บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ - ตอนที่ 64 Will to Thrive
หลังจากที่สองพี่น้องได้ใช้เวลาสักพักใหญ่ในการตามหาข้าวของของพรีมูล่าที่กระจัดกระจายไปทั่วบ้านได้อย่างน่ามหัศจรรย์นั้นได้เดินทางมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์กันในช่วงสายและพบเข้ากับคอนแนลที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ในสวนด้านหน้าคฤหาสน์เข้าพอดี
“โย่ว~ / พี่คอนแนลอรุณสวัสดิ์~”
“อ่ะ! ทั้งสองคนกลับมากันแล้วหรอครับ”
คอนแนลที่ได้ยินเสียงของสองพี่น้องดังมาจากทางประตูรั้วของคฤหาสน์นั้นรีบวางบัวรดน้ำในมือของเขาและเดินมาเปิดประตูให้กับทั้งสองคนและเอ่ยปากถามขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
“ว่าแต่ไหงกลับมาเร็วกันจังครับเนี่ย ไม่ใช่ว่าจากกราวิทัสมาถึงที่นี่น่าจะต้องใช้เวลาเดินทางกันเป็นวันเลยหรอกหรอครับ?”
“พอดีว่าที่กราวิทัสมีเรื่องนิดหน่อยน่ะพวกฉันก็เลยเดินทางกลับมากันตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว… เอาจริงๆ ก็มาถึงกันตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ แต่ว่าพรีมูล่าเขาเหนื่อยจนขนของมาที่นี่ไม่ไหวก็เลยนอนกันที่บ้านของเอริกะไปก่อนน่ะ”
“หะ!? ค้างคืนที่บ้านของคุณเอริกะ—— ฮะแฮ่ม…. ที่กราวิทัสเกิดเรื่องขึ้นมาหรอครับ…”
คอนแนลที่ได้ยินคำพูดของนากานั้นถึงกับร้องขึ้นมาเสียงดังและสะบัดหน้ามามองเขาด้วยแววตาน่ากลัวจนแทบจะทำให้นากาสะดุ้งไปก่อนที่คอนแนลจะรีบตั้งสติและรีบพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนทำให้นากาได้แต่ตอบกลับไปอย่างหวาดๆ
“อ–อื้อ นายจำเรื่องที่ว่าแพนเทร่าโดนบุกโจมตีกับเรื่องที่ฉันต้องรีบออกไปช่วยเซซิลได้ใช่มั้ยล่ะ ที่กราวิทัสก็มีเรื่องเกิดขึ้นเหมือนกันน่ะ แถมยังเป็นข้างในเขตปราสาทอีกต่างหาก”
“ที่ข้างในเขตวังเลยงั้นหรอครับ? นี่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ในเมืองอื่นตอนที่พวกผมกำลังขนของย้ายบ้านกันหรอครับเนี่ย… แบบนี้ถ้าเกิดอีกสักสี่ห้าวันมีข่าวว่าเมืองซายูกิถูกโจมตีขึ้นมาด้วยก็คงจะไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่แล้วล่ะมั้งครับ…”
“เอ๋~~ เรื่องจากต่างเมืองนี่ปกติต้องใช้เวลาส่งข่าวกันตั้งสี่ห้าวันเลยหรอพี่คอนแนล?”
“แหม่ ก็ถ้าเกิดว่าเป็นคนทั่วไปนี่แค่ส่งข่าวหากันในเมืองเผลอๆ ก็ใช้เวลากันตั้งสี่ห้าชั่วโมงแล้วนะครับ คงจะมีแค่คนของคุณเอริกะอย่างพวกเรานี่ล่ะครับที่ส่งข่าวหากันสะดวกขนาดนี้เพราะเครื่องสื่อสารของคุณเอริกะน่ะ”
คอนแนลหันไปพูดอธิบายให้พรีมูล่าฟังพลางยกมือขึ้นมาลูบหัวของเธอด้วยความเอ็นดู เพราะดูท่าทางแล้วพรีมูล่าที่มาจากหมู่บ้านห่างไกลนั้นจะไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่ ก่อนที่เขาจะหันกลับไปหานากาและพูดเตือนออกไป
“แต่ว่านากาเล่นอยู่ในเหตุการณ์ตั้งสองครั้งแบบนี้มีหวังอาจจะโดนทางวังเชิญตัวไปสอบถามข้อมูลขึ้นมาก็ได้นะครับเนี่ย ถ้ายังไงเอาเป็นว่าช่วงนี้ก็เก็บตัวกันหน่อยละกันนะครับจะได้ไม่เป็นจุดเด่นมากไปกว่านี้น่ะ เพราะต่อให้ทางกราวิทัสอาจจะไม่ได้ส่งคนมาแจ้งข่าวเพราะอยากจะรักษาหน้าตัวเองก็เถอะ แต่ว่าข่าวลือเรื่องแบบนี้มันก็ค่อนข้างจะไวอยู่นะครับ”
“หือ? อย่าบอกนะว่าที่ต้องใช้เวลาตั้งสี่ห้าวันนั่นมันเป็นเพราะว่าพวกเขายังใช้วิธีส่งคนเดินสารไปจ้างข่าวกันน่ะ? ทั้งๆ ที่เอริกะเขามีเครื่องมือสื่อสารอันเล็กๆ นั่นแล้วน่ะนะ?”
นากาที่ได้ยินแบบนั้นได้พูดขึ้นมาอย่างแปลกใจที่ทางเมืองต่างๆ ยังต้องใช้วิธีส่งคนไปแจ้งข่าวกันอยู่อีกทั้งๆ ที่นักประดิษฐ์อิสระอย่างเอริกะมีเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กที่แสนจะสะดวกสบายใช้กันแบบนี้แล้วแท้ๆ ซึ่งคอนแนลนั้นก็หันซ้ายหันขวามองดูรอบๆ อยู่สักพักก่อนจะกระซิบบอกกับนากาไปเบาๆ
“อันนี้เป็นข่าวที่ลือกันในหมู่อัศวินนะครับ… เขาบอกกันว่าที่จริงแล้วคุณเอริกะก็เคยเอาเครื่องมือสื่อสารอีกรุ่นหนึ่งไปนำเสนอแล้วเหมือนกัน แต่ว่าพวกขุนนางในวังเขาทำความเข้าใจเรื่องระบบการทำงานของมันไม่ได้ก็เลยหวาดระแวงจนไม่กล้าใช้งานกันแล้วก็อ้างว่าเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลข่าวสารแถมยังยึดอุปกรณ์รุ่นทดลองไปด้วยหรืออะไรทำนองนั้นเนี่ยล่ะครับ”
“เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลเนี่ยนะ? แล้วการที่ส่งคนออกเดินทางไปเพื่อส่งข่าวนี่มันไม่อันตรายมากกว่าหรอกหรอ? แบบนี้พวกอัศวินในวังเขาไม่โวยวายกันตายหรอน่ะ”
“แหม่ โวยวายไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วล่ะเพราะว่าพวกเราไม่มีอำนาจตัดสินใจนี่ครับ แล้วการเดินทางไปส่งข่าวที่ต่างเมืองมันก็ไม่ค่อยจะอันตรายสักเท่าไหร่หรอกครับ เพราะว่าพวกสัตว์ป่าเองก็ไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ถนนหลักอยู่แล้ว ส่วนพวกโจรพอเห็นตราสัญลักษณ์ของเมืองก็รีบวิ่งหนีกันหมดนั่นล่ะครับ”
“เอ่อ… ถ้างั้นเดี๋ยวหนูขอเข้าไปสำรวจด้านในก่อนเลยละกันนะ~”
พรีมูล่าที่เห็นพี่ชายของตนกับเพื่อนอัศวินของเขากำลังคุยกันถึงเรื่องที่เริ่มต้องใช้สมองมากขึ้นนั้นได้ตัดสินใจที่จะพูดขึ้นมาและเดินตรงไปทางประตูของคฤหาสน์ในทันที ซึ่งคอนแนลนั้นก็โบกมือให้กับเธอและพูดเตือนถึงสถานที่หวงห้ามในคฤหาสน์ขึ้นมา
“อ่ะ งั้นถ้าเกิดว่าถูกใจห้องไหนก็เลือกได้ตามสบายเลยนะครับพรีมูล่า ยกเว้นห้องของคุณเจนกับคุณเวก้าเขาที่อยู่ชั้นสองตรงแถวๆ บันไดน่ะครับ พวกผมแขวนป้ายเอาไว้แล้ว แล้วถ้าเป็นไปได้ก็อย่าเพิ่งไปยุ่งอะไรแถวโกดังเก็บของละกันนะครับ”
“ค่าาาาาา~~~”
พรีมูล่าขานตอบคอนแนลและหันกลับมาโบกมือให้พวกเขาก่อนที่เธอจะเดินตรงเข้าไปด้านในคฤหาสน์ในทันที ในขณะที่นากาที่ได้ยินชื่อของเวก้าขึ้นมานั้นก็แอบมองไปยังคอนแนลด้วยความเป็นห่วงและแอบพูดเลียบๆ เคียงๆ ถามเขาขึ้นมา
“จะว่าไปที่นี่ยังเหลือห้องนอนอยู่อีกกี่ห้องล่ะ”
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับเรื่องนี้… เพราะดูเหมือนว่าคุณเวก้าเขาได้จัดห้องส่วนตัวให้กับทุกคนเลยน่ะครับ จะมีก็อัศวินใหม่อย่างผมนี่ล่ะครับที่คุณเวก้าเขายังไม่ทันได้เตรียมห้องให้ก็เกิดเรื่องขึ้นมาซะก่อน”
“หือ? แต่ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันเข้าไปข้างในก็เห็นว่ามีห้องที่เหมือนกับห้องพักอัศวินด้วยนี่นา”
“ฮะฮะ เอาจริงๆ ห้องนั้นเป็นห้องพักชั่วคราวของผมน่ะครับ อ้อ แล้วมันก็ถูกใช้เป็นห้องประชุมเวลาที่คุณเดเมี่ยนที่เป็นหัวหน้าอัศวินเขาเรียกประชุมด้วยน่ะครับ เพราะทุกคนลงความเห็นกันว่ามันกว้างดีแล้วก็ไม่เกะกะคนอื่นในคฤหาสน์ด้วย”
“งั้นหรอ… ว่าแต่นายไม่มีปัญหาอะไรกับการที่พวกเราจะมาอยู่ที่นี่กันใช่มั้ยคอนแนล? ฉันหมายถึงตัวฉันเองกับพรีมูล่า โมโกะ แล้วก็อลิซเขาน่ะ?”
“เอ๋ะ? ปัญหาอะไรหรอครับ?”
คอนแนลที่ถูกถามขึ้นมานั้นได้แต่หันกลับมามองนากาเหมือนกับไม่เข้าใจในคำถามของเขาจนทำให้นากาต้องพูดอธิบายออกมาเพิ่มเติม
“ก็แบบว่าก่อนหน้านี้นายอาศัยอยู่ที่นี่กับพวกรุ่นพี่อัศวินแล้วก็คนอื่นๆ ที่ตายกันในคฤหาสน์นี่ใช่มั้ยล่ะ ฉันก็เลยกลัวว่าพวกฉันอาจจะเผลอไปทำอะไรไม่เข้าท่าขึ้นมาก็ได้… โดยเฉพาะยัยพรีมูล่านั่นน่ะ”
“อ๋อ ถ้าเรื่องของพวกรุ่นพี่อัศวินกับคนอื่นๆ ในคฤหาสน์ผมทำใจได้แล้วล่ะครับ… อีกอย่างนึงต่อให้พวกเขาจะไม่ได้เสียชีวิตในสนามรบแบบที่อัศวินควรจะเป็น แต่ว่าพวกเขาก็คงจะภูมิใจที่ได้เสียชีวิตในหน้าที่เพื่อปกป้องครอบครัวของคุณเวก้าจากการถูกบุกจู่โจมตามแบบที่พวกเขาเชื่อกันนั่นล่ะครับ…”
“อ่า… ถ้านายจะว่าอย่างนั้นล่ะก็นะ…”
นากาที่เห็นคอนแนลพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเศร้าๆ นั้นก็ได้แต่ต้องยอมปล่อยเรื่องนี้ไปตามที่คอนแนลว่ามา ก่อนที่เขาจะรีบพูดเปลี่ยนเรื่องเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในทันที
“จะว่าไปอลิซเขาตื่นหรือยังน่ะ? เอริกะฝากฉันเอาเจ้านี่มาให้อลิซเขาน่ะ”
“ถ้าเป็นคุณอลิซล่ะก็เห็นเมื่อเช้านี้บอกว่าจะพาโมโกะเขาไปฝึกเรื่องการต่อสู้ที่หลังบ้านน่ะครับ แต่เอาจริงๆ ผมว่าน่าจะเป็นเพราะคุณอลิซเขาแค่อยากหาเรื่องออกแรงซะมากกว่าล่ะมั้งเพราะว่าก่อนหน้านี้คุณอลิซเขาบาดเจ็บจนเดินแทบจะไม่ไหวพอได้พาร์ทของคุณเอริกะมาก็เลยคงอยากจะขยับไปมาบ้างนั่นล่ะครับ”
“ไม่ใช่ว่าควรจะพักให้หายดีก่อนหรอน่ะ… เอาเถอะ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันขอไปหาพวกเธอก่อนละกัน”
นากาพูดตอบกลับคอนแนลไปและเดินอ้อมตัวคฤหาสน์ไปทางสวนหลังบ้านในทันที ในขณะที่คอนแนลพยักหน้าให้กับนากาและหันกลับไปรดน้ำต้นไม้ทางด้านหน้าต่อ
แต่ว่าในตอนที่นากาเดินพ้นหัวมุมคฤหาสน์ไปนั้นเขาก็สังเกตเห็นสวนบางส่วนทางด้านหลังคฤหาสน์ที่ถูกจัดแต่งอยู่อย่างสวยงามจนทำให้เขาชะงักไปและหันกลับไปถามคอนแนลขึ้นมา
“เดี๋ยวสิ… ด้านหลังคฤหาสน์มันเป็นสวนไม่ใช่หรอ แล้วยัยพวกนั้นจะฝึกซ้อมกันยังไ—”
ปังปังปัง! ปังปังปัง!
นากาที่กำลังจะหันไปทางคอนแนลนั้นถึงกับต้องรีบสะบัดหน้ากลับและรีบวิ่งไปทางสวนหลังบ้านในทันทีเมื่อมีเสียงปืนดังขึ้นมาเป็นชุดจากทางสวนด้านหลัง
ซึ่งนากาก็พบว่าทางด้านหลังของคฤหาสน์ที่เคยเป็นสวนดอกไม้นั้นบัดนี้มีกลีบดอกไม้และใบหญ้าปลิวว่อนโดยเหลือดอกไม้เพียงแค่ไม่กี่หย่อม เรียกได้ว่าหมดสภาพสวนดอกไม้สวยๆ ที่เขาเคยเห็นในตอนที่มาสอดแนมที่นี่กับเอริซาเบธไปโดยสิ้นเชิง
และเมื่อดูจากภาพโดยรวมแล้วตัวการของเหตุวินาศกรรมในครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครไปซะจากโมโกะที่กำลังพยายามหันปืนไล่หลังอลิซที่กำลังใช้พาร์ทไอพ่นพุ่งหนีไปอยู่ทั่วบริเวณและสาดกระสุนใส่เด็กสาวผมขาวไปพร้อมกัน
“พี.คิว!!”
อลิซที่พุ่งตัวไปมาหลบกระสุนของโมโกะนั้นได้ตะโกนขึ้นมาหลังจากที่โมโกะสาดกระสุนออกมาได้สักพักหนึ่งแล้วและสร้างกำแพงอากาศสีเขียวอ่อนขึ้นมาเบื้องหน้าก่อนจะพุ่งเข้าใส่โมโกะตรงๆ
ซึ่งโมโกะที่รู้ว่ากำแพงอากาศของอลิซนั้นเปราะบางกว่าที่เห็นมากจึงได้ฉวยโอกาสนี้ในการสาดกระสุนเข้าใส่อลิซอย่างไม่ยั้งในทันที
ปังปังปังปังปัง—เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!
“อ่ะ— ซวยล่ะ—!?”
ฝนกระสุนที่โมโกะยิงออกมาจากปืนทั้งสองกระบอกนั้นหยุดลงไปในจังหวะเดียวกับที่กำแพงอากาศของอลิซแตกกระจายไปพอดี ซึ่งโมโกะนั้นก็หลุดสบถออกมาเล็กน้อยและรีบกระโดดถอยพร้อมกับโยนปืนกระบอกหนึ่งในมือทิ้งเพื่อใช้มือข้างนั้นในการเปลี่ยนตลับกระสุนของปืนกระบอกที่เหลือในทันที
หมับ
แต่ว่ากว่าโมโกะจะเปลี่ยนตลับกระสุนเสร็จนั้น อลิซก็ได้พุ่งเข้ามาถึงตัวเธอและยื่นมือมาจับไหล่ของเธอเอาไว้พร้อมกับพูดประกาศชัยชนะในการฝึกซ้อมครั้งนี้ออกมา
“แค่นี้ก็น่าจะนับว่ารู้ผลได้แล้วมั้งโมโกะ…”
“ชิ! ถ้าปืนของฉันไม่กระสุนหมดก่อนนะ!”
“แต่ถ้าปืนของเธอไม่ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วฉันก็คงจะไม่พุ่งเข้าไปแบบนั้นหรอก ตอนที่นายฝึกกับโมโกะนายก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันใช่มั้ยล่ะนากา?”
อลิซที่ยืนจับไหล่โมโกะอยู่นั้นได้พูดขึ้นมาพลางหันมามองนากาที่ยืนหลบกระสุนอยู่ทางด้านข้างของตัวคฤหาสน์จนทำให้เขาต้องเดินออกมาจากมุมตึกและพูดอธิบายให้สองสาวฟัง
“อื้ม เพราะถึงฉันจะไม่รู้เรื่องวิซสักเท่าไหร่ แต่ฉันก็รู้ว่าตัวคริสตัลมันมีขีดจำกัดของมันอยู่น่ะ เพราะงั้นต่อให้เธอจะควบคุมวิซได้ดีแค่ไหนแต่ถ้าตัวคริสตัลมันถึงขีดจำกัดแล้วมันก็ช่วยอะไรไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ”
“แล้วถ้าแบบนั้นฉันควรจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย…”
โมโกะที่ถูกชี้จุดอ่อนของตัวเองออกมานั้นได้พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้ว่าควรจะพัฒนาตัวเองต่อไปยังไงดีพลางเอนตัวลงไปนอนพักบนสนามหญ้าที่ยังคงสภาพดีอยู่เพราะไม่ได้โดนกระสุนของเธอเป่ากระจุยไปด้วย ซึ่งเพื่อนๆ ของเธอทั้งสองคนนั้นก็พยายามออกความเห็นเท่าที่พวกเขาจะคิดออกเช่นเดียวกัน
“อื้ม… พูดยากแฮะ… แต่สมัยก่อนที่เธอลองใช้ดาบกับอาวุธอื่นๆ ก็ไปไม่รุ่งเหมือนกันซะด้วยสิ ถ้างั้นก็เหลือแต่ปืนนี่แล้วล่ะ”
“แต่ถ้าเป็นปืน… นอกจากเรื่องความแม่นยำแล้วอย่างอื่นมันก็ฝึกกันไม่ได้ซะด้วยสิ เพราะว่าทั้งความเร็วในการยิงและพลังทำลายมันก็ขึ้นอยู่กับตัวปืนที่เธอใช้น่ะ อย่างมากก็ทำได้แค่ปรับแต่งมันให้ยิงได้ต่อเนื่องมากขึ้นหรือไม่ก็เพิ่มพลังทำลายของมัน นอกจากนั้นก็คงเป็นฝึกเรื่องการตอบสนองกับความเร็วในการเปลี่ยนกระสุนล่ะมั้ง…”
อลิซก้มหน้าลงไปนึกถึงวิธีการฝึกที่น่าจะใช้ได้ผลกับโมโกะออกมา ก่อนที่สายตาของเธอจะไปสะดุดอยู่กับกล่องกระดาษที่นากายังคงถือเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่เธอสังเกตเห็นเขาในทีแรก
“ว่าแต่นายจะถือกล่องนั่นเอาไว้ทำไมน่ะนากา? รีบๆ ไปเลือกห้องแล้วก็เอาของไปเก็บได้แล้วไป”
“หือ? อ๋อ กล่องนี่มันของที่เอริกะเขาฝากมาให้เธอน่ะอลิซ เห็นบอกว่าเป็นพาร์ทที่เข้าคู่กับของที่เธอใช้อยู่น่ะ”
“ฝากมาให้ฉันงั้นหรอ…?”
“ไหนๆ อลิซ ฉันขอดูด้วยสิ!”
“อย่ามาเบียดฉันสิยัยแมวผี!”
ในขณะที่อลิซกำลังเลิกคิ้วด้วยความสงสัยนั้นโมโกะที่นอนอยู่บนสนามหญ้าก็ผุดลุกขึ้นมาเพื่อขอดูของเล่นใหม่จากเอริกะด้วยกันในทันทีจนทำให้อลิซต้องร้องโวยวายออกมา ในขณะที่นากานั้นก็หันไปมองรอบๆ เพื่อดูสภาพสนามรบของสองสาวที่พังเละเทะไปหมด
“ว่าแต่นี่พวกเธอเล่นฝึกกันซะจนสวนหลังบ้านมันเละไปหมดเลยไม่ใช่หรอเนี่ย?”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวยัยแมวขโมยนี่จะเป็นคนจัดการเองเพราะว่าพวกฉันตกลงกันไว้แล้วว่าใครแพ้จะต้องเป็นคนจัดสวนใหม่น่ะ”
“เธอเองก็มาช่วยกันด้วยสิ! นี่เธอเก่งกว่าฉันตั้งเท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้วดันมาบังคับให้ฉันฝึกด้วยกันแบบนี้นี่ยังไงฉันก็แพ้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไงน่ะ…”
อลิซที่ดันโมโกะให้ถอยห่างไปได้สำเร็จนั้นไม่ได้สนใจคำบ่นของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อยและใช้ดาบของเธอเฉือนเปิดกล่องกระดาษที่นากานำมันมาส่งให้เพื่อมองดูสิ่งของที่อยู่ด้านใน
“โฮะโฮ… ทำเสร็จเร็วจังนะ… นึกว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักอาทิตย์นึงซะอีกนะเนี่ย”
สิ่งที่อยู่ด้านในกล่องกระดาษนั้นคือชุดเข็มขัดเหล็กกับอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับแขนกลของอิซานางิที่นากาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ แต่ว่ามันกลับมีแขนกลอยู่ถึงสองข้างด้วยกันที่ติดอยู่กับกล่องเหล็กขนาดเล็กๆ สองชิ้นที่มีสายรัดสีดำจำนวนมากห้อยอยู่เต็มไปหมด ซึ่งอลิซก็นำมันออกมาวางเรียงกันไว้และจ้องมองดูมันอยู่สักพักแล้วจึงเอ่ยปากถามนากาขึ้นมา
“เอริกะเขาบอกว่าเป็นของฉันงั้นหรอ…?”
“ไม่รู้สิ เอริกะเขาบอกแค่ว่าให้เอากล่องนี่มาให้เธอแล้วก็บอกว่าให้ลองใช้งานมันดูแค่นั้นแหล่ะ”
“หืมมม… ถ้างั้นก็มาลองใช้งานดูเลยละกัน เอาล่ะ ไหนลองยืนตรงๆ แล้วก็ยืดแขนออกสิโมโกะ”
“หะ? ฉันหรอ?”
อลิซพูดขึ้นมาพลางหันไปทางโมโกะที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ และสั่งให้อีกฝ่ายยืดแขนออกจนทำให้โมโกะพูดขึ้นมาอย่างแปลกใจ แต่ว่าเธอก็ยอมกางแขนออกแต่โดยดีเพราะว่าตัวเธอเองก็แอบสนใจที่จะลองใส่มันดูเช่นเดียวกัน
“ยืนนิ่งๆ ล่ะ…”
ซึ่งอลิซนั้นก็ได้ใช้เวลาสักพักในการใส่เข็มขัดเหล็กให้กับโมโกะและจัดการรัดแขนกลให้ติดอยู่ที่สะบักไหล่ของโมโกะจนมั่นใจว่ามันจะไม่หลุดออกมาง่ายๆ แล้วจึงเดินถอยออกมาเล็กน้อยเพื่อมองดูผลงานของตัวเอง
“น่าจะประมาณนี้ล่ะมั้ง…ที่เหลือก็แค่ตัวจ่ายพลังงาน…”
อลิซพูดพึมพัมออกมาเบาๆ พร้อมกับหยิบเอาตลับโลหะที่อยู่ข้างในกล่องกระดาษออกมา ในขณะที่โมโกะนั้นก็ลองขยับตัวไปมาและพูดบ่นขึ้นมาเบาๆ
“หนักอยู่เหมือนกันนะ… โดยเฉพาะไอตรงที่ไหล่ของฉันเนี่ย”
“มันก็ต้องหนักอยู่แล้วสิ เพราะว่าปกติแล้วมันจะต้องใส่คู่กับพาร์ทส่วนล่างที่ฉันใช้งานอยู่เนี่ย ถ้าเธอไม่ได้ใช้งานพาร์ทส่วนล่างอันนี้ด้วยมันก็ไม่ต่างจากเป็นคนแบกมันเอาไว้ด้วยตัวเองหรอก”
“แล้วเธอเอามาให้ฉันใส่แบบนี้มันจะไม่เป็นอะไรหรอ?”
“นั่นสิ ควรจะไปขอเอริกะก่อนหรือเปล่า เห็นเอริกะบอกว่ามันเป็นพาร์ทที่เข้าคู่กับอันที่เธอใช้อยู่ไม่ใช่หรอน่ะ?”
โมโกะกับนากาที่ได้ยินแบบนั้นต่างก็รีบผลัดกันถามขึ้นมาในทันที เพราะในเมื่อเอริกะระบุเอาไว้ว่ามันเป็นของที่เข้าคู่กัน ถ้างั้นก็อาจจะหมายความว่ามันไม่ควรจะแยกกันใส่ก็ได้ แต่ว่าอลิซก็กลับยักไหล่กลับมาให้พวกเขาทั้งสองคนและพูดขึ้นมาแบบไม่ใส่ใจอะไรนัก
“ฉันขอเดาว่าเอริกะแค่บอกนายว่าให้เอาเจ้านี่มาให้ฉันแต่ไม่ได้ระบุว่าให้ใครเป็นคนทดลองใช้มันใช่มั้ยล่ะ เพราะงั้นการที่ฉันจะให้ยัยแมวนี่ลองใช้ดูก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรจริงมั้ย? โมโกะ วิซธาตุหลักของเธอคือธาตุอะไรน่ะ?”
“เอ๋ะ? ก็ถ้าที่ตรวจได้ตั้งแต่เกิดมันก็เป็นธาตุดินน่ะ แต่ว่าธาตุดินมันไม่ค่อยจะมีประโยชน์อะไรนอกจากทำสวนอยู่แล้วฉันก็เลยไปฝึกธาตุไฟมาเพิ่มจนใช้ได้ทั้งสองธาตุแล้วน่ะ”
อลิซที่ได้ยินโมโกะพูดขึ้นมาเหมือนกับไม่เห็นประโยชน์ของวิซธาตุดินสักเท่าไหร่นักนั้นได้เหลือบไปมองอีกฝ่ายเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ก่อนที่เธอจะเปิดตลับโลหะในมือเพื่อหยิบเอาหลอดแก้วที่มีคริสตัลสีเหลืองบรรจุไว้ด้านในออกมาสองชิ้น
“ในเมื่อกะจะใช้เป็นแหล่งพลังงานงั้นก็เอาเป็นธาตุดินละกัน… หันไปด้านนู้นสิ”
อลิซพูดสั่งโมโกะก่อนที่เธอจะเดินไปตรวจดูความเรียบร้อยของแขนกลที่โมโกะใส่อยู่อีกครั้งหนึ่งแล้วจึงย่อตัวลงที่เบื้องหน้าของโมโกะและจัดการหมุนหัวเข็มขัดทั้งสองอันที่โมโกะใส่เอาไว้ให้มันเปิดออกจนเผยให้เห็นด้านในของมันที่เป็นแผงสีเขียวและมีลวดลายต่างๆ ถูกสลักเอาไว้เต็มไปหมดกับเส้นเชือกหรืออะไรสักอย่างที่มีหลากหลายสี
แต่ว่าอลิซก็ดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งของหน้าตาแปลกประหลาดที่อยู่ภายในหัวเข็มขัดเลยแม้แต่น้อยและเสียบหลอดแก้วที่บรรจุแท่งคริสตัลเข้าไปในช่องตรงกลางที่ถูกเว้นว่างเอาไว้แล้วจึงปิดฝาของมันกลับคืนไปดังเดิม
“เอาล่ะ ส่วนที่เหลือเอริกะน่าจะวางระบบวงจรเอาไว้ให้เรียบร้อยอยู่แล้ว เธอลองส่งวิซเข้าไปในหัวเข็มขัดเพื่อใช้งานมันดูสิ ไม่ยากสักเท่าไหร่หรอก ก็เหมือนกับตอนที่เธอลองขับรถดูนั่นล่ะ”
“อ—อื้อ”
กรึก กรึก
“เหวอ–!?”
ทันทีที่โมโกะลองส่งวิซใส่ตัวหัวเข็มขัดนั้นแขนกลทั้งสองข้างที่ติดอยู่ตรงสะบักไหล่ของเธอก็ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนที่มันจะคลายตัวเองออกมาและดีดส่วนปลายของมันที่มีลักษณะคล้ายกับคีมขนาดใหญ่ขึ้นไปทางด้านบนโดยเฉียดผ่านหน้าของนากาไปเพียงแค่เล็กน้อยและหยุดนิ่งไป
“อื้ม… เอาล่ะ ไหนเธอลองสั่งให้วิซของเธอที่ไหลไปตามสายพวกนั้นขยับดูสิ ถ้าเป็นเอริกะล่ะก็น่าจะวางระบบมาดีจนเธอขยับแขนกลพวกนั้นได้ไม่ต่างจากแขนตัวเองเลยล่ะมั้ง”
อลิซที่เหมือนจะไม่ตกใจอะไรกับแขนกลทั้งสองข้างที่ขยับอย่างกะทันหันเลยนั้นได้พูดสั่งโมโกะที่ตกใจจนตัวแข็งไปแล้วขึ้นมา ในขณะที่นากานั้นก็ลูบแก้มตัวเองที่ถูกเฉี่ยวไปเมื่อสักครู่และแอบเดินถอยหลบออกไปเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นสายตาของเขาก็ยังจับจ้องอยู่ที่แขนกลด้วยแววตาเป็นประกายไม่ต่างจากสายตาของพรีมูล่าที่เห็นขนมเลยแม้แต่น้อย
“โอะ— มันขยับได้เหมือนแขนของฉันเลยจริงๆ ด้วยแฮะ”
“สุดยอด! เธอรู้สึกยังไงบ้างเวลาลองขยั—- จะทำอะไรน่ะอลิซ!?”
ในขณะที่สองสหายจากหมู่บ้านโมริโกะกำลังตื่นเต้นอยู่กับอุปกรณ์ของเอริกะนั้น อลิซที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กันก็ได้เรียกดาบของเธอออกมาอีกครั้งและใช้มันฟาดเข้าไปใส่โมโกะอย่างรุนแรง
เคล๊ง!!
“ว๊าย–!?”
ถึงแม้ว่าโมโกะที่ตกเป็นเป้าหมายของอลิซนั้นจะหลุดเสียงร้องออกมาเสียงดังและนิ่งแข็งค้างไปด้วยความตกใจ แต่ว่าแขนกลที่เธอกำลังใช้งานอยู่นั้นกลับพุ่งเข้ามาขวางทางดาบของอลิซเอาไว้อย่างรวดเร็ว จนทำให้อลิซที่เห็นแบบนั้นโยนดาบของเธอทิ้งไปและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นละอองแสงอีกครั้งก่อนที่จะยกมือขึ้นมากอดอกพร้อมกับพูดออกมาเบาๆ
“เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วยสินะ…”
“น—นี่จู่ๆ ทำอะไรของเธอน่ะอลิซ!?”
“นั่นสิ! เล่นทำเอาฉันตกใจหมดเลยนะ!!”
“แต่เธอก็ใช้แขนกลเข้ามารับดาบเอาไว้ได้ทันใช่มั้ยล่ะ เท่าที่ฉันดูแล้วถึงตัวของเธอจะตอบสนองได้ไม่ไวสักเท่าไหร่แต่ว่าความสามารถในการสั่งงานวิซของเธอน่ะค่อนข้างจะโดดเด่นกว่าคนอื่นอยู่บ้างนะ”
“ฉ–ฉันเนี่ยนะ? เธอเข้าใจผิดแล้วล่ะมั้ง… ถ้าจะมาหลอกกันให้ดีใจเล่นก็ไปหลอกพรีมูล่าเถอะ”
โมโกะที่ได้ยินคำชมของอลิซนั้นพูดขึ้นมาแบบไม่ค่อยอยากจะเชื่อหูตัวเองสักเท่าไหร่จนทำให้อลิซต้องพูดอธิบายออกมาให้เธอฟัง
“ท่าทางว่าเธอจะเข้าใจอะไรผิดไปหน่อยนะ… อย่างยัยเอ๋อพรีมูล่าน่ะเขาเรียกว่าพรสวรรค์ ส่วนของเธอน่ะน่าจะเรียกว่าสัญชาตญาณซะมากกว่า เพราะงั้นฉันก็เลยต้องลองทดสอบดูไงล่ะว่าถ้าเกิดเป็นในเวลาคับขันสัญชาตญาณของเธอมันจะตอบสนองได้ดีแค่ไหนน่ะ”
คำอธิบายของอลิซนั้นถึงกับทำให้โมโกะต้องหันไปมองอีกฝ่ายตาขวางก่อนที่เธอจะสั่งให้แขนกลบนหลังพับเก็บลงไปตามเดิมและพูดโวยวายขึ้นมา
“แล้ววิธีทดสอบของเธอนี่มันไม่อันตรายเกินไปหน่อยหรือไงหะ! อย่างน้อยก็หัดบอกกันก่อนซะบ้างสิ!!”
“เรื่องแบบนี้มันบอกกันก่อนได้ซะที่ไหนล่ะ เพราะถ้าเกิดว่าบอกกันก่อนเธอก็จะเอาแต่ตั้งสมาธิเพื่อป้องกันจนสัญชาตญาณไม่ทำงานกันพอดีสิ”
“อื้ม… ฉันว่าก็จริงอย่างที่อลิซเขาว่ามานะ เพราะอย่างตอนที่พวกเราฝึกซ้อมกัน เวลาที่เธอเห็นฉันพุ่งเข้ามาก่อนเธอก็โดนฉันโจมตีเข้าไปจังๆ แทบจะทุกรอบเลยนี่ แต่ว่าบางทีที่ฉันกะจะโจมตีเธอทีเผลอเธอดันหลบได้ซะงั้นน่ะ”
เสียงของนากาที่ดังขึ้นมาในระยะประชิดนั้นถึงกับทำให้โมโกะสะดุ้งสุดตัวและรีบหันกลับไปในทันทีจนทำให้เธอพบว่านากานั้นกำลังยืนประชิดตัวของเธออยู่และยื่นมือของเขาออกมาลูบคลำแขนกลที่เธอสวมเอาไว้ ซึ่งนั่นก็ทำให้ใบหน้าของโมโกะแดงก่ำและนิ่งค้างไปอีกครั้ง ส่วนทางด้านอลิซที่เห็นท่าทางของสองสหายก็ได้แต่ทำหน้าหน่ายๆ และพูดขึ้นมา
“ยังไงก็ระวังเอาไว้หน่อยละกันเพราะดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ตัวสินะเวลามีอะไรมาโดนแขนกลของเธอน่ะ… เอาเถอะ ส่งปืนของเธอมานี่สิ”
“ถอยไปเดี๋ยวนี้เลยนะนากา!”
“โอ๊ยๆ”
โมโกะที่ได้ยินคำขอของอลิซนั้นรีบใช้แขนกลข้างหนึ่งดันร่างของนากาให้ออกไปห่างจากตัวเธอในทันทีแล้วจึงค่อยยื่นปืนกลทั้งสองกระบอกของเธอไปให้อลิซ ก่อนที่เธอจะลองใช้มือทุบไปที่แขนกลเพื่อทดสอบดูว่าจะรู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่าเวลาที่แขนกลถูกกระแทกเข้า
ซึ่งอลิซที่รับปืนของโมโกะไปนั้นก็เหลือบมองดูส่วนปลายของแขนกลที่หน้าตาเหมือนกับคีบหนีบและลองเอาตัวปืนไปทาบกับมันดู
“อื้ม… ฉันว่าถ้าเธออยากจะใช้พาร์ทนั่นพร้อมกับปืนนี่จริงๆ ก็คงจะต้องเอาไปให้เอริกะดัดแปลงมันสักหน่อยล่ะนะ… เอาเป็นว่าเธอฝึกใช้มันให้ชินก่อนละกัน ส่วนเรื่องปืนนี่เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับเอริกะให้เองว่าจะติดมันเข้าไปกับพาร์ทนั่นยังไงดีน่ะ”
“เอ๋!? เอาจริงหรอ!?”
“ก็น่าจะเป็นความคิดที่ดีอยู่เหมือนกันนะ เพราะถ้าเกิดว่าเธอใช้เจ้าพาร์ทนี่ได้คล่องๆ เธอก็น่าจะพอสู้ถ่วงเวลาให้คนอื่นเข้าไปช่วยได้โดยไม่ต้องระเบิดตัวเองเหมือนเมื่อตอนสอบอีกน่ะ”
“ไม่ต้องพูดตรงขนาดนั้นก็ได้!!”
คำพูดเหน็บแนมของนากานั้นทำให้โมโกะต้องหันไปโวยวายใส่เขาในทันที แต่ว่าเมื่อโมโกะลองมองดูตัวแขนกลที่ยื่นออกมาดูให้ดีๆ แล้วเธอก็ได้แต่พูดขึ้นมาด้วยความกังวล
“แต่ถึงพวกเธอจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ทางโรงเรียนเขาจะยอมอนุญาตให้เอาไปใช้ข้างในโรงเรียนหรือเปล่าน่ะ? คือถึงทางโรงเรียนจะมีพวกวิชาที่เกี่ยวกับการต่อสู้ที่ต้องใช้อาวุธอยู่บ้างก็เถอะ แต่ว่าอย่างไอเจ้านี่มันจะนับเป็นอาวุธได้ด้วยหรอ?”
“อ๋อถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เพราะเดี๋—-”
“อ๊ะ อาจารย์อลิซอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วยอ่ะ!”
ในขณะที่อลิซกำลังพูดอยู่นั้นจู่ๆ ก็มีเสียงของเด็กสาวคนหนึ่งที่พวกนากาไม่คุ้นหูดังขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูร่าเริงไม่แพ้พรีมูล่าจนทำให้ทั้งนากาและโมโกะต้องหันไปมองทางนั้นด้วยความแปลกใจกันในทันที
ซึ่งพวกเขาก็ได้พบกับเด็กสาวหูแมวร่างเล็กผมสีฟ้าในชุดเดรสสีส้มอ่อนๆ กับผ้ากันเปื้อนสีขาวที่กำลังเดินตรงมาทางพวกเขาพร้อมกับจับจ้องไปยังพาร์ทที่โมโกะสวมใส่อยู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ซิลเวส? เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงน่ะ?”
“อ้ะ พอดีว่ามีข้อความจากทางโรงเรียนมาถึงอาจารย์น่ะค่ะ!”
ซิลเวสที่ถูกอลิซถามขึ้นมานั้นได้ละสายตาไปจากพาร์ทของโมโกะและรีบหันกลับไปตอบเด็กสาวผมสีขาวที่ตัวเตี้ยกว่าเธอเล็กน้อยด้วยท่าทีจริงจังที่สุดเท่าที่หน้าตาน่ารักๆ ของเธอจะทำได้ ในขณะที่อลิซนั้นก็เลิกคิ้วด้วยความสงสัยและถามเธอกลับไป
“ข้อความงั้นหรอ? เรื่องด่วนหรือเปล่า?”
“เอ่อ… ถึงเขาจะพูดเหมือนกับว่าเป็นเรื่องด่วนแต่ก็เหมือนว่าจะไม่ได้ด่วนขนาดนั้นล่ะมั้งคะ เพราะว่าเขาไม่ได้บอกว่าให้หนูรีบมาหนูก็เลยไม่แน่ใจเหมือนกันอ่ะ!”
ซิลเวสพูดตอบอลิซกลับไปพลางส่ายตัวไปมาเหมือนกับอยู่ไม่สุขแถมยังมองสลับไปมาระหว่างพาร์ทส่วนล่างกับพาร์ทแขนกลที่อลิซและโมโกะสวมใส่อยู่ด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาต่อ
“ก็แบบว่าท่านผู้อำนวยการเขาฝากข้อความมาบอกว่าถ้าอาจารย์อลิซว่างเมื่อไหร่ก็ให้ไปพบเขาที่โรงเรียนหน่อยน่ะค่ะ เห็นบอกว่ามีเรื่องที่ต้องคุยเกี่ยวกับพาร์ทแล้วก็ยูนิตหรืออะไรสักอย่างเนี่ยแหล่ะค่ะ!”
“หว๊าย…”
“นี่เธอไปก่อเรื่องอะไรที่โรงเรียนมาหรือไงน่ะอลิซ?”
นากาที่ได้ยินข้อความจากซิลเวสนั้นได้ส่งเสียงออกมาเหมือนกับเมื่อครั้งที่เขาได้รับจดหมายเรียกตัวจากทางโรงเรียนไม่มีผิด ในขณะที่โมโกะนั้นก็หันไปยิ้มเหยาะๆ ใส่อลิซจนทำให้เธอหันมาจ้องเพื่อนสาวหูแมวในทันที แต่ว่าก่อนที่อลิซจะได้ตอบอะไรกลับไปนั้น นากาที่สะกิดใจอะไรบางอย่างก็ได้พูดถามขึ้นมาซะก่อน
“ว่าแต่ที่ซิลเวสเรียกเธอว่าอาจารย์นี่หมายความว่ายังไงน่ะอลิซ? อย่าบอกนะว่าเธอแอบไปสอนพิเศษที่โรงเรียนแล้วก็เผลอไปก่อเรื่องขึ้นมาจนโดนผู้อำนวยการเขาเรียกไปว่าน่ะ”
“เห… อย่างอลิซเนี่ยนะ? หงุดหงิดง่ายขนาดนี้ฉันว่าไม่น่าจะไปสอนใครเขาไหวหรอกมั้ง”
“นี่ฉันยังยืนอยู่ตรงนี้นะยัยแมวผี…”
อลิซที่ถูกโมโกะพูดล้อเลียนขึ้นมาต่อหน้าต่อตานั้นได้หันไปมองเพื่อนหูแมวของเธอด้วยสายตาดุร้ายในทันที แต่ว่าทันใดนั้นเองซิลเวสที่ยืนฟังพวกเขาคุยกันอยู่นั้นก็ได้พูดขึ้นมาด้วยความสงสัย
“เอ๋~? แต่ว่าอาจารย์อลิซเขาก็จะมาเป็นอาจารย์สอนพวกหนูจริงๆ นี่คะ เห็นบอกว่าจะมาเริ่มสอนวิชาภาคบังคับวิชาใหม่ที่จะเปิดในภาคเรียนหน้านี้หรือว่าอะไรสักอย่างเนี่ยแหล่ะค่ะ”
“หะ— / อลิซคนนี้เนี่ยนะ—!?”
“เฮ้อ… ถ้ามันไม่จำเป็นจริงๆ ฉันก็ไม่อยากจะเป็นหรอกไออาจารย์เนี่ย… เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันขอไปเตรียมตัวก่อนละกัน”
อลิซพูดขึ้นมาพร้อมกับออกเดินไปทางตัวคฤหาสน์ในทันทีเหมือนกับไม่อยากจะอยู่รอให้สองสหายจากหมู่บ้านโมริโกะพูดจาล้อเลียนเธอเข้า แต่ว่าหลังจากที่อลิซเดินหายเข้าไปในตัวคฤหาสน์แล้วเธอก็ชะโงกหน้ากลับมาและพูดถามซิสเวสที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมอยู่
“ซิลเวสเธอพักอยู่ที่หอพักของโรงเรียนสินะ? ถ้างั้นก็รอฉันสักแป๊บนึงละกันแล้วเดี๋ยวค่อยกลับไปที่โรงเรียนพร้อมกันกับฉันเลย”
“อ้ะ! หนูยังกลับไม่ได้หรอกค่ะ เพราะว่าเดี๋ยวหนูจะต้องไปตามหาพี่ชายที่ชื่อว่าพี่นากามูระ อาร์ทิอัสอีกคนนึงค่ะ! นี่อาจารย์อลิซพอจะรู้มั้ยคะว่าพี่คนนั้นเขาอยู่ที่ไหนน่ะค่ะ? เพราะเห็นพี่ไดเอน่าเขาบอกว่าถ้าหาตัวไม่เจอก็ให้ลองถามอาจารย์อลิซดู”
“ก็ฉันเองนี่แหล่ะนากามูระที่เธอพูดถึงน่ะ”
นากาที่ได้ยินชื่อของตัวเองดังขึ้นมานั้นได้พูดบอกเด็กสาวที่กำลังหันซ้ายหันขวาตามแขนกลที่โมโกะกำลังฝึกใช้งานอยู่ไปจนทำให้ซิลเวสต้องหันขวับไปหานากาพร้อมกับพูดบอกกับเขาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงในทันที
“อ่ะ… ถ้างั้นพี่ชายก็ซวยแล้วล่ะค่ะ เพราะว่าหนูเห็นมีคนจากกราวิทัสมาติดต่อขอพบพี่ไดเอน่าเขาเมื่อเช้านี้ เสร็จแล้วพี่ไดเอน่าก็มาสั่งให้หนูมาตามพี่นากาไปพบพี่กับเขาเลย… เห็นบอกว่าจะคุยเกี่ยวกับเรื่องที่กราวิทัสอะไรสักอย่างเนี่ยแหล่ะค่ะ”
“หว๊าย…”