยอารอน? อยู่หรือเปล่าคะ?”
ทางด้านอารอนที่กำลังนั่งจิบกาแฟเล่นรอเด็กนักเรียนที่ไม่โผล่มาหาเขาสักทีนั้น อยู่ๆ ก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากทางประตูฝั่งด้านในอาคารเรียนและตามมาด้วยเสียงขออนุญาตของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จนทำให้เข้าต้องรีบวางถ้วยกาแฟลงและตอบกลับไปในทันที
“เข้ามาได้เลยครับ…”
และเมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำอนุญาตจากคนในห้อง เธอก็ได้เลื่อนประตูให้มันเปิดออกและเดินเข้ามาภายใน
ซึ่งผู้ที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องพยาบาลนั้นเป็นเด็กสาวที่มีหูแมวและเส้นผมยาวสีดำขลับ โดยเธอได้สวมชุดนักเรียนแบบเดียวกับพิเน๊ะและรีซาน่าแต่ว่ากระโปรงของเธอกลับเป็นสีม่วงเข้ม แถมบนหลังของเธอก็ยังแบกดาบสีม่วงเล่มใหญ่ที่ถูกโซ่พันเอาไว้อยู่อีกด้วย
และเมื่อเด็กสาวที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องได้เหลือบนัยน์ตาสีแดงของเธอไปเห็นอารอนที่นั่งอยู่ภายในเข้าเธอก็ได้ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติและก้มหัวลงเพื่อทำความเคารพและพูดแนะนำตัวขึ้นมา
“หนูซึบากิ… ขออภัยที่มาช้าค่ะ พอดีว่ามีอาจารย์อีกท่านเรียกตัวไปพบเมื่อสักครู่นี้ค่ะ”
“น—นี่เธอ—!”
ถึงแม้ว่าซึบากิจะเก็บอาการของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว แต่ว่าทางด้านอารอนที่นิ่งค้างไปตั้งแต่เขาเห็นใบหน้าอีกฝ่ายนั้นเพิ่งจะตั้งสติได้ และเขาก็รีบลุกพรวดเข้าไปจับไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยท่าทีประหลาดใจชนิดที่ว่าไม่เหลือมาดของนายแพทย์ที่ดูเงียบขรึมเลยแม้แต่น้อย
ซึ่งนั่นก็ทำให้เด็กสาวหูแมวผมสีดำนั้นก็ถึงกับสะดุ้งตกใจและเดินถอยกลับไปสองสามก้าวในทันที
“ค—คะ—!?”